ตอนที่ 41 เรื่องซุบซิบ
“ยุวชนลี่”
เมื่อลี่หรงได้ยินคนเรียกตนเอง จึงหันกลับไปมองตามเสียงเรียก ทันใดนั้นก็เห็นชายคนหนึ่งที่หน้าตาน่ากลัว กำลังมองตนเองด้วยสายตาหื่นกระหาย
แม้ห่างออกไปไม่กี่ก้าว ทว่ากลับได้กลิ่นแอลกอฮอล์โชยออกมาจากตัวของอีกฝ่ายชัดเจน ไม่รู้ว่าเมามาจากไหน แต่ลี่หรงไม่รู้จักชายคนนี้มาก่อน แต่หน้าตาเขาดูคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก คาดว่าน่าจะมาจากหมู่บ้านต้าเจียง สายตาหื่นกระหายที่มองมาทำให้ลี่หรงรู้สึกขนลุกชันไปทั้งตัว แต่ด้วยความสุภาพ เธอยังคงถามว่า “คุณเรียกฉันหรือเปล่าคะ?”
“จะไม่ใช่ได้ยังไง?” สายตานั้นโลมเลียอย่างลามก ก่อนผิวปากใส่ฝ่ายหญิง แล้วพูดว่า “ได้ยินมาว่าเธอไปพบนายท่านใหญ่ข้างนอก คืนละเท่าไหร่ล่ะ ถ้าลดราคาให้ด้วยจะดีมาก”
ใบหน้าของลี่หรงเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที “คุณพูดถึงอะไร?”
“จะแกล้งทำเป็นไขสือเพื่ออะไร?” ชายคนนั้นยื่นมือออกไปดึงลี่หรง
“โอ๊ย!”
ลี่หรงหันไปหยิบแส้วัวขึ้นมาฟาดชายคนนั้น
อีกฝ่ายเอามือป้องปาก จากนั้นลี่หรงจึงฟาดแส้ใส่เขาซ้ำอีก ชายร่างใหญ่กำลังถูกผู้หญิงตัวเล็กทุบตี ศักดิ์ศรีชายราตรีได้สูญสิ้นไปหมดแล้ว!
ชายคนนั้นถ่มน้ำลายลงบนพื้น “นังสารเลว กล้าดียังไงมาตีฉัน?”
ฝ่ายชายง้างฝ่ามือขึ้นสูง แต่ก่อนจะฟาดมันลงมา ลี่หรงก็ฟาดแส้ใส่เขาอีกครั้ง เธออยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบมากเมื่ออยู่บนเกวียนวัว เมื่อชายคนนั้นปฏิเสธที่จะยอมแพ้ และพยายามโจมตีเธออย่างดุเดือดอีกครั้ง ลี่หรงมองเขาด้วยสายตาเหยียดหยาม…
ก่อนยกเท้าขึ้นเตะไหล่ของชายคนนั้น
ฝ่ายชายเมาเหล้าถูกเฆี่ยนไปสองครั้ง เขาก็แทบไม่สามารถยืนได้อย่างมั่นคงแล้ว แต่เมื่อลี่หรงเตะเขาลงซ้ำอีก ชายคนนั้นที่ไม่ทันระวังจึงล้มลงไปกับพื้น
เขาสถบแล้วลุกขึ้นจ้องมองลี่หรงอย่างดุร้าย และรีบวิ่งไปหาเธอทันที
“โอ๊ย!”
ทันใดนั้น ชายคนนั้นก็ถูกเตะเข้าที่ด้านหลัง ทำให้ตัวเขาชนเข้ากับเกวียนวัว ก่อนส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด
ทันใดนั้นวัวก็ร้อง “มอ…” แล้วก้าวเท้าใหญ่ไปข้างหน้า
“บัดซบ!”
ชายคนนั้นสบถ ยืนเท้าเอวตัวตรง แล้วหันไปมอง “ใครกล้าเตะฉันวะ!”
จ้าวชิงซงเม้มปากแล้วพูด “ฉันเอง”
จ้าวชิงซงไม่ให้โอกาสอีกฝ่ายได้โต้ตอบ สวรรค์รู้ดีว่าเขาโกรธแค่ไหน เมื่อออกมาจากบ้านป้าหลิวก็ต้องมาเห็นชายขี้เมาประจำหมู่บ้านกำลังจะลวนลามภรรยาตน ใบหน้าจ้าวชิงซงตึงเครียด ราวกับว่ากำลังสะกดกลั้นอารมณ์อยู่
เขาจับคอเสื้อด้านหลังของคนขี้เมาขึ้นมาด้วยมือเดียว ก่อนลากเหวี่ยงร่างนั้นลงกับพื้นแล้วทุบตีพลางกัดฟันด่าทอ “หวงเอ้อร์ไล่ ใครบอกให้แกกล้าแตะต้องผู้หญิงของฉัน?”
ปกติหวงเอ้อร์ไล่เป็นคนที่ไร้ยางอายที่สุด เขาส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด พยายามหลบกำปั้นและเท้าของจ้าวชิงซง หลังจากถูกทุบตีอยู่นาน เขาพลันรู้สึกสร่างเมาขึ้นมาเล็กน้อย
เขาไม่สามารถเอาชนะจ้าวชิงซงได้แน่นอน หากไม่สู้กลับและยังคงถูกทุบตีเช่นนี้ แม้ว่าจะไม่ตายแต่ก็คงบาดเจ็บสาหัส จึงทำได้เพียงกอดขาของอีกฝ่ายไว้ ทันทีที่ขาซ้ายของจ้าวชิงซงถูกกอด จะเหลือเพียงขาขวาที่เกิดอาการบาดเจ็บ เจ้าตัวจึงไม่สามารถยืนได้อย่างมั่นคง ก่อนล้มลงไปกับพื้น
ทั้งสองกอดรัดฟัดเหวี่ยงต่อสู้กัน
หวงเอ้อร์ไล่ไม่เคยผ่านการฝึกฝนมา จึงสู้แบบงู ๆ ปลา ๆ ในขณะที่หลบหมัดของจ้าวชิงซง เขาตะโกนอย่างไม่กลัวความตายว่า “ฉันจะบอกความจริงให้ จ้าวชิงซง แกมันโง่จริง ๆ ไม่รู้เหรอว่าโดนสวมเขาอยู่ ผู้หญิงคนนี้ออกไปเจอผู้ชายมากมายข้างนอกบ้าน…”
“โอ๊ย!”
จ้าวชิงซงเตะเขาเข้าที่ท้องอย่างแรง แต่ไม่ได้ทำให้เขาถึงตาย ทว่ามันก็สร้างความทรมานให้อีกฝ่ายได้เช่นกัน
ในที่สุดหวงเอ้อร์ไล่ก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป เขากุมท้องด้วยความเจ็บปวด “หยุดได้แล้ว! ช่วยด้วย มีคนจะฆ่าคน!”
ป้าหลิวได้ยินเสียงจึงวิ่งออกมา “โอ้โห! ลูกชายคนรองของตระกูลจ้าว เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงทะเลาะกันได้ล่ะ?”
เวลาหลังเลิกงาน มีชาวบ้านเดินผ่านมามุงดูด้วยความคึกคักกันมากมาย
“หยุดได้แล้ว!” ลี่หรงดึงจ้าวชิงซง เธอรู้ว่าเขากำลังระบายความโกรธแทนตน ชายขี้เมาคนนี้ปากไม่ดีและจิตใจสกปรก เขาสมควรโดนทุบตี แต่ตอนนี้มีคนมากขึ้นเรื่อย ๆ และจะส่งผลกระทบไม่ดีต่อจ้าวชิงซง
จมูกของหวงเอ้อร์ไล่ฟกช้ำ ใบหน้าบวมแดง แต่เขาก็ยังกล้าพูดว่า “ให้ตายเถอะ! ไอ้คนโง่เอ๊ย สมควรแล้วที่เมียแกจะมีชู้ แถมมีมากกว่าหนึ่งคนด้วย ให้ฉันนอนด้วยสักคืน ฉันจะดูแลเธออย่างดีเลย อุตส่าห์ใจบุญขนาดนี้ แกยังจะมาทุบตีกันอีก”
จ้าวชิงซงอดเตะเขาอีกสองสามครั้งไม่ได้ “หุบปากสกปรกนั่นซะ!”
หวงเอ้อร์ไล่นอนหมดสภาพอยู่บนพื้นด้วยความเจ็บปวด ขณะด่าทอ
เมื่อผู้เห็นเหตุการณ์ได้ยินคำพูดของหวงเอ้อร์ไล่ก็เข้าใจทันทีว่าทำไมจ้าวชิงซงถึงเดือดดาลขนาดนี้
หวงเอ้อร์ไล่คนนี้โง่จริง ๆ ผู้ชายคนไหนจะทนคำพูดแบบนี้ของชายคนอื่นได้
ไม่ถูกทุบตีจนตายก็ดีแล้ว
เมื่อได้ยินแบบนั้น ป้าหลิวก็ถ่มน้ำลาย “บาปกรรมจริง ๆ ทำร้ายคนง่อยได้ลงคอ สมควรโดนทุบตี!”
ใบหน้าของลี่หรงบึ้งตึง เมื่อได้ยินคนอื่นเรียกจ้าวชิงซงว่าคนง่อย ขณะเธอกำลังจะเอ่ยปากจ้าวชิงซงก็ดึงหญิงสาวกลับไป
จ้าวชิงซงเหลือบมองผู้เห็นเหตุการณ์ แล้วพูดอย่างมีเลศนัยว่า “ผมรู้เรื่องข่าวลือในหมู่บ้านช่วงนี้ แต่ผมไม่สนใจ วิธีที่ดีที่สุดคือควบคุมคำพูดและการกระทำของพวกคุณให้ดี อย่ามาล้ำเส้นเราสองคน ไม่งั้นผมคงตีหมดไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น”
ช่วงนี้ชาวบ้านชอบพูดซุบซิบเรื่องลี่หรง ทุกคนจึงรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดนั้น ผู้ชายบางคนที่คิดถึงลี่หรงในทางไม่ดี ก็ตัวสั่นเมื่อเห็นสภาพของหวงเอ้อร์ไล่ที่ถูกทุบตีจนน่วม
จ้าวชิงซงช่วยประคองลี่หรงขึ้นเกวียนวัวก่อนนำเทียมเกวียนออกไป ไม่สนใจว่าคนที่อยู่ข้างหลังจะพูดอะไรก็ตาม
เมื่อกลับถึงบ้าน สีหน้าของจ้าวชิงซงยังคงดูแย่มาก
ลี่หรงสัมผัสใบหน้าของเขา แล้วจูบปากชายหนุ่ม “อย่าโกรธเลยค่ะ มันไม่คุ้มหรอก แล้วช่วงนี้มีข่าวลือในหมู่บ้านว่าฉันนอกใจเหรอคะ?”
“ไม่ต้องสนใจหรอกครับ” เขาพูดอย่างหนักแน่น รู้สึกเสียใจที่ไม่ได้ทุบตีหวงเอ้อร์ไล่จนตาย
จ้าวชิงซงไม่รู้เลยว่าต้นตอข่าวนี้เกิดขึ้นมาจากไหน กว่าจะเขารู้ ข่าวก็ได้แพร่สะพัดไปทั่วทั้งชุมชนแล้ว
ลี่หรงอยู่บ้านทุกคืน เขารู้ดีว่าคำพูดเหล่านั้นเป็นเรื่องไร้สาระ ไม่เคยคิดสงสัยอีกฝ่าย และไม่คิดจะเล่าเรื่องอื้อฉาวเหล่านี้ให้ภรรยาฟัง เพื่อไม่ให้กระทบต่ออารมณ์ของเธอ
แต่ไม่ได้คาดหวังว่าไอ้โง่นั่นจะมาพูดเรื่องนี้ต่อหน้าลี่หรง และพยายามทำร้ายเธอจริง ๆ
จ้าวชิงซงรู้สึกโมโห โกรธมากจนเอาแต่พูดว่า “ตะกี้น่าจะกระทืบมันให้ตายไปเลย!”
ลี่หรงมองไปรอบ ๆ โชคดีที่ชาวบ้านทุกคนต่างมามุงดูความสนุก ไม่เช่นนั้นจ้าวชิงซงอาจเดือดร้อนได้
เธอพูดว่า “อย่าเปลืองสมองเพราะคนแบบนั้นเลย ฉันเองยังตีเขาเลยด้วยซ้ำ ฉันไม่ใช่คนที่ต้องทนทุกข์ทรมานฝ่ายเดียวนี่ คราวหน้าถ้ามีคนพูดแบบนี้ต่อหน้าอีก ฉันจะฉีกปากคนพูดเอง!”
ใช้ประโยชน์จากความจริงที่ว่าไม่มีใครอยู่รอบ ๆ ลี่หรงจึงกล้าพูดมากขึ้น เธอรีบหอมแก้มจ้าวชิงซง “เอาล่ะ อย่าโกรธเลยค่ะ คุณเชื่อในตัวฉันนะ”
“ผมเชื่อใจภรรยาครับ” จ้าวชิงซงลูบท้ายทอยของลี่หรง ก่อนกอดอีกฝ่ายไว้ในอ้อมแขน ตนเองยังลังเลที่จะพูดคำรุนแรงกับผู้หญิงที่ล้ำค่าราวสมบัติ ในขณะที่ชายคนอื่นกลับกล้าดูถูกเธอแบบนี้ สมควรตายจริง ๆ
“ฉันก็ว่าอยู่ว่าทำไมเมื่อไม่กี่วันก่อนแม่และคนอื่น ๆ ถึงทำตัวแปลก ๆ ดูเหมือนว่าพวกเธอจะได้ยินคำพูดพวกนั้นแล้ว”
“ไม่ต้องห่วง แม่และคนอื่น ๆ รู้ดีว่าคุณเป็นยังไง”
ลี่หรงไม่สนใจ เธอไม่โกรธเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มโกรธแทนมากขนาดนี้ เธอจึงบีบมือเขาอย่างอ่อนโยน “ไปเถอะ ไปทำเนื้อตุ๋นที่คุณชอบกันเถอะ”
ในฤดูใบไม้ผลิ ผักป่าหลายชนิดงอกในทุ่งนา
ลี่หรงกลับบ้านหลังจากขายซาลาเปาเสร็จ จากนั้นเรียกเหอฮวาไปเก็บผักป่าในทุ่งนา
“น้าสะใภ้รอง พี่ต้าหนิวบอกว่าผักนี้ใส่เกี๊ยวอร่อยมาก” ตอนนี้เหอฮวาสนิทกับลี่หรงมาก เธอเก็บผักจี้ไฉ่มายื่นตรงหน้าลี่หรง แล้วถามอย่างตื่นเต้นว่า “ใช่หรือเปล่าคะ?”
“ใช่” ลี่หรงพูด “นี่คือผักจี้ไฉ่ ถ้าเอาไปทำเกี๊ยวมันจะอร่อยมาก”
“คืนนี้จะทำไหมคะ?”
“อืม… มีหมูอยู่นะ คืนนี้มากินเกี๊ยวที่บ้านน้าสิ”
ดวงตาของเหอฮวาเป็นประกาย ก่อนจะหรี่ลง “แม่บอกว่าไปกินข้าวบ้านน้าสะใภ้ไม่ได้ตลอดเวลา มันดูไม่ดีค่ะ”
“ไม่เป็นไร น้าพูดเองเลยนะเนี่ย”
“น้าสะใภ้รองใจดีมากเลยค่ะ” เหอฮวาเงยหน้าขึ้น แล้วถามอย่างกังวล “ในอนาคตน้าสะใภ้รองจะไม่ทิ้งน้ารองของหนูใช่ไหมคะ?”
“ไม่แน่นอน ใครบอกว่าน้าจะทิ้งน้ารองของเธอ?”
เหอฮวาก้มศีรษะลง แล้วพูดว่า “ป้า ๆ ในหมู่บ้านบอกว่าถ้าน้าสะใภ้ไปรักคนอื่น ในอนาคตก็จะไม่อยู่บ้านเรา”
“พวกเขาพูดเรื่องไร้สาระน่ะ ไม่ต้องสนใจพวกเขาหรอก เหอฮวา เก็บผักป่าเพิ่มเถอะ แล้วคืนนี้น้าจะทำซุปผักป่าให้กิน”
ขณะที่พวกเธอกำลังเก็บผักป่าและเตรียมกลับบ้านก็พบกับหลัวปิงในทุ่งนา
ลี่หรงไม่ได้พบเธอตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่ฆ่าหมูในช่วงปีใหม่
ช่วงนี้หลัวปิงสุขสบายดี เธอรู้สึกโชคไม่ดีเมื่อเจอลี่หรง แต่เมื่อเพื่อนสาวหันหลังเดินจากไปราวกับว่าไม่เห็นเธอ หลัวปิงก็กลับไม่มีความสุข ก่อนร้องเรียกอีกฝ่ายให้หยุดเดิน
ลี่หรงจับมือเหอฮวา แล้วมองหลัวปิงอย่างไม่อดทน “เธอคิดจะทำอะไรอีกล่ะ?”
“หรงหรง เธอพูดแบบนั้นกับฉันได้ยังไง? ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำอะไรซะหน่อย” หลัวปิงเดินไปหาลี่หรง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงบูดบึ้ง “ชายคนนั้นในเมืองเป็นนายทหารใช่ไหม? เขาสวมนาฬิกา เสื้อเชิ้ต และผมของเขาก็ทาน้ำมันด้วย ฉันเห็นเขาพาเธอไปกินข้าวที่ร้านอาหารของรัฐ จ้าวชิงซงไม่สนใจเธอเลยเหรอ?”
ลี่หรงหรี่ตาลง คนที่หลัวปิงพูดถึงทำให้เธอนึกถึงอู๋จื่อกังทันที
ลี่หรงดูเหมือนจะรู้แล้วว่าใครเป็นคนแพร่ข่าวซุบซิบในหมู่บ้าน เป็นหลัวปิงนี่เองที่กลับมากระจายข่าวให้
“เธอเห็นเหรอ?” ลี่หรงถามเบา ๆ
“ใช่ ฉันไม่คิดเลยว่าเธอจะทำแบบนี้จริง ๆ” หลัวปิงเขยิบเข้ามาใกล้ “บอกฉันหน่อยว่าพ่อแม่ของเธอจะรู้สึกอับอายขนาดไหน ถ้าข่าวนี้ไปถึงที่บ้านท่าน?”
MANGA DISCUSSION