บทที่ 13 จ้าวชิงซงใน ‘ตลาดเสรี’ และ หมูตุ๋นกับไข่พะโล้ของลี่หรงที่ขายหมดอย่างรวดเร็ว
เพราะของด้านหลังเหลืออีกไม่มากแล้ว ลูกค้าจึงทำได้แต่ถามอย่างเศร้า ๆ ว่าเมื่อไรลี่หรงจะมาตั้งแผงขายของอีก
คำตอบของลี่หรงยังคงเหมือนเดิม นั่นคือพรุ่งนี้ หลังจากเธอคิดอยู่นาน
“จองได้เลยนะคะ ฉันจะได้จดไว้ว่าต้องการเท่าไร พรุ่งนี้มารับได้เลย”
ลูกค้ายืนลังเลอยู่สักพัก เพราะการจองหมายถึงการจ่ายเงินมัดจำ
ใน ‘ตลาดเสรี’ นี้ บางคนเพียงแค่ใช้ตั๋วจ่ายก็ได้รับของแล้ว แต่ในกรณีนี้ที่ลี่หรงเปิดจองสินค้าที่ต้องมัดจำล่วงหน้า เช่นนั้นแล้วหล่อนจะใช้อะไรเป็นการมัดใจได้อีก นอกจากเงิน?
แม้ว่าลี่หรงจะถูกปฏิเสธ แต่เธอก็ไม่สนใจ คล้ายเดาความกังวลในใจของลูกค้าได้
หากลูกค้าบอกความกังวลออกมาให้เธอรู้ ลี่หรงก็จะบอกว่าไม่จำเป็นต้องจ่ายมัดจำ เพียงแต่ลูกค้าไม่ได้พูดอย่างนั้น
เหตุที่ลี่หรงพูดเรื่องการจอง เพียงแค่อยากจะกะปริมาณหมูพะโล้เพื่อเตรียมที่จะขายในวันพรุ่งนี้เท่านั้น
แต่ก็ไม่เป็นไร ลี่หรงพอจะประเมินของที่ต้องเตรียมได้คร่าว ๆ แล้ว ว่าพรุ่งนี้ต้องใช้เท่าไร แถมเธอยังวางแผนที่จะเพิ่มเมนูพะโล้อื่น ๆ ด้วย
เธอไปที่แผงขายหมูที่ซื้อเมื่อวาน ก่อนเจรจาเพื่อต่อรองราคากับเจ้าของร้าน
“คุณป้าคะ หากฉันซื้อหมูมากหน่อยจะลดราคาลงอีกได้ไหมคะ?”
“ต้องการหมูจำนวนเท่าไรล่ะ”
“หมูสิบห้าจิน ไส้หมูห้าจินค่ะ” ลี่หรงกล่าว “ลดให้ฉันสักสามสิบเฟิงต่อจินได้ไหมคะ?”
เพราะลี่หรงต่อราคามากเกินไป คนขายเนื้อพลันส่ายหน้า คิดว่าราคานี้ได้ไม่คุ้มเสีย ทำการปฏิเสธข้อตกลงนี้ไป
ก่อนลี่หรงจะได้พูดอะไรต่อ ก็พลันได้ยินเสียงที่คุ้นเคย “คุณมาที่นี่ทำไมกัน”
จ้าวชิงซง!
เมื่อลี่หรงเห็นเขาออกมาจากด้านหลัง เธอพลันตื่นตระหนกไปทั่วทั้งร่าง ราวกับถูกจับได้ว่ากำลังทำผิดอยู่ ก่อนหันไปยิ้มอย่างเชื่องช้า และพูดว่า “ซื้อเนื้อน่ะ” หลังจากเธอชะงักไปชั่วครู่ ก็เป็นเธอที่ถามกลับไปว่า “แล้วทำไมคุณถึงอยู่ที่นี่?”
“ผม…”
“พี่ชิงซง มีอะไรเหรอ?”
ซ่งเสี่ยวซานเดินออกมาจากด้านหลังจ้าวชิงซง ก่อนเห็นลี่หรง เขานิ่งไปครู่หนึ่ง เบิกตากว้างก่อนเอ่ย
“พี่สะใภ้?”
ใบหน้าของป้าที่กำลังเฉือนเนื้อพลันอ่อนลง ก่อนถาม “เสี่ยวจ้าว พวกเธอรู้จักกันงั้นเหรอ?”
พอเห็นจ้าวชิงซงและลี่หรงไม่ได้พูดอะไร ซ่งเสี่ยวซานจึงอธิบายด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “พวกเขามาจากครอบครัวเดียวกัน พี่ผู้หญิงคนนี้คือภรรยาของพี่ชิงซง”
คนกันเองงั้นเหรอ ป้ายิ้มเบา ๆ
“นั่นสินะ ภรรยาเสี่ยวจ้าว งั้นฉันจะเอาของราคาดีกว่าให้แทน แต่ราคาถูกกว่าเพียงสองเฟิงเท่านั้นนะ ลดมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว”
“หน้าคุณไปเปื้อนอะไรมาน่ะ?”
จ้าวชิงซงเอื้อมมือออกไปเช็ดขี้เถ้าออกจากใบหน้าของลี่หรง
สีหน้าของเขาเย็นชา เช่นเดียวกับน้ำเสียงที่เคร่งขรึมผิดปกติ
“ซื้อเนื้อเหรอ? คุณรู้จักที่นี่ได้ยังไง”
มือหยาบของเขาที่ลูบใบหน้าเธอ ทำให้หญิงสาวรู้สึกสากผิวเล็กน้อย ดังนั้นลี่หรงจึงเบี่ยงตัวออกห่าง ก่อนพูดอย่างเลี่ยง ๆ ว่า “ฉันเจอที่นี่โดยบังเอิญ”
“ภรรยาเสี่ยวจ้าว เอาเนื้อไหม?” ป้าถาม
ลี่หรงกล่าวตอบ “เอาค่ะ ป้าช่วยหั่นให้ฉันหน่อย ขอบคุณค่ะ”
“ไม่เป็นไร คนกันเองทั้งนั้น อ่า ไส้หมูเกือบ ๆ ห้าจิน อืมม น่าจะประมาณสี่จินครึ่ง”
“หยิบเอาได้เลย”
“ฉันหั่นเป็นชิ้นให้คุณแล้วนะ หมูสิบห้าจิน และไส้หมูสี่จินครึ่ง ว่าไปเธอมีตั๋วอาหารไหม? ถ้าไม่งั้นจ่ายเป็นเงินแทนก็ได้ รวมเป็นสิบหกหยวนสองเฟิง”
ขณะลี่หรงกำลังจะจ่ายเงิน จ้าวชิงซงก็ชิงจ่ายไปเสียแล้ว แถมยังขนเนื้อทั้งหมดกลับไปด้วย พลางถามลี่หรงว่า “ทำไมคุณถึงซื้อเนื้อมากขนาดนี้ล่ะ?”
เมื่อชายคนนั้นคว้าใบเสร็จได้ก่อน ลี่หรงจึงชะงัก เพิกเฉยต่อคำถามของจ้าวชิงซง
หญิงสาวทำสายตาเหม่อลอย ไม่พูดอะไรเลยสักคำ
“ยืนเฉยอยู่ทำไมเล่า กลับบ้านได้แล้ว”
โอ้
จ้าวชิงซงและซ่งเสี่ยวซานขับรถเกวียนออกไป พร้อมสาวสวยบนรถ
นี่เป็นครั้งแรกที่ลี่หรงได้นั่งเกวียน ซึ่งเธอรู้สึกว่ามันแปลกมาก แม้เกวียนจะเคลื่อนที่ช้ากว่ารถประจำทาง แต่ข้อดีคืออากาศที่ดีกว่า ไม่อบอ้าวเหมือนในรถโดยสาร
จ้าวชิงซงบังคับเกวียนพลางตวัดแส้อย่างเงียบ ๆ ลี่หรงรู้ว่าการที่เธอปรากฏตัวใน ‘ตลาดเสรี’ แถมยังซื้อเนื้อสัตว์มามากมายเช่นนี้อีก เมื่อกลับถึงบ้านตนจะต้องถูกจ้าวชิงซง ‘สอบปากคำ’ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แน่
หากเธอไม่บอกความจริงไป ลี่หรงก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายสาเหตุที่ต้องซื้อเนื้อมากมายขนาดนี้ได้อย่างไร
บอกตามตรงว่า ‘การทำธุรกิจ’ นี้ ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยอีกต่อไป เมื่อคุณต้องเผชิญกับการเทศนาจากผู้ชายคนนี้
ลี่หรงพลันรู้สึกเศร้า เหมือนตนเป็นนกกระทาที่นั่งอยู่บนเกวียน
ดวงตาเล็กของซ่งเสี่ยวซานได้แต่มองสลับกลับไปกลับมาระหว่างคนทั้งสอง ในใจคิดว่าระหว่างคนทั้งสอง มีพลังงานบางอย่างคล้ายจะเป็นสัญญาณก่อนพายุโหม
เพราะคิดแบบนั้น ซ่งเสี่ยวซานเลยไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ ทำได้เพียงนิ่งเงียบมาตลอดทาง
จ้าวชิงซงช่วยถือเนื้อเข้าไปในบ้าน เขาเหลือบมองไปที่ลี่หรงอย่างเงียบ ๆ ก่อนออกไปกับซ่งเสี่ยวซาน โดยไม่ได้พูดอะไร
ยิ่งตอนนี้เขาเงียบมากเท่าไร พายุก็จะยิ่งใหญ่มากขึ้นในอนาคต
ลี่หรงรู้ดีว่าตนไม่สามารถหลบหนี ‘การสอบปากคำ’ จากชายคนนั้นได้
หัวใจเธอพลันเต้นรัว
หลังจากทำงานมาทั้งวัน ลี่หรงแทบไม่ได้หยุดพักเลย หลังจากคลายความเหนื่อยล้าสักพักหนึ่ง เธอจึงหันไปล้างมือ ก่อนจัดการกับข้าวของที่ซื้อมา
ลี่หรงเริ่มจากแบ่งไส้หมูออกมาลวกส่วนหนึ่ง ก่อนนำไปทอดในน้ำมันเดือด อีกส่วนหนึ่งนำมาหมัก ด้วยน้ำหมักที่เตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อวาน สิ่งนี้คือเคล็ดลับของหญิงสาว เพราะยิ่งน้ำหมักถูกทิ้งไว้นานเท่าไหร่ กลิ่นของมันก็จะยิ่ง ‘หอม’ เท่านั้น
ถึงขนาดที่ว่าในชีวิตก่อน เวลาที่ลี่หรงหมักของต่าง ๆ เธอก็จะนำน้ำหมักที่เหลือไปแช่ในตู้เย็น เพื่อจะใช้มันในครั้งต่อ ๆ ไป
เธอจำได้ว่าในอนาคต ถึงขนาดที่มีการซื้อขายน้ำหมักที่อายุนานนับศตวรรษ และมันก็จัดเป็นสินค้าราคาสูงเสียด้วย
วันนี้ลี่หรงซื้อใบชามาด้วย เธอจึงตั้งเตาเพื่อทำไข่ต้มใบชา
หลังจากทำทุกอย่างตรงนี้เสร็จ เธอก็นั่งดูไฟอยู่หน้าเตา เมื่อน้ำในหม้อเดือดปุด ๆ กลิ่นหอมก็พลันลอยออกมาจากหม้อทันที ทำให้ลี่หรงรู้สึกมีกำลังใจทำอาหารมากขึ้นเรื่อย ๆ
ระหว่างนั้น หญิงสาวยังหันไปนำไส้หมูที่หมักไว้มาขยำเบา ๆ และมั่นใจเป็นอย่างยิ่งเลยว่า มันจะทำให้เกิดรสชาติที่ใครกินเป็นต้องติดใจแน่ ๆ
หลังจากลี่หรงทำอาหารเสร็จแล้ว เธอก็เข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนเอาเงินที่หามาได้ในวันนี้มานับ จากตรงนั้นทีตรงนี้ที หนึ่งเหมาหรือสองเหมาต่อของกี่ชิ้น ลี่หรงนับและคำนวณอย่างรอบคอบ หลังจากหักค่าใช้จ่ายแล้ว รวมถึงเนื้อบางส่วนที่แบ่งให้ลูกค้าชิม คาดว่าตนน่าจะมีรายได้มากกว่าสิบเอ็ดหยวน
ในยุคนี้คนงานของรัฐทั่วไปจะได้รับเงินเดือนสามสิบหรือสี่สิบหยวน บวกกับตั๋วอาหารมากกว่าหกสิบจิน แต่ลี่หรงสามารถทำกำไรสุทธิได้มากกว่าสิบเอ็ดหยวนจากการขายของที่ ‘ตลาดเสรี’
เงินจำนวนนี้หาได้ง่ายมาก ลี่หรงถอนหายใจ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงมีคนตั้งตัวได้ในยุคนี้เสียมากมาย
ด้วยปริมาณเนื้อสัตว์ที่มากขนาดนี้ ลี่หรงคาดว่าคงพอสามารถขายได้ในวันพรุ่งนี้ และน่าจะทำกำไรเป็นสองเท่าเลยทีเดียว
พอคิดแบบนั้น ลี่หรงก็ชักอยากจะซื้อจักรยานสักคัน
ระหว่างขากลับจากตลาด ขณะนั่งเกวียนก็เห็นผู้คนปั่นจักรยานผ่านไปมาเป็นครั้งคราว มันคงจะดีถ้าเธอมีจักรยานของตัวเอง …พอคิดมาถึงตรงนี้ หญิสาวก็พลันเกิดคำถามขึ้นมาว่า งั้นทำไมเธอไม่ซื้อจักรยานเสียเลยล่ะ?
การเดินทางไปกลับจากตัวอำเภอจะสะดวกขึ้นมาก ถ้าหากคุณมีจักรยานของตัวเอง
ระหว่างนอนครุ่นคิดอยู่บนเตียงว่าควรจะซื้อจักรยานดีไหม ลี่หรงก็ผล็อยหลับไปก่อนตื่นขึ้นมาพร้อมแสงบอกเวลาเย็นย่ำ เธอจึงรีบดึงสติ พลางลุกออกไปที่ครัว ในใจก็คิดไปว่าตนเผลอนอนจนถึงเวลาอาหารเย็นเลยหรือนี่
ควันลอยขึ้นมาจากปล่องไฟ ขณะลี่หรงประกอบอาหาร
ไส้หมูที่หมักแม้จะเหนียวอยู่บ้าง แต่กลิ่นของมันหอม เนื้อสัมผัสเต็มคำ ลี่หรงหยิบออกมาสองชิ้นแล้วหั่นออกเป็นจานเล็กสองใบ จานหนึ่งถูกมอบให้กับครอบครัวฝั่งแม่จ้าว โดยมีไข่ต้มชาอีกจำนวนหนึ่งวางโปะไว้บนนั้น
ต้าหนิวและเอ้อร์หนิวกลับถึงบ้านมาก่อนพวกผู้ใหญ่ ทั้งสองจึงได้กลิ่นอาหารจากบ้านลี่หรง พวกเขามองหน้ากัน ก่อนเป็นเอ้อร์หนิวที่กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
เอื้อก…!
ก่อนพูดว่า “พี่ชาย น้าลี่หรงทำอาหารอร่อย ๆ อีกแล้ว กลิ่นหอมมากเลย ผมหิวแล้ว”
ต้าหนิวก็หิวเหมือนกัน เขาพูดว่า “งั้นเรารอจนคุณย่ากลับก่อนดีกว่า”
ตอนลี่หรงออกมาเทน้ำออกจากหม้อ เธอบังเอิญเห็นสองพี่น้องเล่นลูกท้ออยู่ในสนามพอดี หญิงสาวจึงนำไส้หมูหมักหั่นบาง ๆ และไข่ต้มใบชาแบ่งให้พวกเขานำกลับไปกินที่บ้าน
MANGA DISCUSSION