บทที่ 9: ถ้าฉันจะตาย แกก็ต้องตายด้วย
ไม่มีจังหวะให้โจมตีเลยสักนิด
ต่อให้อัปค่าพลังกายมาซะเต็มหลอด ก็ยังมองตามการเคลื่อนไหวของหมอนี่ไม่ทัน
ได้แต่พึ่งพาสัญชาตญาณดิบๆ ป้องกันการโจมตีอันบ้าคลั่งของอีกฝ่ายไปแบบฉิวเฉียด แต่ก็เห็นอนาคตอยู่รำไรว่าอีกไม่นานพลังกายของฉันคงหมดเกลี้ยงแล้วก็แพ้แหงๆ
ถ้าอัปสเตตัสเพิ่มตอนนี้ก็อาจจะมีลุ้นสู้ได้สูสีอยู่หรอกนะ แต่หมอนั่นมันคงไม่ใจดีปล่อยให้มีช่องว่างแบบนั้นหรอกมั้ง
「ว่าไงวะไอ้หนู? นี่เอาจริงแล้วเรอะ? หรือยังกั๊กไว้อีก?」
「ก็บอกไปแล้วไงเล่า! ว่าฉันมันก็นักผจญภัยแรงก์ F กระจอกๆ คนหนึ่งเฟ้ย! ไม่ได้มีของดีอะไรซ่อนไว้หรอก!」
ดาบเริ่มจะบิ่นแล้วว่ะ
อีกฝ่ายมันสู้ด้วยมือเปล่าแท้ๆ แต่ทำไมเหล็กมันถึงแพ้ได้วะเนี่ย!? นี่มันตรรกะอะไรของโลกนี้กันแน่ฟะ!?
「หรือว่าฉันจะตาฝาดไปเองวะ? เอาให้ถึงตายไปเลยสิวะ! ทำให้ฉันสนุกกว่านี้หน่อยเซ่!」
「…ถ้าคู่ต่อสู้เป็นแกแล้วจะให้สู้แบบแค่ ‘ถึงตาย’ น่ะ มันยังดูถูกกันไปหน่อยมั้ง」
「ห๊ะ? หมายความว่ายังไงของแกวะ? หรือว่าแกยังมีอะไรเด็ดกว่านั้นอีกเรอะ?」
ไอ้บ้าพลังการต่อสู้คนนี้ ถ้าเทียบเป็นแรงก์แล้วล่ะก็ น่าจะอยู่ระดับ A ไม่สิ เผลอๆ อาจจะทะลุไปถึง S เลยก็ได้
เจอคู่ต่อสู้ระดับพระกาฬขนาดนี้เข้าไป ต่อให้สู้แบบยอมพลีชีพมันก็ไม่มีทางชนะแหงๆ
เสียงหัวใจเต้นโครมครามไม่เป็นส่ำ
ใช้สมาธิมากไปจนหัวแทบจะระเบิดเป็นเสี่ยงๆ อยู่แล้ว
เหนื่อยโว้ย… อยากจะทิ้งตัวลงไปนอนแผ่ซะเดี๋ยวนี้เลย
ทำไมฉันต้องมาซวยซ้ำซวยซ้อนสู้กับศัตรูที่เก่งเวอร์วังอลังการขนาดนี้ด้วยวะเนี่ย!?
เผ่นหนีไปซะก็สิ้นเรื่องแล้วไม่ใช่เหรอ!?
ไม่สิ… มันไม่ใช่แบบนั้น!
ในเมื่อเกิดเป็นลูกผู้ชายอกสามศอกแล้ว ถ้าเปิดฉากสู้แล้วก็ห้ามหนีโว้ย! ไม่มีคำว่าถอยในพจนานุกรม!
「ถ้าฉันจะม่องเท่ง งั้นแกก็ต้องไปสู่สุขคติด้วยกันนี่แหละ!」
ฉันชูนิ้วโป้งทิ่มลงพื้น เป็นสัญลักษณ์สากล
「ความบ้าดีเดือดแบบนั้น… ฉันไม่เกลียดเลยว่ะ! เผลอๆ จะชอบด้วยซ้ำ!」
ระหว่างที่กำลังพล่ามน้ำลายแตกฟองกันอยู่นี่ ในหัวฉันก็คิดคำนวณการอัปพอยต์ที่ดีที่สุดในสามโลกแล้วก็กดลงมือทำทันที!
ไอ้เวลาไม่กี่วินาทีทองคำที่ถ่วงมาได้นี่แหละโคตรจะสำคัญ!
จะปล่อยให้มันเสียของไปเปล่าๆ ไม่ได้เด็ดขาด!
「ไอ้ลูกไม้ตื้นๆ ของแกน่ะ เสร็จรึยังวะ? หรือจะเอาอีกสักพัก?」
「รู้ทั้งรู้แต่ก็ยังใจดีปล่อยให้ทำเนี่ย แกนี่มันใจกว้างเป็นแม่น้ำเหมือนกันนะเว้ย! ไม่คิดว่าจะเจอคนแบบนี้!」
「ฉันก็แค่อยากจะปลดปล่อยพลังอาละวาดให้เต็มที่ตลอดเวลาเท่านั้นแหละ! 【หมัดทลายภพ】 “อิมแพ็ค โนวา”!!! รับไปซะ!!!」
หมอนั่นปล่อยท่าไม้ตายสุดอลังการดาวล้านดวงออกมาโดยไม่แคร์ฟ้าแคร์ดินเลยว่าตึกรามบ้านช่องรอบๆ จะพังพินาศแค่ไหน!
ถ้าโดนท่านี้เข้าไปเต็มๆ ล่ะก็ ต่อให้เป็นยอดมนุษย์เกราะเหล็กก็คงได้ไปเฝ้ายมบาลในหมัดเดียว ไม่ต้องสงสัยเลยสักนิด!
ฝุ่นควันตลบอบอวลไปทั่วบริเวณจากแรงกระแทกมหาศาล
ฉันหายวับไปจากสายตาของดัคมาซ
จากสถานการณ์ที่เลวร้ายสุดขีดคลั่งแบบนี้ ใครๆ ก็คงคิดว่าการต่อสู้มันจบลงเร็วจนน่าใจหายแล้ว
「คุคุคุ! น่าสนใจดีนี่หว่า! ไม่เลวเลยนี่แก!」
「ฉันยังไม่เด๊ดสะมอเร่ง่ายๆ หรอกนะเฟ้ย! ยังอยู่โว้ย!」
ลึกลงไปในม่านฝุ่นควันหนาทึบ ร่างของฉันยังคงยืนหยัดท้าทายแรงโน้มถ่วงอยู่บนพื้น!
สกิล 【เจ็ดล้มแปดลุก】 เดิมทีมันเป็นสกิลที่ช่วยบัฟความแข็งแกร่งทางด้านจิตใจให้ทนทานเหมือนแมลงสาบ แต่ในคำอธิบายมันเขียนไว้แค่ว่า “ทนทายาดขึ้น” แค่นั้น!
ฉันก็เลยลองวัดใจเสี่ยงดวงดูว่ามันอาจจะช่วยให้ร่างกายมันถึกทนทายาดขึ้นเหมือนกันก็ได้!
อาจจะอยากจะบอกว่ามันเป็นการเดิมพันที่โคตรจะเสี่ยงตายสินะ แต่ถ้าไม่ชนะการเดิมพันที่เดิมพันด้วยชีวิตแค่นี้ ฉันก็ไม่มีแต้มต่อเหลือให้ชนะแล้วล่ะ!
「คุคุคุ! คะฮะฮะฮ่าาาา! มันต้องอย่างนี้สิวะ!」
「สติออนทัวร์ไปแล้วเรอะ? ไม่สิ แต่เดิมหมอนี่มันก็ดูไม่ค่อยจะเต็มเต็งอยู่แล้วนี่หว่า ไม่น่าแปลกใจ」
「เมื่อกี๊ฉันไม่ได้ออมแรงเลยนะเว้ย! ไม่ได้กั๊กแม้แต่นิดเดียว! แต่แกที่เป็นแค่แรงก์ F กระจอกงอกง่อยดันรับหมัดนั้นได้! ไอ้หมอนี่มันน่าสนใจจริงๆ! น่าสนใจจนขนลุกไปหมดแล้วโว้ย!」
ไอ้หมอนี่มันจะคลั่งไคล้การต่อสู้ไปถึงไหนของมันวะเนี่ย!?
ช่างหัวมันก่อน! อย่าเพิ่งการ์ดตกเด็ดขาด!
อีกฝ่ายมันยังมีแรงเหลือเฟือให้เล่นสนุกได้อีกเยอะ แต่ฉันไม่ใช่!
ต้องคิดอยู่ตลอดเวลาว่าสเต็ปต่อไปมันจะเกิดอะไรขึ้น!
「แกน่ะ ชื่อแซ่เรียงเสียงใดวะ?」
「ชื่อ? …ชิโร่ แต่จะถามไปเพื่อ?」
ลังเลอยู่แวบหนึ่งว่าจะบอกชื่อให้มันรู้ดีไหม แต่แค่ชื่อคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง เลยบอกไปตามนั้น
「ชิโร่เรอะ! ข้าจำชื่อแกไว้แล้ว! ส่วนข้าคือ “ก็อดคิลเลอร์” ดัคมาซ! ผู้นำแห่งแก๊ง “ปรโลกหรรษา” อันเลื่องชื่อ!」
「แล้วจะมาแนะนำตัวอะไรกันป่านนี้วะเนี่ย!? ตกลงจะสู้ต่อไหม!?」
「ข้าน่ะ เป็นพวกที่ชอบเก็บของอร่อยเหาะไว้ละเลียดกินทีหลังสุดไงล่ะ! ถ้าโซ้ยตั้งแต่แรกมันก็หมดความฟินสิใช่ไหมล่ะ? ดูท่าแล้วแกยังทำให้ข้าสนุกได้อีกเยอะเลย! วันนี้ข้าเลยตัดสินใจว่าจะยังไม่ส่งแกไปทัวร์นรกก็แล้วกัน! ยิ่งปล่อยให้รอนานเท่าไหร่ แกก็จะยิ่งทำให้ข้าสนุกสุดเหวี่ยงได้มากขึ้นเท่านั้นแหละ!」
「ดะ เดี๋ยวสิครับท่าน! ถ้าอย่างนั้นผมก็แย่สิครับ…」
ดัคมาซหันหลังกลับเงียบๆ แล้วเดินอาดๆ ไปหาผู้ชายคนเมื่อกี๊ที่ดันพูดแทรกขึ้นมา
「พระเจ้าอาจจะให้อภัยคนบาปได้สามครั้ง แต่เสียใจด้วยนะโว้ย! ข้าให้แค่สองครั้งเท่านั้นแหละ! ถ้าแกกล้าเปิดปากพูดต่อหน้าข้าอีกครั้งเดียวล่ะก็… ข้าจะบีบคอแกให้ตายคามือแน่!」
ดัคมาซที่พัดกระหน่ำความวุ่นวายโกลาหลเหมือนพายุไต้ฝุ่นถล่มเมือง จากไปโดยปล่อยให้ฉันรอดตายอย่างไม่น่าเชื่อจริงๆ!
ทันทีหลังจากนั้น ฉันก็รู้สึกเหมือนเรี่ยวแรงทั้งหมดในร่างกายมันหายวับไปกับตา!
เพราะฝืนเค้นพลังทั้งหมดที่มีจนถึงขีดสุด พลังที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตมันก็เลยพลอยหมดเกลี้ยงไปด้วย!
「อา… แย่แล้วว่ะตู… สติจะหลุดแล้ว」
ณ สถานที่รกร้างว่างเปล่าที่ไม่มีใครเหลืออยู่ ฉันค่อยๆ หมดสติไปอย่างไม่อาจฝืนต้านทานได้
ความพ่ายแพ้ในครั้งนี้คงจะสลักลึกลงไปในส่วนที่ลึกที่สุดของความทรงจำฉันอย่างไม่มีวันลืมเลือนแน่ๆ
ทั้งความเจ็บใจ ความกลัว ความอยากจะเก่งขึ้นไปอีก และจิตวิญญาณนักสู้ที่ไม่ยอมแพ้
ถือว่าเป็นบทเรียนราคาแพง… เอ๊ย! ประสบการณ์ที่ดีชิบเป๋งเลยล่ะนะ!
───
แสงแดดยามเช้าอันอบอุ่นสาดส่อง กับเสียงนกร้องเพลงประสานเสียงเจื้อยแจ้ว
แล้วก็… ทำไมก็ไม่รู้สิ เตียงนุ่มๆ ฟูๆ นี่มันปลุกให้ฉันตื่นเหมือนทุกทีไม่มีผิดเพี้ยนเลย
ทำไมฉันถึงมานอนแอ้งแม้งอยู่ที่ปราสาทได้วะเนี่ย!?
จำได้ลางๆ ว่าเมื่อวานแพ้ราบคาบให้กับดัคมาซแล้วก็สลบเหมือดอยู่บนพื้นตรงนั้นนี่หว่า!?
หลังจากนั้นมันเกิดอะไรขึ้นกับฉันวะเนี่ย!?
การที่มาตื่นลืมตาอยู่ที่นี่ได้ แสดงว่าต้องมีใครสักคนใจดีแบกฉันมาส่งแน่ๆ
แต่ใครมันจะมาเสียเวลาแบกฉันมาถึงที่นี่ได้วะ?
คนที่แบกมาถึงนี่ได้ก็ต้องเป็นคนของปราสาท หรือไม่ก็เพื่อนร่วมห้องสักคน… หรือว่าจะเป็นผี!?
ไม่ว่าจะเป็นใครหน้าไหนก็ตาม ก็อยากจะกล่าวคำขอบคุณจากใจจริงที่อุตส่าห์ช่วยแบกมาส่งนะเฟ้ย!
「อรุณสวัสดิ์ ชิโร่! ทำหน้าเอ๋อเหวอเหมือนคนโดนผีอำอยู่ตรงนั้นทำไมวะ? ทุกคนเขากินข้าวเช้ากันจนพุงแตกไปแล้วนะโว้ย!」
「เอ๋อเหวออะไรของแกเล่า! ปากคอเราะรายจริง! ว่าแต่… เร็นยะ…」
「หืม? ว่าไงเพื่อน? มีอะไรให้รับใช้?」
「เปล่า… ไม่มีอะไรหรอก ช่างมันเถอะ」
คนที่แบกฉันมาไม่น่าจะใช่เร็นยะแหงๆ
ถ้าเป็นเร็นยะล่ะก็ ตอนที่ฉันตื่นขึ้นมาหมอนั่นต้องทำหน้าเคร่งเครียดเหมือนแบกโลกไว้ทั้งใบแน่ๆ
ปกติก็ชอบกวนตีนหาเรื่องกันอยู่แบบนี้แหละ แต่หมอนั่นมันก็เป็นคนที่รู้จักแยกแยะผิดชอบชั่วดีอยู่หรอกน่า
คิดไปก็ยิ่งปวดกบาลเปล่าๆ เอาเป็นว่าไปหาอะไรอร่อยๆ ยัดลงท้องที่โรงอาหารก่อนดีกว่า
ถ้าไม่กินข้าวเช้าเติมพลังงานให้เต็มถังล่ะก็ วันนี้คงไม่มีแรงไปเข้าค่ายฝึกทหารโหดแน่ๆ
「ว่าแต่… เมื่อวานแกหายหัวไปทำอะไรมาเหรอวะเร็นยะ?」
「เมื่อวาน? อ๋อ… เมื่อวานฉันโดนท่านหัวหน้าอัศวินสุดโหดลากไปเข้าคอร์สฝึกพิเศษตัวต่อตัวมาน่ะสิ แทบรากเลือด!」
「วันหยุดก็ยังจะขยันฝึกอีกนะ! โคตรจะบ้าพลังเลยว่ะ! ปกติคนเรามันก็ต้องหาวิธีเทพแบบทางลัดโกงๆ กันไม่ใช่เรอะ!?」
「มันไม่มีทางลัดไปสู่ความเทพทรูหรอกน่า! ต่อให้มีฉันก็คงหาไม่เจออยู่ดีนั่นแหละ! เพราะงั้นการพยายามถึกทนไปเรื่อยๆ แบบนี้น่ะดีที่สุดสำหรับฉันแล้ว!」
ไอ้หมอนี่มันไม่มีจุดอ่อนให้โจมตีเลยรึไงวะเนี่ย!?
แถมยังมีความมุ่งมั่นตั้งใจแบบทะลุปรอทอีกต่างหาก!
พระเจ้าตอนที่ปั้นเร็นยะขึ้นมานี่คงจะใส่สเป็กเทพบุตรในอุดมคติของตัวเองลงไปจนหมดแม็กซ์เลยสินะ!
「มองหน้าหาเรื่องอะไรของแกนักหนาเนี่ย!? หรือว่าเมื่อคืนกินอะไรผิดสำแดงมารึไงวะ!?」
เออ… มีข้อเสียอยู่อย่างหนึ่งจนได้
ไม่รู้ทำไมกับฉันคนเดียวหมอนี่มันถึงได้ปากจัดเป็นพิเศษนักก็ไม่รู้
ถึงมันจะเป็นเครื่องหมายแสดงว่าเราสนิทกันก็เถอะนะ แต่บางทีก็น่าจะทำดีกับฉันเหมือนที่ทำกับคนอื่นบ้างก็ได้นะเฟ้ย!
…เอ่อ ไม่สิ ลองจินตนาการภาพนั้นดูแล้ว… ถ้าเป็นแบบนั้นมันก็คงจะกระอักกระอ่วนพิลึกพิลั่นน่าดูชม
เร็นยะเป็นเร็นยะแบบนี้แหละดีแล้วล่ะมั้ง… มั้งนะ
ฉันคิดแบบนั้นพลางเริ่มลงมือโซ้ยข้าวเช้าอย่างเอร็ดอร่อย
Translater : Eidolon
www.nekopost.net/editor/78229
MANGA DISCUSSION