บทที่ 15 นมมอลต์และไข่ใบชา อาหารเช้าสำหรับบุรุษ
“ไม่เป็นไร ผมชินแล้ว และอีกอย่างก็มีคนคอยช่วยอยู่ตลอด” จ้าวชิงซงเป็นคนที่รักสันโดษ เขาตัดสินใจหลาย ๆ อย่างได้ด้วยตัวเอง ไม่ค่อยปรึกษาคนอื่น และจะไม่บอกเล่าความลำบากที่ต้องเผชิญออกมาง่าย ๆ ชายหนุ่มมักจะเก็บมันไว้ในใจเสมอ
“คุณนี่เก่งจริง ๆ” ลี่หรงกล่าว
“ในอนาคต ฉันจะตื่นแต่เช้าและทำอาหารเช้าให้คุณเอง”
ถึงอย่างไรการทำงานขณะที่ท้องว่างบ่อย ๆ ก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก
“ผมซื้ออาหารในเมืองเอาก็ได้ ผมไม่หิวจริง ๆ”
เขารู้สึกดีที่ได้รับการดูแลเอาใจใส่
ความอบอุ่นพลันแผ่ซ่านในหัวใจของจ้าวชิงซง ทำให้เจ้าตัวอิ่มเอมอย่างบอกไม่ถูก
วันรุ่งขึ้น ลี่หรงได้ยินเสียงดังจอแจจากด้านนอก หญิงสาวพยายามลุกจากเตียง เธอจำได้ว่าต้องทำอาหารเช้าให้จ้าวชิงซง เขาจะได้ไม่ต้องทนหิว อย่างไรก็ตาม อีกฝ่ายกลับจับเธอไว้แล้วพูดว่า “คุณไม่จำเป็นต้องตื่นเช้า”
ทว่าลี่หรงก็ยังคงลุกขึ้นมา หญิงสาวต้มน้ำบนกองไฟและทำนมมอลต์ให้กับชายหนุ่ม
เธอหยิบไข่ใบชาสองฟองและหมูพะโล้ส่งให้เขา
“กินข้าวเถอะ ฉันจะกลับไปนอนพักสักหน่อย”
ในสายตาของจ้าวชิงซง สิ่งที่ลี่หรงทำเพื่อเขาหวานกว่านมมอลต์เสียอีก มุมปากของชายหนุ่มยกขึ้นโดยไม่รู้ตัว หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ ชายหนุ่มก็เอาไข่ใบชาสองใบไปให้ซ่งเสี่ยวซาน
เมื่อจ้าวชิงซงกลับมา เขาก็พาลี่หรงไปที่ ‘ตลาดเสรี’ โดยไม่ได้ใช้เส้นทางปกติ เพราะเส้นทางนี้มีคนน้อยกว่ามาก คนที่สัญจรไปมาต่างกำลังแบกหรือถือของ ก่อนเป็นจ้าวชิงซงที่เริ่มอธิบายให้เธอฟังว่า ถนนสายนี้มีคนคอยเฝ้า แค่จ่ายเงินเพียงนิด ๆ หน่อย ๆ ทุกเดือน ก็จะสามารถเดินไปยัง ‘ตลาดเสรี’ ได้อย่างปลอดภัย
ลี่หรงพยักหน้า แต่ไม่ได้ถามว่าเธอต้องจ่ายเท่าไหร่ เนื่องจากหากจ้าวชิงซงกล้าพามาเส้นทางนี้ นั่นหมายความว่าเขาจัดการเรื่องเงินเรียบร้อยแล้ว
เมื่อมาถึงตลาดเสรี จ้าวชิงซงก็เอ่ย “ไปทำธุระของคุณเถอะ”
จ้าวชิงซงก้าวออกไปและซ่อนตัวอยู่ที่มุมหนึ่ง
เขาเฝ้ามองลี่หรงและดูว่าเธอขายของได้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นภาพเบื้องหน้า เขาก็ค่อนข้างมั่นใจ
ไม่รู้ว่าวันนี้ลี่หรงจะได้ออกจากแผงตอนไหน คนที่มาซื้อหมูพะโล้ตุ๋นไปเมื่อวานล้วนมาเร็วขึ้นเป็นพิเศษ หลังจากรอสักพัก เขาก็เห็นลี่หรงถูกคนมากมายรุมล้อม
เมื่อจ้าวชิงซงเห็นฉากนี้ หัวใจของเขาก็เต้นระรัว เจ้าตัวกำลังจะเดินหลบออกไป ก่อนจะบังเอิญเห็นลี่หรงยิ้ม ปากของเธออ้า ๆ หุบ ๆ อยู่หลายครั้ง อย่างไรก็ตาม จ้าวชิงซงรู้ว่าเธอสบายดีจึงเลิกคิดกังวล
เขาเห็นลี่หรงบรรทุกเนื้อพะโล้เหล่านั้นอย่างเป็นระเบียบ
ก่อนลูกค้าเหล่านั้นจะจากไปอย่างพึงพอใจพร้อมกับของในมือ
หลังจากนั้นผู้คนก็ทยอยเข้ามาเรื่อย ๆ ไม่มีใครออกไปมือเปล่า
อาจเป็นเพราะมีคนมาซื้อไม่ขาดสาย แผงขายของของลี่หรงจึงไม่เงียบเหงา
เมื่อคนหลั่งไหลเข้ามาแบบนี้ ร้านของเธอจึงกลายเป็นจุดสนใจ
บางอย่างที่ลูกค้าไม่เคยซื้อมาก่อน ลี่หรงก็ยอมให้พวกเขาได้ลองชิม
แม้บางคนจะคิดว่าของที่เธอขายราคาแพง แต่พวกเขาก็ยังกัดฟันซื้อ
หากมีเงินไม่พอจ่าย ลี่หรงก็จะเก็บตั๋วอาหาร ตั๋วเสื้อผ้า และตั๋วอื่น ๆ ที่สามารถใช้แทนได้ ตราบใดที่ของเหล่านั้นมีมูลค่าเท่ากัน ท้ายที่สุด ตั๋วทั้งหมดของเธอก็ล้วนแต่ได้รับจากผู้เป็นแม่ และส่วนมากก็ถูกใช้ไปแล้ว ตอนนี้นับว่าเหลือน้อยมาก
สุดท้ายแผงของหญิงสาวก็เหลือของเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ลี่หรงไม่ขายต่อ เธอปิดร้าน ใช้โอกาสขณะที่ไม่มีใครสังเกตเดินไปหาจ้าวชิงซง ขณะที่บนหลังมีตะกร้าอยู่ใบหนึ่ง
เธอรู้ว่าเขากำลังเฝ้าดูเธอจากมุมถนน
แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ หญิงสาวก็จำคำหนึ่งได้ขึ้นใจ นั่นคืออย่าอายเวลาขายของ
แค่ทำทุกอย่างที่อยากทำก็พอ
อีกอย่าง เธอก็รู้ว่าถ้าเธอทำได้ไม่ดี อีกฝ่ายต้องไม่ปล่อยให้เธอขายของต่อไปแน่นอน
ลี่หรงโล่งอก เธอรู้สึกว่าผลประกอบการของตนใช้ได้ทีเดียว
การขายวันนี้ราบรื่นกว่าเมื่อวานมาก
จ้าวชิงซงเข้าไปหาหญิงสาว แล้วเอาตะกร้าบนหลังเธอมาถือ “ขายหมดแล้วเหรอ?”
“เหลือนิดหน่อยน่ะ ว่าจะแบ่งให้ป้าที่ขายเนื้อบ้าง”
คุณป้าขายเนื้อรับสิ่งที่ลี่หรงมอบให้พร้อมรอยยิ้ม เธอลอบถอนหายใจ สามีภรรยาคู่นี้เป็นเด็กกตัญญู ใจดี แถมยังเป็นคนดีด้วย
เธอยิ้มและถาม “นังหนู วันนี้จะซื้อเนื้อหรือเปล่า?”
“วันนี้ไม่ซื้อแล้วค่ะ ขอบคุณคุณป้ามาก”
ลี่หรงหารือเรื่องเนื้อกับจ้าวชิงซงเมื่อคืนนี้ จ้าวชิงซงกำลังช่วยฟาร์มหมูส่งเนื้อ ดังนั้นเขาจึงสามารถหาเนื้อหมูได้ในราคาที่ต่ำกว่า ‘ตลาดเสรี’ ยิ่งไปกว่านั้น เขายังสามารถไปส่งเธอที่ตลาดได้ด้วย ในเมื่อมีวิธีที่ประหยัดทั้งเงินและแรงแบบนี้ ทำไมจะไม่ใช้เล่า
ป้าขายเนื้อคงพอเดาได้ว่าทำไมลี่หรงถึงไม่ซื้อเนื้อเพิ่ม แม้ว่าเธอจะสูญเสียลูกค้ารายใหญ่อย่างหญิงสาวไป แต่เจ้าหล่อนก็ไม่ได้ว่าอะไร
อย่างไรก็ตาม ‘ตลาดเสรี’ ในปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องการขายหมูอีกแล้ว เป็นไปไม่ได้เลยที่จะขายไม่หมดเพียงเพราะขาดลูกค้ารายใหญ่ไปรายหนึ่ง
จ้าวชิงซงรู้ว่าหญิงสาวชอบกินขนม เขาจึงพาเธอไปซื้อขนมอบรสลูกพีช ลี่หรงยอมรับของที่เขาซื้อให้เธออย่างมีความสุข หลังจากลิ้มรสของอร่อยแล้ว เธอก็ยื่นมันจ่อปากเขาบ้าง
จ้าวชิงซงรู้สึกตกใจกับการเคลื่อนไหวที่กล้าหาญของเธอ แต่เขาก็ปฏิเสธไม่ลง ชายหนุ่มกัดมัน ก่อนจะบอกปัดเมื่อเธอป้อนให้เขาเป็นครั้งที่สอง และพูดเตือนเบา ๆ ว่าพวกเขาอยู่ข้างนอก
“อยู่ข้างนอกแล้วยังไง? เราแต่งงานกันแล้ว ไม่ใช่ว่าคุณไม่เป็นสุภาพบุรุษสักหน่อย” ลี่หรงตอบกลับ
ในขณะที่จ้าวชิงซงเขินขึ้นมาดื้อ ๆ
ทั้งคู่ไปเดินเล่นที่ร้านสหกรณ์ ลี่หรงซื้อแค่ซีอิ๊วและเครื่องปรุงเท่านั้น เธอไม่ได้สนใจของชิ้นอื่น ๆ
ในขณะที่จ้าวชิงซงต้องการซื้อเสื้อผ้าให้หญิงสาว เมื่อเธอเห็นกระโปรงสีสันจัดจ้าน เจ้าหล่อนก็ดึงจ้าวชิงซงออกไปอย่างรวดเร็ว ลี่หรงไม่เข้าใจแฟชั่นยุคนี้จริง ๆ เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเสื้อผ้าที่มีสีสันจึงมีราคาแพงกว่าเสื้อผ้าสีเรียบ ๆ ลี่หรงอยากจะซื้อและตัดเย็บเอง หรือไม่ก็สวมเสื้อเชิ้ตง่าย ๆ เท่านั้น
ทั้งสองขึ้นรถประจำทางกลับบ้าน เมื่อมาถึงลี่หรงก็นำเงินและตั๋วที่ได้จากการขายของวันนี้ออกมานับ จ้าวชิงซงมองจากด้านข้างและเห็นหญิงสาวนับเงินรวมถึงตั๋วที่กระจัดกระจายอย่างรอบคอบ เธอดูเหมือนคนเห็นแก่เงินอยู่บ้าง ทำให้ชายหนุ่มที่คิดแบบนี้หัวเราะเบา ๆ
ลี่หรงเงยหน้าขึ้นมองเขา “ทำไมคุณถึงหัวเราะล่ะ? วันนี้ฉันขายได้เกือบสามสิบหยวน และยังมีตั๋วอีกเพียบ ถ้าฉันไม่รับตั๋วก็คงมีเงินสดมากกว่านี้”
“ตั้งแต่นี้ไปคุณสามารถทำอย่างนั้นได้ ผมจะช่วยคุณขายเอง”
“คุณจะช่วย?” ลี่หรงพูด “ฉันกลัวว่าคุณจะทำให้ฉันเสียเงินมากกว่า”
“ผมไม่ทำให้คุณต้องขาดทุนหรอกน่า”
ลี่หรงเอาพะโล้ที่ทำไว้ให้จ้าวชิงซง
พอเขากำลังจะออกไป ลี่หรงก็บอกราคาเขาอีกครั้ง ราวกับหญิงสาวกลัวว่าจ้าวชิงซงจะทำให้เธอขาดทุนเข้าจริง ๆ
ลี่หรงเป็นอิสระอีกครั้งเนื่องจากเธอไม่จำเป็นต้องไปที่ ‘ตลาดเสรี’ เพื่อขายของ อย่างไรก็ตาม เธอก็ไม่สามารถนั่งเฉย ๆ ได้ เธอหาอะไรทำทุกครั้งที่มีเวลาว่าง
หญิงสาวกำจัดวัชพืชในแปลงผักและเตรียมตุ๋นเนื้อในช่วงบ่าย เธอเห็นพี่น้องต้าหนิวทั้งสองคนกำลังหมุนลูกข่างอยู่ในสนามจึงคว้าลูกกวาดจำนวนหนึ่งขึ้นมา
ตอนนี้สองพี่น้องคุ้นเคยกับการรับของจากลี่หรงแล้ว พวกเขาเลยหยิบลูกอมขึ้นมาอย่างไม่เคอะเขิน ก่อนกล่าวขอบคุณ
จากนั้นก็ฉีกมันแล้วโยนเข้าปาก สองข้างแก้มดันออกมาเป็นรูปร่างของลูกอมรสหวาน
ลี่หรงเล่นกับพวกเขาในสนามสักพัก เธอนั่งกินเมล็ดแตงในขณะที่วัวตัวหนึ่งกำลังเดินวนอยู่บริเวณนั้น เอ้อร์หนิวเล่นจนเบื่อแล้วและเดินเข้าไปหาลี่หรง
เขาถามด้วยดวงตากลมโตว่า “อาสะใภ้รอง เมื่อไหร่ผมจะได้เป็นพี่ชายครับ?”
“เรื่องนี้ต้องถามแม่เธอก่อน ว่าเมื่อไหร่เธอจะมีน้องชายหรือน้องสาว? จากนั้นเธอก็สามารถเป็นพี่ชายได้”
“คุณย่าบอกว่าอาสะใภ้รองจะมีลูกในปีหน้า จากนั้นผมก็จะได้เป็นพี่ชาย”
“อะไรนะ?” ลี่หรงตกใจ เธอและจ้าวชิงซงน่ะยังอีกไกล
การมีลูกยังอีกไกลจริง ๆ
หญิงสาวอดเศร้าไม่ได้ เมื่อได้ยินคำพูดของเอ้อร์หนิว
‘นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันดีใจที่เราแยกบ้านกัน’
มิฉะนั้น หากกินข้าวโต๊ะเดียวกันกับแม่สามีทุกวัน
เธอคงจะหลีกเลี่ยงการมีลูกในเร็ววันไม่ได้อย่างแน่นอน
MANGA DISCUSSION