บทที่ 18 พี่ชายและพี่สะใภ้บ้านตระกูลจ้าวเข้าร่วมกลุ่มหาเงินช่วยลี่หรง
“เงินเยอะขนาดนี้เลย!” เหอซิ่งประหลาดใจ ลี่หรงให้เงินเดือนเธอสูงได้มากขนาดนั้น ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าลี่หรงหาเงินได้เท่าไร
เงินหกสิบหยวนบอกได้เพียงว่าเป็นเงินก้อนโต
ปีหนึ่งคนชนบทยังสะสมเงินหนึ่งร้อยหยวนไม่ได้เลย ทว่าหากทำงานกับลี่หรง เหอซิ่งแค่ต้องเจียดเวลาครึ่งวันออกมาช่วยทำงาน เพียงเท่านี้หนึ่งเดือนก็จะสะสมเงินได้หกสิบหยวน!
“ฉันทำ!” หลังคำนวณเสร็จ เหอซิ่งก็ตอบตกลงอย่างเริงร่ากว่าจ้าวชิงหยางเสียอีก
จ้าวชิงหยางเหลือบมองเหอซิ่ง
“ไม่ลองคิดอีกหน่อยเหรอ คนที่กลัวเมื่อครู่คือคุณนะ ตอนนี้ดันกลับคำพูดรวดเร็วปานนี้”
สีหน้าเหอซิ่งเก้อเขิน แต่เมื่อนึกถึงลูกชายทั้งสอง นึกถึงเงินหกสิบหยวน เหอซิ่งพลันมีความกล้า ก่อนสบตาสามี “คุณฟังฉันเถอะ”
หลายปีมานี้เธอตรากตรำทำงานหนักมาพอแล้ว แต่เงินเก็บกลับมีไม่มาก แถมตอนนี้ลูกก็ไม่ได้เรียนหนังสือเช่นนี้อีก
เหอซิ่งไม่อยากให้ลูกของตัวเองลำบากเหมือนตน อยากให้ลูกชายได้กินเนื้อทุกวัน ได้ดื่มนมมอลต์ ได้นั่งเรียนอยู่ในห้องเรียน
หลังเว้นช่วงอยู่ครู่ เหอซิ่งก็กล่าวกับผู้เป็นสามีของตนอย่างแน่วแน่ “ต้าหนิวอายุแปดขวบแล้ว แต่ยังไม่ได้ไปโรงเรียน ได้แต่เล่นอยู่ในทุ่งทั้งวัน เมื่อลูกชายโตขึ้น คุณอยากให้เขาทำงานเป็นชาวนาในทุ่งตลอดไปเหรอ?”
จ้าวชิงหยางเงียบ หลายปีมานี้แม้จะขยันขันแข็งเข้างานตามหน้าที่ แต่ก็ปฏิเสธสิ่งที่เหอซิ่งว่ามาไม่ได้ ทว่ามาตอนนี้โอกาสหาเงินวางอยู่ตรงหน้า เขากลับลังเลไม่กล้ารับไว้
เหอซิ่งหยิกแขนเขา “หลังจากต้นฤดูใบไม้ผลิฉันจะส่งต้าหนิวกับเอ้อร์หนิวไปเรียนที่โรงเรียน ฉันไม่สนใจคุณแล้ว”
ลี่หรงคล้อยตามอยู่ด้านข้าง “ก็ใช่ อีกไม่กี่ปีต้าหนิวก็จะเลยวัยเข้าเรียนแล้ว เมื่อถึงตอนนั้นแม้มีเงินมากเท่าไรก็แลกโอกาสในการเรียนหนังสือไม่ได้ สมัยก่อนพวกเราเริ่มเข้าเรียนตั้งแต่ยังเล็ก ทุกช่วงวัยเรียนรู้ได้ไม่เหมือนกัน ตั้งแต่ปูพื้นฐานเบื้องต้นไปจนถึงความรู้ที่จะยากขึ้นในภายหลัง ก้าวหน้าไปตามลำดับทั้งนั้น เมื่อพลาดช่วงอายุไป ก็จะตามคนอื่นไม่ทัน”
ลี่หรงล่วงรู้ช่วงเวลานี้ดี อีกไม่ถึงสิบปีนี้เรื่องนี้ก็จะจบสิ้นลง เมื่อถึงเวลาชาวนาก็จะมีที่ดินเป็นของตัวเอง การซื้อขายจะไม่ถูกเรียกว่า ‘ทำการค้า’ ยุวชนสามารถออกจากหมู่บ้านได้ มีการสอบเข้าเรียนมหาวิทยาลัย แถมประเทศอุตสาหกรรมบางแห่งยังสนับสนุนอีกด้วย
แต่เธอพูดสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ พูดไปก็ไม่มีใครเชื่อ
“ทำ!” จ้าวชิงหยางตอบรับเสียงเปี่ยมไปด้วยพลัง
มีพี่ใหญ่และสะใภ้ใหญ่บ้านตระกูลจ้าวเข้าร่วม กิจการหมูพะโล้ตุ๋นของลี่หรงก็ทำได้สบายราบรื่นขึ้น
ผู้ชายทั้งสองส่งหมูพะโล้ออกไปขายทุกวัน แล้วค่อยไปจุดนัดหมายเพื่อนำเนื้อหมูสดใหม่กลับมา ลี่หรงกับเหอซิ่งก็ตุ๋นเนื้อหมูกันสองคน เป็นเช่นนี้ทุกวัน
เหอซิ่งเป็นคนซื่อสัตย์ แต่ก็ไม่คร่ำครึ หลังอยู่กับลี่หรงมานาน จึงได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่าง ความสัมพันธ์ของทั้งสองพลันสนิทสนมกันมากขึ้น
ในใจเหอซิ่ง ลี่หรงสมกับเป็นยุวชนที่ได้รับการศึกษา ความคิดความอ่านและการกระทำต่างจากเธออย่างเห็นได้ชัด
เมื่อได้รับอิทธิพลจากลี่หรง ประกอบกับเงินเก็บของเหอซิ่งที่ค่อย ๆ เพิ่มขึ้น เหอซิ่งเริ่มยอมใช้เงิน ไม่มีท่าทีตระหนี่เช่นนั้นอีกแล้ว สิ่งที่เห็นได้ชัดที่สุดคืออาหารของบ้านจ้าวดูดีขึ้น ให้ผู้เฒ่าบ้านตระกูลจ้าวได้กินเนื้อและข้าวขาวบ้าง
ตอนที่ต้าหนิวกับเอ้อร์หนิวได้ยินเหอซิ่งบอกว่าจะส่งพวกเขาเข้าเรียนได้ในปีหน้าก็พากันดีใจยกใหญ่ กระโดดโลดเต้นไปทั่วลาน
วันเวลาผ่านไปรวดเร็วเหมือนกระแสน้ำ อากาศเริ่มเย็นลง
หมูพะโล้ตุ๋นเป็นอาหารจานเย็น อากาศหนาวยอดขายก็ตกลงอย่างเห็นได้ชัด หลังผ่านการครุ่นคิดสักพัก ลี่หรงจึงตัดสินใจหยุดกิจการหมูตุ๋นชั่วคราว
จ้าวชิงซงได้ยินดังนั้น ตัวเองจึงเริ่มกลับไปช่วยงานส่งของที่โรงฆ่าหมู
ลี่หรงหาวันที่มีแดด ก่อนคลุมเสื้อกันหนาวตัวหนาขี่จักรยานไปซื้อของที่ ‘ตลาดเสรี’
เมื่อไปถึงตลาด เธอก็เดินตรงไปแผงขายของซื้อนมมอลต์เหมือนเคย
อากาศหนาวจนพื้นเป็นน้ำแข็ง เธอก็ยิ่งอยากดื่มนมมอลต์ เพียงต้มไว้ตอนกลางคืน แล้วเทลงในกระติกน้ำร้อน เมื่อถึงตอนเช้าก็ใช้เพียงแก้วเคลือบลายทำเป็นแก้วใหญ่ ตอนดื่มนมมอลต์ร้อน ๆ ก็ให้ความอบอุ่นแทรกซึมไปยังกระดูกที่เย็นเยียบ คิดเช่นนั้นตัวเธอก็พลันมีความสุข
วันนี้ที่เธอออกมาตลาด เหอซิ่งกลับต้องทำงาน ไม่อย่างนั้นลี่หรงก็คงพาเธออกมาเที่ยวด้วยกันแล้ว
ตั้งแต่สามีภรรยาทั้งสองคู่ทำงานด้วยกัน ทำให้ความสัมพันธ์ของสะใภ้ทั้งสองดีขึ้นมาก ลี่หรงมักจะชวนเหอซิ่งออกไปข้างนอกด้วยกัน ขี่จักรยานพากันออกไป
วันนี้เหอซิ่งไม่ได้มาด้วย เมื่อรู้ว่าลี่หรงมาซื้อนมมอลต์ จึงฝากให้เธอช่วยซื้อกลับมาด้วยหนึ่งกระป๋อง
ดังนั้น ลี่หรงจึงซื้อมาสี่กระป๋อง ของตัวเองสองกระป๋อง เหอซิ่งหนึ่งกระป๋อง อีกหนึ่งกระป๋องให้สองเฒ่าบ้านตระกูลจ้าวดื่ม
อีกไม่นานก็จะวันเหมายัน*[1] ลี่หรงถือโอกาสพักผ่อนไปช่วงหนึ่งก่อนเริ่มกลับมาทำงานอีกครั้ง ในสมองครุ่นคิดถึงเพียงแต่วิธีหาเงิน
ในเมื่อขายพะโล้ไม่ได้ในฤดูหนาว งั้นก็ทำกุนเชียงขายดีกว่า
ก่อนหน้านี้เหอซิ่งหาเงินได้จากการทำพะโล้กับลี่หรงระยะหนึ่ง ทั้งคู่กระตือรือร้นกันมาก ต่อมาลี่หรงบอกว่าจะหยุดทำกิจการขายเนื้อตุ๋นชั่วคราว จึงขาดแหล่งเงินเดือนจำนวนมหาศาลไป เหอซิ่งพลันเศร้าใจไปช่วงหนึ่ง
เมื่อมีข่าวส่งมาว่าลี่หรงจะทำกิจการใหม่ ไม่ต้องบอกเล่ารายละเอียด เหอซิ่งก็รีบมาช่วยเธอทันที
กุนเชียงในเวลานี้ทำจากวัตถุดิบของแท้ทั้งหมด ไม่มีไส้เทียมเหมือนยุคปัจจุบัน ที่ไม่ว่าคุณภาพจะแย่แค่ไหนก็หาซื้อไส้แบบสำเร็จรูปได้ สรุปได้ว่าเป็นทั้งของแท้และของเทียมผสมกันเพื่อความสะดวก
กุนเชียงทั้งหมดในตอนนี้ทำจากไส้หมูล้างสะอาด พร้อมขูดไขมันออกเรียบร้อย วัตถุดิบแท้ดีต่อสุขภาพ
ดังนั้นจึงนำไปสู่เรื่องที่ยุ่งยากที่สุดในการทำกุนเชียงคือการล้างไส้
อีกอย่างเพราะอากาศที่หนาวเหน็บ การล้างไส้จึงเป็นงานที่วัดความทรมานแม่ครัวสุด ๆ
เหอซิ่งขยันขันแข็ง ตั้งใจล้างไส้มาก ในบางครั้งแม้น้ำเย็นกัดจนแสบมือเธอก็ยังล้างอย่างประณีต ลี่หรงดูไม่ชอบใจเล็กน้อย จึงหยิบถ่านจากเตาเผามาจุดผิงไฟอยู่ด้านข้าง
ลี่หรงชอบกุนเชียงเสฉวน เพียงใส่พริกเสฉวนและพริกหยวก ปรุงให้ออกเค็ม มีกลิ่นหอม และเผ็ดชาเมื่อได้ลิ้มลอง รสชาติเข้มข้น ทำให้รสติดปลายลิ้นยาวนานหลังจากกิน
บดเครื่องเทศตามสัดส่วนที่กำหนดคลุกเคล้ากับเนื้อหมูหมัก จากนั้นก็ยัดไส้ลงไปข้างใน ใช้เชือกผูกกุนเชียงที่ยัดใส้แล้วเป็นท่อน ๆ แล้วใช้เข็มเจาะรูไล่อากาศด้านในก่อนจะนำไปห้อยเพื่อตากแดด
กุนเชียงที่ไล่อากาศแล้ว ออกมาเป็นกุนเชียงเนื้อคุณภาพคับแน่น หั่นออกมาได้อย่างสวยงาม
ตำแหน่งภูมิประเทศของหมู่บ้านต้าเจียงเองกำลังดี อากาศที่เย็นขึ้นเหมาะแก่การตากกุนเชียงเช่นกัน
เพียงตากสักครึ่งเดือน กุนเชียงก็เป็นอันเสร็จ
ลี่หรงเก็บของที่คุณภาพไม่ได้ดีมากมาทำกินเอง ก่อนเลือกให้เหอซิ่งบ้าง
“พี่สะใภ้ เอาไปทำกินคืนนี้สิ”
“ได้ที่ไหนกัน ของซื้อของขาย ฉันไม่เอาหรอก” เหอซิ่งพลันส่ายทั้งหน้าทั้งมือ
ลี่หรงขยิบตา “เพียงกุนเชียงไม่กี่ชิ้นเอง ฉันจะให้พ่อกับแม่กิน รบกวนพี่ทำให้พวกเขาทีนะ”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ เหอซิ่งย่อมปฏิเสธความกตัญญูของสะใภ้รองแทนสองเฒ่าตระกูลจ้าวไม่ได้ ท้ายที่สุดจึงรับมา
ลี่หรงสอนเธอว่ากินอย่างไรถึงจะอร่อย “เพียงหั่นเป็นชิ้นพอดีคำกินกับใส่ข้าว หรือนำไปผัดกับถั่วหวาน ไม่ก็เมล็ดข้าวโพด จะหอมมากเลย”
เหอซิ่งทำข้าวอบกุนเชียงและไส้กรอกผัดถั่วหวานตามที่ลี่หรงบอก เย็นนี้เฒ่าบ้านตระกูลจ้าวเอาแต่ก้มหน้าก้มตากินข้าว กินกันอย่างอิ่มหนำ พลางพูดอย่างพึงพอใจ
“เจ้านี่อร่อยมากจริง ๆ อร่อยกว่าเนื้อหมูเสียอีก”
“พรูด!”
เอ้อร์หนิวหัวเราะร่า “คุณย่า นี่ก็เนื้อหมูไง”
[1] วันเหมายัน คือวันที่มีช่วงเวลากลางคืนยาวนานที่สุด
MANGA DISCUSSION