บทที่ 33 ซาลาเปาเนื้อลูกโต ขนมโก๋ถั่วเขียว ลาก่อนเถ้าแก่ขายขนม
ลี่หรงครุ่นคิดอยู่นาน ตั้งแต่เริ่มทำหมูตุ๋นไปจนถึงทำกุนเชียง เธอมุ่งเป้าไปที่ลูกค้าที่มีกำลังซื้อ จนถึงตอนนี้ที่เริ่มทำติ่มซำ ก็ไม่น่ากังวลว่าจะไม่มีคนซื้อ
ตราบใดที่ทำอาหารให้อร่อย ก็ย่อมมีลูกค้าซื้อเสมอ
ลี่หรงเมื่อพูดแล้วก็ลงมือทำทันที เธอคว้าจักรยานสำหรับฤดูหนาวออกมาขี่ไปที่สหกรณ์จำหน่ายเครื่องบริโภคอุปโภคในเมือง เพื่อซื้อแป้งฟู่เฉียง ถั่วแดงและถั่วเขียว
จ้าวชิงซงกลับมาจากที่ทำงานพอดี เห็นลี่หรงกำลังขนของเข้าบ้าน เขาจึงกะเผลกเร่งฝีเท้าเข้าไปช่วยขนของเข้าครัว
แป้งฟู่เฉียงห้าสิบจิน ไม่ได้ซื้อมาเพื่อทำกินเองแน่นอน หลังจากที่จ้าวชิงซงนำไปเก็บแล้ว เขาก็ถามเธอว่า “คราวนี้จะทำอะไรงั้นเหรอครับ?”
“ทำติ่มซำค่ะ”
“ติ่มซำเหรอ?” จ้าวชิงซงงุนงง
ลี่หรงอธิบายให้เขาฟัง แล้วถามความคิดเห็นของเขาว่า “คุณคิดว่ายังไงคะ?”
“ถ้าคุณอยากทำก็ทำเลยครับ” จ้าวชิงซงสนับสนุนความคิดของลี่หรง ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร เพราะเขาแค่อยากให้เธอมีความสุข
“คุณทำดีมากเลยค่ะ” ลี่หรงดึงแขนเสื้อลง ช่วยเช็ดเหงื่อจากหน้าผากของจ้าวชิงซง
“เอ๊ะ! ผมเป็นสามีของคุณ ถ้าผมไม่ดี ใครจะดีล่ะครับ” จ้าวชิงซงจับมือลี่หรงแล้วหอมแก้มเธอ “หิวแล้วครับภรรยา”
“กำลังทำอยู่ค่ะ”
ลี่หรงหยิบกระดูกข้อหมูที่เธอซื้อมาเคี่ยวทำน้ำซุป จากนั้นนำแป้งฟู่เฉียงมายืดทำเส้นบะหมี่ จ้าวชิงซงเป็นผู้รับผิดชอบในการก่อไฟ
ตักเส้นบะหมี่ที่ต้มสุกแล้วใส่ถ้วย แล้วราดน้ำซุป จากนั้นโรยด้วยต้นหอมสับ เพิ่มความน่ารับประทานยิ่งกว่าเดิม
ความจริงแล้วอากาศในฤดูใบไม้ผลิไม่ร้อนเลย แถมเย็นสบาย แต่อาจเป็นเพราะจ้าวชิงซงหิวมากจนกินสองชามติดต่อกัน ทำให้ตอนนี้เขาเหงื่อออกท่วมตัว
หลังจากกินเสร็จแล้ว ลี่หรงก็สับหมูที่เธอซื้อมาให้ละเอียด แล้วหมักกับเครื่องปรุงรส โดยไม่ใส่ผักชนิดอื่น แช่ถั่วแดงและถั่วเขียวในน้ำ แล้วไปอาบน้ำหลังจากเตรียมวัตถุดิบเสร็จ
สิ่งที่เธอทำนั้นใช้เวลามาก ลี่หรงจึงต้องรีบไปตลาดเช้า จ้าวชิงซงรู้ว่าเธอต้องตื่นแต่เช้า เขาจึงไม่กล้าสร้างปัญหาตอนดึกมากเกินไป หลังจากเสร็จแล้ว เขาก็จับแก้มของลี่หรง แล้วพูดด้วยเสียงแหบพร่าเล็กน้อยว่า “คุณตื่นแล้วปลุกผมด้วยนะ ผมจะได้ช่วยคุณทำงานแต่เช้าครับ”
ลี่หรงเหนื่อยมาก ส่งเสียงตอบรับอู้อี้ ไม่แน่ใจว่าเธอได้ยินสิ่งที่จ้าวชิงซงพูดชัดเจนหรือไม่
เมื่อถึงยามไก่ขัน
ลี่หรงก็ตื่นขึ้นมาทันที เธอลูบหน้าตัวเองเพื่อให้ตื่นตัว
จ้าวชิงซงยังคงนอนกรนอยู่ข้าง ๆ แต่ลี่หรงไม่คิดจะเรียกเขา เพียงลุกจากเตียงออกไปเบา ๆ
พวกเหอซิ่งยังไม่ได้ทำอะไรเลย แต่จ้าวชิงหลิ่วกับสามีที่กำลังจะกลับไปทำงานในหมู่บ้านหลี่เจีย ได้ลุกขึ้นมาทำอาหารเช้าแล้ว พวกเธอต้องเดินทางไกล จึงต้องตื่นแต่เช้าเสมอ เพื่อไม่ให้ไปทำงานสาย
วันนี้เป็นครั้งแรกที่ลี่หรงเจอสองสามีภรรยา ปกติจะไม่ได้เจอกันเลยตลอดทั้งวัน
จ้าวชิงหลิ่วลุกขึ้นมาทำอาหารเช้า ตั้งแต่ตอนที่ลี่หรงยังไม่ตื่น
เมื่อสองสามีภรรยากลับจากที่ทำงานก็ค่ำมืด ขนาดว่าบางครั้งลี่หรงก็กินข้าว อาบน้ำนอนไปแล้ว
ย่อมไม่ได้เจอกันเลยเป็นธรรมดา
ลี่หรงทักทายด้วยการเรียกว่า ‘พี่สาว’ ทั้งสองมองหน้าและยิ้มให้กัน ก่อนไปทำงานต่อ
ขั้นแรกลี่หรงหมักแป้งให้ขึ้นฟูก่อน แล้ววางแป้งลงในหม้อ ใช้ความร้อนที่เหลืออยู่ทำให้แป้งหมักได้ดีขึ้น
จากนั้นเตรียมทำถั่วแดงบดและขนมโก๋ถั่วเขียว
ซาลาเปาที่เธอวางแผนว่าจะทำมีไส้สองเช่น คือซาลาเปาเนื้อชิ้นใหญ่ไส้เนื้อล้วน และซาลาเปาไส้ถั่วแดง เธอเคยกินขนมจาก ‘ตลาดการค้าเสรี’ มาก่อน และพบว่ามันไม่ค่อยอร่อยนัก ดังนั้นคราวนี้เธอจึงวางแผนจะทำขนมโก๋ถั่วเขียวด้วย
ถั่วแดงและถั่วเขียวล้วนไม่ได้กะเทาะเปลือกออก ซึ่งปกติแล้วควรทำ เพื่อทำถั่วแดงบดและขนมโก๋ถั่วเขียว แต่ก็ไม่มีทางเลือก เพราะไม่มีถั่วไร้เปลือกในสหกรณ์ และเธอก็ไม่คิดจะกะเทาะเปลือกถั่วเองด้วย
เมื่อบีบถั่วที่แช่ค้างคืนจะแตกออกเป็นชิ้น ๆ
ลี่หรงใส่ถั่วลงไปในหม้อนึ่ง
จ้าวชิงซงพลางเดินเข้ามา สีหน้าพลันเสียใจเล็กน้อยขณะพูดว่า “ทำไมคุณตื่นแล้วไม่ปลุกผมล่ะครับ บอกแล้วว่าจะตื่นมาช่วยนี่นา”
ลี่หรงคลี่ยิ้ม “งานไม่ได้เยอะอะไรมาก แค่อยากให้คุณนอนต่ออีกสักหน่อยน่ะค่ะ”
สามีออกจากบ้านแต่เช้าแล้วยังกลับบ้านดึก ลี่หรงไม่รู้ว่าเขายุ่งอยู่กับอะไร แต่เมื่อเห็นจ้าวชิงซงขมวดคิ้วหน้าเครียดทุกวัน เธอก็รู้ดีว่างานของเขาคงไม่ใช่เรื่องง่าย จึงปล่อยให้อีกฝ่ายนอนหลับพักผ่อนมากขึ้นหน่อย
สามีเห็นใจเธอ เธอเองก็เช่นเดียวกัน คนสองคนต่างต้องเข้าใจกันและกัน เพื่อให้ชีวิตคู่มีแต่ดีขึ้นเรื่อย ๆ
จ้าวชิงซงเดินไปช่วยดูไฟให้เธอ
ลี่หรงหาที่นั่งให้เขา แล้วเดินไปดูแป้งที่เพิ่งหมักเสร็จ จากนั้นโรยแป้งข้าวโพดบนเขียง เพื่อทำการนวดแป้ง
หลังจากแบ่งแป้งได้เกือบร้อยลูก ก็เริ่มห่อไส้ซาลาเปา
ห่อซาลาเปาเนื้อเสร็จแล้ว ก็นำไปวางในหม้อนึ่งก่อน
จ้าวชิงซงดูไฟอยู่ ขณะที่ลี่หรงหยิบถั่วนึ่งออกมา
เธอนำถั่วแดงมาบดให้ละเอียด แล้วค่อยเติมน้ำตาล จากนั้นคนให้เข้ากัน ก่อนห่อแป้ง
ซาลาเปาไส้ถั่วแดงเสร็จภายในไม่กี่นาที จากนั้นจึงนำไปนึ่ง
ในการทำขนมโก๋ถั่วเขียว เธอใส่ถั่วเขียวบดลงในหม้อ แล้วใส่น้ำผึ้งและน้ำตาลลงไปผสมก่อนนำไปผัด เมื่อผัดเสร็จ จึงค่อยยกลงจากเตา ใช้แม่พิมพ์ไม้กดออกมาเป็นรูปทรง ก็จะได้ขนมโก๋ถั่วเขียวสี่เหลี่ยม
หลังจากกดชิ้นสุดท้ายเสร็จแล้ว ลี่หรงก็ยื่นมันไปที่ปากของจ้าวชิงซง แล้วพูดว่า “อ้าปากสิคะ”
จ้าวชิงซงกัดเข้าไปคำหนึ่ง ก่อนพบว่ารสชาติมันดีมาก มีกลิ่นหอมของถั่วเขียวและความหวานของน้ำผึ้ง เขาพยักหน้าด้วยความชื่นชม “ภรรยาของผมทำอร่อยจริง ๆ ครับ”
ในช่วงปีใหม่ ลี่หรงก็ทำขนมออกมามากมาย แต่เธอยังไม่เคยทำขนมโก๋ถั่วเขียวเลย แม้ปกติขนมโก๋ทั้งหมดจะเป็นเค้กข้าวมีเนื้อสัมผัสค่อนข้างแห้ง แต่กลับต่างจากขนมโก๋ถั่วเขียวนี้ ซึ่งมีเนื้อหนึบอร่อย
ลี่หรงหยิบมาให้เขาอีกชิ้น แต่จ้าวชิงซงส่ายหน้า ก่อนปฏิเสธ “เก็บไว้ขายเถอะครับ”
“กินเถอะค่ะ” ลี่หรงยืดตัวไปข้างหน้าอีกเล็กน้อย ขนมจึงแตะริมฝีปากของจ้าวชิงซง “ให้คุณอีกชิ้นหนึ่ง”
ลี่หรงนำกระดาษมันมาห่อซาลาเปาเนื้อลูกใหญ่สามลูก แล้วมอบให้จ้าวชิงหลิ่วก่อนที่จะออกไปทำงาน โดยบอกให้เธอกินเป็นอาหารกลางวัน
การทำงานนั้นเหนื่อยมาก จ้าวชิงหลิ่วกับสามีเป็นคนซื่อสัตย์และไม่เกียจคร้าน ตอนเช้าพวกเขาจะนำข้าวเมล็ดหยาบและผักดองติดตัวไปด้วย
หลังจากทำงานหนักมาทั้งวัน ก็ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพวกเขาถึงผอมได้ขนาดนี้
จ้าวชิงหลิ่วรีบออกจากบ้านไป โดยไม่ทันได้ดูว่าลี่หรงให้อะไรมา ในเมื่อปฏิเสธไม่ได้ก็รับมาใส่ในตะกร้าไว้ก่อน แล้วพกมันไปกินที่ทำงาน เมื่อเปิดตอนเที่ยง ก็พบว่ามันเป็นซาลาเปาเนื้อล้วน
สองสามีภรรยาเพิ่งเคยกินซาลาเปาเนื้อล้วนเช่นนี้ครั้งแรก ขอบตาของจ้าวชิงหลิ่วร้อนผ่าว ขณะพูดว่า “ภรรยาของเจ้ารองเป็นคนดีเสียจริง”
หลี่ต้าไห่พยักหน้า เห็นด้วยกับคำพูดของเธอ
อาจเป็นเพราะมื้อกลางวัน พวกเขากินซาลาเปาเนื้อเยอะ ทั้งสองจึงทำงานหนักมากในช่วงบ่าย โดยปกติทั้งสองจะหิวมากจนแทบเวียนหัวตาลาย เพราะไม่มีแรงมากพอในการทำงาน
ส่วนลี่หรงกินซุปกระดูกที่เหลือจากเมื่อคืนกับซาลาเปานึ่ง ก่อนออกไปข้างนอก
จักรยานใช้ประโยชน์ได้ดีจริง ๆ เธอขี่มันไป ‘ตลาดการค้าเสรี’
ลี่หรงมายัง ‘สถานที่เดิม’ ก่อนจอดจักรยาน แล้วเตรียมตั้งแผงขายของ
ด้านข้างเป็นเถ้าแก่ร้านขนมและอาหารเสริม
เถ้าแก่ไม่ได้เจอเธอมานาน และลี่หรงที่ไม่ต้องออกไปตากแดดตากลมข้างนอก เลยทำให้เธอดูอวบขึ้นในช่วงฤดูหนาว เถ้าแก่ต้องมองเธอให้ดีก่อน จึงจะจำเธอได้ เขาทักทายเธออย่างร่าเริงว่า “น้องสาวหรือเปล่า? กลับมาแล้วเหรอ”
“คุณยังจำฉันได้ด้วยเหรอคะ?” ลี่หรงยิ้ม
“จะจำไม่ได้ได้ยังไง ฉันยังจำรสชาติพะโล้ที่เธอทำในตอนนั้นได้อยู่เลย แล้วทำไมเธอถึงเลิกทำขายแล้วล่ะ แม้ฉันอยากกินแค่ไหนแต่ก็หาซื้อไม่ได้เลย”
เถ้าแก่นิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า “ต่อมามีบางร้านแกะสูตรมาขาย ฉันเลยลองซื้อมาชิม แต่รสชาติก็ยังไม่ใช่ คนนั้นขายได้ไม่กี่ครั้งก็เลิกไป เพราะขายได้ไม่ดี”
MANGA DISCUSSION