บทที่ 17: เครื่องมือเวทมนตร์ อาวุธ และแบบแปลน
“ที่ว่าดูแปลกๆ ไป ที่แท้ชิโร่ก็เป็นคนจากต่างมิตินี่เองสินะ”
หลังจากนั้นก็โดนซักไซ้ไล่เลียงสารพัด ฉันเลยตัดสินใจเล่าความจริงออกไป
ก็ไม่ได้มีอะไรต้องปิดบังนี่หว่า
แล้วอีกอย่าง พวกคนที่มาจากโลกอื่นอย่างพวกเราน่ะ ดูเหมือนว่าจะถูกเรียกว่า “ผู้มาเยือนจากต่างมิติ” ซึ่งก็ไม่ได้เป็นเรื่องแปลกใหม่อะไรขนาดนั้น
“ก็ไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังอะไรหรอกนะ”
“เท่านี้ก็ได้รู้เรื่องของชิโร่เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งอย่างแล้วล่ะ”
คำพูดนั้นน่ะ ถึงเจ้าตัวอาจจะไม่รู้ตัว แต่พูดออกมาแล้วมันโคตรจะน่ารักเลยนะเฟ้ย
“ถึงแล้วๆ! ที่นี่แหละ ร้านเครื่องมือเวทมนตร์ที่ฉันมาบ่อยๆ”
มิร่าบอกว่าถึงแล้ว แต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้ามันคืออาคารที่ดูเหมือนบ้านเก่าๆ หลังหนึ่ง
พอจะเห็นป้าย “OPEN” แปะไว้อยู่หรอกนะ แต่ไม่ได้เขียนไว้เลยว่าเป็นร้านอะไร
น่าสงสัยจริงๆ ว่ามาถูกที่แล้วแน่เหรอวะเนี่ย
ถึงอย่างนั้นมิร่าก็เอื้อมมือไปจับลูกบิดประตูด้วยท่าทางคุ้นเคยแล้วก็เปิดประตูออก
สงสัยจะไม่ได้ดูแลรักษาเท่าไหร่ เสียงประตูที่ขึ้นสนิมเลยดังเอี๊ยดอ๊าดไปทั่ว
จากข้างในมีกลิ่นหอมๆ ของดอกไม้อะไรสักอย่างลอยออกมาอย่างไม่น่าเชื่อ
“อะไรกันวะเนี่ย เด็กกะโปโลสองคนเข้ามาทำอะไรที่นี่ ที่นี่มันกลายเป็นที่เดทของพวกแกตั้งแต่เมื่อไหร่กันหา?”
มีเสียงดังออกมาจากด้านในของร้าน
เป็นคุณยายที่ทั้งท่าทางทั้งปากคอเราะรายสุดๆ แต่ในเมื่อมิร่าเป็นคนแนะนำมา แสดงว่าจริงๆ แล้วอาจจะเป็นคนดีก็ได้มั้ง
เท่าที่เห็นตอนนี้น่ะนะ ไม่เห็นจะมีแววเลยสักนิด
“คุณรีเซียคะ! ฉันเองค่ะฉัน! มิร่าไงคะ!”
“อืมมม? มิร่า? ได้ยินชื่อแล้วมันไม่ค่อยจะคุ้นหูเท่าไหร่เลยนะ ฉันน่ะต้องรับแขกวันละตั้งหลายคน จะให้มานั่งจำหน้าจำชื่อทุกคนมันก็ไม่ไหวหรอกนะ”
ถึงจะพูดว่าหลายคนก็เถอะนะ แต่ในร้านนอกจากพวกเราแล้วก็ไม่มีลูกค้าคนอื่นเลยสักคน
ต่อให้จะชมแบบเอาใจยังไง มันก็ไม่น่าจะใช่ร้านที่ขายดีอะไรขนาดนั้นหรอกมั้ง
“เออๆ ช่างมันเหอะ ถ้าอยากได้อะไรก็เลือกดูตามสบายแล้วกัน”
พูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้น คุณยายก็กลับไปอ่านหนังสือพิมพ์ที่ดูค้างไว้เมื่อกี๊ต่อ
“จริงๆ แล้วแกก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรหรอกนะ แค่เป็นคนที่เข้าใจยากไปหน่อยน่ะ”
มิร่ากระซิบเสียงเบาซะจนเจ้าตัวไม่ได้ยิน
ฉันไม่ได้คิดอะไรมากหรอกนะ แต่ถ้าเป็นคนอื่นที่เพิ่งมาครั้งแรก คงจะทำตัวไม่ถูกแน่ๆ เลยว่าจะต้องรีแอ็กชันยังไงดี
“ว่าแต่ เครื่องมือเวทมนตร์มันเยอะโคตรๆ เลยว่ะ”
“ที่เห็นโชว์อยู่หน้าร้านนี่ยังไม่หมดนะ ได้ยินมาว่าข้างในยังมีอีกเพียบเลยล่ะ”
เครื่องมือเวทมนตร์วางเรียงรายอยู่เต็มชั้นวางไปหมด
มีตั้งแต่ของใช้ในชีวิตประจำวันไปจนถึงของที่ใช้ในการต่อสู้เลย เยอะแยะละลานตาไปหมด
คงจะเหมือนพวกเครื่องใช้ไฟฟ้าในโลกเดิมสินะ เป็นของที่ขาดไม่ได้ในโลกนี้แน่ๆ
เริ่มแรกฉันก็ลองเดินดูพวกเครื่องมือเวทมนตร์ที่เป็นของใช้ในชีวิตประจำวันที่ไม่จำเป็นต้องใช้ไปพลางๆ
ไม่มีคู่มือการใช้งานอะไรบอกไว้เลยสักนิด จะไปแตะต้องมั่วซั่วก็กลัวพังเหมือนกัน แต่แค่ได้เดินดูเฉยๆ มันก็สนุกดีแล้วล่ะ
แค่นี้ก็คงจะหมดไปวันหนึ่งได้สบายๆ เลย
แต่ว่ามันจะเป็นการเสียเวลาของมิร่าไปด้วย ฉันเลยรีบเข้าเรื่องตามหาเครื่องมือเวทมนตร์ที่ใช้โจมตีระยะไกลได้ทันที
“ถ้าให้ใช้ง่ายที่สุดก็น่าจะเป็นอันนี้นะ”
ของชิ้นแรกที่มิร่าหยิบมาให้ดูคือเครื่องมือเวทมนตร์ที่ดูเหมือนเครื่องจักรกลหนักๆ สวมคลุมแขนไว้ทั้งหมด
“อันนี้คือเครื่องยิงพลังเวทแบบมีระบบช่วยเล็งนะ ปกติแล้วการจะเล็งให้โดนเป้าหมายมันต้องใช้เทคนิคสูงพอตัวเลยล่ะ แต่เจ้านี่มันจะช่วยติดตามเป้าหมายแล้วก็โจมตีให้เองเลยด้วยนะ รองรับศิลาเวทได้ทั้ง 5 ธาตุเลย แถมยังดึงประสิทธิภาพของแต่ละธาตุออกมาได้เต็มที่อีกต่างหาก”
พอลองถือดูมันก็ไม่ได้หนักอย่างที่คิดแฮะ
ถึงอย่างนั้นก็น่าจะหนักสัก 3 กิโลได้ การที่จะใส่เจ้านี่แล้ววิ่งไปวิ่งมามันก็คงจะลำบากน่าดูเลย
แถมข้อเสียสุดๆ ของมันก็คือพอใส่แล้วมันจะจำกัดการเคลื่อนไหวของข้อต่อนี่สิ
ก่อนที่จะวิจารณ์อะไรไปมากกว่านี้ ฉันก็แอบเอามันกลับไปวางไว้ที่เดิมเงียบๆ
แล้วก็หยิบเครื่องมือเวทมนตร์อีกชิ้นที่ฉันสนใจขึ้นมาแทน
ขนาดมันเล็กกะทัดรัดดี ถ้าใช้ในการต่อสู้ได้ล่ะก็คงจะสะดวกน่าดูเลย
“อันนี้มันเครื่องมือเวทมนตร์แบบไหนเหรอ? ดูพกพาสะดวกดีนะ”
“อ๋อ นั่นมันแหวนเสริมพลังเวทน่ะ ถึงจะสะดวกก็จริง แต่ชิโร่อาจจะใช้ไม่ได้นะ เพราะมันเป็นของที่ต้องเอาศิลาเวทไปใส่ไว้ในแหวนเพื่อเพิ่มอานุภาพของสกิลเวทมนตร์น่ะสิ”
ดูท่าแล้วฉันคงจะใช้ไม่ได้สินะ
อุตส่าห์นึกว่าเป็นแหวนเวทมนตร์ในอุดมคติที่ตามหามานานแล้วแท้ๆ
“อืมมม แบบนี้คงต้องขอความเห็นจากมือโปรแล้วล่ะมั้ง?”
มิร่าเหลือบสายตาไปทางเจ้าของร้านที่คุณยายเรียกเมื่อกี๊ว่ารีเซีย
ถึงจะเป็นคนพูดเองแท้ๆ แต่มิร่าก็ทำหน้าเหมือนไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่
จริงอยู่ที่ตอนคุยกับลูกค้าคุณยายแกปากคอเราะรายไปหน่อย แต่ก็ไม่ได้ไล่ตะเพิดออกมานี่นา แถมถ้าถามอะไรไปก็น่าจะตอบให้อยู่หรอก
มิร่าดันฉันไปข้างหน้าราวกับจะใช้ฉันเป็นโล่มนุษย์
ฉันไม่ได้ขัดขืนอะไร ระยะห่างระหว่างฉันกับคุณยายเลยค่อยๆ แคบลง
พอมาถึงระยะที่คงต้องรวบรวมความกล้าแล้วเปิดปากพูดอะไรสักอย่างแล้วล่ะ
「อะ เอ่อ…」
“ไม่ต้องพูดอะไรมากหรอกน่า ฉันได้ยินที่พวกแกคุยกันหมดแล้วล่ะ”
อุตส่าห์รวบรวมความกล้าเปล่งเสียงออกมาแท้ๆ แต่คุณรีเซียก็พูดแทรกขึ้นมาซะก่อน
เธอจิบกาแฟที่เอามาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ไปอึกหนึ่งแล้วก็พูดต่อ
“แกน่ะ มีพลังเวทแปลกๆ อยู่ในตัวนะ หรือควรจะเรียกว่าเป็นพลังที่แตกต่างจากพลังเวทดีล่ะ”
「อะไรเหรอคะ!? อะไรเหรอคะ!? ฉันอยากรู้ด้วยคน!」
ที่คุณรีเซียพูดถึงเนี่ย หมายถึงไอ้สเตตัสนั่นรึเปล่านะ?
ถ้าใช่ล่ะก็ แสดงว่าคนคนนี้มองเห็นมันจริงๆ
กลุ่มก้อนพลังที่แม้แต่ฉันเองก็ยังไม่รู้จัก
「ไอ้นั่นมันขัดขวางอยู่ แกก็เลยใช้สกิลธรรมดาๆ ไม่ได้สินะ」
「ถ้างั้น! ถ้าเอามันออกไปได้ล่ะก็!」
「ฉันก็จะใช้เวทมนตร์ได้เหมือนกันสินะครับ!」
「พูดจาเป็นเด็กอมมือไปได้ ถ้ามีเครื่องมือเวทมนตร์แบบนั้นอยู่จริงๆ ล่ะก็ ป่านนี้มันคงถูกยกให้เป็นระดับเดียวกับเครื่องมือเวทมนตร์โบราณไปแล้วล่ะน่า」
ดูเหมือนว่าการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุมันจะไม่มีทางเป็นไปได้สินะ
ถ้างั้น การโจมตีระยะไกลก็จำเป็นจะต้องใช้เครื่องมือเวทมนตร์ที่โจมตีได้ด้วยตัวของมันเองสถานเดียว
「เอาจริงๆ นะ ในฐานะลูกผู้ชายมันก็ต้องอยากลองใช้ปืนดูบ้างแหละน่า แต่ถ้าเป็นแบบนั้นก็คงจะต้องไปหาตามร้านขายอาวุธแทนสินะ」
「ปืนที่ว่านั่นมันคืออะไรฉันก็ไม่รู้หรอกนะ แต่ถ้าเป็นร้านขายอาวุธล่ะก็ พอจะรู้จักอยู่คนหนึ่งนะ」
「มีใครเรียกข้าผู้นี้รึเปล่า?」
ชายตัวเตี้ยเคราดกหนวดเครารุงรังโผล่หน้าออกมาจากหลังร้าน
ไม่ต้องอธิบายก็รู้เลยว่าเขานี่แหละคือเผ่าคนแคระของแท้และดั้งเดิม
「รู้สึกเหมือนภรรยาข้าเรียกหาเลยแวะมาดูเสียหน่อย」
「บอกไปตั้งกี่ครั้งแล้วว่าอย่ามาเรียกแบบนั้นต่อหน้าคนอื่นน่ะ …เออ ช่างมันเถอะ ว่าแต่ มีลูกค้ามาหานายน่ะ」
「เอ่อ ไม่เชิงว่าเป็นลูกค้าหรอกครับ แค่คิดว่าถ้ามีปืนก็คงจะดีน่ะครับ」
「ปืน? อะไรวะนั่น? ในเมื่อมาพึ่งพาข้า แสดงว่ามันต้องเป็นอาวุธสักอย่างสินะ」
「ก็ใช่ครับ แต่ถ้าไม่รู้จักก็ไม่เป็นไรครับ」
ถ้าไม่มีก็กะว่าจะยอมแพ้อยู่แล้วล่ะน่า
「เฮ้ยๆๆ! เดี๋ยวก่อนสิวะ! การที่จะมีอาวุธที่ข้าไม่รู้จักอยู่บนโลกใบนี้น่ะมันเป็นเรื่องที่ยกโทษให้ไม่ได้! เล่ามาให้ละเอียดเลยนะ!」
เขาโดดข้ามเคาน์เตอร์ออกมาแล้วกระโดดเกาะฉันที่กำลังจะเดินหนีกลับไป
ถึงจะเคลื่อนไหวได้คล่องแคล่วว่องไว แต่ทำไมน้ำหนักตัวมันเยอะขนาดนี้วะเนี่ย เล่นเอาฉันทรุดเข่าลงไปเลย
「เข้าใจแล้วๆ! ลงไปก่อนได้ไหมล่ะครับ!」
ช่วยไม่ได้ ฉันเลยลองวาดรูปปืนตามจินตนาการของตัวเองคร่าวๆ ลงบนกระดาษ
「เอ่อออ รู้สึกว่ามันจะหน้าตาประมาณนี้นะครับ」
ฉันพยายามนึกถึงชิ้นส่วนเล็กๆ น้อยๆ กับกลไกการทำงานของมันในหัว เพื่อที่จะวาดออกมาให้เหมือนจริงที่สุด
แต่พอวาดเสร็จแล้วเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าถ้าแค่จะให้ดูเฉยๆ ล่ะก็ แค่วาดรูปร่างภายนอกคร่าวๆ มันก็พอแล้วนี่หว่า
บางทีในใจลึกๆ ฉันอาจจะแอบหวังว่าถ้าคนแคระคนนี้เห็นแล้วเกิดคึกคักขึ้นมา อาจจะยอมสร้างปืนให้ฉันก็ได้กระมัง
「เสร็จแล้วโว้ย!」
「ไหนเอามาดูซิ …อืมมม ตรงนี้มันเป็นแบบนี้นี่เอง แต่ว่าถ้าจะใช้ศิลาเวทธาตุไฟตรงนี้ล่ะก็ เหล็กธรรมดามันคงจะ… แล้วแรงถีบมันก็แรงเกินไปอีก ยิงได้นัดเดียวคงพังพอดี」
「ตรงนั้นก็ใส่ยันต์กันสะเทือนแบบที่ใช้ในงานก่อสร้างเข้าไปสิครับ? แล้วตรงนั้นถ้าเอาสไลม์โอริฮารูคอนมาหลอมรวมกันมันก็จะแข็งโป๊กเลยนะครับ」
「แต่ว่าจะเอาอะไรเป็นกระสุนล่ะ」
「ถ้าสามารถสกัดธาตุจากศิลาเวทแล้วทำให้มันเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาได้ ก็น่าจะเอาเทคโนโลยีนั่นมาประยุกต์ใช้ได้นะครับ」
สองสามีภรรยาเจ้าของร้านเครื่องมือเวทมนตร์กับร้านขายอาวุธเข้าสู่โลกส่วนตัวไปซะแล้ว
พอจะเข้าใจที่พูดกันอยู่บ้างนะ แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันเป็นเรื่องที่ลึกล้ำเกินความเข้าใจของฉันไปเยอะเลย
「กว่าจะถึงกลางคืนข้าจะทำตัวต้นแบบออกมาให้ดู เพราะงั้นไว้ตะวันตกดินแล้วค่อยมาใหม่ก็แล้วกัน」
「เขาว่าอย่างนั้นแหละ ถ้างั้นเราไปที่อื่นกันก่อนไหม? ฉันมีที่ที่อยากจะไปอยู่น่ะสิ!」
ฉันโดนมิร่าดึงแขนลากออกจากร้านเครื่องมือเวทมนตร์
ท้ายที่สุดแล้ว สองคนนั้นก็มัวแต่จดจ่ออยู่กับแบบแปลนซะจนไม่ทันได้มองตอนที่พวกเราเดินออกมาเลยด้วยซ้ำ
แต่ยังไงซะ ถ้าได้ใช้ปืนในต่างโลกจริงๆ ล่ะก็ มันก็น่าสนุกไม่หยอกเลยนะ
ถึงมันจะไม่เหมือนเกมซาบาเก้ก็เถอะนะ แต่ก็เคยอยากจะลองจับดูสักครั้งอยู่แล้วนี่หว่า
ตั้งหน้าตั้งตารอให้ถึงกลางคืนเลยดีกว่า
เอาล่ะ จนกว่าจะถึงตอนนั้น ก็ได้เวลาตอบแทนบุญคุณมิร่าแล้วสินะ
Translater : Eidolon
www.nekopost.net/editor/78229
MANGA DISCUSSION