ถ้าพูดถึง “วัยรุ่น” พวกนายจะนึกถึงอะไรกัน?
มิตรภาพสุดปังกับแก๊งเพื่อน?
ไม่ใช่เว้ย ไม่ใช่แนวนั้น
กิจกรรมชมรมที่ใส่สุดตัวจนเหงื่อท่วม?
ไม่ใช่เว้ย ไม่ใช่แบบนั้น
เลิฟสตอรี่ฟินๆ กับเพื่อนสมัยเด็กสุดคิวท์!
ต้องอันนี้ดิ! ไม่มีอุทธรณ์!
พูดเลยว่าคนเราเกิดมาเพื่อมีความรักก็ไม่เวอร์ไปหรอก
…อาจจะฟังดูเว่อร์วังไปนิด แต่ส่วนใหญ่ในหัวคนเรามันก็มีแต่เรื่องรักๆ ใคร่ๆ นั่นแหละเรื่องปกติ
ผม ฟุรุอิ ชิโร่ ก็กำลังอินเลิฟเบอร์ใหญ่เหมือนกัน
『กะ ก็ไม่ได้ตั้งใจทำข้าวกล่องนี่มาให้นายซะหน่อย! ปะ เปล่านะ!』
「น่าร้ากอ่า~ เขินล่ะสิ จริงๆ ไม่ได้คิดงั้นใช่ปะล่ะ」
『อะไรเล่า ทำหน้ากรุ้มกริ่มเชียวนะ …รสชาติเป็นไง บอกมาด้วย!』
「โคตรดีย์! น่ารักอะไรเบอร์นี้วะ!」
ความน่ารักของเธอทำเอาใจผมเต้นตึมตัม
ผมโคตรเชื่อเลยว่ามันต้องมีสารอาหารบางอย่างที่หาได้จากสาวซึนเดเระเท่านั้นว่ะ
อา~ มีแฟนน่ารักขนาดนี้ ชีวิตผมมันวินเนอร์ชัดๆ
「เฮ้ย มองจอแล้วยิ้มอยู่ได้ น่าขนลุกว่ะ ชิโร่ แล้วก็นะ ถ้าจะแบกเครื่องเกมมาโรงเรียนเพื่อเล่นเกมจีบสาวขนาดนี้ ไปหาแฟนตัวจริงเหอะ」
「เฮ้ยๆๆ! เร็นยะ เมื่อกี๊ทำเป็นหูทวนลมไม่ได้แล้วนะ นี่แกบูลลี่ “โดคิดกิ เลิฟลี่เดย์ส” ของฉันเรอะ! เก็ทนะว่าอยากจะสื่ออะไร แต่จะมาแซะแฟนฉันแบบนี้ ไม่ยอมโว้ย!」
「ไม่ได้บูลลี่เกมนั้น ฉันบูลลี่แกต่างหาก」
「เออ งั้นก็โอเคไป… เฮ้ย! หนักกว่าเดิมอีกไม่ใช่เรอะ!」
ไอ้หนุ่มที่กำลังแซะผมเบาๆ ตรงหน้านี่ชื่อ ทาคาโกเอะ เร็นยะ เป็นทั้งหนุ่มหล่อตัวท็อป นักกีฬาก็เทพ แถมเรื่องเรียนก็ไม่เป็นรองใคร
ถ้าไม่ใช่เพื่อนซี้สมัยเด็กกันนะ ผมว่าเราคงเป็นคนละไทป์ที่ไม่มีวันโคจรมาเจอกันแน่ๆ แต่หมอนั่นเองก็คงคิดเหมือนกันนั่นแหละ
พวกเราก็แค่เพื่อนซี้ที่พอจะเปิดใจให้กันได้บ้าง ผูกพันกันด้วยความสัมพันธ์แบบเพื่อนรักเพื่อนร้ายก็เท่านั้น
「แกนี่มันดีจริงๆ เลยนะ ไม่มีอะไรให้ต้องนอยด์เรื่องความรักเลย」
「เป็นคนฮอตมันก็เหนื่อยนะเฟ้ย ต้องมาเจอเรื่องดราม่าแย่งชิงของพวกผู้หญิงอีก แถมพวกเธอยังไปตีกันลับหลังอีก โคตรจะร้ายเลย」
「ต่อให้มาทำกันต่อหน้าฉันก็ไม่เอาด้วยหรอก」
「เออ! ถูกเผง! พูดจาเข้าหูเป็นครั้งแรกเลยนะเนี่ย ชิโร่」
พูดจาได้แบบ…นะ
ผมก็พูดจาเข้าท่าตลอดปะวะ
ก็แค่อินกับโลกสองมิติไปหน่อยแค่นั้นเอง
นอกนั้นก็ปกติ ปกติสุดๆ
「นี่ ทาคาโกเอะคุง ว่างคุยแป๊บนึงปะ」
「เอ๊ะ ตอนนี้เลยเหรอ?」
จู่ๆ เร็นยะก็โดนเด็กผู้หญิงห้องเดียวกันเข้ามาทัก
เขามองมาทางผมแวบนึง ผมเลยพยักหน้าประมาณว่า “ไปดิ”
เรื่องที่ผมคุยกับเขามันก็ไร้สาระ ไม่มีอะไรพีค คุยเมื่อไหร่ก็ได้อยู่แล้ว
ให้ความสำคัญกับความรู้สึกของเด็กผู้หญิงที่กล้าเข้ามาทักเขาก่อนเหอะน่า
ก็พอจะเดาตอนจบออกอยู่หรอก
ผมกลับมาโซโล่เดี่ยวอีกครั้ง
แต่ ไม่เป็นไรหรอก ไม่ได้เหงาเลยสักนิด
เพราะเฉพาะตอนที่กำลังเล่นเกมจีบสาวเกมนี้เท่านั้น ที่ทำให้ผมลืมชีวิตประจำวันที่โคตรน่าเบื่อซึ่งอาภัพรักไปได้
「กรี๊ดดดด!!! นี่มันอะไรวะเนี่ย!」
「เฮ้ย! มีแสงแปลกๆ ออกมาจากพื้นด้วย!」
「แบบนี้มันพล็อตสำเร็จรูปชัดๆ เลยนี่ครับ!」
ทันใดนั้น ทั่วทั้งห้องเรียนก็สว่างวาบ ยิ่งกว่าแสงแดดยามเช้าเสียอีก
ทุกอย่างค่อยๆ กลายเป็นสีขาวโพลน จนลืมตาแทบไม่ขึ้น
ได้ยินแค่เสียงเพื่อนร่วมชั้นที่กำลังแตกตื่นกันไปคนละทิศคนละทาง
แต่ผมกลับชิลได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ก็ผมมันสายโลกสองมิติตัวยงนี่นา
「ในที่สุดฉันก็จะได้เดบิวต์ต่างโลกแล้วโว้ย」
ผมพึมพำออกมาอย่างสบายอารมณ์ในสถานการณ์แบบนี้
───
「ที่นี่มัน…?」
เป็นพื้นที่กว้างๆ ที่ตกแต่งสไตล์คฤหาสน์ฝรั่ง
พอจะเดาได้ว่าเป็นปราสาทของราชาจากประเทศไหนสักแห่ง แต่ตามบทแล้วก็ต้องลองถามดูหน่อย
「เย้~~~~! ต่างโลกของจริงว่ะ!」
「นี่ น่ากลัวอะ ที่นี่ที่ไหนเหรอ?」
「เมื่อกี๊พวกเรายังอยู่ที่โรงเรียนอยู่เลยนี่…」
รอบๆ ตัว เพื่อนร่วมชั้นคนอื่นๆ ก็กำลังมองไปรอบๆ แบบงงๆ เหมือนกัน
บางคนถึงกับปล่อยโฮออกมากับภาพที่ไม่มีทางเห็นได้ในโลกจริง
ก็ช่วยไม่ได้อะนะ
แค่มาถึงที่นี่ สัมผัสได้ถึงบรรยากาศก็รู้แล้วว่านี่ไม่ใช่การจัดฉากแกล้งกันครั้งใหญ่แน่ๆ
จังหวะนั้นเอง ผู้ชายคนหนึ่งก็โผล่มา
ชุดอลังการดาวล้านดวง หนวดเคราเฟิ้ม รูปร่างอวบอั๋นที่น่าจะเกิดจากการกินหรูอยู่สบาย ดูแล้วโคตรจะเหมือนพระราชา
ตามมาด้วยผู้หญิงอีกคนที่น่าจะเป็นเมียเขา เดินมาอยู่ข้างๆ
เพื่อนร่วมชั้นทุกคนต่างจ้องไปที่คนทั้งสอง
พวกเขาคือคนที่จะรู้เรื่องราวของสถานการณ์นี้
ดังนั้น ทุกคนจึงอยากจะขอความช่วยเหลือเหมือนคนกำลังจะจมน้ำเจอขอนไม้
「ต้องขอโทษด้วยที่เรียกพวกเธอมาปุบปับขนาดนี้ เหล่าผู้กล้าทั้ง 30 คน ที่นี่คือโลกที่ต่างจากโลกที่พวกเธอเคยอยู่ ชื่อว่าโยรุอีเวน ส่วนฉันคือ มัคจี ทาทัลท์ ราชาแห่งประเทศทาทัลท์นี้」
「ที่นี่ที่ไหน หรือคุณเป็นใครน่ะช่างมันเหอะ ที่สำคัญคือทำไมพวกเราถึงโดนลากมาที่นี่ต่างหาก」
เร็นยะถามขึ้นเหมือนเป็นตัวแทนของทั้งห้อง
แต่คำถามนี้มันเสียเวลาเปล่า
เพราะคำตอบที่จะได้ยินจากพล็อตตามสูตรแบบนี้ มันมีอยู่แค่คำตอบเดียวตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
เหมือนรอให้คำถามนี้ออกมาอยู่แล้ว ราชาจึงก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าว ก่อนจะตะเบ็งเสียงดังขึ้นอย่างเป็นทางการอีกครั้ง
「ฉันอยากให้พวกเธอใช้พลังพิเศษนั่น ช่วยกำจัดจอมมารลงให้ได้」
กำจัดจอมมาร
พล็อตเปิดตัวสุดคลาสสิกของนิยายแนวเกิดใหม่ต่างโลก
แต่พอมาเจอกับตัวเองจริงๆ มันก็อดหวั่นๆ ไม่ได้
การถูกบอกให้ไปกำจัดจอมมารแบบงงๆ ในโลกที่ไม่รู้จักอะไรเลยแบบนี้ คนส่วนใหญ่ยกเว้นพวกอินจัด คงไม่มีใครตอบ “เคครับ/ค่ะ จัดไป” ง่ายๆ หรอก
「ฟุฮะฮะฮ่า! มาแล้วโว้ย! ตำนานต่างโลกของฉันจะเริ่มจากตรงนี้แหละ!」
「นี่พวกโอตาคุเงียบหน่อยได้ปะ! จอมมารอะไรไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย ฉันไม่เอาด้วยนะ」
「ชะ ใช่แล้วค่ะ มะ มะ มะ มันอาจจะเป็นเรื่องอันตรายถึงตายเลยนะคะ」
「ทุกคน! ใจเย็นๆ ก่อน!」
หนุ่มหล่ออีกคนที่เปรียบเหมือนหน้าตาของห้อง หัวหน้าห้อง โอบิ มิซึกะ พูดขึ้นเพื่อคุมสถานการณ์
ถึงจะบอกว่าเป็นหนุ่มหล่อ แต่จริงๆ เป็นผู้หญิงน่ะนะ
ที่เรียกกันว่า สาวหล่อสไตล์เจ้าชายนั่นแหละ
「ฉันว่าไม่ว่าพวกเราจะทำยังไงก็คงหนีออกจากโลกนี้ไม่ได้หรอก เพราะงั้น เราควรจะลองฟังเขาก่อนนะ」
「ขอบใจมาก อย่างที่เธอว่า วิธีที่พวกเธอจะกลับโลกเดิมได้มันมีจำกัด วิธีที่พวกเรารู้ก็มีแค่การกลับไปด้วยสมบัติลับที่จอมมารมีเท่านั้น แต่พวกเราก็ไม่ได้จะบังคับพวกเธอนะ ใครที่ไม่ได้สู้ก็จะได้รับการดูแลอย่างดีเหมือนกัน」
วิธีกลับไม่ได้มีแค่วิธีเดียวงั้นเหรอ
แค่วิธีที่ชัวร์ๆ คือสมบัติลับของจอมมารเท่านั้นเองสินะ แปลว่าต่อให้ไม่ต้องไปเสี่ยงตายก็ยังมีโอกาสกลับได้อยู่
ถึงอย่างนั้น ถ้าไม่ยอมรับข้อเสนอตอนนี้ ก็ต้องไปเริ่มต้นชีวิตแบบหาเช้ากินค่ำในโลกที่ไม่รู้จักอะไรเลย
อยากจะเลี่ยงสถานการณ์นั้นสุดๆ เพราะงั้นควรจะยอมทำตามไปก่อนสินะ
「ถ้าไม่ต้องสู้ก็ได้ล่ะก็…」
「อืม ก็จริงนะ แล้วก็ไม่มีที่ไปด้วย」
ความเห็นของคนในห้องเริ่มเทไปทางที่จะทำตามคำสั่งของราชาไปก่อน
ยังไม่รู้ว่าราชาคนนี้เป็นคนดีหรือคนร้าย แต่เดิมทีเรื่องกำจัดจอมมารอะไรนั่นมันก็ไม่ได้น่าสนอยู่แล้ว
การเดินเข้าไปในที่ที่อาจจะตายได้ด้วยตัวเองน่ะ มันไม่ปกติเลยสักนิด
ฉันเองก็ไป ช้ชีวิตชิลๆ ในต่างโลกในฐานะคนที่ไม่ใช่สายบู๊ดีกว่า
เฮ้อ~ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว อยากไปอยู่ในโลกของโดคิเลิฟมากกว่าอีก
「ถ้าอย่างนั้น ขอให้ผู้กล้าทั้ง 30 คนเช็กสเตตัสของตัวเองด้วย」
พอราชาพูดจบ พวกข้ารับใช้ก็เดินกรูออกมาจากประตูข้างหลังแล้วเริ่มเตรียมอะไรบางอย่าง
ก็คิดอยู่ว่าทำไมคนระดับราชาถึงออกมาอยู่ต่อหน้าพวกเราแบบไม่ค่อยมีการ์ด ที่แท้ก็มีทีมซัพพอร์ตอยู่ข้างหลังนี่เอง
ยิ่งคิดถึงตอนที่ปฏิเสธไปแล้วจะน่ากลัวขนาดไหนวะเนี่ย
ใช้ชีวิตชิลๆ ในต่างโลกในฐานะคนที่ไม่ใช่สายบู๊ดีกว่า
เฮ้อ~ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว อยากไปอยู่ในโลกของโดคิเลิฟมากกว่าอีก
「ถ้าอย่างนั้น ขอให้ผู้กล้าทั้ง 30 คนเช็กสเตตัสของตัวเองด้วย」
พอราชาพูดจบ พวกข้ารับใช้ก็เดินกรูออกมาจากประตูข้างหลังแล้วเริ่มเตรียมอะไรบางอย่าง
ก็คิดอยู่ว่าทำไมคนระดับราชาถึงออกมาอยู่ต่อหน้าพวกเราแบบไม่ค่อยมีการ์ด ที่แท้ก็มีทีมซัพพอร์ตอยู่ข้างหลังนี่เอง
ยิ่งคิดถึงตอนที่ปฏิเสธไปแล้วจะน่ากลัวขนาดไหนวะเนี่ย
Translater : Eidolon
www.nekopost.net/editor/78229
MANGA DISCUSSION