บทที่ 22: สเตตัสใหม่
[ปราบ “เจเนรัลก็อบลิน” สำเร็จ เพิ่มสเตตัสใหม่]
[ปราบมอนสเตอร์ระดับเนมด์สำเร็จ เรียนรู้สกิล 【เพลงดาบ】]
[ปราบมอนสเตอร์ระดับเนมด์สำเร็จ มอบ 1000pt เป็นรางวัล]
[Error Code 001: การเรียนรู้สกิล 【เพลงดาบ】 ล้มเหลว]
[เรียนรู้สกิล 【พลังแฝงยามคับขัน】 แทนสกิล 【เพลงดาบ】]
ล็อกแจ้งเตือนเด้งขึ้นมาเป็นแถวอีกแล้ว
ดูเหมือนว่ากองทัพก็อบลินส่วนใหญ่จะโดนจัดการไปเกือบหมดแล้วสินะ ขอแวะเช็กอะไรหน่อยก็แล้วกัน
ไอ้บอสก็อบลินเมื่อกี๊มันคือเจเนรัลก็อบลินนี่เอง
แถมยังเป็นพวกระดับเนมด์อีกต่างหาก เป็นตัวพิเศษสินะ
ไอ้เคสฉุกเฉินที่ว่าก็คงเป็นเพราะเจ้านี่แหละ
นอกนั้นที่ดูคร่าวๆ แล้วก็มีเรื่องสเตตัสใหม่ที่เพิ่มเข้ามานี่แหละที่น่าสนใจ
แถมยังมีสกิลใหม่เพิ่มเข้ามาด้วยอีกต่างหาก งั้นขอเช็กสเตตัสตรงนี้เลยก็แล้วกัน
ชื่อ: ฟุรุอิ ชิโร่
ฉายา: ก้าวแรกแห่งการเริ่มต้น
เงินที่มี: 86000G
สเตตัส (Point ที่เหลือ: 1000pt)
ความรู้: 50 (ค่าขีดจำกัด: 50)
กีฬา: 200 (ค่าขีดจำกัด: 200)
เสน่ห์: 50 (ค่าขีดจำกัด: 50)
วาทศิลป์: 50 (ค่าขีดจำกัด: 50)
โชค: 100 (ค่าขีดจำกัด: 100)
ศิลปะ: 0 (ค่าขีดจำกัด: 50)
สกิล: 【อ่านบรรยากาศ】, 【ป้องกันตัวพื้นฐาน】, 【แก้ตัว】, 【จำวันแม่น】, 【เก๊กหล่อ】, 【เจ็ดล้มแปดลุก】, 【ตะโกนห้าม】, 【พลังแฝงยามคับขัน】
ดูจากแค่นี้แล้ว ค่าพลังกายมันโดดเด่นกว่าชาวบ้านเยอะเลยแฮะ
แล้วก็ สเตตัสใหม่ที่เพิ่มเข้ามาดูเหมือนจะเป็นค่าศิลปะสินะ
อันนี้ก็ต้องลองดูเหมือนกันว่าจะส่งผลอะไรบ้าง
เอาเป็นว่าใช้ไป 450pt อัปสเตตัสทุกอย่างให้เป็น 100 เท่ากันหมดก่อนก็แล้วกัน (ขึ้นอยู่กับค่าขีดจำกัดของแต่ละสเตตัสด้วย)
ส่วนค่าเสน่ห์กับวาทศิลป์นี่ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ค่อยจะเห็นผลอะไรเท่าไหร่เลยนะ แต่ก็ภาวนาให้มันไม่อัปไปเสียเปล่าก็แล้วกัน
พอเช็กทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ก็จัดการเก็บสร้อยคอหัวกะโหลกมาเป็นเครื่องหมายแห่งชัยชนะและเป็นการไว้อาลัยให้กับผู้ที่จากไป
แล้วก็พนมมือไหว้ให้กับเจเนรัลก็อบลินที่ม่องเท่งไปแล้วหนึ่งทีตามธรรมเนียม
“เอาล่ะ ได้เวลากลับไปรวมกลุ่มกับทุกคนแล้วสินะ”
พอเดินย้อนกลับไปทางเดิมที่มา ก็เห็นว่าพวกก็อบลินที่เมื่อกี๊ยังเยอะแยะเต็มไปหมด ตอนนี้กลายเป็นศพนอนกลิ้งอยู่เกลื่อนกลาดตามข้างทาง
เพราะจำนวนมันเยอะมาก ตอนแรกก็นึกว่าจะต้องลำบากหน่อยซะอีก แต่สมกับเป็นพวกนักผจญภัยระดับสูงจริงๆ
“เฮ้ย! ทุกคน! จัดการมันได้แล้วโว้ย!”
“โอ้! สุดยอดเลยนี่หว่า! สมกับเป็นนายจริงๆ เลยนะ ชิโร่!”
คนที่ออกมาต้อนรับเป็นคนแรกก็คือมิร่า
เธออ้าแขนกว้างแล้วกระโดดเข้ามากอด ทำอะไรไม่ถูกเลยได้แต่รับไว้ตามมารยาท
นักผจญภัยนี่มันเฟรนด์ลี่กันขนาดนี้เลยเหรอวะเนี่ย ถึงจะยังงงๆ อยู่ แต่ก็ปล่อยเลยตามเลยไปหลายวินาที
ระหว่างนั้นก็ดันไปสบตากับแก๊งของแคลนเข้าพอดี พวกนั้นทำหน้าเหมือนเห็นอะไรที่ไม่ควรมอง เลยรีบผละออก
“ไอ้เจเนรัลก็อบลินเมื่อกี๊น่ะ ดูเหมือนว่าจะเป็นพวกระดับเนมด์อะไรนั่นด้วยนะ”
รีบเปลี่ยนเรื่องคุยทันที
“อย่างนั้นเองสินะ สาเหตุของเคสฉุกเฉินก็คือเจ้าตัวเนมด์นั่นเองสินะ เรื่องนี้ต้องไปรายงานให้กิลด์ทราบทีหลังด้วย”
“กะฮะฮ่า! ว่าแต่แกนี่มันแน่จริงๆ เลยว่ะ! ล้มตัวเนมด์ได้ด้วยตัวคนเดียวเนี่ยนะ! น่าสงสัยจริงๆ ว่าแกเป็นมือใหม่จริงรึเปล่าวะเนี่ย!”
อันนี้ขอรับไว้เป็นคำชมก็แล้วกันนะ
ไม่คิดว่าฮาเรตันจะมาพูดจาแขวะอะไรแบบนั้นหรอกน่า
“ว่าแต่ ซากก็อบลินเยอะขนาดนี้ ปล่อยทิ้งไว้แบบนี้มันจะดีเหรอวะ?”
กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ
แถมยังมีซากศพอีกเป็นกอง
ถ้าปล่อยทิ้งไว้แบบนี้ เดี๋ยวมันจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ตามมาทีหลังได้นะ
ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะนะ แต่ถ้าจะให้มาจัดการไอ้กองมหึมานี่ด้วยกันแค่ 5 คนตอนนี้เลยมันก็คงจะไม่ไหวเหมือนกัน ได้แต่ทำหน้าแหยๆ นั่นแหละ
“หมายถึงซากศพของมอนสเตอร์น่ะเหรอ? ไม่ต้องห่วง ไม่มีปัญหาหรอกน่า ด้วยพรของเทพีแห่งความอุดมสมบูรณ์ มอนสเตอร์ที่ตายไปแล้วทั้งหมดจะคืนสู่ดินในเวลาอันสั้นน่ะ”
“นั่นไง เริ่มแล้วล่ะ”
อัลเมโน่พูดแทรกขึ้นมาแบบห้วนๆ
ทันใดนั้นเอง ซากก็อบลินที่เกลื่อนกลาดอยู่เมื่อกี๊ก็เริ่มส่องแสงเรืองรองออกมา
แล้วก็ค่อยๆ เปลี่ยนสภาพกลายเป็นลูกแก้วแสง ก่อนจะถูกดูดกลืนหายเข้าไปในพื้นดิน
เป็นภาพที่ดูสวยงามน่าอัศจรรย์ แต่ก็แฝงไปด้วยความน่าสะพรึงกลัวอยู่เหมือนกัน
ได้แต่ยืนมองเงียบๆ จนกระทั่งทุกอย่างมันจบลง
“ที่เหลือก็แค่กลับไปรายงานผลเควสต์ที่กิลด์สินะ อ่า~ เหนื่อยชะมัด”
“ใช่แล้วล่ะ แคลน แล้วก็พวกนายสองคนด้วยนะ ขอบใจมากเลย ถ้าให้จัดการไอ้จำนวนขนาดนั้นกันแค่สองคนล่ะก็ ไม่มีทางไหวแน่ๆ”
“ไม่คิดเลยว่าจะโดนขอบคุณด้วย พวกเราก็แค่ตามมาเองเฉยๆ แท้ๆ”
ถ้าจะพูดแบบนั้นมันก็ใช่แหละนะ
แต่เรื่องนั้นมันไม่ควรจะพูดออกมาไม่ใช่เรอะ
ฝั่งนี้ก็อุตส่าห์แสดงความขอบคุณไปแล้ว ก็ควรจะรับไว้แต่โดยดีสิถึงจะถูก
“…ชิโร่ ขอร้องอะไรอย่างหนึ่งได้ไหม”
จู่ๆ แคลนก็ทำหน้าจริงจังขึ้นมา
เกือบจะพูดจาแซวเล่นไปแล้วนะเนี่ย แต่ดูจากบรรยากาศแล้วไม่น่าจะใช่เรื่องล้อเล่น
“ขอร้อง? ก็แล้วแต่เรื่องนะ”
“ถ้าฉันปราบจอมมารไม่สำเร็จล่ะก็ นายช่วยจัดการส่งมันไปสู่สุขคติด้วยมือของนายเองแทนฉันทีได้ไหม”
“นั่นคือคำขอร้องของแกเหรอ? โทษทีนะ แต่เรื่องนั้นฉันรับปากไม่ได้ว่ะ”
“งั้นเหรอ…”
หมอนั่นคิดว่าฉันจะตอบว่ายังไงกันนะ
ดูจากสีหน้าเศร้าๆ นั่นแล้ว คงจะไม่ได้เป็นไปตามที่คาดไว้สินะ
“จะบอกอะไรให้นะ ตั้งแต่แรกแล้ว คนที่จะล้มจอมมารน่ะมันไม่ใช่แกหรอกแคลน แต่เป็นฉันคนนี้ต่างหากล่ะ จำใส่กะโหลกไว้ให้ดีเลยนะเฟ้ย”
คำพูดที่เผลอหลุดปากออกไปแบบกะจะเอาเท่ล้วนๆ
แต่ว่านะ หลังจากที่ผ่านเรื่องราวต่างๆ มามากมายในช่วงนี้ ความรู้สึกที่อยากจะแข็งแกร่งขึ้นพร้อมๆ กับความรู้สึกที่อยากจะล้มจอมมารมันก็เริ่มจะชัดเจนขึ้นมาจริงๆ นั่นแหละ
ไม่ใช่เพราะความหวังดี หรือเพราะอยากจะกลับญี่ปุ่นอะไรหรอกนะ แต่เป็นแค่ความอยากรู้อยากเห็นล้วนๆ
อยากจะรู้ว่าฉันจะเก่งขึ้นไปได้ถึงขนาดไหนกันแน่ ก็เลยคิดแบบนั้นขึ้นมา
“ฮะฮะฮ่า! ชิโร่ ยิ่งฉันได้รู้จักนายมากเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งชอบนายมากขึ้นเท่านั้นเลยนะ”
“เฮ้ย เสียใจด้วยนะ แต่ฉันไม่ได้มีรสนิยมแบบนั้นเฟ้ย”
“ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นสักหน่อยน่า …ฉันน่ะ ไม่ใช่ในฐานะหลานของผู้กล้า แต่ในฐานะแคลน คุซาคาเบะ ไม่สิ ในฐานะคุซาคาเบะ แคลนคนนี้ ขอประกาศให้นายเป็นคู่แข่งคนแรกและคนสุดท้ายของฉันเลยนะ เตรียมตัวไว้ให้ดีล่ะ ชิโร่”
ดูเหมือนว่าผู้กล้าคนแรกจะเป็นคนญี่ปุ่นที่ชื่อคุซาคาเบะสินะ
ตั้งแต่ตอนที่ได้ยินชื่อหมอนี่ครั้งแรกก็รู้สึกเหมือนจะเป็นคนญี่ปุ่นอยู่แล้วล่ะนะ แต่ตอนนี้มั่นใจแล้วล่ะ
“คุยอะไรกันสองคนเหรอ~? ฉันต่างหากนะที่รู้จักกับชิโร่ก่อนน่ะ!”
“ฮะฮะฮ่า! ดูเหมือนว่าคนที่รู้ซึ้งถึงเสน่ห์ของนายมันจะไม่ได้มีแค่ฉันคนเดียวสินะ”
“แกไม่ได้มีรสนิยมแบบนั้นจริงๆ ใช่ไหมวะ?”
“…”
อย่ามาทำเงียบแบบนี้สิเฟ้ย
เดี๋ยวจะทำตัวไม่ถูกเอานะ
“ไม่ใช่สักหน่อยน่า”
เว้นช่วงไปนิดหนึ่ง
แล้วเขาก็หัวเราะออกมาด้วยรอยยิ้มซุกซนแบบที่เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกตั้งแต่เจอกันมา
พอเห็นแบบนั้นแล้วก็แอบโล่งใจนิดๆ เหมือนกันนะว่าหมอนี่มันก็เป็นคนธรรมดาๆ คนหนึ่งเหมือนกัน
“โธ่เอ๊ย! ไปกันได้แล้วน่าชิโร่!”
ไม่รู้ทำไมมิร่าถึงได้ทำท่างอนตุ๊บป่องขนาดนั้น แล้วก็โดนลากแขนกลับไปเมืองหลวงด้วยกันนั่นแหละ
Translater : Eidolon
www.nekopost.net/editor/78229
MANGA DISCUSSION