“ขอโทษทีนะครับที่มาช้า”
“อย่าพูดบ้าๆน่า ในสภาพการณ์แบบนั้นยังอุตส่าห์มาเนี่ยสิ ถึงจะเรียกว่าน็อตหลุดของจริง”
เขาพูดปัดว่าอย่าใส่ใจ แล้วก็หายเข้าไปด้านใน
สงสัยคงจะเข้าไปเอาของที่สัญญาไว้ตามนัดล่ะมั้ง
แบบนี้คงคิดได้เลยสินะว่ามันเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ความตื่นเต้นมันหยุดไม่อยู่เลย
รู้สึกเหมือนเด็กน้อยที่รอวันคริสต์มาสพรุ่งนี้ไม่มีผิด
ถึงจะเพิ่งผ่านไปแค่นาทีเดียว แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าเมื่อไหร่จะกลับมานะ
แต่ก็นะ ไอ้ช่วงเวลาที่นั่งรอใจจดใจจ่อแบบนี้มันก็สนุกไปอีกแบบเหมือนกัน
“ถ้าแกไม่อธิบายแล้วใครมันจะอธิบายวะ รีบๆ ไปได้แล้ว”
“หาว~ ง่วงชะมัดเลยแฮะ อ้อ แกเองเรอะ เอ้านี่ ของเสร็จแล้ว เอาไปสิ”
ถึงบทสนทนาจะดูกวนๆ แต่เขาก็วางอาวุธที่สร้างขึ้นมาบนโต๊ะอย่างอ่อนโยนราวกับเป็นลูกรัก
แล้วก็เดินกลับเข้าไปด้านในเหมือนจะบอกว่าหน้าที่ของตัวเองจบสิ้นแล้ว
ดีใจนะที่อุตส่าห์สร้างให้เสร็จในเวลาอันสั้นแบบนี้ แถมยังรู้สึกขอบคุณมากๆ ด้วย แต่ถ้าไม่รู้วิธีใช้มันก็ไม่ต่างอะไรกับเศษเหล็กดีๆ นี่เอง
อย่างน้อยถ้าแนบคู่มือการใช้งานมาให้ด้วยก็คงจะดี แต่ในโลกนี้บางทีคู่มือการใช้งานอาจจะไม่ใช่เรื่องปกติก็ได้
ตัดใจพลางสอดนิ้วเข้าไปในไกปืน แล้วลองตั้งท่าดู
“ทั้งๆ ที่เพิ่งเคยจับครั้งแรกแท้ๆ แต่กลับรู้สึกเข้ามืออย่างน่าประหลาด”
ราวกับว่ามันเป็นของของตัวเองมาตั้งแต่แรก
ที่เหลือก็คงต้องออกไปลองข้างนอกดูสินะ
เดินออกมาแถวริมถนนอย่างไร้จุดหมาย พลางมองหาสิ่งที่พอจะเป็นเป้าได้
แล้วก็หยิบแผ่นไม้ที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมา
ดูแล้วไม่น่าใช่ไม้ที่ใช้ทำเป็นวัสดุก่อสร้าง คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง
“เล็งให้ดีๆ แล้วก็เหนี่ยวไก!”
ผมกระเด็นไปด้านหลังพร้อมกับแรงถีบมหาศาล
ดูท่าแล้วกว่าจะใช้เจ้านี่ได้คล่องคงต้องฝึกกันอีกนานเลย
แต่ก็ไม่เลวเลยนะ
เป้าที่เล็งไว้แตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ
แถมยังโดนแค่ตรงจุดที่เล็งไว้อย่างแม่นยำอีกต่างหาก
สร้างอาวุธสุดยอดขนาดนี้ได้ในเวลาแค่ครึ่งวันเนี่ย น่ากลัวจริงๆ
พอใจกับผลงานแล้ว เลยเดินกลับเข้าไปในร้านเครื่องมือเวทอีกครั้ง
“สุดยอดเลยนี่หว่าเจ้านี่ ถึงจะควบคุมยากไปหน่อย แต่ถ้าใช้คล่องแล้วล่ะก็ คงจะเทพที่สุดเลยไม่ใช่เหรอ?”
“คนที่ซื้อของแบบนั้นน่ะ มีแต่แกเท่านั้นแหละ”
“เอ๊ะ? ทำไมล่ะครับ? ผมว่ามันก็ออกมาดีอยู่นะ”
ไอเทมในฝันที่ถ้าทำออกมาขายแล้วใครๆ ก็ต้องอยากได้
หรือว่า… จะมีแค่ผมคนเดียวที่คิดแบบนั้น?
“ก็แหงสิ ถ้าจะซื้อเจ้านั่นน่ะ ไปเรียนสกิลเวทมนตร์เอาจะดีกว่าเห็นๆ”
“อ๊ะ… จริงด้วยสินะ”
ลืมไปเลย
เหตุผลอันดับหนึ่งที่ผมต้องการอาวุธนี้ก็เพราะว่าผมใช้สกิลของต่างโลกไม่ได้
ถ้าเป็นคนที่ใช้ได้ ก็คงไม่จำเป็นต้องซื้อเจ้านี่หรอก
ทั้งๆ ที่เป็นแบบนั้น แต่ที่เขายอมสร้างให้ก็คงเพราะความอยากรู้อยากเห็นล่ะมั้ง
“แล้ว? เจ้านี่จะขายให้ผมเท่าไหร่ครับ? ถ้าแพงไปก็ซื้อไม่ไหวนะ”
“สามหมื่นก็พอแล้วล่ะ มันเป็นแค่ตัวต้นแบบ ไม่ได้คิดจะตั้งราคาสูงอะไรอยู่แล้ว”
“จริงเหรอครับ? โชคดีจัง”
ถ้าบอกว่าหนึ่งแสน G ก็คงจ่ายไม่ไหว ดีใจจริงๆ
“แล้วก็ ไอ้เจ้างั่งนั่นมันลืมอธิบาย ฉันเลยจะบอกให้ แต่ถ้าเปิดตลับตรงนั้นแล้วใส่ศิลาเวทเข้าไปน่ะ ถึงจะขึ้นอยู่กับขนาดแต่ก็น่าจะยิงได้อย่างน้อยสิบนัดนะ ผลลัพธ์มันจะเปลี่ยนไปตามธาตุด้วย ลองไปทดลองดูหลายๆ แบบแล้วกัน”
“ขอบคุณมากนะครับที่อุตส่าห์ใจดีบอก”
“หึ ไม่เป็นไรหรอกน่า ก็แค่อยากให้ลูกค้ารีบๆ กลับไปก็เท่านั้นแหละ”
โอ้โห คุณป้าซึนเดเระนี่นา
เป็นคุณสมบัติที่ดูจะมีคนต้องการในวงแคบมากๆ เลยแฮะ
เอาเป็นว่า เรื่องนั้นช่างมันก่อน สำหรับสองคนที่อุตส่าห์ทำถึงขนาดนี้ให้ ผมก็มีแต่ความรู้สึกขอบคุณเท่านั้นแหละ
กล่าวขอบคุณจากใจจริง แล้วก็เดินออกจากร้านไป
“ต่อไปจะทำอะไรดีล่ะ…”
“โอ้! นั่นมันฟุรุอิ โคอิ ไม่ใช่เรอะ!”
ทันทีที่ออกจากร้าน ก็มีคนทักขึ้นมา
คนที่รู้จักนามสกุลผมน่ะ มีแต่เพื่อนร่วมห้องเท่านั้นแหละ
ถึงจะไม่ค่อยมีคนที่สนิทกันในห้องเท่าไหร่ แต่ถ้าทำเป็นเมินก็คงจะดูเสียมารยาท เลยหันกลับไปมอง
“อะไรวะ ฮิ ฮิ… ฮิจิกิ! ฮิจิกิ ไม่ใช่เรอะ”
“ฮิบิโนะ เฟ้ย! ฮิบิโนะ เคย์รัน ต่างหาก!”
“อ๊ะ จริงด้วยๆ! โทษทีนะ พอดีเพื่อนร่วมห้องที่สนิทๆ มันน้อยไปหน่อย”
“พูดอะไรของแกวะ พวกเราเป็นเพื่อนซี้กันไม่ใช่เรอะ”
การที่มีเพื่อนซี้ที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนนี่มันน่ากลัวเหมือนกันนะ
ฮิบิโนะไม่สนใจแล้วก็เดินมากอดคอผม
ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมถึงคิดว่าผมเป็นเพื่อนซี้กับเขา
ดูแล้วก็ไม่น่าจะใช่คนที่ขาดเพื่อนขนาดนั้น สงสัยคงจะมีเหตุผลอื่นล่ะมั้ง
“แล้วก็นะ มีเรื่องอยากจะขอร้องหน่อย ช่วยแนะนำเด็กน่ารักๆ ให้หน่อยสิ เห็นฟุรุอิคุยกับผู้หญิงบ่อยๆ ตั้งแต่มาต่างโลกแล้วนี่นา”
“ก็ถือว่าโชคดีล่ะนะ แต่ฉันก็ไม่ได้รู้จักใครเยอะขนาดที่จะแนะนำให้ได้หรอก”
“เอ๋~ จริงดิ!? เอ้อ ช่างมันเถอะ เรื่องเพื่อนซี้อาจจะพูดเกินไปหน่อย แต่มาสนิทกันไว้นะ แบบนั้นน่าจะมีประโยชน์กว่าเยอะ”
พอจะเดาออกอยู่หรอกว่า “ประโยชน์” ที่ว่ามันคืออะไร แต่เลิกคิดลึกดีกว่า
“ว่าแต่นายมาทำอะไรแถวนี้ล่ะ ฮิบิโนะ มีธุระอะไรรึเปล่า?”
“เอ๊ะ? อ๊ะ อ่า… อืมมม ก็ประมาณว่า… ตามหาคนร้ายในคดีเมื่อวาน? อะไรทำนองนั้นแหละ”
ท่าทางลุกลี้ลุกลนน่าสงสัยเกินไป จนไม่รู้ว่าพูดความจริงรึเปล่า
หรือว่าจะมีเหตุผลอื่นซ่อนอยู่กันนะ
ก็อยากจะลองเดินสำรวจดูหน่อยเหมือนกัน แต่ถึงจะถามตรงๆ เขาก็คงไม่ยอมตอบง่ายๆ หรอก
คอยจับตาดูความเคลื่อนไหวของฮิบิโนะหลังจากนี้ไว้หน่อยน่าจะดี
“ให้ช่วยไหม?”
ก็ไม่ได้สนิทสนมอะไรกันเป็นพิเศษหรอกนะ แต่การขยายวงเพื่อนฝูงมันก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร
เพราะมีความคิดแบบนั้นแวบเข้ามานิดหน่อย คำพูดมันก็เลยหลุดออกมาจากปาก
ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้คาดคิดว่าจะโดนเสนอแบบนั้น เลยทำตาโตด้วยความประหลาดใจ
“ถ้าไม่อยากก็ไม่เป็นไรนะ”
“เปล่า ไม่ใช่แบบนั้น คือแบบว่า นึกว่าฟุรุอิจะคุยแต่กับเร็นยะซะอีก ก็เลยแปลกใจน่ะ”
“นั่นมันก็เรื่องจริงนั่นแหละ แล้ว? จะเอายังไง?”
“เอาล่ะ! พวกเราไปจับคนร้ายกันเลยดีกว่า!”
“ใจสู้น่ะดีอยู่หรอก แต่เอาจริงๆ แล้วคิดอะไรอยู่กันแน่?”
“ถ้าทำได้ล่ะก็ สาวๆ ต้องมองด้วยสายตาชื่นชมแน่ๆ เลย! เฮ้ย! พูดอะไรออกไปวะเนี่ย!”
สมกับเป็นพวกชอบเอาฮาจริงๆ เข้าขากันดีชะมัด
คู่หูนักสืบจำเป็นถือกำเนิดขึ้นอย่างกะทันหัน
ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะเป็นไปตามที่ฮิบิโนะคาดหวังไว้รึเปล่า แต่ที่แน่ๆ ผมเองก็อยากรู้ตัวคนร้ายเหมือนกัน
พวกเราเริ่มออกเดินเพื่อตามหาเบาะแสในทันที
Translater : Eidolon
www.nekopost.net/editor/78229
MANGA DISCUSSION