ตอนที่ 38 จูบต่อหน้าคนเยอะแยะ
คุณแม่จ้าวพับแขนเสื้อ พลางพูดว่า “แม่แก่แล้ว ไม่จำเป็นนอนมากขนาดนั้น ตื่นขึ้นมาแล้วก็นอนไม่หลับ ก็เลยมาดูว่าจะช่วยอะไรได้บ้างไหม”
วันนี้ลี่หรงตั้งใจทำมากขึ้นหน่อย จากแป้งก้อนใหญ่ ตอนนี้ถูกแบ่งออกเป็นหลายก้อน เพื่อให้นวดได้ง่ายขึ้น
แม่จ้าวเห็นพวกเธอช่วยกันนวดแป้งคนละก้อน และยังมีอีกสองก้อนวางอยู่ข้างเธอจึงเดินไปชี้ที่แป้ง แล้วถามว่า “แป้งก้อนนี้ต้องนวดด้วยไหม?”
“อืม เดี๋ยวพวกเราจะช่วยกันนวด แม่ช่วยไปดูไฟให้หน่อยนะคะ มีถั่วนึ่งอยู่ในนั้น ถ้าไฟดับเดี๋ยวนึ่งถั่วไม่สุกค่ะ”
“ได้เลยจ้ะ”
จ้าวชิงหลิ่วเห็นว่าแม่ไม่ได้ซักถามอะไร เพียงเข้ามาช่วยให้งานราบรื่น เธอคิดว่าสิ่งที่น้องสะใภ้พูดเป็นความจริง ทุกคนล้วนรู้ว่าลี่หรงกำลังทำอะไร และต่างช่วยกันสนับสนุน
จ้าวชิงหลิ่วนึกถึงคำนินทาที่แพร่ไปทั่วหมู่บ้าน ก่อนเงยหน้าขึ้นมองลี่หรงด้วยสีหน้าครุ่นคิด
ลี่หรงรู้สึกงุนงงกับสีหน้าแบบนั้นของพี่สาว จึงยกแขนขึ้นเช็ดหน้า “มีอะไรติดอยู่บนหน้าฉันหรือเปล่า?”
จ้าวชิงหลิ่วส่ายหน้า “ไม่มีอะไร ๆ แค่อยากจะถามเธอว่านวดแป้งแบบนี้ใช้ได้ไหม?”
ลี่หรงตามน้ำไป “อืม! เกือบจะเสร็จแล้ว พี่สาวช่วยไปดูหน่อยว่าถั่วนึ่งเสร็จหรือยัง?”
หากนึ่งอาหารในหม้อนึ่งนานเกินไป น้ำคงงวดเกือบแห้งแล้ว
คุณแม่จ้าวออกไปเอาถังเพื่อไปตักน้ำ
เมื่อครู่ลี่หรงรู้สึกโดยสัญชาตญาณว่า สายตาที่จ้าวชิงหลิ่วมองตนนั้น ไม่ได้ต้องการถามเรื่องแป้งแน่นอน เธอคงยังนึกถึงเรื่องผิดปกติที่เกิดขึ้นกับตระกูลจ้าวเมื่อวานนี้ ในขณะที่คุณแม่จ้าวออกไปตักน้ำ เธอก็กระแอม แล้วแกล้งทำเป็นถามอย่างสบาย ๆ “พี่ชิงหลิ่ว ฉันทำอะไรผิดไปหรือเปล่า?”
“หืม?” จ้าวชิงหลิ่วกำลังนวดแป้งก้อนใหม่ “ไม่มีอะไรนี่”
“เหมือนพี่กำลังจะพูดอะไรสักอย่างเมื่อกี้นี้”
เหอซิ่งพูดถูกได้จังหวะว่า “น้องสะใภ้คงเข้าใจผิดแล้ว พี่สาวก็เป็นแบบนั้นแหละ มาดูสิว่าฉันนวดแป้งได้ที่แล้วหรือยัง?”
“เรื่องแป้งเอาไว้ก่อนได้ไหม”
“เมื่อช่วงปีใหม่ เราทำซาลาเปาด้วยกัน ย่อมดูออกอยู่แล้ว!” ลี่หรงหงุดหงิด “ฉันอยากจะถามตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้วว่าพวกพี่ปิดบังอะไรฉันอยู่หรือเปล่า อย่าเก็บงำไว้เลย บอกฉันมาเถอะ”
“จะเกิดอะไรขึ้นล่ะ?” เหอซิ่งไม่อยากพูดมากกว่านี้
เพื่อนึกถึงความสุขของน้องชาย จ้าวชิงหลิ่วก็ทนไม่ไหว จึงกัดฟันพูดว่า “คนข้างนอกบอกว่าเธอทำเรื่องไม่ดี …”
เมื่อคุณแม่จ้าวกลับมาจากตักน้ำ เธอก็บังเอิญได้ยินพอดี จึงขัดจังหวะคำพูดของจ้าวชิงหลิ่ว แล้วดุว่า “อย่าไปสนใจเรื่องซุบซิบข้างนอกเลย พวกนิสัยเสียพวกนั้นมีปากก็พูดกันไป รีบไปทำงานได้แล้ว!”
หลังจากนั้นไม่นาน แม่จ้าวก็พูดกับลี่หรงว่า “ลูกสะใภ้รอง… ครอบครัวเรารู้ว่าลูกเป็นคนดี อย่าไปสนใจสิ่งที่คนนอกพูดเลย เราเชื่อลูกว่ามันต้องเป็นเรื่องเท็จ พวกนั้นก็แค่อิจฉาเจ้ารองของแม่ที่มีภรรยาแสนดีแบบนี้!”
ลี่หรงเลิกคิ้วขึ้น เธอพอจะเดาได้แล้วว่าคนนอกกำลังพูดอะไรกันอยู่ ก่อนหน้านี้บอกว่าตนเป็นภรรยาที่เกียจคร้าน ไม่ยอมทำงาน ดังนั้นตนจึงต่อความยาวสาวความยืด ก่อนก้มหน้าก้มตานวดแป้งต่อ
หากฟ้าจะถล่ม ผู้มีอำนาจย่อมช่วยค้ำ ไม่มีใครขัดขวางเธอจากการทำงานหาเงินได้
ในช่วงปีใหม่ ลี่หรงสอนวิธีทำซาลาเปาให้แม่จ้าวและเหอซิ่ง ซาลาเปาที่ทั้งสองทำนั้นคล้ายกับของเธอแล้ว ดูสวยงามน่ารับประทาน
แม้ว่าจ้าวชิงหลิ่วจะทำซาลาเปาได้ แต่ด้วยความที่เป็นชาวไร่ทั่วไป ทำให้รูปร่างดูแทบไม่ออกว่าเป็นซาลาเปา และคงดูไม่ดีหากนำไปขาย
เมื่อจ้าวชิงหลิ่วเห็นว่าซาลาเปาของพวกเธอสวยงามแค่ไหน ก่อนกลับมามองซาลาเปาแสนน่าเกลียดของตัวเอง พลันรู้สึกละอายใจเล็กน้อย “ซาลาเปาของฉันน่าเกลียดมาก ฉันบอกแล้วว่าห่อไม่เป็น ขอโทษด้วยนะน้องสะใภ้…”
“ไม่เป็นอะไรหรอก ในตอนแรกซาลาเปาของแม่น่าเกลียดกว่าของลูกอีก”
แม่จ้าวพูด “ยังบอกอยู่เลยว่าแม่ห่อซาลาเปาไม่สวย”
ลี่หรงยิ้ม ก่อนหยิบกระดาษห่อซาลาเปามา แล้วเริ่มสอนจ้าวชิงหลิ่วทีละขั้นตอน
จ้าวชิงหลิ่วไม่ใช่คนโง่จึงเรียนรู้ทั้งหมดนี้ได้อย่างรวดเร็ว สีหน้าเริ่มมีรอยยิ้ม เพราะเริ่มห่อได้เชี่ยวชาญมากขึ้น
ลี่หรงชมว่า “พี่สาวเรียนรู้ได้เร็วมากค่ะ”
แม่จ้าวและจ้าวชิงหลิ่วถูกทิ้งให้ทำซาลาเปา ในขณะที่ลี่หรงไปทำถั่วบดเพื่อเตรียมทำไส้ ขณะที่สอนวิธีทำให้เหอซิ่งด้วย
ไม่เพียงแต่สอนแค่เหอซิ่งเท่านั้น แต่ลี่หรงจะสอนพวกเธอทุกคนด้วย เพื่อให้งานสะดวกยิ่งขึ้นในอนาคต
ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากที่นโยบายการค้าเสรีเปิดแล้ว นี่ก็ถือได้ว่าเป็นงานฝีมือเช่นกัน ในภายภาคหน้าพวกเธอยังจะสามารถสร้างรายได้จากการทำเช่นนี้ได้ด้วยเช่นกัน
ไม่ว่ามันจะช่วยได้จริงในอนาคตหรือไม่ อย่างน้อยนั่นก็คือสิ่งที่ลี่หรงคิดในตอนนี้
เหอซิ่งเฝ้าดูเตาไฟ ขณะเรียนรู้การกวนไส้ถั่วไปด้วย
หลังจากที่ลี่หรงทำถั่วบดเสร็จแล้ว เธอก็เริ่มคิดถึงตู้เย็น ถ้ามีตู้เย็น ของอย่างถั่วบดก็สามารถทำแล้วเก็บไว้ได้นาน จึงไม่จำเป็นต้องทำสดใหม่ทุกวันให้ยุ่งยาก
แต่อาหารที่ทำสดใหม่มีข้อดีคือสดและอร่อย
ซึ้งนึ่งถูกวางซ้อนกันหกหรือเจ็ดชั้น และถาดซาลาเปาก็ถูกนึ่งในหม้อเหล็กขนาดใหญ่
ทำซาลาเปาเกือบสามร้อยลูก มีซาลาเปาไส้ถั่วแดงหนึ่งร้อยชิ้นด้วย
จ้าวชิงหลิ่วใช้แม่พิมพ์กดถั่วเขียวบด ให้กลายเป็นขนมโก๋ถั่วเขียวทรงสี่เหลี่ยม
ทำขนมโก๋ถั่วเขียวได้เกือบสามสิบจิน
คุณแม่จ้าวตกใจเล็กน้อย เมื่อเห็นซาลาเปาเยอะขนาดนี้ จะเอามันไปขายยังไงไหว ลี่หรงจะใช้จักรยานขนของทั้งหมดไหวไหม ตั้งมากมายขนาดนี้ ต้องใช้เวลาเท่าไหร่ถึงจะขายหมด มันไม่ง่ายเลยถ้าซาลาเปาเกิดเย็นซะก่อน
ลี่หรงอธิบายให้เธอฟังว่า “หนูทำข้อตกลงกับเถ้าแก่ร้านขนมไว้แล้วค่ะ ว่าจะเช่าเตาเหล็กมาวางไว้หน้าประตูบ้านของเขา แล้วตอบแทนเป็นเงินค่าถ่านและค่าเช่าเตา เดี๋ยวของว่างทั้งหมดนี้ จ้าวชิงซงจะช่วยขนมันขึ้นเกวียนวัวให้ค่ะ”
ลี่หรงเคยทำซาลาเปาและขนมขาย แต่ก็ไม่เคยทำเยอะขนาดนี้มาก่อน เธอมีเตาเหล็กเล็ก ๆ ซึ่งจ้าวชิงซงผูกมันไว้ที่ด้านหลังจักรยานของเธอ ทำให้ตั้งเตาได้ง่าย
ตอนนี้มีของเยอะขึ้นอย่างซาลาเปาประมาณสามร้อยชิ้น การปั่นจักรยานจึงลำบาก โชคดีที่บ้านมีเกวียนวัว
เตาเหล็กเล็กใช้อุ่นได้ไม่นาน เธอจึงคิดจะยืมเตาเหล็กจากเถ้าแก่แทน
แม้เถ้าแก่จะไม่ได้อิดออด แต่ลี่หรงก็ยังให้เงินตอบแทนอยู่ดี
คุณแม่จ้าวพยักหน้า รู้สึกโล่งใจ
ลี่หรงไม่เคยปฏิบัติต่อพวกเธอไม่ดี เมื่อเสร็จแล้วก็บอกให้ไปเอาซาลาเปาและขนมมากินกันได้เลย
พวกเธอเลือกกินแต่เศษขนม หรือซาลาเปาบางลูกที่ดูไม่ค่อยสวยเท่านั้น
ขณะกิน ก็พลางชื่นชมทักษะการทำอาหารของลี่หรงไปด้วย
จ้าวชิงหลิ่วถอนหายใจ “น้องสะใภ้ เธอยอดเยี่ยมจริง ๆ ฉันยังไม่กล้าทำอะไรแบบนี้เลย”
ลี่หรงยิ้มและพูดว่า “คงเพราะฉันกล้าหาญมั้งคะ”
“อื้ม! คงจะดีไม่น้อยถ้าสามารถเปิดร้านของตัวเองได้” จ้าวชิงหลิ่วพูดด้วยน้ำเสียงคาดหวัง “ถ้ามีร้านเป็นของตัวเอง ก็คงเปิดขายของทุกวัน แต่ตอนนี้ใครจะกล้าทำล่ะ มันเป็นเรื่องของทุนนิยมทั้งนั้น”
ลี่หรงไม่ได้บอกพวกเธอ ว่าให้รอจนกว่าจะถึงช่วงปลายปีหนึ่งพันเก้าร้อยเจ็ดสิบ เมื่อนโยบายระดับชาติเปิดกว้าง คนจำนวนมากจะเปิดร้านค้าของตัวเองได้ เธอเพียงแค่พูดอย่างมีเลศนัยว่า “ใครจะรู้ เรามาทำตอนนี้ให้ดีกันเถอะ ถ้าวันหนึ่งเปิดให้ขายขึ้นมา ไม่ว่าใครก็สามารถเปิดร้านทำธุรกิจได้”
“เฮ้ เสร็จกันแล้วเหรอ?” จ้าวชิงซงตื่นแล้ว ใบหน้าเต็มไปด้วยความสับสน
ลี่หรงถามเขาว่า “แปรงฟันแล้วเหรอคะ?”
“ยังครับ ผมแค่อยากจะมาดูว่าคุณมีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่า”
“เสร็จหมดแล้วค่ะ ไปแปรงฟันเถอะ”
จ้าวชิงซงก้มหน้าแล้วจูบเธอ “ได้ครับ”
เมื่อคุณแม่จ้าวและคนอื่น ๆ เห็นภาพนี้ก็พลันทำอะไรไม่ถูก เจ้ารองนี่ ทำไมถึงกล้าจูบภรรยาต่อหน้าคนเยอะแยะขนาดนี้
ลี่หรงตระหนักได้ภายหลังว่ามีหลายคนอยู่ในครัว เธอจึงหยิกแขนของจ้าวชิงซงอย่างแรง แล้วพูดว่า “รีบไปสิคะ!”
“โอ๊ย!” จ้าวชิงซงร้องออกมาด้วยความเจ็บ “เดี๋ยวก่อน! ปล่อยก่อน! ปล่อยเถอะครับที่รัก เจ็บ …”
เมื่อจ้าวชิงซงกลับมาอีกครั้ง ลี่หรงจึงหยิบซาลาเปาลูกโตสวยงามมาปิดปากเขา
คุณแม่จ้าวรู้สึกเสียดายซาลาเปาลูกนั้นเหลือเกิน เพราะมันสวยมาก น่าจะเก็บไว้ขาย
ในขณะเดียวกัน ก็พึงพอใจลี่หรงในฐานะลูกสะใภ้มากขึ้น เมื่อมีอาหารดี ๆ เธอก็จะคิดถึงจ้าวชิงซง แม่จ้าวมีความสุขที่ได้เห็นภาพนี้
MANGA DISCUSSION