บทที่ 14 คำสารภาพระหว่างสามีและภรรยา
ลี่หรงนึกขบขันอยู่ในใจที่เห็นเด็กน้อยทั้งสองคนยืนน้ำลายสอ ก่อนใจจะนึกกลัว ว่าถ้าพวกเขาทนความหิวไม่ไหวจนแอบกินอาหารมื้อเย็นที่ตนพึ่งยื่นให้เมื่อครู่ไปจะเป็นยังไง?
โครก…!
ลี่หรงได้ยินเสียงท้องร้องจากเอ้อร์หนิวดังขึ้น ก่อนจะหัวเราะออกมาด้วยความเอ็นดูเด็กตรงหน้า เวลานี้จ้าวชิงซงยังไม่กลับมาบ้าน เธอทนเห็นเด็กน้อยทั้งสองหิวต่อไปไม่ได้ จึงแอบเอาหมูพะโล้ที่ทำไว้ออกมาแบ่งให้พวกเขาทีละคน ยอมแบ่งอาหารให้มากหน่อยเพื่อให้พวกเขาอิ่มท้อง
สองพี่น้องยื่นมือไปจับเนื้อหมูตุ๋นก่อนแทะมันด้วยความหิว แต่พอเนื้อในมือเหลือเพียงครึ่งเดียว ทั้งสองก็พลันละเมียดฉีกกินทีละนิดแทน
เมื่อจ้าวชิงซงกลับมา เขาก็เห็นหลานชายสองคนนั่งยอง ๆ อยู่ที่ประตูห้องโถงพลางเลียนิ้วมืออย่างอิ่มอร่อย
จ้าวชิงซงจึงตะโกนถามพวกเขาว่า “พวกเธอเลียนิ้วทำไมกัน มันสกปรกนะรู้ไหม”
เอ้อร์หนิวเผลอยิ้มอย่างไร้เดียงสา “มือพวกเราไม่สกปรกเสียหน่อย แถมยังอร่อยอีกด้วย”
“งั้นเหรอ” จ้าวชิงซงพลางโน้มตัวนั่งลงตรงหน้าพวกเขา
“แม่พวกเธอยังไม่กลับมาทำอาหารอีกเหรอ? ทำไมช่วงนี้ถึงกลับบ้านค่ำตลอดเลยล่ะ?”
ต้าหนิวเอ่ย “แม่ไปเกี่ยวข้าว”
เมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยวพืชผล เกษตรกรมักจะใช้เวลานานกว่าปกติ จ้าวชิงซงจึงเข้าใจเด็กทั้งสองคน ก่อนบอกให้พวกเขารีบไปล้างมือได้แล้ว หากเลียอย่างนี้ต่อไปอาจทำให้ท้องเสียได้
เอ้อร์หนิวพูดเสียงดังว่า “นี่ไงผมล้างเสร็จแล้ว เนื้อที่อาสะใภ้เอามาให้อร่อยจังเลย”
จ้าวชิงซงฉีกยิ้ม ก่อนหน้าระหว่างไปทำงานข้างนอก เขาเอาแต่คิดถึงเพียงเรื่องของลี่หรง ด้วยชายหนุ่มมักรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้กำลังลอบทำบางอย่างลับหลังเขาอยู่ และอาจจะไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เสียด้วย …แต่นั้นเป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น
แต่ลี่หรงจะกล้าทำอะไรขนาดนั้นจริงเหรอ?
ก่อนจะมีอีกความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในหัว บางทีผู้หญิงคนนั้น…
อาจกล้าหาญมากกว่าที่เขาคิดด้วยซ้ำ!
ว่าแล้วจ้าวชิงซงพลันเดินเข้าไปในห้องครัวด้วยใบหน้าบูดบึ้ง แต่ลี่หรงไม่ได้รอทานข้าวพร้อมกัน เมื่อเขาเดินมาถึง เธอก็ได้กินข้าวเสียจนอิ่มแล้ว
ลี่หรงที่เห็นชายหนุ่มเข้ามา เลยหันไปยิ้มอย่างประจบประแจง “กลับมาแล้วเหรอ คุณรีบไปกินข้าวเถอะ ฉันหิวมากน่ะเลยไม่ได้รอกินมื้อเย็นพร้อมกัน คุณกินข้าวเถอะ เดี๋ยวฉันไปอาบน้ำล่ะ”
หลังลี่หรงพูดจบ เจ้าหล่อนพลันรีบเดินหลบหน้าเขาไป จ้าวชิงซงได้แต่เฝ้ามองแผ่นหลังอีกฝ่าย ก่อนจะหัวเราะอย่างเคือง ๆ กับท่าทางมีพิรุธนั้น
แม้เขาจะยิ้มเยาะเธออยู่ในใจ แต่ก็ไม่ได้รั้งอีกฝ่ายไว้ เพราะยังไงซะ… ลี่หรงก็หนีไม่พ้นอยู่ดี!
ยังไงคืนนี้พวกเขาก็ต้องได้คิดบัญชีกันแน่!
จ้าวชิงซงกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อย วันนี้ไส้หมูหมักรสชาติเยี่ยมจริง ๆ ดังนั้นชายหนุ่มจึงกวาดอาหารในจานเสียเกลี้ยง
ห้องครัวไม่ได้มีขนาดใหญ่นัก หากลี่หรงซื้อเนื้อมามากกว่ายี่สิบจิน เธอจะไม่อาจซ่อนให้พ้นสายตาของจ้าวชิงซงได้เลย ดังนั้นในครัวจึงมีทั้งหมูตุ๋น ไส้หมูหมักวางอยู่มุมครัว และหม้อที่เต็มไปด้วยไข่
ไข่นั่น เหมือนกับไข่ที่เขากินเมื่อครู่ มันมีกลิ่นหอมของใบชาอย่างเดียวกัน
จ้าวชิงซงเผลอหัวเราะออกมา
ผู้หญิงคนนี้นี่ช่างมีใจรักในการทำอาหารเสียจริง
จ้าวชิงซงยิ้มบางก่อนถอนหายใจ และเดินเข้าไปในห้องเพื่อเตรียมชุดนอน ทว่าเมื่อไปถึง ชายหนุ่มกลับพบเข้ากับลี่หรงที่หันหลัง ‘นอนหลับ’ ไปแล้ว และชุดของเขาที่ถูกพับเตรียมเอาไว้บนเตียง
พอเห็นแบบนั้น จ้าวชิงซงเลยนั่งลงบนเตียง ก่อนหันไปทางลี่หรงที่ ‘นอน’ อยู่
ทางฝั่งหญิงสาว ขณะนี้เจ้าหล่อนก็ได้แต่นอนตัวแข็งอยู่บนเตียง พยายามแสร้งหลับเพื่อหนีจากการสอบปากคำของจ้าวชิงซงอย่างสุดความสามารถ
จ้าวชิงซงที่นั่งอยู่ขอบเตียง เอื้อมมือไปสะกิดลี่หรงเบา ๆ ก่อนเอ่ย “อย่าแกล้งทำเป็นหลับเลย เรามาคุยเรื่อง ‘ตลาดเสรี’ นั่นกันเถอะ ว่าเกิดอะไรขึ้น”
ลี่หรงลืมตาขึ้นอย่างไม่เต็มใจนัก จากสายตาของเธอในตอนนี้ หญิงสาวมองเห็นได้เพียงสันกรามคมชัดและปลายจมูกโด่งของจ้าวชิงซงเท่านั้น ก่อนที่เธอจะลดระดับสายตาลงมามองที่มือของตน พยายามพูดกลบเกลื่อนว่า “ก็อย่างที่เห็นนั่นแหละ ฉันเพียงแค่ซื้อเนื้อเท่านั้น”
“คุณไปพบที่นั่นได้ยังไง ไม่กลัวเหรอ? รู้ไหมว่าหากไม่ระวังตัวจะถูกจับเอาได้ง่าย ๆ?” จ้าวชิงซงมองดูลี่หรงอย่างจนใจ ก่อนดุเธอเล็กน้อย
ลี่หรงเม้มริมฝีปาก เธอตั้งใจจะไป ‘ตลาดเสรี’ เพื่อซื้อของเท่านั้น แต่เขากลับดุถึงขนาดนี้ ลี่หรงไม่กล้าคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากเขารู้ว่าจริง ๆ แล้วตัวเธอกำลังทำอะไรอยู่
เธอกลืนน้ำลาย ก่อนพูดว่า “ฉันไม่มีตั๋วเพื่อซื้อไข่ คุณป้าเลยชี้ทางไปตลาดให้ฉัน” ก่อนรีบตัดบทว่า “ฮ้าวว ง่วงจังเลย ฉันขอตัวนอนก่อนนะ”
“ง่วงนอนงั้นเหรอ! แล้วจะเอายังไงกับหมูพะโล้ในครัว! เนื้อมากกว่ายี่สิบจิน ไหนจะไข่หลายสิบฟองอีก คุณจะเก็บมันไว้กินเองงั้นเหรอ”
“ฉันเก็บไว้เองไม่ได้เหรอ ทำไมถึงต้องดุกันขนาดนี้! พูดกันดี ๆ ได้ไหม!”
ลี่หรงเขินอายมากเสียจนพานรู้สึกโกรธจ้าวชิงซง
“มันน่ารำคาญนะรู้ไหม ให้ฉันนอนได้แล้ว” ลี่หรงพูดพลางดึงผ้าห่มคลุมหัว
จ้าวชิงซงทำอะไรไม่ถูก แต่เขาก็ไม่ยอมให้ลี่หรงหลบหน้าหนีเรื่องนี้ไปได้ ดังนั้นจึงกระตุกผ้าห่มออก และบังคับให้เธอลุกขึ้นนั่งคุยกัน
ก่อนพูดว่า “ผมไม่ได้ตั้งใจจะดุคุณ เมื่อกี้ยังพูดไม่จบ ที่คุณไป ‘ตลาดเสรี’ วันนี้ไปเพื่อขายของรึเปล่า?”
เดิมทีเขาอยากจะถามว่าเธอเกี่ยวข้องหรือทำอะไรเกี่ยวกับ ‘ทำการค้า’ หรือไม่ ก่อนเปลี่ยนคำพูดให้เบาลง
ลี่หรงพูดเสียงอ่อย “ก็ประมาณนั้นค่ะ”
“คุณทำแบบนี้มานานแค่ไหนแล้ว? ช่วยหยุดทำแบบนี้ได้ไหม?”
“ไม่ได้ค่ะ”
เป็นไปไม่ได้เลยสำหรับลี่หรงที่เพิ่งได้ลิ้มรสชาติของความสุขนี้และจะยอมแพ้ แถมเธอยังต้องการซื้อจักรยานอยู่ ตอนนี้คือปี ค.ศ. 1974 ก่อนการสอบเข้ามหาวิทยาลัยจะมาถึง เธออยากเก็บเกี่ยวช่วงเวลานี้ และจะกลับไปทุ่มเทให้กับการเรียนอีกครั้ง
ก็ในเมื่อเธอลงทุนไปแล้ว จะปล่อยให้มันเสียเปล่าได้ยังไงล่ะ?
อีกทั้งเมื่อผ่านช่วงเวลานี้ไป ประเทศจะมีนโยบายการปฏิรูป เปิดกว้างให้ธุรกิจต่าง ๆ ทุกอย่างที่คุณต้องการจำเป็นต้องใช้เงินลงทุน ลี่หรงจึงต้องรักษาเงินก้อนนี้ไว้ เพราะหากทำได้ เธอจะกลายเป็นคนร่ำรวย และกลายเป็นครัวเรือนแรกที่มีเงินถึงหมื่นหยวน
จ้าวชิงซงพลันขมวดคิ้ว สีหน้ากลายเป็นมืดมน
ลี่หรงหันมองริมฝีปากเม้มแน่นของเขา ก่อนโน้มตัวไปจูบคนตรงหน้า
“ให้ฉันทำเถอะ สิ่งนี้จะทำให้เรามีเงินมากขึ้น ฉันจะระวังตัว ได้ไหม? รับประกันได้เลยว่าฉันจะวิ่งหนีแน่นอนถ้ามีอะไรผิดพลาด จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นแน่นอน และอีกอย่างฉันก็ไม่ได้ไปขายทุกวันด้วย”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ ลี่หรงพลันคลี่ยิ้มก่อนพูดว่า “และแม้ว่าฉันจะถูกพาตัวไป แต่คุณจะมาประกันตัวฉันแน่นอน …ใช่ไหม?”
ดวงตาของลี่หรงเป็นประกาย น้ำเสียงก็นุ่มนวล
จ้าวชิงซงมองใบหน้าสวยงามที่ดูไม่เกรงกลัวของเธอ ขณะที่ในใจเขามีเสียงกู่ร้องอันยากจะยอมรับ แต่สุดท้ายชายหนุ่มก็ยอมแพ้ และพูดว่า
“ตกลง”
“ฉันรู้ว่าคุณจะช่วยฉันแน่” ดวงตาของลี่หรงเต็มไปด้วยความคาดหวัง พร้อมความชื่นชมในตัวจ้าวชิงซง
อยู่ ๆ ในจังหวะนั้น จ้าวชิงซงพลันคิดถึงสหายสมัยที่ยังเป็นทหารขึ้นมา และเพราะแบบนี้ ..การประกันตัวลี่หรงคงจะไม่เป็นการยากเกินไป ใช่ไหม?
แต่ถ้าบอกเรื่องนี้ให้เธอรับรู้ขึ้นมา แล้วหญิงสาวปีกกล้าขาแข็งจนทำเรื่องใหญ่ขึ้นมาล่ะ? แบบนั้นเขาได้ปวดหัวยกใหญ่แน่
“วันนี้ฉันทำเงินได้ตั้งสิบเอ็ดหยวนเลยนะ ถ้าตามที่คำนวณไว้วันพรุ่งนี้ถูกต้อง ฉันจะได้กำไรเพิ่มเป็นสองเท่า” ลี่หรงแบ่งปันเรื่องราวกับชายผู้นี้อย่างมีความสุข
เขาประหลาดใจ “เยอะขนาดนั้นเลยเหรอ?”
จ้าวชิงซงแบกเนื้อหมูจากฟาร์มหมูไปที่ ‘ตลาดเสรี’ ทุกวัน เนื้อหมูหนึ่งจินมีราคาห้าเหมา เขาไปส่งพวกมันวันล่ะสามร้อยจิน เลยได้รับเงินราว ๆ สิบห้าหยวน แบ่งกันสองคน โดยแปดหยวนเป็นของเขา ส่วนซ่งเซียวซานจะได้เจ็ดหยวน นอกจากนี้ก็มีงานอื่น ๆ อีกจิปาถะ รวม ๆ แล้วจึงมีรายได้วันล่ะสิบหยวน
เขารู้ดีว่ายิ่งตัวเองได้รับเงินมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีความเสี่ยงมากขึ้นเท่านั้น แต่จู่ ๆ ตัวเขากลับต้องมากังวลในสิ่งที่ลี่หรงทำในวันนี้อีก เพียงแต่เขาไม่สามารถหยุดความคิดนี้ของลี่หรงได้
จ้าวชิงซงคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวว่า “พรุ่งนี้รอจนกว่าผมจะกลับมา แล้วเดี๋ยวผมจะไปส่งคุณเอง เพราะคุณคงขนของขนาดนั้นไม่ไหวหรอก”
ลี่หรงพลันจำได้ว่าชายคนนี้มักหายตัวไปทุกเช้า โดยไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายออกไปทำอะไร
เธอมองชายคนนั้นด้วยดวงตานึกสงสัย
“คุณเองก็ควรเล่าเรื่องของคุณให้ฉันฟังด้วยสิ ทำไมถึงออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้า แถมทำไมคุณเองก็อยู่ที่ ‘ตลาดเสรี’ ด้วยล่ะ?”
ก่อนจ้าวชิงซงจะได้พูดคุยเกี่ยวกับสิ่งที่เขาทำ ลี่หรงก็ชิงอุทานว่า
“อย่าบอกนะว่าคุณเองก็ทำเรื่องที่เสี่ยงไม่น้อยไปกว่าฉันเลย!”
MANGA DISCUSSION