บทที่ 23 ถูกชี้ว่า ‘ทำการค้า’ ลี่หรงประจบเพื่อกู้สถานการณ์ วงศ์ตระกูลถูกเปิดเผยครั้งแรก
“คุณมีหลักฐานไหม?” ลี่หรงสีหน้าราบเรียบ “พ่อของฉันทำงานอยู่ที่ธนาคาร แม่ของฉันอยู่ที่โรงงานทอผ้า พี่ใหญ่ของฉันอยู่ในกองทัพ พี่สองอยู่ในโรงงานแปรรูปเนื้อสัตว์ พี่สามเพิ่งจะเข้าประจำการทหาร คนในครอบครัวของฉันไปมาหาสู่กับพวกคุณลุงคุณอาในช่วงตรุษจีน พี่สะใภ้ของฉันกลับบ้านแม่ ทำไมถึงจะส่งกุนเชียงไปให้ไม่ได้ล่ะ? คุณสนเหรอว่าฉันทำได้มากเท่าไร? ไม่มีหลักฐานก็หุบปากไปซะ!”
ลี่หรงหงุดหงิดจริง ๆ แล้วลากจ้าวชิงซงจากไป “พวกเราจะไปแจ้งตำรวจ!”
คำพูดของลี่หรงราวกับฟ้าผ่าฉับพลัน ทำให้เหล่าสมาชิกรวมถึงผู้ใหญ่บ้านต่างก็ตกตะลึง
ตอนแรกพวกเขารู้แค่ว่าครอบครัวของลี่หรงนั้นมีฐานะ แต่ไม่คิดว่าจะดีถึงขนาดนี้ โอ้แม่เจ้า ธนาคารเอย โรงงานทอผ้าเอย
ไหนจะพี่ใหญ่อยู่ในกองทัพ ชีวิตดีอะไรขนาดนี้เนี่ย!
รองผู้ใหญ่บ้านขมวดคิ้ว แล้วเพิ่มแรงกดกันให้จ้าวเจี้ยนซู่ “เจี้ยนซู่!”
ชุมชนที่การประเมินเป็นเลิศและมีความก้าวหน้าจะรับโควตาได้มากขึ้น เช่น จะเพิ่มปริมาณที่เลี้ยงหมูเป็ดไก่ต่าง ๆ ก็ได้ เลี้ยงหมูเยอะก็จะยิ่งแบ่งเนื้อในช่วงสิ้นปีได้มากขึ้น นี่เป็นผลประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับเหล่าสมาชิกโดยตรง
เมื่อรู้ว่าหวงต้าหลานต้องเข้าสถานีตำรวจ แล้วจะส่งผลเสียต่อชุมชน เหล่าสมาชิกก็พากันเริ่มโน้มน้าวหวงต้าหลาน
หากหมู่บ้านต้าเจียงถูกตำหนิเพราะเรื่องนี้ และถูกประเมินว่าเป็นชุมชนที่ก้าวหน้าไม่ได้ เช่นนั้นตระกูลของหวงต้าหลานจะต้องถูกคนชิงชังเป็นแน่
จ้าวเจี้ยนซู่รักในเกียรติ จึงไม่ปล่อยให้ตระกูลของตัวเองมีจุดด่างพร้อยแน่นอน จึงตวาดใส่ “สะใภ้สี่! รีบชดใช้เดียวนี้!”
หัวหน้าครอบครัวออกปากแล้ว หลี่เซียงก็กดดันตาม ทำเอาหวงต้าหลานเจ็บใจเจียนตาย เพราะไม่ได้อยากให้ แต่เมื่อเห็นลี่หรงกำลังจากไปจริง ๆ จึงพูดขึ้นว่า “ฉันจะให้!”
เมื่อละครตลกสิ้นสุด ทุกคนก็สลายตัว
ครอบครัวจ้าวชิงซงกลับถึงบ้านก็นั่งอยู่ในห้องโถง จ้าวเจี้ยนกั๋วถือกระบอกยาสูบขึ้นมาสูบพร้อมเปล่งเสียง ‘อึก ๆ’ จนทุกคนในบ้านเงียบกริบ
จ้าวชิงซงนำผ้าชุ่มน้ำมาวางบนหน้าลี่หรง เพื่อลดอาการปวดบวมให้เธอ
เมื่อครู่ตอนอยู่บ้านหวงต้าหลาน ลี่หรงไม่ได้สนใจว่าหน้าจะบวมเลย ตอนนี้กลับมาถึงบ้านก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา และเมื่อสัมผัสโดนผ้าชุ่มน้ำก็แทบหยุดหายใจ
จ้าวเจี้ยนกั๋วพ่นควันออกมา แล้วพูดอย่างเคร่งขรึม “ช่วงนี้ เจ้ารองพาเจ้าใหญ่ไปทำงานหาเงินด้วย พ่อรู้ว่าพวกแกสองพี่น้องร่วมใจกันทำให้บ้านนี้ดีขึ้นเรื่อย ๆ เลยไม่ได้ถามว่าพวกแกกำลังทำอะไร พ่อรู้ว่าเจ้าใหญ่กับเจ้ารองเป็นคนรู้ผิดรู้ถูกอยู่แก่ใจ ตอนนี้ทำไมรู้สึกเหมือนว่าพวกแกหลงทางเลยล่ะ?!”
เขาถอนหายใจยาว “พวกแกหาช่องโหว่ ‘ทำการค้า’ จริงหรือเปล่า? เจ้ารอง พ่อคิดว่าแกมีความสามารถมาตลอด แกทำเรื่องอย่างการหาช่องโหว่ใช้อุบายหรือเปล่า? พูดมา”
ลี่หรงกำลังจะพูดก็โดนจ้าวชิงซงอุดปากด้วยผ้าขนหนู ก่อนได้ยินเพียงจ้าวชิงซงพูด “ไม่ใช่ แต่ก็ไม่เชิง พ่อครับ อย่าสนใจดีกว่า ผมรู้ว่าอะไรควรไม่ควร”
“อย่าสนใจ?” จ้าวเจี้ยนกั๋วหายใจแรง “ทำแบบนี้มันผิดกฎหมาย! ฉวยโอกาสหากำไรมหาศาล เจ้ารองเอ๊ย แกกำลังทำอะไร!”
จ้าวชิงซงพูดอย่างใจเย็น “พ่อ อย่าสนใจเรื่องนี้เลย ไม่มีปัญหาหรอก อีกอย่าง ตามการพัฒนาของประเทศเราในปัจจุบัน ผมเชื่อว่าจะมีนโยบายใหม่เกิดขึ้นในไม่ช้า ถึงตอนนั้นทุกครัวเรือนจะมีนาเป็นของตัวเอง ‘ทำการค้า’ ไม่ถือว่าเป็นพฤติกรรมการเก็งกำไรอีกต่อไป ทว่าเป็นการเคลื่อนไหวสำคัญที่ส่งเสริมการปฏิรูปสังคม ตอนนี้พวกเราก็นำไปก่อนเล็กน้อย”
ลี่หรงได้ยินประโยคนี้ ก็เงยหน้ามองจ้าวชิงซงทันที มีความคิดแวบหนึ่งขึ้นมาว่าจ้าวชิงซงทะลุมิติมาเหมือนกันหรือไม่ ไม่อย่างนั้นเขาจะเดานโยบายในอนาคตแม่นขนาดนั้นเลยเหรอ
ทว่าตอนที่เธอเห็นสีหน้าเด็ดเดี่ยวและราบเรียบของจ้าวชิงซง จึงรู้ว่าเขาไม่ได้มาจากอนาคต จ้าวชิงซงคาดเดากฎหมายที่จะพัฒนาด้วยสมองอันเฉียบแหลม เขาปราดเปรื่องมาก
ในใจลี่หรงเกิดหวั่นไหว รู้สึกเลื่อมใสชายคนนี้มากขึ้นไปอีก
จ้าวชิงซงพูดอีกว่า “พ่อครับแม่ครับ พวกท่านทำงานกันอย่างขยันขันแข็ง ทั้งปีสะสมเงินได้เท่าไร? กินข้าวต้มกับผักดองมาตั้งกี่ปีแล้ว? ต้าหนิวอายุแปดขวบยังไม่เคยเข้าเรียนชั้นประถม เป็นชาวนายากจนผู้ซื่อสัตย์ แม้แต่ข้าวสวยก็ยังกินไม่ได้ มันรุ่งโรจน์จริงเหรอ? ผมจะไม่หยุดเรื่องนี้ แน่นอนว่าถ้าพี่ใหญ่ไม่อยากทำ เขายอมล้มเลิก ผมก็จะไม่พูดอะไร ก็ยังเป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกันอยู่ดี”
“ผมก็จะไม่ล้มเลิก” จ้าวชิงหยางพูดอย่างแน่วแน่ เมื่อเขาเริ่มเข้าร่วมกลุ่มของจ้าวชิงซงไปส่งสินค้า เขาก็พอจะรู้ตัวว่าตัวเองกำลังทำอะไร
อาจจะเคยดิ้นรนอยู่ในใจบ้าง แต่เมื่อเห็นครอบครัวได้กินเนื้อเพราะเขาทำเรื่องแบบนี้ พ่อแม่ก็มีสมดุลชีวิตมากขึ้น รอยยิ้มบนใบหน้าลูกสะใภ้ก็กว้างมากขึ้น ลูกชายทั้งสองก็ได้เข้าเรียนแล้ว
เขาคิดว่าสิ่งที่ทำก็มีความหมายและคุ้มค่า
จ้าวเจี้ยนกั๋วปรายตามองลูกชายที่สร้างครอบครัวแล้ว รู้ว่าเกลี้ยกล่อมไม่ขึ้น จึงถอนหายใจ “พวกแกโตแล้วสินะ ช่างเถอะ ยังไงก็ระวังให้ดี รู้ว่าอะไรควรไม่ควรด้วย”
เมื่อกลับเข้าห้องตัวเอง จ้าวชิงซงก็มองลี่หรงด้วยสีหน้าเคร่งครึม น้ำเสียงจริงจัง “คุณโง่หรือเปล่า? วิ่งไปทะเลาะกับคนอื่นคนเดียวเนี่ยนะ!”
มีแค่สวรรค์ที่รู้ว่าตอนนั้น ขณะจ้าวชิงซงรีบร้อนไปถึงที่เกิดเหตุและเห็นหมัดของจ้าวจื้อหมิงกำลังจะชกลี่หรง เขารู้สึกกลัวมากแค่ไหน ตัวเย็นเยือกไปทั้งตัว แม้นึกย้อนกลับไปตอนนี้ก็ยังคงอกสั่นขวัญหาย
เขาโกรธที่ลี่หรงไม่รู้จักป้องกันตัวเองให้ดี บุกไปทะเลาะกับคนอื่นตัวคนเดียว เธอเป็นเด็กสาวที่อายุยังไม่ยี่สิบปีเต็ม ชายหนุ่มอย่างจ้าวจื้อหมิง ถ้าลงไม้ลงมือขึ้นมาจริง ๆ มีลี่หรงสิบคนก็บาดเจ็บสาหัสไปแล้วเก้าคน
ลี่หรงเจอตัวโจรขโมยกุนเชียงแล้ว คิดว่าจ้าวชิงซงจะชมเธอ นึกไม่ถึงว่าทันทีที่เขาเปิดปากก็จะด่าเธอว่าโง่
แต่ก่อนใครก็ชมว่าเธอฉลาดมากความสามารถไม่ใช่หรือไง
เป็นครั้งแรกที่ถูกด่าว่าโง่ อีกทั้งเธอยังเจ็บที่หน้าอีก ลี่หรงรู้สึกน้อยใจมาก ขอบตาร้อนผ่าว แล้วมองชายหนุ่มอย่างแข็งกร้าว “ฉันก็ไม่ได้ตั้งใจไปหาเรื่องทะเลาะ เธอขโมยกุนเชียง ฉันจะไปเผชิญหน้าไม่ได้เลยหรือไง!”
“ไม่ได้บอกว่าไม่ได้ แต่คุณก็ต้องหาคนไปเยอะ ๆ หน่อย วิ่งไปตัวคนเดียว คุณรู้ไหมว่าจ้าวจื้อหมิงมีพี่น้องกี่คน? อีกอย่างพวกคุณก็ลงมือกันด้วย คุณคิดบ้างไหมว่าถ้าวันนี้ผมไปช้าอีกแค่นิดเดียว คุณจะโดนอะไรบ้าง?”
ลี่หรงหันหน้ามองข้างนอก “ต่อให้วันนี้คุณไม่มา จ้าวจื้อหมิงก็ไม่ทำร้ายฉันหรอก ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ วันนี้ฉันคงจะได้หักแขนเขาไปข้างหนึ่ง ถ้าเกิดคิดจะทำร้ายฉัน ผู้ชายที่ทำร้ายผู้หญิง เจอเมื่อไรฉันจะตบให้เห็นเลย”
จ้าวชิงซงขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม แล้วใจก็อ่อนยวบทันทีหลังจากมองแก้มบวมแดงของลี่หรง เขาถอนหายใจ “ไม่ใช่ว่าผมกลัวคุณโดนใครทำร้ายหรอกเหรอ? ไหนว่าเก่งนัก ตอนนี้คุณก็หน้าบวมอยู่ไม่ใช่หรือไง?”
“วันนี้ฉันพาต้าหนิวไปด้วย!”
“เขาเป็นแค่เด็กจะทำอะไรได้?” จ้าวชิงซงไม่กล้าตำหนิไปมากกว่านี้ แม้เขาจะโกรธมากที่ลี่หรงวิ่งไปเล่นงานคนอื่นตามลำพัง ทว่าเห็นท่าทางน้อยใจของลี่หรงในตอนนี้ ก็เค้นเสียงแข็งไม่ขึ้น เขาพูดว่า “ครั้งนี้ก็แล้วไป ถ้าครั้งหน้ามีเรื่องแบบนี้อีกให้เรียกผม รู้ไหม?”
ลี่หรงกลั้นหายใจไม่ส่งเสียง จ้าวชิงซงสัมผัสใบหน้าของเธอ “ฟังด้วย”
“รู้แล้วน่า”
ปล่อยเรื่องนี้ให้แล้วกันไป ทุกคนควรทำอะไรก็ทำไป ชีวิตคงไม่จบลงเพราะละครตลกหรอก แต่ยามที่คนในชุมชนสนทนาเรื่องมโนสาเร่ก็จะเอ่ยถึงมือเท้าที่สกปรกของหวงต้าหลานกันเป็นครั้งคราว
MANGA DISCUSSION