ตอนที่ 40 อย่าโกรธ อย่าร้องไห้เลย
สัญชาตญาณของลี่หรงบ่งบอกว่าสถานการณ์ตรงหน้าไม่ดีแน่ ๆ เธอได้แต่กรีดร้องในใจว่าอย่าพูดนะ!
น่าเสียดายที่ชายคนนั้นไม่ได้ยินความคิดในใจหญิงสาว กลับจ้องมองด้วยสายตาแฝงความนัย “ผมชอบคุณแม้ว่าจะแต่งงานแล้ว แต่วันหนึ่งเมื่อคุณหย่าร้าง ผมจะจีบคุณอย่างเปิดเผยครับ”
จ้าวชิงซงกอดลี่หรงด้วยมือเดียว แล้วพูดว่า “ไม่ต้องรอหรอก มันเป็นไปไม่ได้หรอก คุณไปเสียเถอะ”
ชายคนนั้นยังมองลี่หรงด้วยสายตาเปี่ยมควาามหวังก่อนจากไป
ทันทีที่เขาจากไป ลี่หรงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก จ้าวชิงซงมีสีหน้าอย่างคนใกล้จะหมดความอดทน เธอกลัวจริง ๆ ว่าจ้าวชิงซงจะต่อยชายคนนั้นจนต้องหามอีกฝ่ายเข้าโรงพยาบาล
เพราะจ้าวชิงซงเคยฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มาก่อน ส่วนชายคนนั้นก็ดูเปราะบางนุ่มนวลราวกับหนุ่มน้อยศิลปินของคนรุ่นต่อ ๆ ไป
“เอาล่ะ เขาไปแล้วค่ะ” ลี่หรงคิดว่าท่าทางหึงหวงของชายหนุ่มน่าเอ็นดูไม่น้อย จึงอดยิ้มไม่ได้
จ้าวชิงซงมีสีหน้าไม่สู้ดีเลย “นั่นไม่ใช่คนที่ซื้อสูตรจากคุณใช่ไหมครับ?”
เขาจำได้ว่าคนที่ลี่หรงเคยพูดถึงนั้น เป็นผู้จัดการอาวุโสที่อายุราวสามสิบปี แต่ชายคนนี้ยังเด็กมาก ดูเหมือนขนยังขึ้นไม่ครบด้วยซ้ำ
ลี่หรงกล่าวว่า “ไม่ใช่ค่ะ ตอนนี้ผู้จัดการคนนั้นเป็นพ่อคนแล้ว ฉันบอกคุณไปแล้วไม่ใช่เหรอคะ?”
จ้าวชิงซงถอนหายใจอีกครั้ง “ผมจะจำหน้าเจ้าหมอนั้นเอาไว้ ตอนนี้ไม่มีแรงแม้แต่จะทำงานด้วยซ้ำ ที่รัก อย่าไปสนใจไอ้หนุ่มหน้าขาวคนนั้นเลยนะครับ”
“ฉันรู้แล้วค่ะ คุณรีบทำงานต่อเถอะ”
บังเอิญตอนนี้ไม่ค่อยมีลูกค้า จ้าวชิงซงจึงเหลือบมองเถ้าแก่ร้านขายขนม เพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะไม่ได้ยิน แล้วโน้มตัวไปกระซิบข้างหูของลี่หรง “สามีของคุณแข็งแกร่งมากเหมือนกับตอนอยู่บนเตียงเลยล่ะ!”
ลี่หรงไม่คิดว่าเขาจะกล้าพูดเรื่องเช่นนี้นอกบ้าน ใบหน้าของเธอแดงก่ำราวเทพเจ้ากวนอู ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความโกรธหรือเขินอาย จึงทำได้เพียงยื่นมือออกไปหยิกเขาอย่างแรง “คุณอย่าพูดสิ!”
เธอพูดพลางจ้องมองเขาอย่างดุร้าย “งั้นคืนนี้แยกเตียงกันเถอะค่ะ!”
“ไม่นะครับ ผมผิดไปแล้ว!” เขาโค้งคำนับภรรยาโดยไม่รู้สึกละอาย เรื่องอย่างนี้จ้าวชิงซงไม่เคยถือ
ลี่หรงหันหน้าหนี ชายคนนี้รู้วิธีแสร้งทำตัวน่าสงสาร
ต่อไปเธอจะไม่คุยกับจ้าวชิงซงแล้ว
จ้าวชิงซงพูดกับตัวเองในใจว่า เมื่อภรรยาโกรธแล้วเช่นนี้ ตนต้องขยันทำงานให้หนักขึ้น
ปกติทำซาลาเปามาประมาณหนึ่งร้อยลูก และขนมโก๋ถั่วเขียวประมาณสิบจิน ทั้งหมดจะขายหมดตั้งแต่เช้า วันนี้เลยเพิ่มปริมาณขึ้นเกือบสามเท่า และจะขายหมดอีกทีประมาณช่วงเที่ยงวัน
ทั้งสองคนกินซาลาเปาเป็นอาหารกลางวัน
หลังจากขายหมดแล้ว จ้าวชิงซงยกหม้อต้มกลับไปคืนให้เถ้าแก่ แล้วนำเทียมเกวียนวัวมาเงียบ ๆ ก่อนจะรีบยกซึ้งนึ่งเข้าไปวาง
ลี่หรงมองไปยังชายหนุ่มที่กำลังทำงานยุ่งด้วยใบหน้าบูดบึ้ง
เถ้าแก่ใช้ประโยชน์จากการที่จ้าวชิงซงไม่อยู่ที่แผงขายของเดินเข้ามาพูดกับลี่หรงว่า “น้องสาว สามีของเธอมีความสามารถเสียจริง แถมยังปฏิบัติต่อภรรยาอย่างดีด้วย”
ลี่หรงแสร้งยิ้มสดใสให้เถ้าแก่ “นั่นสินะคะ” ถึงแม้ความจริงผู้ชายคนนั้นจะพูดจาแทะโลมและยั่วโมโหเธอมากก็ตาม
แน่นอนว่าลี่หรงเพิ่มประโยคสุดท้ายในใจเธอเงียบ ๆ
หลังจากจัดของแล้ว ทั้งสองก็ไปที่ร้านสหกรณ์
หลังจากออกจาก ‘ตลาดการค้าเสรี’ แล้ว ก็ยังค่อนข้างอยู่ไกลจากร้านสหกรณ์จากอำเภออยู่
บนถนนสายนี้มีคนสัญจรเพียงไม่กี่คน
นั่นสะดวกสำหรับจ้าวชิงซง
เขาจับมือลี่หรงแล้วพูดว่า “ที่รัก ผมผิดไปแล้วครับ อย่าถือโทษโกรธเลยนะ”
“ฉันไม่ได้โกรธ” ลี่หรงไม่แม้แต่จะมองอีกฝ่าย ทำให้สิ่งที่เธอพูดไม่มีความน่าเชื่อถือเลยแม้แต่น้อย
จ้าวชิงซงหยิกแก้มของเธอ “ปากบอกว่าไม่ได้โกรธ แต่แก้มป่องหมดแล้ว ที่รัก เลิกโกรธได้แล้วครับ คุณจะตีผมเพื่อระบายความโกรธก็ได้ครับ อย่าเก็บไว้เลย”
ลี่หรงจะโกรธเพราะคำพูดไร้สาระของเขาได้ยังไงกัน เธอแค่แกล้งทำเป็นโกรธเท่านั้นแหละ สนุกกับการดูความพยายามง้อของชายหนุ่ม
เธอส่งเสียง “ฮึ่ม! ถ้าฉันตีคุณแล้วจะไม่เจ็บเหรอ?”
จ้าวชิงซงยื่นแส้ให้ลี่หรง “ถ้าอย่างนั้นตีวัวดีกว่าครับ หนังหนา แถมเนื้อก็แน่น คงจะไม่เจ็บมากหากถูกตีสักครั้งสองครั้ง”
ไม่คาดคิดว่าเขาจะเลือกวิธีแบบนี้ แย่จริง ๆ
ดวงตาคู่งามของลี่หรงเบิกกว้าง และเธอก็พูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง
หลังจากซื้อของที่ป้าหลิวฝากแล้ว ลี่หรงก็เริ่มซื้อของของเธอเอง
ทั้งสองไปเยี่ยมชมแผงขายเนื้อในร้านสหกรณ์ แล้วลี่หรงก็ถามจ้าวชิงซงว่าเขาอยากกินอะไร
จ้าวชิงซงคิดอยู่พักหนึ่ง “ไม่ได้กินเนื้อวัวมานานแล้วนะครับเนี่ย”
“ถ้าอย่างนั้นไม่ต้องซื้อเนื้อวัว” ลี่หรงจงใจแกล้งอีกฝ่าย
จ้าวชิงซงรู้สึกผิด “ที่รักครับ …”
“อย่าเสียงดังสิ” ลี่หรงกล่าว
แม้จะบอกว่าไม่ซื้อ แต่ตนก็เดินไปที่แผงขายเนื้อวัว แล้วสั่งส่วนเนื้อสันนอกจำนวนหนึ่ง โดยตั้งใจจะทำเนื้อวัวรสเผ็ด และซุปเนื้อสันนอกตุ๋นมะเขือเทศ
จ้าวชิงซงกระซิบว่า “ภรรยาของผมดีที่สุดแล้วครับ”
ข้อดีของการไปซื้อของกับสามีคือต่อให้ซื้อมากเท่าไหร่ก็ไม่จำเป็นต้องถือของพะรุงพะรังเอง ลี่หรงรู้สึกดีมากที่มือว่าง
หลังจากเดินทั่วร้านสหกรณ์แล้ว ทั้งสองก็ไปยังที่ทำการไปรษณีย์
รับพัสดุที่ครอบครัวลี่ส่งมา แล้วตรงกลับหมู่บ้าน
ตามปกติแล้ว ครอบครัวลี่ส่งพัสดุจำนวนมากมา ลี่หรงที่นั่งอยู่บนเกวียนวัวอดเปิดพัสดุก่อนถึงบ้านไม่ได้
มีสิ่งที่ทำให้ลี่หรงต้องประหลาดใจ นอกจากอาหารและซองจดหมายแล้ว ยังมีกล่องไม้ที่บรรจุนาฬิกาอีกด้วย!
นาฬิกาผู้หญิงเรือนงามประณีต
ลี่หรงรู้สึกตื่นเต้นและประหลาดใจ นาฬิกาในยุคนี้ราคาแพงไม่น้อยเลย อย่างน้อยก็ร้อยหรือสองร้อยหยวน
เธอแทบรอใส่นาฬิกาไว้ที่ข้อมือไม่ไหว
เมื่อลี่หรงเปิดซองจดหมาย ก่อนพบว่าพี่ชายคนที่สามของตนเป็นคนใช้เงินเดือนทหารซื้อให้ตอนที่เขากลับมาบ้าน
พี่ชายคนที่สามของลี่หรงยังไม่ได้แต่งงาน และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาส่ง ‘ของอุดหนุน’ ให้น้องสาวในช่วงปีใหม่ ตามด้วยการส่งเงินอีกสามร้อยหยวน
แม้ว่าลี่หรงจะพูดเสมอว่าตนมีเงินพอใช้ และส่งสิ่งของมากมายให้กับครอบครัว แต่คนที่บ้านก็ยังคงไม่สบายใจ
ด้วยกลัวว่าเธอจะใช้ชีวิตยากลำบาก จึงส่งของให้เช่นเคย และยังส่งให้เพิ่มอีก เพราะตอนนี้เธอได้แต่งงานกับชาวบ้านในชนบทแล้ว
ลี่หรงหยิบจดหมายของครอบครัวมาอ่าน เธอสัมผัสได้ถึงความรักและห่วงใยจากครอบครัวลี่
ขอบตาของลี่หรงพลันร้อนผ่าว จ้าวชิงซงเห็นเธอกำลังเพลิดเพลินกับการดูนาฬิกาเมื่อวินาทีที่แล้ว ในใจพลางคิดว่าหากเขารู้ว่าลี่หรงชอบสิ่งนี้ คงจะซื้อมันให้อีกฝ่ายตั้งนานแล้ว
ไม่คาดคิดว่าพี่ชายของภรรยาเขาจะชิงซื้อให้ก่อน
ก่อนที่จ้าวชิงซงจะหายเสียดาย ชายหนุ่มก็เห็นดวงตาของภรรยาแดงก่ำขึ้นมาพลันทิ้งความอิจฉา โยนแส้วัวในมือทิ้งไป แล้วจับมือลี่หรงขึ้นมา “คุณเป็นอะไรไปครับ อย่าร้องไห้เลย”
“อือ… ฉันไม่ได้ร้องไห้ ฉันแค่คิดถึงพ่อแม่”
ปรากฏว่าคิดถึงบ้านนี่เอง จ้าวชิงซงจูบผมของลี่หรงแล้วพูดว่า “ถ้าผมทำงานเสร็จแล้ว ผมจะไปหาเลขาประจำหมู่บ้าน ให้เขาช่วยเขียนจดหมายแนะนำแล้วพาคุณกลับไปเยี่ยมบ้านนะครับ”
เมื่อกลับมาที่หมู่บ้าน ก็ถึงเวลาที่หลายคนเลิกงานแล้ว
หลังเลิกงาน ผู้คนมากมายพากันเดินกลับบ้าน
ลี่หรงรู้สึกว่ามีหลายคนจ้องมองตน และสายตานั้นทำให้เธออึดอัดมาก
ผู้หญิงบางคนถึงกับชี้ไปที่ลี่หรง พลางก้มหน้าซุบซิบกัน
จู่ ๆ ลี่หรงก็นึกถึงคำหนึ่ง นินทาว่าร้าย
เธอเอือมระอาเหลือเกิน คนพวกนี้เกียจคร้านเกินไปจริง ๆ
ผู้ชายบางคนจ้องมองเธออย่างเปิดเผย ด้วยสายตาราวกับอยากจะถอดเสื้อผ้าออก ลี่หรงพลันหวาดหวั่นใจจนตัวสั่น
จ้าวชิงซงแตะแขนของเธอ ก่อนถามว่า “คุณหนาวไหมครับ?”
“ไม่ค่ะ” ลี่หรงลดเสียงลง “ฉันรู้สึกเหมือนมีหลายคนกำลังจ้องมองฉันอยู่”
“ไม่ต้องสนใจพวกเขาหรอก” จ้าวชิงซงหรี่ตาลงเล็กน้อย
เมื่อเดินผ่านบ้านของป้าหลิว จ้าวชิงซงก็หยิบของที่ซื้อมาให้เธอไป
ระหว่างจ้าวชิงซงกำลังรอให้ป้าหลิวไปหยิบตั๋วเงินสักพักหนึ่ง ส่วนลี่หรงยืนรออยู่ข้างนอก
MANGA DISCUSSION