ตอนที่ 39 สามีภรรยาไปขายของ กลับเจอศัตรูหัวใจ?
ซาลาเปาลูกใหญ่หลายลูกถูกวางอย่างเป็นระเบียบบนเกวียนวัว เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อื่นเห็นว่ามันคืออะไร จ้าวชิงซงจึงใช้ผ้าลินินคลุมไว้อีกชั้น
ลี่หรงเข็นจักรยานเตรียมออกไป แต่จ้าวชิงซงหยุดอีกฝ่ายไว้ แล้วพูดว่า “วันนี้ไม่ต้องขี่จักรยานแล้ว เดี๋ยวผมจะไปขายของกับคุณด้วยครับ”
“ได้ค่ะ” ลี่หรงมีความสุข จึงช่วยเขาจัดของ แล้วจ้าวชิงซงค่อยประคองพาเธอขึ้นไปนั่งบนเกวียนวัว
ตอนที่เริ่มออกเดินทาง ฟ้ายังไม่ทันสว่างนัก แต่ใกล้เวลาที่ชาวบ้านจะลุกขึ้นมาทำมื้อเช้าแล้ว
ระหว่างทางก่อนออกจากหมู่บ้าน ทั้งคู่ได้พบกับป้าหลิวถือผักใบเขียวอยู่ในมือ อีกฝ่ายก็เห็นคู่รักหนุ่มสาวกำลังนั่งอยู่บนเกวียนวัว ลี่หรงจึงหยุดเกวียนวัวเพื่อทักทาย
เธอถามลี่หรงว่าจะไปร้านสหกรณ์ที่อำเภอหรือเปล่า
ลี่หรงตอบว่าตนกำลังจะไปที่นั่น
ป้าหลิวได้ยินจึงขอให้ลี่หรงช่วยซื้อของบางอย่างให้สักหน่อย
แม่ไก่ที่ครอบครัวของลี่หรงเลี้ยงไว้ ถูกนำกลับมาโดยป้าหลิว หญิงสาวจำน้ำใจของอีกฝ่ายได้ จึงตอบตกลงทันที พร้อมทั้งจดรายการสิ่งที่ป้าหลิวต้องการซื้อไว้
เสียงไก่ขันและเสียงเห่าของสุนัขค่อย ๆ ไกลออกไป
ทั้งสองคนนั่งเคียงข้างกัน ถนนด้านหน้าเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา ส่วนอาหารด้านหลังคือความหวังของชีวิต
จ้าวชิงซงใช้เส้นทางที่ปลอดภัย หลายคนทักทายจ้าวชิงซงด้วยเสียงอันดังระหว่างทาง เขาจึงตะโกนตอบกลับเพียงสองสามคำ
เมื่อมาถึงแล้ว ลี่หรงก็กระโดดลงจากเกวียนวัว ก่อนตะโกนบอกเถ้าแก่ที่กำลังนั่งถือชามข้าวกินอยู่บนเก้าอี้
เถ้าแก่ร้องทักทาย หลังจากพุ้ยข้าวเต็มปากไปสองคำ แล้วค่อยลุกขึ้นยืดคอมองเกวียนวัวที่อยู่ด้านหลังลี่หรง “สุดยอดเลย น้องสาว ถึงกับใส่เกวียนวัวมาเลย ยอดเยี่ยมจริง ๆ ”
ลี่หรงยกยิ้ม แล้วพูดว่า “เถ้าแก่ ซ่อมเตาเหล็กที่ฉันขอยืมคุณก่อนหน้านี้เสร็จแล้วหรือยังคะ?”
“เสร็จนานแล้ว อยู่ที่ลานบ้าน ยกออกไปได้เลย”
จ้าวชิงซงเข้ามาพูดว่า “อยู่ที่ไหนครับ? ผมจะยกให้เอง”
เถ้าแก่วางชามลง แล้วชี้ไปที่ห้องด้านหลัง จ้าวชิงซงบอกลี่หรงให้รออยู่นี่ ก่อนตนจะเดินเข้าไปพร้อมกับเถ้าแก่
ลี่หรงไม่รอช้า พลางเก็บผ้าที่คลุมหม้อนึ่งออก ส่วนจ้าวชิงซงกับเถ้าแก่ก็ยกเตาเหล็กออกมา ตามด้วยผู้หญิงคนหนึ่งที่ถือถุงถ่านไว้ในมือ
จ้าวชิงซงปรับตำแหน่งของเตาเหล็กเล็กน้อยเพื่อปรับระดับให้พอดี เมื่อหันมาอีกครั้ง เถ้าแก่ก็ชี้ไปที่ผู้หญิงคนนั้นพลางแนะนำให้ทั้งสองรู้จัก แล้วพูดว่า “นี่คือภรรยาของผมเอง”
ลี่หรงมาตั้งแผงขายของหรือซื้อของที่นี่หลายครั้ง นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับภรรยาของเถ้าแก่
ผู้หญิงคนนั้นยิ้มอย่างเป็นมิตรให้ลี่หรง “นี่คือสหายลี่ที่สามีพูดถึงบ่อย ๆ เหรอ หน้าตาดีแถมยังเก่งเสียจริง”
ลี่หรงพูดอย่างถ่อมตัว “ไม่หรอกค่ะ เพราะได้เถ้าแก่ช่วยเหลือต่างหากล่ะคะ”
ลี่หรงจึงหยิบซาลาเปาสองสามลูกออกมา แล้วมอบให้ผู้หญิงคนนั้น สีหน้าของอีกฝ่ายเปลี่ยนไป ก่อนรีบโบกมืออย่างรวดเร็ว “รับไว้ไม่ได้หรอก ๆ คุณเก็บไว้ขายเถอะค่ะ”
ลี่หรงยื่นให้เธอ “วันนี้ฉันทำมาหลายอย่างเลยล่ะค่ะ นี่เป็นครั้งแรกที่เราได้พบกันด้วย พี่สาว รับไปเถอะค่ะ”
ผู้หญิงคนนั้นไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากรับไว้ แล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นฉันขอไม่เก็บเงินค่าถ่านแล้วกัน ค่อยเก็บในครั้งหน้าแทน”
ดูจากน้ำเสียงของเธอ ถ้าลี่หรงไม่ยอมรับถุงถ่านไว้ เธอก็คงไม่ยอมรับซาลาเปาของลี่หรงเช่นกัน
ลี่หรงตอบตกลงทันที
ผู้หญิงคนนั้นพูดอีกสองสามคำ ก่อนกลับเข้าไปในบ้าน
เมื่อจ้าวชิงซงนำน้ำออกมา ลี่หรงเองก็เพิ่งจุดเตาถ่านและวางหม้อเหล็กลงไป ชายหนุ่มเทน้ำลงไป และทั้งสองคนก็ย้ายซึ้งนึ่งไปวางบนหม้อเหล็กทีละชั้น ๆ
เวลานี้ยังเช้าอยู่ จึงมีคนไม่มากนักใน ‘ตลาดการค้าเสรี’
เกวียนวัวจอดขวางอยู่บริเวณที่มองเห็นได้ชัดเจน จ้าวชิงซงมักจะนำสินค้ามาส่งที่แผงขายเนื้อที่นี่บ่อยครั้ง จึงรู้ว่าจะจอดที่ไหนถึงจะสะดวก หลังจากที่ทั้งสองเก็บข้าวของแล้ว เขาก็รีบนำเทียมเกวียนวัวไปยังบริเวณหนึ่ง แล้วจอดไว้
จ้าวชิงซงที่กำลังเดินกลับมาหลังจากจอดเกวียน เห็นลูกค้าเริ่มมาซื้อที่หน้าร้านของลี่หรง เขาจึงเร่งฝีเท้าเดินอย่างรวดเร็ว
เมื่อเวลาผ่านไป ผู้คนเริ่มทะยอยมาที่ ‘ตลาดการค้าเสรี’ และมีลูกค้าหลายคนมาซื้อซาลาเปากันมากขึ้นเรื่อย ๆ
ลูกค้ากลุ่มแรกที่มา ซื้อกันเยอะทีเดียว คงจะเอากลับไปเพื่อกินเป็นมื้อเช้าที่บ้าน
หนึ่งในลูกค้าประจำ พูดขึ้นว่า “สาวน้อย ในที่สุดก็มาเสียทีนะ ภรรยาของผมชอบซาลาเปาเนื้อที่คุณทำมาก เธอบอกว่าวันนี้คุณจะมาแน่นอน ผมนับวันรอ เห็นว่าใกล้กำหนดคลอดภรรยาแล้ว ก็เลยกะจะมาดูให้สักหน่อย ไม่คิดว่าจะมาแล้วจริง ๆ”
“อ้อ! ช่วยฉันขอบคุณพี่สะใภ้หน่อยสิคะ เธอกำลังจะคลอดหรือเปล่า?” ลี่หรงแถมซาลาเปาไส้ถั่วแดงอีกลูกเข้าไป “ฉันแถมให้พี่สะใภ้ค่ะ ฝากเป็นของหวานให้สักหน่อยนะคะ”
ลูกค้าจากไปพร้อมกับถุงซาลาเปาอย่างพึงพอใจ
ลูกค้าหลายคนดูเหมือนจะคุ้นเคยกับลี่หรงมาก สามารถพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องในชีวิตประจำวันกันได้สบาย ๆ
จ้าวชิงซงได้พบคนขายใน ‘ตลาดการค้าเสรี’ มามากมาย พวกเขาพูดกันน้อยมาก หรือแทบไม่ได้พูดคุยกับลูกค้าเลย บางคนถึงกับทำหน้าเย็นชา
ไม่ใช่เพราะคนขายมีทัศนคติที่ไม่ดี หรือไม่ได้ตั้งใจจะทำธุรกิจ แต่คนขายเกือบทั้งหมดใน ‘ตลาดการค้าเสรี’ เป็นแบบนี้ พวกเขาล้วนทำเพื่อความปลอดภัยของตนเอง
มีเพียงลี่หรงเท่านั้นที่แตกต่าง จ้าวชิงซงรู้สึกหมดหนทางและเป็นกังวลเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นใบหน้ามีความสุขขนาดนั้นของอีกฝ่าย เขาจึงตัดสินใจเก็บความรู้สึกนี้ไว้
แล้วช่วยทำงานอยู่ด้านข้างอย่างเงียบ ๆ ช่วยกันรีบหยิบซาลาเปาใส่ถุงไม่หยุดมือ ทั้งสองคนทำงานคล่องแคล่ว หยิบใส่ถุงให้ลูกค้าอย่างเร็วที่สุด ทั้งเก็บเงินและทอนเงินไม่ขาดไม่เกิน
เป็นการช่วยกันระหว่างสามีภรรยาที่ราบรื่นเสียจริง การทำงานร่วมกันจึงไม่น่าเบื่อเลย ลี่หรงถือโอกาสมองไปที่ชายหนุ่ม โดยไม่คาดคิดชายหนุ่มก็บังเอิญมองมาเช่นกัน หญิงสาวพลันหน้าแดงก่อนเบนสายตาหนี
จ้าวชิงซงไม่รู้สึกเคอะเขินเอาเสียเลย ลี่หรงจึงเตะเขาเบา ๆ “มีคนมาแล้ว!”
ชายคนหนึ่งอายุราวยี่สิบต้น ๆ เดินเข้ามาบอกว่าต้องการซื้ออะไร แล้วลี่หรงก็หยิบให้เขา
ดวงตาของชายคนนั้นมองตามลี่หรง แล้วพูดว่า “ไม่เจอกันนานเลยนะครับ”
จ้าวชิงซงก็เป็นผู้ชาย เขาย่อมเข้าใจหัวอกเดียวกัน สายตาแบบนั้นไม่ได้ไร้เดียงสา ยิ่งทำให้ตนอึดอัดมากไปอีก จึงจ้องมองกลับไปด้วยสายตาเฉียบคม
ลี่หรงไม่ได้สังเกต และไม่ได้เงยหน้าขึ้น “ค่ะ หลานชายคุณคงไม่งอแง เพราะไม่ได้กินซาลาเปาใช่ไหมคะ?”
เมื่อไหร่ก็ตามที่ลี่หรงตั้งแผงขายของ เขาจะมาซื้อของมากมาย ก่อนบอกว่าหลานชายของเขาชอบกินมาก ถ้าไม่ซื้อกลับไป หลานชายจะงอแงโวยวาย
ชายคนนั้นส่ายหน้า “ไม่งอแงแล้วครับ เขาพูดไปเรื่อยว่าอยากเจอคุณ เพราะอยากเห็นว่าคนที่ทำขนมอร่อยแบบนี้ได้ หน้าตาเป็นยังไง”
ตอนนี้จ้าวชิงซงยิ่งมั่นใจ ว่าชายคนนี้ไม่บริสุทธิ์ใจ เขาจึงกระแอมสองครั้ง “สหาย รวมเป็นห้าหยวน เจ็ดเหมา”
ดูเหมือนว่าชายคนนั้นจะเพิ่งสังเกตเห็นการปรากฏตัวของจ้าวชิงซงในตอนนี้ เขาจึงนับเงินแล้วยื่นให้ โดยถามว่า “นี่… พี่ชายของคุณเหรอครับ? หน้าตาถึงได้คล้ายกัน”
เขาพูดเช่นนี้กับลี่หรง
ลี่หรงกำลังจะตอบเขา แต่จ้าวชิงซงถอนหายใจแล้วชิงพูดก่อน “เป็นสามีภรรยากันครับ เราจดทะเบียนกันแล้วด้วย”
เขามองดูชายคนนั้นด้วยสายตาตักเตือน
ใบหน้าของชายคนนั้นเข้มขึ้น “คุณแต่งงานแล้วจริงเหรอครับ?”
ลี่หรงขมวดคิ้ว หากไม่รู้ว่าชายคนนี้รู้สึกกับตนอย่างไรในตอนนี้ กว่ายี่สิบปีที่เธอมีชีวิตอยู่ก็คงไม่มีประโยชน์
แม้ว่าน้ำเสียงของจ้าวชิงซงจะไม่ค่อยดีนัก แต่ก็เป็นไปไม่ได้สำหรับเธอที่จะหักหาญน้ำใจอีกฝ่าย เพราะสิ่งที่จ้าวชิงซงบอกคือความจริง และนี่คือโอกาสดีที่สุดในการทำให้ชายคนนั้นตัดใจ
เธอพยักหน้า น้อมรับคำพูดของจ้าวชิงซง
ชายคนนั้นมองพวกเขาอย่างสับสน ก่อนหยิบซาลาเปาแล้วหันหลังกลับ เดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็หันมาพูดว่า “สหาย บรรพบุรุษของเราสอนให้กล้าหาญ เช่นนั้น ในเมื่อผมคิดแล้ว ก็ต้องตัดสินใจพูดออกไป”
MANGA DISCUSSION