บทที่ 19: หลานของผู้กล้า
พอมาถึงกิลด์ก็สังเกตเห็นว่าคนมันเยอะกว่าปกติแฮะ
อยากรู้จริงๆ ว่าทำไมมันถึงได้เยอะขนาดนี้วะเนี่ย
มิร่าบอกว่าอยากจะเป็นคนเลือกเควสต์เอง ฉันเลยได้แต่เงี่ยหูฟังเก็บข้อมูลไปพลางๆ
“แกได้ยินเรื่องนั้นมารึยังวะ?”
“อ้อ ได้ยินมาแล้วๆ ไอ้ปาร์ตี้นั้นมันเปิดรับสมาชิกใหม่ใช่ไหมล่ะ?”
“ผลก็คือกิลด์ในเมืองหลวงเลยเป็นอย่างที่เห็นนี่แหละ พวกเด็กใหม่ๆ พากันมาสุมหัวอยู่ที่นี่เต็มไปหมด”
“พวกเราเองก็ลองไปท้าทายดูตอนนี้ก็ยังไม่สายเกินไปมั้ง”
“อย่าเลยๆ ต่อให้ได้เป็นสมาชิก สุดท้ายก็คงม่องเท่งอยู่ดีนั่นแหละ”
ดูเหมือนว่าเหตุผลมันจะเป็นเพราะปาร์ตี้ชื่อดังเปิดรับสมัครสมาชิกใหม่สินะ
การที่จะใช้ชีวิตในฐานะนักผจญภัยได้น่ะ มันจำเป็นจะต้องสามารถปราบมอนสเตอร์ได้อย่างสม่ำเสมอ
ถ้าเป็นแบบนั้น พลังมันก็เป็นสิ่งจำเป็น
แล้วคนเรามันก็จะแบ่งออกเป็นสองประเภท
พวกที่พยายามจะเก่งขึ้นด้วยตัวเอง กับพวกที่คิดจะพึ่งพาคนอื่น
ก็ไม่ได้จะบอกว่าพวกหลังมันไม่ดีหรอกนะ
คนเรามันก็ต้องใช้ชีวิตแบบนั้นกันทั้งนั้นแหละ
แต่ว่า ไอ้พวกที่อยู่ที่นี่น่ะมันเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีของพวกที่สับสนระหว่างการพึ่งพากับการเป็นปลิงชัดๆ เลยว่ะ
“ในที่สุดก็ได้มาสักที คนเยอะจนเลือกไม่ถูกเลยเนี่ย”
“ได้ยินมาว่ามีปาร์ตี้ไหนสักปาร์ตี้เปิดรับสมาชิกใหม่อยู่น่ะสิ”
“อ้อ ปาร์ตี้ของหลานผู้กล้าคนแรกน่ะเหรอ? ที่ว่ากันว่าเป็นปาร์ตี้ที่มีโอกาสปราบจอมมารได้ใกล้เคียงที่สุดในตอนนี้ไงล่ะ”
มีหลานของผู้กล้าคนแรกอยู่ด้วยเรอะ?
ถ้ามีคนที่มีความสามารถพอจะปราบจอมมารได้อยู่แล้ว แล้วทำไมพระราชาถึงต้องเรียกพวกเรามาด้วยวะเนี่ย
ไม่ใช่แค่คนสองคนด้วยนะ
เรียกมาทั้งห้องแบบนี้ แสดงว่าคงจะร้อนรนน่าดูเลยล่ะสิท่า
“แหม ก็แค่พวกมีเส้นสายพ่อแม่นั่นแหละน่า เคยเจออยู่ครั้งหนึ่งนะ ฉันน่ะเก่งกว่าเป็นร้อยเท่าเลยจะบอกให้”
จะจริงหรือจะโม้กันแน่วะเนี่ย
มิร่าพูดพลางเท้าสะเอว
ยัยนี่ก็มีมุมที่ไม่ยอมแพ้ใครง่ายๆ เหมือนกันนะ
“คิกคิก เธอนี่พูดอะไรน่าสนใจดีนะ มิร่า”
ผู้ชายคนหนึ่งที่ได้ยินพวกเราคุยกันก็ทักขึ้นมาจากข้างหลัง
ผมสีฟ้าอ่อนสลวยสวยเก๋ไม่มีที่ติสักเส้น กับดวงตาที่หรี่เล็กซะจนนึกว่าไม่ได้เปิดตาอยู่
แล้วก็ เหนือสิ่งอื่นใด ออร่าที่แผ่ออกมานั่นมันทำให้เข้าใจได้ในพริบตาเลยว่าหมอนี่แหละคือหลานของผู้กล้า
“อ้าว อยู่นี่เองเหรอ? แคลน คุซาคาเบะ”
“แน่นอนอยู่แล้วสิ ผมเองก็เป็นหนึ่งในนักผจญภัยเหมือนกันนี่นา ว่าแต่ พอเจอเธอแล้วก็นึกขึ้นได้ว่ามีเรื่องอยากจะบอกอยู่พอดีเลย”
“ถ้าจะมาชวนเข้าปาร์ตี้ล่ะก็ ขอปฏิเสธนะยะ พอดีฉันลงทะเบียนคู่หูไว้แล้วน่ะสิ”
มิร่าอ่านเกมขาดแล้วชิงตัดบทซะก่อน
แต่ว่าอีกฝ่ายมันคือหลานของผู้กล้านะเฟ้ย
ถ้าโดนคนระดับนั้นชวนเข้าปาร์ตี้ ปกติมันก็ต้องดีใจตอบตกลงไปแล้วไม่ใช่เหรอวะ
“อุ๊ย แย่จังเลยนะนั่น แต่ว่าก็น่าสนใจเหมือนกันนะว่าใครกันที่สามารถเป็นคู่หูร่วมกับนักผจญภัยระดับ A ที่โดดเดี่ยวอย่างเธอได้ คนคนนั้นโชคดีจริงๆ เลยนะ เธอเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกันไม่ใช่เหรอ”
ทั้งๆ ที่โดนปฏิเสธไปแล้วแท้ๆ แต่สีหน้ากลับไม่ได้ดูเสียใจเลยสักนิด ตรงกันข้ามกับคำพูดลิบลับ
ออกจะเหมือนรู้ล่วงหน้าอยู่แล้วว่าจะโดนปฏิเสธซะด้วยซ้ำ
ที่หมอนี่หันมาคุยกับฉัน คงจะอยากจะประเมินดูว่าไอ้คู่หูที่ว่ามันเป็นคนยังไงสินะ
ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ ล่ะก็ แสดงว่ากำลังตีหน้าซื่อเล่นละครตบตาอยู่ชัดๆ
“นี่ ปล่อยสองคนนั้นไปเถอะน่า รีบไปทำเควสต์กันดีกว่า”
“ฉันเองก็เห็นด้วยกับความเห็นของยัยนี่เป็นครั้งแรกเลยนะ สองคนนี้มันไม่ใช่ระดับที่แคลนจะต้องมาใส่ใจหรอกน่า”
ยัยผู้หญิงปากเสียตาขวางกับไอ้กล้ามปูโผล่ออกมาจากข้างหลัง
อ๊ะแย่แล้ว ถึงอีกฝ่ายจะเริ่มก่อนก็จริง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องปากหมาตามไปด้วยนี่หว่า
เอาน่า ก็แค่บ่นในใจเฉยๆ ช่วยยกโทษให้ฉันด้วยเถอะนะ
“ไม่สิ ผมน่ะอยากจะคุยกับเธอ…”
พูดพลางยื่นมือออกมาด้วย
ทั้งๆ ที่มิร่าก็ไม่ได้ดูสนใจเลยสักนิด แต่ดูเหมือนว่าจะอยากจะคุยด้วยให้ได้แบบไม่ลดละเลย
“แกโดนเขาปฏิเสธไปแล้วไม่ใช่เรอะ? ยังจะหน้าด้านตอแยไม่เลิกอีกเนี่ย มันดูน่าสมเพชนะเว้ย แม่ไม่ได้สอนมารึไงวะ?”
การที่จะไปยุ่งมือยุ่งไม้กับเขามันก็เกินไปหน่อย ฉันเลยเข้าไปขวางไว้
กะว่าจะจับแขนหมอนั่นไว้ แต่พอฉันโผล่หน้าเข้าไป หมอนั่นก็รีบชักมือกลับไปซะก่อน เลยไม่ได้จับ
“ดูเหมือนว่าจะมีเพื่อนร่วมทีมที่ภักดีน่าดูเลยนะ”
“แค่นั้นแหละนะ ฮาเรตัน อัลเมโน่”
ยัยปากเสียกับไอ้กล้ามโตหัวล้านนั่นต่างก็หันไม้เท้ากับขวานมาทางฉัน
หมายความว่าถ้าทำตัวเสียมารยาทกับแคลนที่เป็นหลานของผู้กล้าล่ะก็ จะไม่ปล่อยไว้สินะ
นึกว่าเป็นปาร์ตี้ที่เท่าเทียมกันซะอีก ที่แท้ก็เป็นปาร์ตี้ที่สร้างขึ้นจากความภักดีนี่เอง
ไม่ใช่แค่พยายามจะจีบมิร่า แต่ยังกล้าหันอาวุธใส่คนอื่นต่อหน้าธารกำนัลอีกต่างหาก
มันไม่มีทางที่จะไม่รู้หรอกว่านั่นมันหมายความว่ายังไง
ถ้าจะโชว์พาวว่าฆ่าได้ทุกเมื่อล่ะก็ ฝั่งนี้ก็มีแผนรับมืออยู่เหมือนกันนะเฟ้ย
ฉันเองก็เป็นลูกมีพ่อมีแม่เหมือนกันนะเว้ย โดนหยามกันขนาดนี้มันก็อดที่จะเลือดขึ้นหน้าไม่ได้แล้ว!
“ขอโทษทีนะ แต่คนที่เริ่มก่อนมันพวกแกไม่ใช่เรอะ?”
ยัยผู้หญิงที่ชื่ออัลเมโน่นั่นน่าจะเป็นสายใช้สกิลเวทมนตร์
ถ้างั้น ถ้าจัดการไอ้กล้ามโตหัวล้านที่ชื่อฮาเรตันนั่นได้ก่อน ยัยนั่นก็คงจะใช้สกิลเวทมนตร์ได้ไม่ถนัดแน่ๆ
ฉันใช้ 【ป้องกันตัวพื้นฐาน】 หลบขวานที่จามเข้ามาตรงหน้าแบบเส้นยาแดงผ่าแปด
แต่ว่าอีกฝ่ายมันก็ชินกับการต่อสู้เหมือนกัน แค่นี้ไม่ทำให้สะทกสะท้านหรอก
พอฉันมุดเข้าไปในระยะประชิดได้ ขวานที่ไร้ประโยชน์แล้วก็ถูกปล่อยทิ้งไป หมอนั่นเปลี่ยนมาใช้หมัดรับมือแทน!
“【เสริมความแข็งแกร่ง】 “ไอรอนบอดี้”!”
แขนของหมอนั่นส่องประกายแวววาวเหมือนเหล็กกล้า!
ได้ยินเสียงลมแหวกอากาศ!
ถ้าโดนหมัดนี้เข้าไปล่ะก็ ไม่ว่าใครก็คงจะนอนเดี้ยงอยู่ตรงนั้นแน่ๆ เห็นได้ชัดเลย!
แต่ว่าฉันกลับเลือกที่จะพุ่งเข้าไปแลกหมัดด้วยตรงๆ!
หมัดปะทะหมัด! พลังที่สูสีกันต้องขอบคุณสเตตัสจริงๆ!
การต่อสู้ที่ตรงไปตรงมา ไม่มีใครยอมถอยแม้แต่ก้าวเดียว!
รอบๆ ตัวพวกเรามีประกายไฟฟ้าสถิตที่มองไม่เห็นแผ่ออกมา!
ฮาเรตันที่เมื่อกี๊ยังมองฉันด้วยสายตาดูถูกอยู่เลย ตอนนี้กลับแสยะยิ้มออกมา
“ไม่คิดเลยว่าจะทำได้ถึงขนาดนี้นะ ไอ้พลังบ้าๆ นั่นมันมาจากไหนวะเนี่ย อยากจะรู้จริงๆ!”
ไม่ใช่คำพูดที่ออกมาจากความผยองของคนที่แข็งแกร่งกว่า แต่เป็นคำพูดที่ออกมาเพราะยอมรับในตัวฉันแล้วต่างหาก
ฮาเรตันเพิ่มพลังขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง
ดูเหมือนอยากจะบอกว่าเมื่อกี๊ยังไม่ได้เอาจริงเลยสินะ
แต่ว่าฉันรู้
นั่นมันก็แค่การข่มขวัญเท่านั้นแหละ
เพราะกำลังแลกหมัดกันอยู่ ฉันถึงรู้ว่าหมอนั่นมันใส่สุดตัวแล้วต่างหาก!
“ฉันเองก็ไม่ใช่คนโง่นะเฟ้ย! สู้กันตรงๆ ต่อไปแบบนี้มีแต่เสียเปรียบ! เลิกดีกว่า!”
ฉันตัดสินใจว่าถ้ายังดื้อดึงแลกพลังกันต่อไปแบบนี้ฉันเสียเปรียบแน่ๆ เลยเบี่ยงหมัดของอีกฝ่ายทิ้งไป
การแข่งพลังฉันแพ้ราบคาบ
แต่ว่าชัยชนะในการต่อสู้ครั้งนี้ฉันจะรับไว้เอง!
ฉันชักมีดสั้นที่ซ่อนไว้ที่เอวออกมา
โลกใบนี้น่ะมันเต็มไปด้วยอันตราย
ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ก็อาจจะโดนลอบโจมตีได้ทั้งนั้น ฉันเลยพกอาวุธติดตัวไว้ตลอดเวลาไงล่ะ!
ฮาเรตันที่ไม่คิดว่าฉันที่เอาแต่แลกหมัดกันอยู่แบบนี้จะพกอาวุธมาด้วย ตกใจไปชั่วขณะหนึ่ง
หลังจากที่ลังเลอยู่แวบหนึ่ง เขาก็รีบตั้งท่าป้องกัน แต่ว่ามันสายไปแล้ว!
มีดสั้นจ่ออยู่ที่ใต้คอหอยของหมอนั่นอย่างแม่นยำ
แค่ขยับนิดเดียวคมมีดก็จะบาดคอหอยแล้ว!
“ฮาเรตัน! ถ้าเป็นแบบนี้ล่ะก็! 【เวทน้ำ…”
“นั่นแหละ อยู่นิ่งๆ”
ฉันประมาทไปหน่อย คิดว่าอัลเมโน่จะไม่โจมตีเข้ามา
แต่ว่ายัยนั่นกลับคิดจะโจมตีเข้ามาทั้งๆ ที่พวกเดียวกันอาจจะโดนลูกหลงไปด้วย!
ถ้าเมื่อกี๊ยัยนั่นยังโจมตีเข้ามาต่อล่ะก็ ฉันโดนเต็มๆ แล้วสถานการณ์มันก็คงจะพลิกกลับไปแน่ๆ!
แต่ว่า มีอีกคนหนึ่งที่ลืมไปไม่ได้เลย
เธอน่ะเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งชนิดที่ว่าไม่มีใครเอาชนะได้ง่ายๆ หรอกนะ!
พอรู้ตัวอีกที มิร่าก็ไปอยู่ข้างหลังอัลเมโน่แล้ว แค่พูดคำเดียวก็หยุดการเคลื่อนไหวของยัยนั่นได้สนิท!
ออร่า แรงกดดัน หรือว่าจะเป็นพลังจิตอะไรทำนองนั้นรึเปล่านะ ไอ้สิ่งที่มันวัดค่าเป็นตัวเลขไม่ได้นั่นแหละ ที่ทำให้อัลเมโน่ต้องหยุดนิ่งตามคำพูดของมิร่า!
“ยอมแพ้แล้วล่ะ โดยรวมแล้วก็ต้องขอโทษแทนพวกเราทุกคนด้วยสำหรับความไร้มารยาทในครั้งนี้”
คำขอโทษอย่างสุดซึ้งจากแคลน
พอได้ยินแบบนั้นแล้ว พวกเราเองก็คงจะหาเรื่องต่อไม่ลงแล้วล่ะ
“ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้พวกเธอรู้สึกไม่พอใจเลยนะ”
“เข้าใจแล้วล่ะ แต่ว่าฉันไม่ได้คิดจะเข้าปาร์ตี้จริงๆ นะ”
“ดูเหมือนว่าจะเจอคนที่ไว้ใจได้มากๆ เลยสินะ …น่าอิจฉาจริงๆ”
คำพูดสุดท้ายที่แคลนพึมพำออกมาเบาๆ จนแทบจะเลือนหายไปกับสายลม
มันมีความหมายอะไรซ่อนอยู่กันแน่นะ
ถึงฉันจะไม่ค่อยชอบหน้าไอ้หมอนี่ที่ถูกยกย่องว่าเป็นหลานของผู้กล้าก็เถอะนะ แต่ก็แอบอยากจะรู้ขึ้นมานิดๆ เหมือนกันแฮะ
Translater : Eidolon
www.nekopost.net/editor/78229
MANGA DISCUSSION