บทที่ 11: จุดแข็งของแต่ละคน
ต่างฝ่ายต่างไม่ขยับเขยื้อน จนกระทั่งการกะพริบตาครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้สิ้นสุดลง
ระยะห่างอันยอดเยี่ยมของคู่ต่อสู้มันปฏิเสธการเข้าใกล้ของฉัน
ถ้าพูดถึงการคุมเกมแล้วล่ะก็ อีกฝ่ายเป็นคนกุมมันไว้อยู่ แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่สายที่เปิดฉากบุกเอง
รู้ตัวดีว่าถ้าบุกเข้าไปก็เข้าทางอีกฝ่ายแน่ๆ แต่สถานการณ์ที่นิ่งสนิทแบบนี้มันก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน ฉันเลยเปลี่ยนโหมดสมองเป็นการบุกเข้าไปแทน
หลังจากที่ยืนจ้องเชิงกันอยู่พักใหญ่ ฉันที่ไม่มีท่าโจมตีระยะไกลเลยสักท่า ก็ได้ข้อสรุปว่าควรจะยอมเจ็บตัวบ้างแล้วบุกเข้าไปอัดระยะประชิดนี่แหละดีที่สุด
ฉันกระทืบเท้าลงบนพื้นอย่างแรง
ตรงที่เหยียบลงไปดินถึงกับยุบเป็นหลุม
และในจังหวะเดียวกันนั้นเอง อีกฝ่ายก็รับรู้ถึงการโจมตีแล้วตั้งท่าเตรียมพร้อม
「หะ ไวชะมัด!」
ดูเหมือนว่าความเร็วของฉันมันจะเหนือกว่าที่อีกฝ่ายคาดไว้ เขาเลยเสียหลักไปแวบหนึ่ง
แต่คู่ต่อสู้ก็เป็นโปรด้านการต่อสู้เหมือนกัน
แค่แป๊บเดียวเขาก็ตั้งหลักได้ แล้วป้องกันทางขวาที่ฉันเล็งไว้
「นะ นายเนี่ย ก็ไม่เลวเลยนี่นา เทียบกับเด็กคนอื่นๆ แล้วมันคนละชั้นเลยนะ!」
「ขอบคุณสำหรับคำชม (ที่รู้ว่าพูดไปงั้นๆ) นะครับ!」
ฉันปล่อยหมัดรัวๆ เข้าไป แต่อีกฝ่ายก็ป้องกันไว้ได้หมด
แค่นี้คงรับมือได้สบายๆ สินะ
สกิลที่พอจะใช้โจมตีได้มันดันมีแค่ 【ป้องกันตัวพื้นฐาน】 นี่แหละที่เจ็บปวดสุดๆ
การโจมตีธรรมดามันมีขีดจำกัดอยู่แล้ว
「【เพลงดาบ】 “สไลซ์”」
จังหวะนี้เองที่อีกฝ่ายใช้สกิล
คลื่นดาบที่ไม่มีทางฟันถึงกลับกลายเป็นคลื่นกระแทกพุ่งเข้ามา
ดูท่าจะแรงเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน แต่ก็ไม่ถึงกับรับไม่ไหว
ฉันยกดาบขึ้นรับตรงๆ แล้วเบี่ยงคมดาบไปข้างหลัง
แรงกระแทกส่งผ่านมาถึงมือจนรู้สึกแสบๆ แต่แค่นี้ยังขยับไหวอยู่
ถ้าโดนยิงคลื่นดาบจากระยะไกลมารอบสองล่ะก็ ฉันคงไม่มีโอกาสได้โจมตีแน่
ต้องรีบเข้าไปประชิดตัวทันที!
อีกฝ่ายที่เริ่มจะชินตากับการเคลื่อนไหวของฉันแล้ว ก็ตั้งรับอย่างใจเย็น
พลังปะทะพลัง
การต่อสู้แห่งศักดิ์ศรีที่ไม่มีใครยอมถอยแม้แต่ก้าวเดียว
「หา!? ปล่อยดาบทิ้ง!?」
ฉันตัดสินใจปล่อยดาบทิ้งในเสี้ยววินาที
อีกฝ่ายที่กำลังออกแรงอยู่ พอแรงต้านหายไปกะทันหันก็เลยเสียหลัก
ช่องว่างเพียงชั่วพริบตานี้แหละ คือโอกาสชนะเพียงน้อยนิดที่เหลืออยู่ของฉัน!
ฉันย่อตัวลงต่ำแล้วมุดเข้าไปในระยะประชิดของอีกฝ่าย
แล้วก็ใช้สกิลสุดท้ายที่เก็บงำไว้!
「【ป้องกันตัวพื้นฐาน】!」
ทุ่มอิปป้งเซโออิ (ท่าทุ่มในยูโด) อย่างสวยงาม! อีกฝ่ายล้มกลิ้งลงไปกับพื้น
ถึงจะไม่มีพื้นฐานด้านศิลปะป้องกันตัวเลยสักนิด แต่ต้องขอบคุณสกิลจริงๆ ที่ทำให้ร่างกายมันขยับไปเองได้
อัศวินหนุ่มนอนแผ่หลาอยู่บนพื้นเย็นเฉียบ หอบหายใจด้วยใบหน้าเหวอๆ
ไม่มีใครพูดอะไรออกมาสักคำ
คงไม่มีใครคาดคิดสินะว่าฉันจะชนะได้
พูดตามตรง ตัวฉันเองก็ยังไม่ค่อยจะรู้สึกตัวเท่าไหร่เลย
「สุดยอด! สุดยอดไปเลย!」
เสียงปรบมือของเบอร์รี่ดังขึ้น
ตามมาด้วยเสียงปรบมือจากเหล่าอัศวินและเร็นยะ
「นายเนี่ยไม่เลวเลยนะ นอกจากจะมีพลังกายที่เหนือมนุษย์แล้ว การชิงไหวชิงพริบก็ไม่เลวเลย ถ้าขัดเกลาอีกหน่อยล่ะก็ คงจะช่วยในการปราบจอมมารได้มากโขเลยล่ะ」
พอได้ยินคำชมอันล้ำค่าจากท่านหัวหน้าอัศวิน ถึงจะไม่ได้แสดงออกทางสีหน้า แต่ในใจนี่ตีลังกาสามตลบไปแล้ว
ขอซึมซับกับชัยชนะที่ทำให้ลืมความเจ็บใจเมื่อวานไปได้สักพักก็แล้วกันนะ
「ไปเก่งขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่วะเนี่ย」
คนที่โผล่มาข้างๆ คือเร็นยะ
ก็ไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังอะไรหรอกนะ แต่พอมาคิดดูตอนนี้แล้ว ก็น่าจะรายงานสถานการณ์ปัจจุบันให้รู้บ้างสินะ
「แกเองก็เก่งไม่ใช่เล่นเลยนี่หว่า ถึงกับสู้เสมอได้เลยนะ」
「โดนคนที่ชนะพูดแบบนั้นมันไม่ดีใจเลยสักนิดโว้ย」
ไม่ใช่สีหน้าตอนที่พูดเล่นเหมือนทุกที
เป็นสีหน้าที่ดูเจ็บใจจริงๆ
เพราะอยู่ด้วยกันมานาน ฉันถึงมองเห็นการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ บนใบหน้าของเขาได้
「พวกแกสองคนเก่งไม่ใช่เล่นเลยนะ」
「ไม่ได้นะคะคุณฟราน พูดจาหยาบคายแบบนั้นไม่ได้นะคะ」
「ยินดีด้วยนะ! ชิโร่! เบอร์รี่ดีใจด้วยจริงๆ!」
「หืม เธอน่ะเหรอที่พี่เบอร์รี่พูดถึง ชิโร่สินะ」
เจ้าหญิงทั้งสี่คนเดินเข้ามาใกล้ฉันกับเร็นยะที่กำลังคุยกันอยู่
พวกนักเรียนชายคนอื่นๆ พอเห็นเจ้าหญิงทั้งสี่คนในระยะใกล้ก็เกิดอาการเกรงกลัวจนต้องมองอยู่ห่างๆ
แต่สายตานี่จ้องมาไม่วางตาเลย คิดถึงเรื่องที่จะตามมาทีหลังแล้วก็ปวดหัวชะมัด
「มีธุระอะไรรึเปล่าครับ?」
「พอได้เห็นฝีมือของทั้งสองท่านแล้วก็เลยสนใจขึ้นมาน่ะค่ะ เลยอยากจะมาทักทายสักหน่อย」
「เป็นเกียรติอย่างสูงครับ ผมชื่อทาคาโกเอะ เร็นยะครับ」
「ผมฟุรุอิ ชิโร่ครับ」
พอเร็นยะเริ่มแนะนำตัว ฉันก็เลยแนะนำตัวตามไปด้วย
ถ้าคุยกันตัวต่อตัวน่ะพอไหวอยู่หรอกนะ แต่พอจำนวนผู้หญิงมันเพิ่มขึ้นทีไร ฉันก็เริ่มจะลังเลที่จะคุยทุกที
เพราะบรรยากาศแปลกๆ ตอนที่มีผู้หญิงอยู่เยอะๆ มันทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวเองไม่ควรจะเข้าไปยุ่งด้วยน่ะสิ
「ไม่คิดเลยว่าจะชนะได้นะเนี่ย ตอนที่เจอกับเบอร์รี่ครั้งแรกไม่เห็นจะดูเก่งแบบนี้เลยนี่นา」
「เสียมารยาทน่า ฉันน่ะถึงเวลาเอาจริงก็ทำได้นะเฟ้ย」
「คุณชิโร่รู้จักกับเบอร์รี่ด้วยเหรอคะ?」
「ใช่แล้วล่ะ พอดีเจอกันตอนที่เบอร์รี่กำลังจะหลับอยู่ตรงทางเดินน่ะ」
「อย่างนั้นเหรอคะ ดูเหมือนว่าน้องสาวของดิฉันจะสร้างความเดือดร้อนให้สินะคะ」
องค์หญิงคนโตเดินเข้ามาอยู่ตรงหน้าฉัน แล้วสบตาพูดคุยอย่างจริงจัง
ผมสีม่วงเข้มกับรูปร่างที่ได้สัดส่วนมันให้ความรู้สึกเย้ายวน แต่ก็มีกลิ่นอายอันตรายแฝงอยู่ด้วย
ฉันตัวแข็งทื่อเหมือนกบโดนงูจ้องเลย
คนที่เข้ามาช่วยก็คือเบอร์รี่
「นี่แน่ะ! อย่ามายั่วชิโร่นะ!」
「อุ๊ฟุฟุ ไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนั้นสักหน่อยค่ะ แค่อยากจะผูกมิตรไว้ในวันข้างหน้าเท่านั้นเอง」
「ชิโร่เองก็อย่าทำหน้าหื่นสิ!」
「มองยังไงถึงได้ออกมาเป็นแบบนั้นวะเนี่ย ฉันไม่เข้าใจเลยสักนิด」
ฉันปลอบเบอร์รี่ที่กำลังทำแก้มป่องไปส่งๆ
แต่ถึงจะรู้ว่าเบอร์รี่จะอารมณ์เสีย องค์หญิงคนโตก็ยังไม่หยุดแล้วหันมาคุยกับฉันต่อ
「ไว้คราวหน้ามาคุยกันนานๆ นะคะ? ดิฉันยินดีต้อนรับเสมอค่ะ」
องค์หญิงคนโตโบกมือเล็กๆ อย่างสง่างาม
ฉันที่ไม่รู้จะทำยังไงดี เลยได้แต่ฝืนยิ้มตอบกลับไปโดยไม่ได้พูดอะไร
「ฉันว่าแกเองก็น่าจะมีแววอยู่นะ」
「ฉันว่าพี่ชายคนนี้หล่อกว่าอีก ชอบคนนี้มากกว่า」
องค์หญิงคนที่สองกับองค์หญิงคนที่สี่ดูจะถูกใจเร็นยะเป็นพิเศษ เลยเข้าไปชวนคุยไม่หยุด
พอเห็นเร็นยะที่โดนสองคนนั้นซักไซ้ไล่เลียงจนเหงื่อตกแล้วมันก็ตลกจนแทบจะหลุดขำออกมา
คงจะรู้ว่าอีกฝ่ายมีตำแหน่งสูงกว่า เลยทำอะไรไม่ถูกล่ะมั้ง
หลังจากที่ได้เพลิดเพลินกับภาพนั้นอยู่พักใหญ่ พวกเราก็กลับไปฝึกซ้อมกันต่อ
Translater : Eidolon
www.nekopost.net/editor/78229
MANGA DISCUSSION