บทที่ 16: นัดเจอกับเธอ
หลายวันหลังจากเรื่องวุ่นวาย วันหนึ่งฉันก็ตัดสินใจเดินทางเข้าเมือง ฉันมีนัดสำคัญกับคนคนหนึ่งอยู่ พอมาถึงเร็วกว่าเวลานัดไปหน่อย เลยกะว่าจะไปยืนรอชิลๆ อยู่หน้าลานน้ำพุที่น่าจะเป็นจุดสังเกตได้ง่ายที่สุดในย่านนี้
ระหว่างที่ยืนรอ ฉันก็ไม่ได้คิดอะไรเป็นพิเศษ ปล่อยสมองให้ว่างๆ เสียงพูดคุยจอแจของผู้คนในเมืองเลยลอยเข้าหูมาอย่างชัดเจน หัวข้อสนทนาส่วนใหญ่ที่ได้ยินก็หนีไม่พ้นเรื่องชื่นชมยกย่องกองอัศวินเป็นวรรคเป็นเวร ก็แหงล่ะสิ ไอ้ดัคมาซมันเป็นตัวร้ายระดับพระกาฬชื่อกระฉ่อนขนาดนั้น การที่กองอัศวินสามารถลากคอมันมาเข้าคุกได้ คะแนนความนิยมมันก็ต้องพุ่งกระฉูดติดเพดานเป็นธรรมดาอยู่แล้ว แต่ถ้าให้เดาใจพวกกองอัศวินเองก็คงจะไม่ค่อยสบอารมณ์กับคำชมพวกนี้เท่าไหร่หรอกนะ
เรื่องนี้มีแต่คนที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้นเท่านั้นแหละถึงจะรู้ซึ้ง แต่คนที่จับดัคมาซได้จริงๆ น่ะมันไม่ใช่กองอัศวินเลยสักนิด แต่เป็นองค์หญิงลาซูลี องค์หญิงคนโตสุดสวยแห่งตระกูลทาทัลท์ต่างหากล่ะ! คนอื่นๆ น่ะเหรอ? ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลยสักอย่าง! กองอัศวินเองก็คงจะเจ็บใจกับความไร้ประสิทธิภาพของตัวเองอยู่แท้ๆ แต่ดันถูกยกย่องสรรเสริญในเมืองว่าเป็นวีรบุรุษผู้กล้าซะงั้น ช่างเป็นเรื่องที่น่าขันสิ้นดีจริงๆ ว่ะ
“รอนานไหมอะชิโร่? ขอโทษทีนะที่ให้รอตั้งนาน”
เธอปรากฏตัวหลังจากเวลานัดไปเล็กน้อยพอเป็นพิธี วันนี้เธอไม่ได้อยู่ในชุดเกราะที่เน้นความคล่องตัวในการใช้งานเหมือนทุกที แต่มาในชุดกางเกงยีนส์ขาสั้นสุดเปรี้ยวกับเสื้อเปิดไหล่สีขาวบริสุทธิ์ ไม่ใช่ภาพลักษณ์สาวห้าวขาลุยเหมือนที่เคยเห็นจนชินตา แต่ดูเหมือนคุณหนูผู้แสนจะบอบบางน่าทะนุถนอมเลยว่ะ! ความน่ารักของเธอในลุคนี้ทำเอาสายตาของผู้ชายรอบข้างจับจ้องมาเป็นจุดเดียวกันโดยอัตโนมัติ
“เปล่าเลย ไม่ได้รอเลยสักนิดมิร่า ว่าแต่ บรรยากาศวันนี้มันดูต่างจากปกติเยอะเลยนะ”
“แหม ก็พอดีไม่ได้ออกมาเที่ยวเล่นกับใครแบบนี้นานแล้วน่ะสิ …ฉันอาจจะตื่นเต้นดี๊ด๊ามากไปหน่อย”
“ไม่ๆๆ เลยนะ! ปกติแล้วก็น่ารักสุดๆ ตะมุตะมิอยู่แล้ว! ไม่ต้องคิดมาก!”
มิร่าทำหน้าจ๋อยลงไปนิดหน่อย ฉันเลยรีบเอ่ยชมจากใจจริงออกไปทันที จริงๆ แล้วเธอก็หน้าตาสะสวยระดับนางฟ้าอยู่แล้วน่ะนะ ไม่ว่าจะใส่ชุดอะไรมันก็ต้องเข้ากั๊นเข้ากันอยู่แล้ว แต่ถ้าดันพูดออกไปตรงๆ เดี๋ยวจะโดนข้อหาแทะโลมทางวาจาได้ เก็บความคิดหื่นๆ นี้ไว้ในใจคนเดียวดีกว่า
“วันนี้มีเรื่องอยากจะปรึกษาฉันใช่ไหมล่ะ? ว่ามาได้เลย” “ก็เรื่องสไตล์การต่อสู้นิดหน่อยน่ะ แล้วก็ถือโอกาสเลี้ยงข้าวขอบคุณสำหรับเรื่องคราวก่อนด้วยเลย”
คราวก่อนนู้นนน ตอนที่กำลังหัวหมุนตามหาพวกมิยาเกะ ฉันก็ได้รับคำแนะนำดีๆ จากเธอมานิดหน่อย ตอนนั้นก็ดันปากพล่อยสัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะไว้แล้วว่าจะตอบแทนบุญคุณครั้งนี้ให้จงได้ เพราะงั้นถึงได้มีนัดเดท เอ๊ย! นัดเจอกันในวันนี้ยังไงล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องนั้นล่ะก็ชาตินี้คงไม่มีโอกาสทองได้มาเจอกันสองต่อสองแบบนี้หรอก ให้ตายสิ
ฉันที่ไม่เคยมีประสบการณ์ไปเที่ยวกับผู้หญิงสองต่อสองมาก่อนเลยสักครั้งในชีวิต กำลังปวดเศียรเวียนเกล้าว่าจะต้องทำยังไงต่อไปดีวะเนี่ย เพิ่งจะเจอกันหน้ากันแท้ๆ จะเปิดฉากคุยเรื่องที่อยากจะปรึกษาเลยทันทีมันก็คงจะดูแปลกๆ พิลึกๆ ไปหน่อยมั้ง? ถ้างั้น… การไปหาอะไรอร่อยๆ ยัดลงท้องก่อนมันน่าจะเป็นทางเลือกที่ถูกต้องและชาญฉลาดที่สุดแล้วสินะ แต่ตอนนี้มันก็เพิ่งจะสิบโมงกว่าๆ เองนี่หว่า ถ้าเธอเพิ่งโซ้ยข้าวเช้ามาเต็มคราบแล้วก็อาจจะยังไม่หิวก็ได้นี่หว่า… คิดสิคิด!
ฉันพยายามเค้นสมองคิดอย่างหนักหน่วงว่าจะทำยังไงต่อไปดี แต่เพราะเคยไปเที่ยวกับเพศตรงข้ามก็แค่ในโลกของเกมเท่านั้น ประสบการณ์ในชีวิตจริงมันเลยน้อยนิดติดลบซะเหลือเกิน… อนาถแท้
“เอาเป็นว่า… เราไปหาที่นั่งคุยเรื่องที่นายอยากจะปรึกษาตรงนั้นก่อนแล้วกันนะ ดูนายจะเกร็งๆ”
มิร่าที่เห็นฉันทำท่าทางอ้ำๆ อึ้งๆ เหมือนคนท้องผูกมาสามวันเจ็ดวันอยู่ก็เลยเป็นฝ่ายชวนเปิดประเด็นไปเอง… ขอบคุณสวรรค์ ถึงจะดูน่าสมเพชตัวเองอยู่หน่อยๆ ก็เถอะนะ แต่มันก็ยังดีกว่าปล่อยให้เวลาอันมีค่าผ่านไปเฉยๆ โดยไม่ได้อะไรขึ้นมาล่ะน่า!
พวกเรานั่งแหมะลงบนม้านั่งสาธารณะที่จัดไว้ให้คนที่เดินจนน่องโป่งได้พักขา แล้วก็เริ่มเข้าเรื่องเข้าประเด็นที่นัดกันมาในวันนี้สักที
“เรื่องที่อยากจะปรึกษาก็คือ… ฉันยังคิดหาวิธีโจมตีระยะไกลเจ๋งๆ ไม่ออกเลยน่ะสิ ช่วยแนะนำหน่อยได้ไหม”
ลังเลอยู่นานสองนานว่าจะเริ่มพูดยังไงดีให้มันดูดีมีสไตล์ แต่ก็ไม่อยากจะอ้อมค้อมให้เสียเวลาไปมากกว่านี้ เลยเลือกที่จะพูดออกไปตรงๆ แบบลูกผู้ชาย (ที่ยังไม่ค่อยจะกล้าเท่าไหร่)
“โจมตีระยะไกลเหรอ? งั้นก็ลองหาสกิลเวทมนตร์หรืออะไรเทือกๆ นั้นมาใช้สิ ไม่เห็นจะยากตรงไหนเลยนี่นา ง่ายจะตายไป” “มันมีเหตุผลล้านแปดน่ะ ที่ทำให้ฉันไม่สามารถพึ่งพาสกิลพวกนั้นได้เลยสักนิดเดียวจริงๆ” “ไอ้เหตุผลที่ว่านั่นมันก็น่าสนใจใคร่รู้ดีอยู่หรอกนะ แต่ฉันจะไม่ถามเซ้าซี้ให้เสียบรรยากาศก็แล้วกัน อืมมม… งั้นเหรอ… ถ้าอย่างนั้นลองเปลี่ยนไปใช้อาวุธระยะไกลดูบ้างไหมล่ะ? น่าจะเวิร์คนะ”
เรื่องอาวุธน่ะฉันก็ลองครุ่นคิดพิจารณาดูแล้วเหมือนกัน มันก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจนั่นแหละนะ แต่ถ้าต้องพกอาวุธเพิ่มอีกชิ้นติดตัวตลอดเวลา มันก็จะทำให้เสียความคล่องตัวในการเคลื่อนไหวไปเปล่าๆ ถ้ามีอาวุธที่มันเล็กกะทัดรัดพกพาง่ายเหมือนปืนพกในหนังเจมส์ บอนด์ล่ะก็คงจะดีไม่น้อยเลยทีเดียว แต่ที่นี่มันคือต่างโลกนะเฟ้ย! ไม่ใช่โลกเดิมของเรา! จะมีของไฮเทคแบบนั้นอยู่ให้ใช้รึเปล่าก็ยังไม่รู้เลยสักนิด!
“นอกนั้นก็คงจะเป็นพวกเครื่องมือเวทมนตร์ล่ะมั้ง? ถึงประสิทธิภาพมันจะไม่ค่อยจะเวิร์คเท่าไหร่ก็เถอะนะ? เพราะมันต้องใช้ศิลาเวทจำนวนมหาศาลในการใช้งานแต่ละครั้งเลยค่อนข้างจะสิ้นเปลืองและลำบากอยู่พอสมควร แต่ข้อดีคือใครๆ ก็ใช้ได้ง่ายๆ ไม่ต้องฝึกฝนอะไรให้ยุ่งยาก แล้วก็ช่วงนี้กิลด์เองก็กำลังรณรงค์แนะนำให้ใช้เครื่องมือเวทมนตร์กันยกใหญ่ด้วยนะ” “เรื่องนั้นขอรายละเอียดแบบเจาะลึกหน่อยได้ไหม! สนใจมาก!”
พอได้ยินคำว่า “เครื่องมือเวทมนตร์” เท่านั้นแหละ ฉันก็ตาลุกวาวเป็นประกายขึ้นมาทันที! คงจะเหมือนเด็กผู้ชายช่วงปิดเทอมฤดูร้อนที่ตาเป็นประกายวิบวับเวลาเจอของเล่นชิ้นใหม่แน่ๆ เลยตอนนี้!
ช่วงนี้เรื่องเครื่องมือเวทมนตร์โบราณมันก็กำลังเป็นประเด็นร้อนที่พูดถึงกันหนาหูอยู่เหมือนกัน ฉันเลยสนใจเรื่องเครื่องมือเวทมนตร์เป็นพิเศษเลยล่ะ ถ้ามีพวกแหวนเวทมนตร์หรืออะไรทำนองนั้นล่ะก็ ต่อให้ฉันที่ใช้สกิลไม่ได้เรื่องเลยสักอย่างก็อาจจะสามารถร่ายเวทมนตร์เท่ๆ ได้บ้างก็ได้นะ! คิดแล้วก็ฟิน!
“ชะ…โอ๊ย! นี่นาย! ชิดไปแล้วเฟ้ย! ถอยไปหน่อยสิ!”
เพราะตื่นเต้นดีใจมากไปหน่อย เลยเผลอขยับตัวเข้าไปใกล้เธอมากเกินไปโดยไม่รู้ตัว มิร่าใช้มือทั้งสองข้างดันฉันออกสุดแรงเกิด สงสัยคงจะรู้สึกขยะแขยงรังเกียจฉันน่าดูเลยสินะ… เศร้าใจ ถึงจะแอบสำนึกผิดในใจอยู่ลึกๆ แต่เรื่องเครื่องมือเวทมนตร์มันก็น่าสนใจจริงๆ นี่หว่า! อดใจไม่ไหว!
“ถ้าสนใจใคร่รู้ขนาดนั้นจะลองไปดูด้วยกันไหมล่ะ? ร้านขายเครื่องมือเวทมนตร์น่ะ น่าจะมีของเจ๋งๆ เพียบเลยนะ” “จริงดิ!? ไปได้จริงๆ เหรอ!? โคตรอยากไปเลยว่ะ! ไปกันเลยไหม!?” “โอเคๆ เดี๋ยวฉันนำทางให้เอง ตามมาสิ อย่าหลงล่ะ”
ไม่มีใครที่จะเป็นไกด์นำทางที่พึ่งพาอาศัยได้เท่านี้อีกแล้วในสามโลก! เธอสะบัดผมสีแดงเพลิงสลวยสวยเก๋แล้วลุกขึ้นยืนด้วยรอยยิ้มที่มั่นใจในตัวเองสุดๆ!
ระหว่างทางเธอก็อธิบายความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับเครื่องมือเวทมนตร์ให้ฉันฟังอย่างละเอียด
“ศิลาเวทน่ะนายคงจะพอรู้เรื่องแล้วใช่ไหมล่ะ เพราะเมื่อวันก่อนเราก็เพิ่งจะไปเหนื่อยแทบขาดใจเก็บมาด้วยกันตั้งเยอะ ไอ้พวกนั้นน่ะมันมีอยู่ 5 ธาตุนะ คือ น้ำ ไฟ ลม มืด แล้วก็แสงสว่าง แล้วเครื่องมือเวทมนตร์ก็คืออุปกรณ์ไฮเทคทุกอย่างที่ใช้พลังงานจากศิลาเวทพวกนั้นในการทำงานยังไงล่ะ ง่ายๆ ใช่ไหม” “แต่เครื่องมือเวทมนตร์โบราณในตำนานมันไม่ต้องใช้ศิลาเวทไม่ใช่เหรอ? หรือฉันจำผิด” “อ่า… ฉันเองก็ไม่เคยเห็นของจริงกับตาสักครั้งเหมือนกันเลยไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ แต่เคยได้ยินมาว่าเครื่องมือเวทมนตร์โบราณมันสามารถดูดซับเอาธาตุเวทมนตร์ในอากาศรอบๆ มาใช้เป็นพลังงานได้เลยโดยไม่ต้องพึ่งพาศิลาเวทให้ยุ่งยากน่ะนะ อืมม… ก็คงจะใช้หลักการเดียวกับที่มนุษย์ทั่วไปใช้สกิลเวทมนตร์นั่นแหละมั้ง” “แล้วเครื่องมือเวทมนตร์ในยุคปัจจุบันนี่มันใช้เทคโนโลยีดึงธาตุเวทมนตร์จากอากาศมาใช้ไม่ได้เหรอ? ทำไมล่ะ?” “ไม่มีทาง! ฝันไปเถอะ! ถ้าทำเรื่องเหลือเชื่อแบบนั้นได้จริงๆ ล่ะก็ พวกช่างเทคนิคหัวกะทิคงโดนแย่งชิงตัวกันระหว่างประเทศจนเกิดสงครามโลกแล้วล่ะ!”
ดูเหมือนว่า “กุญแจแห่งกาลเวลา” นั่นมันจะเป็นของที่มีค่ามหาศาลและหายากสุดๆ จริงๆ ด้วยสินะ ครั้งนี้รอดพ้นเงื้อมมือคนชั่วมาได้แบบปาฏิหาริย์ แต่ถ้ามันถูกเอาไปใช้ในทางที่ผิดจริงๆ ล่ะก็… คิดแล้วก็สยองจนขนหัวลุกชะมัด!
“อ้อ! แล้วก็… นายรู้ไหมว่าในบรรดาศิลาเวททั้งหมดเนี่ย ธาตุไหนมันมีราคาแพงที่สุดในตลาดมืด? ทายถูกมีรางวัล!”
มิร่าถามขึ้นด้วยรอยยิ้มร่าเริงดีใจ คงจะอดใจไม่ไหวที่จะอวดความรู้รอบตัวอันกว้างขวางดุจมหาสมุทรของตัวเองล่ะสิท่า!
“ธาตุมืดทมิฬหรือธาตุแสงสว่างเจิดจ้าอะไรพวกนั้นรึเปล่า? ดูมันแรร์ๆ ดี” “ผิดจ้า! ตกม้าตายเลยนะนาย! คำตอบที่ถูกต้องคือธาตุไฟต่างหากล่ะ! ในบรรดา 5 ธาตุเนี่ย อานุภาพของมันรุนแรงทำลายล้างที่สุดในปฐพี แถมยังเอาไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้เยอะแยะสารพัดอีกด้วยนะ มันเลยเป็นที่ต้องการของตลาดและมีราคาสูงลิบลิ่วน่ะสิ!” “โห~ ความรู้ใหม่เลยนะเนี่ย! งั้นพวกโคมไฟตามทางเดินในปราสาทหลวงนั่นก็ใช้ศิลาเวทธาตุไฟด้วยรึเปล่า? ถึงว่าสว่างจัง” “อืมม… อันนั้นน่าจะเป็นศิลาเวทธาตุแสงสว่างมากกว่านะ ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ว่าแต่… ทำไมชิโร่ถึงได้รู้เรื่องการตกแต่งภายในของปราสาทหลวงได้ละเอียดลึกซึ้งขนาดนั้นล่ะ? หรือว่านายแอบไปทำอะไรไม่ดีไม่งามมา?”
ดูเหมือนว่าเธอจะเริ่มสงสัยในตัวฉันขึ้นมาระหว่างที่กำลังคุยกันอยู่ อยู่ๆ เธอก็เปลี่ยนเรื่องคุยซะงั้น… ไวเท่าความคิดเลยนะแม่คุณ
“ทำไมงั้นเหรอ? ก็เพราะว่าตอนนี้ฉันนอนค้างอ้างแรมอยู่ที่นั่นมาหลายคืนแล้วนี่หว่า! ไม่เห็นจะแปลกตรงไหนเลย!” “อ้อ! อย่างนี้นี่เอง! นอนค้างอยู่ที่นั่นเองเหรอ… เอ๋!!!! จริงดิ!? ไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม!?”
มิร่าเบิกตากว้างจนแทบจะถลนออกมาจากเบ้าด้วยความตกใจแบบสุดคลาสสิก! รู้สึกเหมือนเคยเล่าเรื่องนี้ให้ฟังไปแล้วรอบหนึ่งนะ… หรือว่าฉันจะคิดไปเองคนเดียววะ? ไอ้ปรากฏการณ์เดจาวูที่รู้สึกเหมือนเคยพูดไปแล้วทั้งๆ ที่ยังไม่ได้พูดเนี่ย มันไม่มีชื่อเรียกอะไรเท่ๆ คูลๆ บ้างรึไงนะ? รับรองว่าทุกคนบนโลกใบนี้ต้องเคยเจอประสบการณ์แปลกๆ แบบนี้กันมาบ้างแล้วแน่ๆ! เผลอๆ อาจจะบ่อยกว่าที่คิดด้วยซ้ำ!
หลังจากนั้น… แทนที่จะได้คุยเรื่องเครื่องมือเวทมนตร์หรือศิลาเวทต่ออย่างออกรส กลายเป็นว่าฉันโดนซักไซ้ไล่เลียงเรื่องส่วนตัวแบบละเอียดยิบแทนซะงั้น! ไอ้ที่ประกาศกร้าวไว้ตอนแรกว่าจะไม่ถามเรื่องส่วนตัวให้เสียมารยาทน่ะ… มันหายไปไหนหมดแล้ววะเนี่ย!? ความจำเสื่อมรึไง!?
Translater : Eidolon
www.nekopost.net/editor/78229
MANGA DISCUSSION