บทที่ 28 ชมลำนำกองทัพแดงและกินเกี๊ยว
แม่จ้าวหัวเราะ “เฮ้อ ยังเด็กอยู่ก็เป็นเรื่องปกติ”
ผู้หญิงคนนั้นพูดว่า “แต่ไม่มีคู่รักหนุ่มสาวที่แต่งงานใหม่ แล้วเหนียวแน่นกันขนาดนี้หรอกนะ จะว่าไปแล้ว ตอนที่ยุวชนลี่บอกให้แยกครอบครัวออกมา ไม่ใช่ว่าตอนนั้นหล่อนมีปัญหากับลูกชายคนรองของเธอหรอกเหรอ ไม่คิดเลยว่าสุดท้ายจะลงเอยด้วยการรักกันแน่นแฟ้นขนาดนี้”
ใบหน้าของแม่จ้าวแข็งทื่อ เธอเหลือบมองคนพูด แล้วคิดในใจว่าผู้หญิงคนนี้ปากไม่ดีจริง ๆ กำลังจะเข้าสู่ช่วงปีใหม่ ก็กำลังพยายามนำความอัปมงคลมาให้เธอเสียแล้ว
ป้าหลิวที่สนิทกับแม่จ้าวก็พูดคลี่คลายสถานการณ์ “ต้านี เธอกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่ พวกเขารักกันก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ เธอดูสิว่าสองคนนั้นแต่งตัวดีกันแค่ไหน เหมือนคนในเมืองเลย”
ผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ เธอก็ยังพูดเสริมว่า “โอ้โฮ เสื้อคลุมที่ลูกชายคนรองของครอบครัวจ้าวสวมใส่เท่มาก ยุวชนลี่ก็สวมชุดสีแดงเข้ากับเทศกาลเหมือนกัน ฟางหง ครอบครัวของเธอกำลังมีวันที่ชื่นคืนสุข”
แม่จ้าวได้ยินแบบนี้ก็พึงพอใจ สีหน้าผ่อนคลายลง “เป็นวันชื่นคืนสุขสำหรับทุกคน”
ทุกคนกินข้าวเย็นวันส่งท้ายปีเก่าแต่เช้า และออกจากบ้านมาทันที เมื่อรู้ว่าจะมีการแสดงงิ้ว
หลังจากที่ลี่หรงมาถึง สมาชิกคนอื่น ๆ ในชุมชนก็พาครอบครัวมากันแล้ว ไม่นานฝูงชนที่คึกคักก็รวมตัวกันที่ทางเข้าหมู่บ้าน
มีคนมาเยอะมาก ลี่หรงเห็นใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยมากมาย จึงถามจ้าวชิงซงว่า “ทำไมคนถึงเยอะจังล่ะคะ?”
จ้าวชิงซงจัดผ้าพันคอของเธอให้กระชับขึ้น แล้วอธิบายให้ฟังว่า “หมู่บ้านต้าเจียงเป็นหมู่บ้านใหญ่ที่มีคนเยอะ ไม่ได้อยู่ในภูเขา ถนนก็เดินสะดวก จึงมีการแสดงงิ้วใหญ่ที่นี่ทุกปี คนในหมู่บ้านรอบ ๆ หลายหมู่บ้านก็เลยมาดูกันที่นี่”
หลังจากที่นักแสดงงิ้วเตรียมอุปกรณ์เสร็จ พวกผู้ใหญ่ก็เริ่มกระตือรือร้น หยุดพูดคุย และมารวมตัวกันรอบเวทีเพื่อรอดู
หัวหน้าคณะงิ้วเป็นชายวัยกลางคน สวมชุดยาวโค้งคำนับพร้อมโบกพัดกระดาษ ขณะกล่าวแสดงความยินดีกับชาวบ้านด้านล่าง ทุกคนต่างตะโกนทักทาย ปรบมือกันไม่หยุด
หัวหน้าคณะถอยออกจากเวทีไป เริ่มการแสดงงิ้วอย่างเป็นทางการ
ลี่หรงมาถึงไม่สายเกินไป จึงได้นั่งเบาะหน้า จ้าวชิงซงยืนเฝ้าเคียงข้างเธอ
คณะนี้ติดดินมาก ลี่หรงคิดแบบนี้ทันที หลังจากได้ยินชื่อละครเรื่องแรก
เรื่องแรกคือ ‘ลำนำกองทัพแดง’
ลี่หรงไม่สามารถละสายตาจากเวทีได้ ตั้งแต่วินาทีแรกที่ตัวละครตัวแรกขึ้นมาบนเวที เธอดึงชายเสื้อของจ้าวชิงซงด้วยความตื่นเต้น แล้วพูดว่า “ดูสิ ดูสิ มาแล้ว”
มีรอยยิ้มในดวงตาของจ้าวชิงซง เขาลดสายตาลงมองเข้าไปในดวงตาเป็นประกายของหญิงสาวตัวน้อย เขาเอื้อมมือออกไปจับมือเธอไว้ มือเล็ก ๆ ของหญิงสาวเย็นเฉียบ จ้าวชิงซงขมวดคิ้ว “ทำไมมือเย็นจังล่ะครับ”
ลี่หรงไม่ได้ยินคำถามของเขา เธอแค่รู้สึกว่ามือของเธอถูกชายหนุ่มจับไปใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้ออันอบอุ่น เธอรู้สึกถึงความอบอุ่น จึงขยับนิ้ว แต่ก็ยังไม่สนใจอีกฝ่าย และเฝ้ามองนักแสดงบนเวทีอย่างสนุกสนาน
นักแสดงสวมชุดจีนโบราณสีน้ำเงิน แสดงเรื่องราวเกี่ยวกับการเดินทัพของกองทัพแดง
ไม่มีพื้นเวทีระดับสูง ไม่มีแสงสีเสียงที่ปรับแต่งอย่างดี และไม่มีการแต่งหน้าที่งดงามตระการตา
ด้วยแสงจากกองไฟและดวงจันทร์ ตลอดจนทักษะการแสดงบนเวทีอันเก่งกาจ และการแสดงออกทางอารมณ์ของนักแสดง งิ้วทั้งเรื่องจึงทำให้ผู้ชมเกิดอารมณ์ตึงเครียด
‘ลำนำกองทัพแดง’ นี้แตกต่างจากละครประวัติศาสตร์เรื่องอื่น ๆ ละครเรื่องนี้สร้างมาจากประวัติศาสตร์ที่ใกล้เคียงกับชีวิตของคนธรรมดามากที่สุด แสดงให้เห็นถึงความศรัทธาอันสูงส่ง และแรงบันดาลใจให้ก้าวไปข้างหน้า ทำให้ผู้ชมถึงกับต้องหลั่งน้ำตา!
ลี่หรงก็ขอบตาร้อนผ่าวเช่นกัน การเดินทัพทางไกลของกองทัพแดงไม่ใช่เรื่องง่ายจริง ๆ ราวกับเธอได้เห็นว่าการเดินทัพทางไกลของกองทัพแดง เต็มไปด้วยความทุกข์ทรมานผ่านนักแสดง และเห็นบรรพบุรุษที่ไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก และเขียนประวัติศาสตร์ขึ้นใหม่เพื่อสร้างจีนยุคใหม่
เธอเป็นคนที่มาจากอนาคต จึงรู้ชัดเจนว่าประเทศจะเจริญรุ่งเรืองเพียงใดในรุ่นต่อไป ซึ่งทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นถึงความพยายามของบรรพบุรุษ
ลี่หรงตกตะลึง ขอบตาร้อนผ่าว
ละครเรื่องต่อมาล้วนเป็นที่คุ้นเคยของคนทั่วไป เช่น ‘บู๊สงตีเสือ’ และ ‘นางพญาผมขาว’
แม้ว่าเครื่องแต่งกายและอุปกรณ์ประกอบฉากจะดูไม่ประณีต แต่ก็ยังมองออกว่าใครเล่นเป็นใคร พวกชาวบ้านก็ดูอย่างสนุกสนาน
จนกระทั่งการแสดงงิ้วจบลง พวกชาวบ้านก็จำต้องแยกย้ายกันไป
ชาวบ้านไม่มีนาฬิกา จึงไม่รู้เวลา แต่จ้าวเจี้ยนผิงมี เขาเป็นหัวหน้าฝ่ายผลิต จำเป็นต้องมีนาฬิกาเพื่อดูเวลา เพื่อจะได้บอกชาวบ้านให้มาทำงานตรงเวลาได้
ชาวบ้านบางคนจึงถามเวลาจ้าวเจี้ยนผิง ก่อนจะกลับบ้าน
ความจริงไม่ต้องถามก็ได้ เพราะเมื่อถึงเวลาเที่ยงคืน กองพลก็จะจุดประทัดดังสนั่นหวั่นไหว
แต่จ้าวเจี้ยนผิงรู้สึกภูมิใจ เขายกแขนขึ้น แล้วถลกแขนเสื้อ จ้องมองนาฬิกา แล้วบอกคนอื่นด้วยสีหน้าผ่อนคลายว่า “ตอนนี้สี่ทุ่มห้าสิบเอ็ด”
เมื่อชาวบ้านได้ยินเวลา ก็รีบแยกย้ายกันไป พลางตะโกนว่า “กลับบ้าน”
ลี่หรงรอให้เหอซิ่งไปตามหาเด็กน้อยสองคน แล้วค่อยกลับบ้านด้วยกัน
หลังจากกลับมาถึงบ้าน ลี่หรงก็เข้าไปทำงานในครัวอีกครั้ง เพื่อทำเกี๊ยวไว้กินในวันส่งท้ายปีเก่า
เอ้อร์หนิวเหนื่อยจากการวิ่งเล่นที่ทางเข้าหมู่บ้าน พ่อแบกเขาไว้บนหลัง เมื่อกลับถึงบ้าน เขาก็ได้ยินว่าลี่หรงกำลังทำเกี๊ยว จึงโผล่หัวออกมาจากด้านหลังพ่อ แล้วพูดว่า “ผม ผมก็อยากกินเหมือนกัน”
เหอซิ่งกับแม่จ้าวก็ไปช่วยทำเกี๊ยวด้วย เหอซิ่งลูบหัวเอ้อร์หนิวแล้วพูดว่า “ไปนอนเถอะ เสร็จแล้วแม่จะไปปลุก”
ลี่หรงซื้อแป้งฟู่เฉียงมาเก็บไว้นานแล้ว เพื่อเตรียมไว้สำหรับทำเกี๊ยวในช่วงตรุษจีน
ไส้เกี๊ยวหมักไว้แล้ว ตอนทำอาหารเย็นวันส่งท้ายปีเก่า มีสองไส้คือกะหล่ำปลีกับหมูและกุ้ยช่ายกับหมู
เกี๊ยวที่ลี่หรงทำนั้นมีสีขาว อวบอ้วนสวยงามมาก แม่จ้าวไม่คาดคิดมาก่อนว่าเธอจะทำเกี๊ยวได้สวยงามน่ากินขนาดนี้ หลังจากชมเชยไม่กี่ครั้ง ลี่หรงก็ยิ้มอย่างภาคภูมิใจ แล้วแอบพูดกับตัวเองในใจว่า ‘ฉันก็เป็นฟู๊ดบล็อกเกอร์ซะด้วย จะทำเกี๊ยวออกมาไม่สวยได้ยังไงกัน’
ทั้งสามคนรีบแบ่งงานห่อเกี๊ยว แล้วนั่งทำงานร่วมกัน จากนั้นถาดสองใบก็เต็มไปด้วยเกี๊ยวสีขาวชิ้นโต
จ้าวชิงซงเริ่มจุดไฟ
ลี่หรงแบ่งเกี๊ยวออกเป็นเกี๊ยวนึ่งและเกี๊ยวต้ม
นึ่งเกี๊ยวในหม้อจนแป้งโปร่งแสงเห็นไส้ ก็แสดงว่าเกือบสุกแล้ว
จากนั้นต้มเกี๊ยวในน้ำเดือด เมื่อสุกแล้ว ก็ใส่ลงในชามพร้อมน้ำซุปกระดูกวัว
แต่ละคนได้เกี๊ยวหนึ่งชาม เกี๊ยวนึ่งถูกนำออกมาจากหม้อนึ่ง แล้ววางไว้กลางโต๊ะกินข้าว
ลี่หรงทำน้ำจิ้มจากซีอิ๊ว พริกและน้ำส้มสายชู ไว้สำหรับจิ้มเกี๊ยว
เอ้อร์หนิวไม่รอให้เหอซิ่งไปเรียก เขาตื่นขึ้นมาเพราะได้กลิ่นเกี๊ยวหอมกรุ่น จึงปีนลงมาจากเตียงเตา พร้อมกับขยี้ตา
เมื่อเห็นพี่ชายกำลังคีบเกี๊ยวเข้าปาก เขาก็ตื่นทันที แล้วเบะปากตะโกนว่า “แม่ครับ ฮือ ๆ แม่ไม่เรียกผม”
“หยุดร้องได้แล้ว” เหอซิ่งเดินเข้ามาพร้อมกับเกี๊ยว “กำลังจะไปเรียก แต่ลูกตื่นก่อน มากินกันเถอะ”
เอ้อร์หนิวที่ถูกแม่เกลี้ยกล่อมสูดจมูก
หลังจากกินเกี๊ยวไปได้ครึ่งหนึ่ง เสียงประทัดก็ดังขึ้นข้างนอกสองสามครั้ง เสียงดังสนั่นเหมือนเสียงฟ้าผ่า ทำให้หูอื้อ
“เที่ยงคืนแล้ว รีบจุดเลย” คุณพ่อจ้าวกล่าว
เมื่อครู่ประทัดถูกวางไว้ที่ลานบ้าน ส่วนอีกพวงหนึ่งอยู่ที่ประตูด้านนอก
จ้าวชิงหยางจุดด้านนอก ส่วนจ้าวชิงซงจุดจากด้านใน เมื่อลวดถูกไฟไหม้ ก็ได้ยินเสียงประทัดดังลั่น
จุดประทัดก็เพื่อบอกลาสิ่งเก่า ต้อนรับสิ่งใหม่ ทันทีที่สิ้นเสียงประทัด ปีใหม่ก็มาถึงแล้ว
แม่จ้าวตะโกนว่า “สวัสดีปีใหม่ ขอให้สมหวังในทุกเรื่อง”
เหอซิ่งตะโกนว่า “สวัสดีปีใหม่ ขอให้ลูกชายมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์”
ลี่หรงตะโกนว่า “สวัสดีปีใหม่ ปีนี้ขอให้ร่ำรวยเงินทอง”
แม่จ้าวมองเธอ แล้วพูดว่า “ปีนี้ขอให้คลอดลูกชายแข็งแรง ๆ น่ะ”
ลี่หรงอ้าปาก ถ้าพูดแบบนี้ก็แสดงว่ามุ่งเป้ามาที่เธอคนเดียว เมื่อเธอเห็นดวงตาสดใสของจ้าวชิงซง เธอก็พูดไม่ออก
หลังจากประทัดถูกจุดหมดแล้ว ก็สามารถกลับเข้าบ้านไปนอนได้
MANGA DISCUSSION