“พวกนั้นมันก็แค่พวก “เดนดิน” ที่ทั้งน่ารังเกียจและเกะกะลูกตาเท่านั้นแหละครับ เพราะงั้น พวกเดนดินที่ก่ออาชญากรรมก็สมควรที่จะถูกกำจัดทิ้งอยู่แล้ว นั่นมันเป็นเรื่องปกติของประเทศนี้ครับ เพราะฉะนั้น รีบส่งไอ้เด็กเปรตนั่นมาให้ผมซะดีๆ”
ชายเจ้าของร้านพยายามจะยื่นมือมาคว้าตัวเด็กหนุ่มไปอย่างแข็งขัน
แต่ว่า ผมวางเด็กหนุ่มที่อุ้มอยู่ลงก่อนที่มือของเขาจะมาถึงตัว
ทันใดนั้น เด็กหนุ่มก็วิ่งหนีเอาชีวิตรอดอย่างสุดกำลังด้วยสัญชาตญาณดิบของการเอาตัวรอด
ชายเจ้าของร้านโกรธจัดที่ผมปล่อยให้เด็กหนุ่มที่ก่ออาชญากรรมหนีไปได้ เขามองมาทางผมด้วยสายตาอาฆาตแค้น
แต่ว่า แบบนี้แหละดีแล้ว
เด็กคนนั้นยังสามารถเริ่มต้นใหม่ได้อีกหลายครั้ง
“คุณทำอะไรลงไปรู้ตัวรึเปล่าครับ? ไม่รู้หรอกนะว่ามาจากไหน แต่เมืองนี้มันก็มีกฎของเมืองนี้อยู่ ถ้าไม่ทำตามกฎมันก็ลำบากนะครับ”
ความเหลื่อมล้ำทางฐานะในเมืองนี้มันชัดเจนมากแค่ไหนก็ดูจากเด็กหนุ่มเมื่อครู่ก็รู้แล้ว
แล้วความเหลื่อมล้ำนั้นมันก็ก่อให้เกิดความรู้สึกแบ่งแยกชนชั้นอย่างรุนแรง
ไม่ว่าใครได้ฟังก็คงจะไม่รู้สึกดีหรอกนะ
“เอ้านี่ พอใจรึยัง?”
มีคนหนึ่งที่ทนไม่ไหวโผล่มาอีกคนแล้ว
มิล่าหยิบเหรียญทองออกมาจากอกเสื้อแล้วก็โยนลงพื้น
น่าจะประมาณห้าหมื่น G ได้กระมัง
“นี่มันอะไรกันครับ?”
“ก็ทำตามกฎของเมืองนี้ยังไงล่ะ กฎเหล็กของเมืองนี้มันก็คือ “ไม่มีอะไรแข็งแกร่งไปกว่าเงินตรา” ไม่ใช่เหรอ?”
“ถึงจะไม่ชอบใจที่เอาเงินมาโยนทิ้งโยนขว้างแบบนี้ก็เถอะนะ แต่ที่พูดมามันก็ถูก ครั้งนี้เห็นแก่เงินห้าหมื่น G นี่ จะยอมปล่อยไปก็ได้”
ชายคนนั้นเก็บเงินขึ้นมาแล้วก็เดินจากไปด้วยใบหน้าที่พึงพอใจ
อย่างที่มิล่าว่าจริงๆ ด้วย ดูเหมือนว่าเงินตรามันจะมีอำนาจมากที่สุดในเมืองนี้จริงๆ แฮะ
เพิ่งจะมาถึงเมืองนี้ได้ไม่นาน แต่ก็ได้เห็นด้านมืดของมันซะแล้ว
พวกเรารู้สึกหดหู่ใจกันถ้วนหน้า เลยตั้งสติแล้วก็มุ่งหน้าไปยังกิลด์
“ทำไมมันดูต่างจากตอนที่เบอร์รี่มาครั้งก่อนจังเลยนะ”
“เบอร์รี่เป็นราชวงศ์นี่นา เกี่ยวข้องกับเงินทองอยู่แล้ว เขาคงจะไม่กล้าทำอะไรหยาบคายใส่หรอก”
“ทำอะไรสักอย่างไม่ได้เลยเหรอ เบอร์รี่รับไม่ได้เลยนะกับสถานการณ์แบบนี้”
“นอกจากจะออกจากเมืองนี้ไปก็ไม่มีทางอื่นแล้วล่ะ ถึงจะเป็นเมืองแบบนี้แต่มันก็ยังคงเจริญรุ่งเรืองอยู่ได้ก็เพราะว่ามันยังมีคนต้องการอยู่ยังไงล่ะ พูดง่ายๆ ก็คือ มันก็ยังมีพวกที่ชอบระบบน่าขยะแขยงของที่นี่อยู่ด้วยนั่นแหละ”
“อืมมม ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจก็เถอะนะ แต่ก็คงจะช่วยไม่ได้สินะ”
สำหรับเบอร์รี่ที่ไม่เคยรับรู้โลกภายนอกมาก่อน นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นด้านมืดของมัน
หัวใจอันบริสุทธิ์ของเธอกำลังปฏิเสธมันอย่างรุนแรง
แต่ว่า นี่มันเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของด้านมืดที่มนุษย์มีเท่านั้นแหละ
ถ้ายังคงเดินทางต่อไปเรื่อยๆ ก็คงจะต้องเจอเรื่องแบบนี้อีกหลายครั้งแน่ๆ
ถึงตอนนั้นแล้ว เธอจะทนรับมันไหวรึเปล่านะ
อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้เลยจริงๆ
ตรงกันข้ามกับฮาคุชิโระที่ยังคงเยือกเย็นอยู่
สำหรับเธอแล้ว ดูเหมือนว่าเรื่องแบบนี้มันจะเป็นเรื่องปกติธรรมดาไปแล้วสินะ
คิดว่าแต่ละคนก็คงจะมีความกังวลใจที่ยังไม่ได้แสดงออกมาให้เห็นอยู่เหมือนกัน แต่ความเข้าใจที่ผมมีต่อพวกเธอนั้นมันยังตื้นเขินเกินไป
แต่ว่า ถ้าได้ร่วมเดินทางไปด้วยกันในอนาคต ก็อาจจะมีโอกาสได้ทำความรู้จักพวกเธอมากขึ้นก็ได้
ถึงตอนนั้นแล้ว ผมจะสามารถช่วยแก้ไขปัญหาที่พวกเธอแบกรับไว้ได้รึเปล่านะ
แค่คำถามที่ถามตัวเองในใจนั้น ผมก็ยังไม่อาจจะพยักหน้าตอบรับได้อย่างง่ายดายเลย
“เอาล่ะ นี่แหละคือกิลด์ของเซเลนทรอน!”
แตกต่างจากตอนที่อยู่ทาทัลท์ ประตูที่นี่มันดูหรูหราอลังการกว่าเยอะเลย
ไม่เห็นจะเข้ากับพวกผู้ชายมาดเถื่อนๆ เลยสักนิด
ผมคิดแบบนั้นพลางเดินเข้าไปข้างใน
แล้วก็พบว่าสภาพข้างในมันก็แตกต่างจากที่ทาทัลท์ราวฟ้ากับดินเลยทีเดียว
โคมไฟระย้าที่ส่องประกายระยิบระยับจนแสบตา
พรมสีแดงเลือดหมูที่ปูยาวไปจนถึงเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ซึ่งดูหรูหราจนเกินความจำเป็น
และที่แตกต่างที่สุดก็คือรูปลักษณ์ของเหล่านักผจญภัยนั่นเอง
ที่ทาทัลท์น่ะ มีแต่พวกผู้ชายกล้ามโตๆ ที่ดูเหมือนหลุดออกมาจากภาพวาดมารวมตัวกันอย่างแออัดน่าอึดอัด แต่ที่นี่มันดูเหมือนงานเต้นรำของพวกขุนนางไม่มีผิด
อุปกรณ์ที่ดูประณีตสวยงาม กับเหล่าชายหญิงหน้าตาอ่อนเยาว์
สัมผัสได้ถึงความสูงศักดิ์อยู่เป็นระยะๆ
แต่ว่า พวกเขาจะสามารถกำจัดมอนสเตอร์ได้จริงๆ น่ะเหรอ
อดที่จะสงสัยไม่ได้เลยจริงๆ
ขณะที่กำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่ ก็ได้ยินเสียงซุบซิบดังมาจากรอบๆ
พอตั้งใจฟังดูดีๆ ก็รู้ว่าเนื้อหาที่พูดถึงมันเกี่ยวกับพวกเรานี่เอง
ไม่สิ ถ้าจะให้ถูกก็คือเกี่ยวกับมิล่ากับเบอร์รี่มากกว่าล่ะนะ
คนหนึ่งเป็นนักผจญภัยแรงก์ A ส่วนอีกคนเป็นถึงองค์หญิงของประเทศหนึ่ง
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเธอจะต้องมีชื่อเสียงโด่งดังอยู่แล้ว
ตรงกันข้ามกับผู้ชายหน้าจืดที่ยืนอยู่ข้างๆ อย่างโดดเดี่ยว
สายตาอิจฉาริษยาที่พวกผู้ชายที่ไม่พอใจมองมานั้น มันช่างเจ็บปวดทิ่มแทงผิวหนังเสียจริงๆ
“อ้าว คุณหนูทั้งหลาย มาทำอะไรที่กิลด์นี้กันเหรอครับ อ๊ะ นี่มัน ท่านมิล่า กับองค์หญิงเบอร์รีสท์นี่นา แล้วก็ คุณหญิงผู้งดงามท่านนั้น ไม่ทราบว่าจะพอจะบอกชื่อให้กระผมได้รู้หน่อยได้ไหมครับ”
ไม่เพียงแต่มิล่ากับเบอร์รี่เท่านั้น สุดท้ายก็ลามไปจีบฮาคุชิโระด้วยซะงั้น
ก็พอจะเข้าใจความรู้สึกอยู่หรอกนะ แต่เห็นได้ชัดเลยว่าพวกเธอกำลังลำบากใจอยู่ไม่ใช่รึไง
“ฉันรึ? ฉันชื่อชิโร่ แต่ว่า…”
“ทำไมนายถึงเป็นคนตอบล่ะหา!”
เขาขมวดคิ้วจนเป็นปม เส้นเลือดที่ขมับเต้นตุบๆ พลางเดินเข้ามาใกล้
“เปล่า ก็เห็นถามชื่อมาน่ะสิ”
“ปุ๊! อะฮะฮะ! ไม่ใช่เรื่องของชิโร่สักหน่อยน่า”
“เบอร์รี่เองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน”
มิล่าที่เผลอหลุดขำออกมา กับเบอร์รีที่ทำหน้าเอือมระอา
ส่วนเจ้านาร์ซิสต์นั่นก็โกรธจนตัวสั่นทนไม่ไหวอีกต่อไป
ในญี่ปุ่นเขาเรียกสถานการณ์แบบนี้ว่าราดน้ำมันเข้ากองไฟสินะ
“ดูเหมือนว่านายจะชอบทำให้ฉันขายหน้านักสินะ ถ้านายเป็นแบบนั้นล่ะก็ช่วยไม่ได้นะ หัวหน้าของ “อัครสาวกแห่งภูต – อโพสเทิลแฟรี่” นักผจญภัยแรงก์ A กิมเล็ต จิไรม์ ขอประกาศ! ขอท้าประลองตัวต่อตัวกับชิโร่ ณ ที่นี้!”
“ไม่เอา”
“เดี๋ยวก่อนสิโว้ย!!! เร็วเกินไปแล้ว! ไม่มีการตกใจหรือกลัวอะไรบ้างเลยรึไงหา!?”
“ไม่มี แล้วอีกอย่าง สู้ไปมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรไม่ใช่รึไง”
อีกฝ่ายอาจจะได้รักษาหน้าตัวเองไว้ก็จริง แต่ถึงผมจะชนะไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาเลย
มีแต่จะเสียเวลาเปล่าๆ
ไม่คิดว่าจะมีใครหน้าไหนชอบที่จะรับคำท้าสู้ที่ไร้ความหมายแบบนั้นหรอกนะ
“แน่นอนว่า ในการประลองครั้งนี้พวกเรามาเดิมพันกันหน่อยดีไหมล่ะ ถ้าฝ่ายนั้นแพ้ล่ะก็ ให้เหล่าเจ้าหญิงผู้งดงามมาเข้าปาร์ตี้ของพวกเราซะ แต่ถ้าเผื่อว่าฉันเกิดแพ้ขึ้นมาล่ะก็ จะยอมทำตามคำขอของนายหนึ่งอย่างเลยเป็นไง”
ฟังดูเหมือนจะเท่าเทียมกัน ไม่สิ อาจจะเป็นเงื่อนไขที่ดีสำหรับฝ่ายเราด้วยซ้ำไป
แต่ว่า ผมน่ะเพิ่งจะเป็นนักผจญภัยแรงก์ E หมาดๆ เองนะ
มองจากภายนอกแล้ว มันก็เป็นการท้าสู้ที่รู้ผลแพ้ชนะกันอยู่แล้วชัดๆ
“การต่อสู้ครั้งนี้ ฉันตัดสินใจคนเดียวไม่ได้หรอกนะ”
“นั่นสินะ ความเห็นของเหล่าเจ้าหญิงก็จำเป็นเหมือนกัน”
“ฉันน่ะตกลงนะ”
“เบอร์รี่เองก็ตกลงเหมือนกัน”
คนสุดท้ายก็พยักหน้าเบาๆ
“ตกลงตามนี้นะ”
“เตรียมตัวร้องไห้ไว้ได้เลยนะเพื่อน มันเพื่อตัวนายเองนั่นแหละ”
Translater : Eidolon
www.nekopost.net/editor/78229
novel.dek-d.com/EidolonPlus/profile/writer/
MANGA DISCUSSION