บทที่ 2 น้ำเชื่อมรสหวานที่ชวนให้ใจอบอุ่น
จ้าวชิงซงพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ถ้าคุณไม่อยากกิน งั้นผมจะเอามันไปเททิ้ง”
“กิน! ฉันจะกิน!” ลี่หรงคว้าหมั่นโถวนึ่งแล้วรีบกัดลงไป
ให้ตายเถอะ ผู้ชายคนนี้หนิ
ฝืดคอชะมัด…
กลืนลำบากจัง
ในฐานะฟูดบล็อกเกอร์ที่มีผู้ติดตามหลายสิบล้านคน เธอไม่เคยกินหมั่นโถวเนื้อหยาบขนาดนี้มาก่อน ทำให้คอของเธอแห้งผากราวกับกลืนทรายเข้าไปเป็นกระสอบ
ดูเหมือนว่าการปรับปรุงคุณภาพอาหารจะเป็นงานแรกของลี่หรง
แม้ว่าตอนนี้พวกเขาทั้งสองจะเป็นคนแปลกหน้ากัน แต่เธอก็ตกหลุมรักตัวเอกชายคนนี้ตั้งแต่แรกเห็น เมื่อคิดว่าในอนาคตชายผู้นี้จะประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ จึงตัดสินใจเกาะขาชายคนนี้อย่างชาญฉลาด และถ้าจะดูแลเขาให้ดี ก็ต้องดูแลเรื่องปากท้องของเขาก่อน นี่แหละคือเวลาที่ฟูดบล็อกเกอร์อย่างเธอจะได้ฉายแสง!
จ้าวชิงซงซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ เฝ้าดูลี่หรงกลืนน้ำลายอย่างช้า ๆ เมื่อเห็นดวงหน้าอันสงบนิ่งของหญิงสาว เขาก็รู้สึกว่าเธอไม่ได้น่ารำคาญขนาดนั้น และเมื่อเห็นว่าลี่หรงกำลังกลืนด้วยความยากลำบาก จึงลุกขึ้นและเดินออกไปอย่างเงียบ ๆ จากนั้นก็กลับมาพร้อมกับชามใส่น้ำ
หมั่นโถวกำลังติดคอเธออยู่พอดี
เฮือก!
เมื่อลี่หรงเห็นน้ำก็ไม่สนใจที่จะพูดขอบคุณด้วยซ้ำ เพียงหยิบชามขึ้นมาและกลืนไปอึกใหญ่
ความหวานไหลผ่านริมฝีปากลงสู่ท้อง จึงทำให้สาวเจ้ารู้สึกโล่งคอในทันที
ก่อนหน้าเธอคิดว่ามันเป็นน้ำต้มธรรมดา แต่หลังจากดื่มไปแล้ว เธอก็ต้องพูดด้วยความประหลาดใจว่า “น้ำเชื่อมเหรอ?”
“อืม” ชายคนนั้นตอบราวกับเป็นเรื่องธรรมดาทั่วไป
ต้องไม่ลืมว่าในยุค 70 เช่นนี้ น้ำเชื่อมจากน้ำตาลทรายขาว ถือเป็นของหายากราคาแพง
ผู้ชายคนนี้…
และแล้วความหวานที่ไม่ได้มาจากน้ำเชื่อมพลันแผ่ซ่านไปยังหัวใจของลี่หรงทันที
ลี่หรงกัดหมั่นโถวจนเหลือเพียงครึ่งเดียว แต่กระเพาะไม่อนุญาตให้หญิงสาวยัดสิ่งใดเพิ่มเติมอีกแล้ว เธอจึงมองไปที่จ้าวชิงซงอย่างเงียบ ๆ เพื่อขอความช่วยเหลือ ทว่าชายคนนั้นกลับสามารถอ่านความคิดของเธอได้อย่างรวดเร็ว และส่งสีหน้ากลับมาว่า ‘ไม่อนุญาตให้ทิ้ง’ โดยไร้เสียง
หลังจากที่ลี่หรงยัดหมั่นโถวทั้งหมดเข้าปาก เธอก็ยกถังไม้เข้าบ้าน ตักน้ำร้อนที่เหลือในหม้อไปอาบน้ำให้สดชื่น
เมื่อกลับเข้ามาในห้อง หญิงสาวก็พบว่ามีตะเกียงน้ำมันถูกจุดอยู่ด้านใน
ขณะนั้นจ้าวชิงซงกำลังนอนหลับอยู่บนเตียง ไม่รู้ว่าเขาเผลอหลับไปตอนไหน
มีโต๊ะเตี้ย ๆ คั่นอยู่ระหว่างพวกเขาทั้งสองบนเตียงเตา ลี่หรงที่กำลังจะนอนจึงหันไปดับตะเกียง ก่อนจะปีนขึ้นเตียง และหลับไปด้วยความง่วงงุน
วันรุ่งขึ้น ลี่หรงตื่นขึ้นมาพร้อมเสียงไก่ขัน
ชายที่นอนอยู่ข้าง ๆ เธอไม่อยู่แล้ว
‘ลี่หรง’ ที่ตื่นขึ้น พลันนึกขึ้นได้ว่าในนิยาย แม้พระเอกของเรื่องจะไม่สามารถทำงานใช้แรงงานได้ เนื่องจากเท้าซ้ายที่ผิดปกติ แต่เขาก็เป็นคนขยัน ชอบตื่นเช้ามาสับฟืนและทำสิ่งอื่น ๆ เท่าที่สามารถทำได้อยู่เสมอ
ขณะนั้น ‘เหอซิง’ พี่สะใภ้ของจ้าวชิงซง และ ‘แม่จ้าว’ ก็ได้ตื่นแต่เช้าเช่นกัน และกำลังวุ่นวายอยู่กับการทำอาหาร
ลี่หรงได้ยินจ้าวชิงซงเรียกพวกเขา ก่อนได้ยินแม่จ้าวถามด้วยเสียงแผ่วเบา
“ภรรยาของลูกยังไม่ตื่นเหรอ?”
ลี่หรงที่ตื่นไม่ได้ยินคำตอบของจ้าวชิงซง แต่กลับเป็นแม่จ้าวที่พูดเสียงยืดยาวออกมาแทน
“เจ้ารอง ไม่เป็นไรที่เจ้าสาวของลูกจะเกียจคร้าน และแม้ตอนนี้ลูกจะแยกบ้านออกมาแล้ว แต่ก็ต้องทำดีกับเมียเข้าไว้ แล้วก็ต้องขยันทำมาหากิน จะได้มีกินมีใช้นะ”
แม่จ้าวเป็นคนเรียบง่าย ไม่ใช่แม่สามีที่ใจร้ายอะไร แม้ว่าเมื่อวานลี่หรงจะไปโวยวายที่บ้าน แต่เธอก็ไม่ได้เกลียดลี่หรง สิ่งที่เธอพูดก็เพราะกลัวว่าลูกชายคนเล็กของเธอจะเกลียดผู้เป็นภรรยา ดังนั้นเธอจึงขอให้เขาทำดีกับลี่หรงเข้าไว้
ลี่หรงที่ฟังผ่านกำแพง อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ แม่จ้าวเป็นแม่สามีที่ดีจริง ๆ
เมื่อคว้าผ้าเช็ดตัว และหยิบอ่างน้ำออกมา ลี่หรงพลันเปิดประตูออกไป โดยเธอได้พบกับจ้าวชิงซงที่กำลังผ่าฟืนอยู่ในลาน ทว่าอีกฝ่ายกลับยังคงก้มศีรษะลงและผ่าฟืนต่อไป
ลี่หรง “!!!”
ให้ตายสิ! ผู้ชายคนนี้ปฏิบัติต่อเธอเหมือนเธอไม่มีตัวตนงั้นแหละ!
ลี่หรงเม้มริมฝีปากแล้วตักน้ำจากบ่อมาล้างตัว หลังจากล้างตัวและเทน้ำทิ้งเสร็จ หญิงสาวก็กำลังจะเข้าไปในบ้าน แต่กลับเป็นแม่จ้าวที่เข้ามาพร้อมกับถือกิ่งหลิวไว้ในมือ
โดยทั่วไปคนในหมู่บ้านจะใช้กิ่งหลิวแปรงฟัน และมีเพียงคนหนุ่มสาวที่ได้รับการศึกษาเท่านั้นที่จะไปสหกรณ์เพื่อซื้อแปรงสีฟันและยาสีฟัน
อย่างไรก็ตาม จ้าวชิงซงก็ใช้แปรงสีฟันเช่นกัน อาจเป็นเพราะเขาคุ้นเคยกับมันสมัยอยู่กองทัพ
“อ้าว ลูกสะใภ้รอง ตื่นแล้วเหรอ?” แม่จ้าวเริ่มพูด
“พวกเราเพิ่งทำอาหารเช้าเสร็จ ถ้าลูกสะใภ้รองจะใช้ครัวก็ต่อได้เลยนะ”
การแยกครอบครัวเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้ครอบครัวจ้าวมีหม้อและกระทะในครัวไม่เพียงพอ พวกเขาจึงต้องผลัดกันใช้
ลี่หรงที่ได้ยินแบบนั้นจึงหยุดเดิน ก่อนหันมาพูดว่า “ขอบคุณค่ะแม่จ้าว”
แม่จ้าวมองดูแผ่นหลังของเธอ ด้วยความรู้สึกไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง นี่ลี่หรงเรียกเธอว่าแม่จ้าวเหรอ? หรือเพราะการแยกครอบครัว ที่ทำให้เธอนิสัยเปลี่ยนไป
พอคิดมาถึงตรงนี้ เธอก็ส่ายหัวไปมา ในใจคิดว่าถ้าการแยกครอบครัวทำให้ลูกสะใภ้รองดีขึ้นก็ถือเป็นเรื่องที่ดีแล้ว
ก่อนหน้านี้ เนื่องจากจ้าวชิงซงที่เป็นทหารส่งเงินกลับมาทุกเดือน สภาพครอบครัวจ้าวจึงดีกว่าครอบครัวอื่น ดังนั้นเมื่อลูกคนรองแยกครอบครัวออกมา แม่จ้าวจึงมอบข้าวของเครื่องใช้ครึ่งหนึ่งให้กับจ้าวชิงซงและภรรยาของเขา แต่หม้อในครัวต้องใช้สลับกันเท่านั้น
สำหรับอาหารที่ถูกจัดสรรออกมา จ้าวชิงซงก็นำมันกลับมาบ้าน และใส่ไว้ในตู้เมื่อคืนนี้เรียบร้อย ซึ่งลี่หรงรู้ดีว่ามันอยู่ที่ไหน เธอจึงเปิดตู้ออกมาเพื่อสำรวจ
หลังจากมองผ่านตาแล้ว หญิงสาวก็พบว่ามีข้าวกับแป้งประมาณยี่สิบจิน*[1] หลังคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนได้ข้อสรุปว่าวันนี้มากินบะหมี่กันเถอะ
ว่าแล้วลี่หรงก็นำแป้งเข้าไปในครัว จ้าวชิงซงที่กลัวว่าเธอจะทำเสียของ เขาจึงทิ้งขวานผ่าฟืน และเดินตามหญิงสาวเข้าไปในครัวพร้อมกับกองฟืนในอ้อมแขนของเขา ดวงตาของชายหนุ่มจับจ้องไปที่การเคลื่อนไหวของลี่หรง
ลี่หรงที่กำลังเทน้ำลงในหม้อเพื่อล้าง เมื่อเห็นเขาเข้ามาจึงถามว่า “ผ่าฟืนเสร็จแล้วเหรอ?”
จ้าวชิงซงที่พูดกับตัวเองในใจว่าจริง ๆ ยังไม่เสร็จหรอก แต่กลัวคุณทำครัวไฟไหม้ เพียงพยักหน้าเบา ๆ เพื่อเป็นการตอบรับหญิงสาว
“งั้นพอดีเลย มาจุดไฟให้ฉันหน่อยสิ”
ระหว่างนั้นลี่หรงก็หันไปนวดแป้งด้วยน้ำอุ่น การเคลื่อนไหวของเธอดูเชี่ยวชาญมาก ค่อย ๆ ปั้นแป้งให้กลายเป็นเส้นบะหมี่ ก่อนวางไว้ข้าง ๆ ตัว และหันไปล้างหม้ออีกรอบก่อนใส่น้ำลงไป
เมื่อน้ำเดือด เธอก็จัดแจงใส่เส้นบะหมี่เข้าไป โดยระหว่างนั้นหญิงสาวก็คิดไปว่ามื้อนี้จะทำบะหมี่ด้วยน้ำมันต้นหอม ดังนั้นจึงหันไปถามจ้าวชิงซงว่า
“ที่บ้านคุณมีต้นหอมบ้างไหม ช่วยหยิบให้ฉันหน่อย”
ขมับของจ้าวชิงซงกระตุกทันที ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงได้ดูสั่งเก่งชะมัด
แต่เมื่อคิดว่าสิ่งนี้คือมื้อเช้าของตัวเอง เขาก็ได้แต่หันออกไปจากครัว ก่อนกลับมาพร้อมต้นหอมสะอาด ๆ ในมือจำนวนหนึ่ง
เมื่อเส้นสุก ลี่หรงก็หยิบบะหมี่ออกมาล้างด้วยน้ำเย็น จากนั้นจึงล้างหม้อ ใส่น้ำมันจำนวนมาก ก่อนทอดต้นหอมสีเขียวจนกรอบ ทำให้น้ำมันต้นหอมที่ถูกทอดนี้ส่งกลิ่นหอมไปทั่วลาน
ใส่ต้นหอมทอดกรอบวางโปะลงบนเส้นบะหมี่ที่คลุกกับน้ำมันต้นหอม ใส่น้ำตาลทรายขาว และซีอิ๊วขาว เท่านี้บะหมี่ต้นหอมก็พร้อมรับประทานแล้ว!
จ้าวชิงซงกินบะหมี่ต้นหอมเข้าไปคำใหญ่ ทำให้กลิ่นหอมฟุ้งเต็มปาก ดังนั้นคงไม่จำเป็นต้องอธิบายก็รู้ได้ ว่าเขาชอบมันมากแค่ไหน เพราะตอนนี้ชายหนุ่มกำลังโซ้ยบะหมี่อย่างเมามันเลยทีเดียว
ระหว่างนั้น เขาก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา เพราะตนไม่ได้ทานอาหารที่ใช้น้ำมันแบบนี้ตั้งแต่เกษียณและกลับมาบ้าน เนื่องจากข้าว แป้ง เมล็ดพืช และน้ำมันล้วนราคาแพง จึงไม่ค่อยมีใครกล้าทำอาหารแบบนี้
ดังนั้นตอนที่เห็นลี่หรงเทน้ำมันหนึ่งช้อนโต๊ะลงไป จ้าวชิงซงก็ได้แต่หวังว่ามันจะไม่เสียเปล่า ซึ่งเขาก็ไม่คิดเลยว่าน้ำมันต้นหอมจะมีกลิ่นที่หอมขนาดนี้ และเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มได้กินอาหารที่ลี่หรงทำ เขาจึงไม่ได้คาดหวังในฝีมือของเธอนัก แต่มันก็ออกมาไม่แย่เลย
ระหว่างที่ทั้งสองกินบะหมี่ ครอบครัวจ้าวต่างก็ออกไปข้างนอกเพื่อทำงาน และมีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้นที่อยู่ในบ้าน ไม่ได้ออกไปข้างนอก
เนื่องจากคนเป็นผู้ชายมีปัญหาด้านร่างกาย จึงไม่สามารถทำงานใช้แรงงานได้ ส่วนลี่หรงก็หยุดทำงานหลังจากแต่งงานกัน ดังนั้นตอนนี้ทั้งคู่จึงต่างว่างงาน และต้องหาหนทางทำงานแบบอื่นแทน
“ลี่หรง ลี่หรง อยู่ที่บ้านหรือเปล่า?” มีคนตะโกนจากข้างนอก
เสียงนี้ทําให้ลี่หรงตกใจ เพราะนั่นคือเสียงของหลัวปิง เพื่อนสนิทของเจ้าของร่างเก่าที่นิสัยไม่ดีคนนั้น
ส่วนทำไมถึงบอกว่าเธอคนนี้นิสัยไม่ดีนะเหรอ?
ก็เพราะครึ่งหนึ่ง เหตุผลที่ลี่หรงคนเดิมต้องเลิกรา ล้วนมาจากการถูกยุยงโดยหลัวปิงเพื่อนรักคนนี้นี่เอง! ว่าแล้ว ‘ลี่หรง’ ก็นึกถึงสิ่งที่ถูกเขียนไว้ในหนังสือ เกี่ยวกับการที่หลัวปิงมาหาเธอในวันรุ่งขึ้นหลังจากที่รู้ว่าพวกเขาแยกครอบครัวออกมา
โดยในนิยาย อีกฝ่ายได้พาเจ้าของร่างเดิมไปพบหนุ่มหล่อหยางเต๋อเป่า จนทำให้หญิงสาวตกเป็นเป้าเรื่องอื้อฉาว
และความจริงแล้ว เจ้าของร่างเดิมก็ไม่ได้ชอบเขาเท่าไหร่ เพียงแค่เธอโตมาที่เดียวกับหยางเต๋อเป่า ได้ออกไปไหนมาไหนด้วยกัน จึงเป็นธรรมดาที่พวกเขาจะหันมาดูแลซึ่งกันและกัน
เพียงแค่ว่าตอนนั้นเธอโง่ จึงถูกยั่วยุได้ง่ายด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ ผลคือหญิงสาวได้ให้หยางเต๋อเป่าไปสองร้อยหยวน ซึ่งนั่นเป็นเงินที่จ้าวชิงซงมอบให้เธอเมื่อคืนอย่างโง่เขลา
[1] จิน คือหน่วยวัดน้ำหนักของจีน โดย 500 กรัมมีค่าเท่ากับ 1 จิน
MANGA DISCUSSION