"ดูเหมือนว่า……จะเป็นคนจากตระกูลฟู่พ่ะย่ะค่ะ!" เฉิงหนานตอบ
ซ่งเยี่ยนหรี่ตาลง "ตระกูลฟู่แห่งเมืองเหิงโจวงั้นหรือ?"
"พ่ะย่ะค่ะ!" เฉิงหนานพยักหน้า "องค์ชายเล็กพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋องและพระชายาทรงทักท้วงให้องค์ชายเสด็จกลับไป นี่ก็ใกล้ถึงเทศกาลไหว้พระจันทร์แล้ว เป็นเวลาสองปีแล้วที่องค์ชาย……"
"หากเจ้ายังเอ่ยเรื่องไร้สาระอยู่ ก็จงอย่าได้ตามข้ามา!" ซ่งเยี่ยนกล่าวอย่างเย็นชาแล้วรีบควบม้าจากไปทันที
เฉิงหนานถอนหายใจเบาๆ นิสัยขององค์ชายน้อยช่างเจ้าอารมณ์เสียจริง……
รถม้าสั่นคลอนเล็กน้อย มันมิราบรื่นเหมือนก่อนหน้านี้ ราวกับว่ากำลังเร่งรีบ
จิ้นเยว่จิตใจมิสงบ นางหันไปมองฟู่จิ่วชิงที่นั่งอยู่ข้างๆ
บังเอิญกับที่ฟู่จิ่วชิงเอียงศีรษะเล็กน้อยและเหลือบมองนางอย่างเย็นชา ดวงตาของเขาช่างลึกล้ำเยือกเย็น
ทันทีที่สายตาของทั้งคู่สบประสานกัน จิ้นเยว่ก็เอนกายไปพิงหน้าต่างกล่าววขึ้นว่า "ข้า ข้าก็มิรู้ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียว โจรผู้นั้นก็……"
"จวินซานเป็นคนฆ่า" เสียงของฟู่จิ่วชิงแหบแห้งเล็กน้อย ราวกับเป็นการเอ่ยเตือน
จิ้นเยว่ยังคงต้องการจะเอ่ยอะไรบางอย่าง แต่ถูกแววตาอันเย็นยะเยือกของเขาทำให้ตกใจและหุบปากของนางลง
"จำมิได้งั้นหรือ?" สีหน้าของเขาสงบลงลง มองดูเห็นว่าหลังของนางเกือบจะชิดกับผนังรถม้าอยู่แล้ว จู่ๆดวงตาของเขาก็แข็งทื่อขึ้นมา "มานี่สิ!"
จิ้นเยว่เม้มริมฝีปากของนางและขยับไปด้านข้างของเขา
เมื่อเห็นดวงตาของเขาจริงจังขึ้น จิ้นเยว่จึงทำได้เพียงขยับเข้าไปใกล้เขามากกว่าเดิม ชายผู้นี้เป็นคนขี้โรคแท้ๆ ใบหน้าของเขาช่างซีดเซียว แต่เหตุใดจึงมีพลังดึงดูดมากมาย อีกทั้งสายตาของเขานั้นมักดูมืดมนเสมอ ราวกับว่าจะกลืนกินนางไปได้ทั้งตัว
"ข้าจะกินเจ้างั้นหรือ? เหตุใดจึงนั่งห่างเช่นนั้น?" เขาจ้องเข้าไปในดวงตาของนาง น้ำเสียงยังคงดูเย็นชา
"ด้านในรถนี้ร้อนอบอ้าวเหลือเกิน ข้าพิงหน้าต่างรับลมเย็นสักหน่อย" น้ำเสียงของนางสั่นคลอนอันเนื่องมาจากความรู้สึกผิดในใจ
เขาส่งเสียงหึๆออกมาเบาๆเสียจนแทบฟังมิได้ยิน
แต่นางก็ยังได้ยินมัน และคิดจะขยับไปด้านหลัง
ทว่าจู่ๆฟู่จิ่วชิงก็เข้ามาคว้าเอวนางไว้ "ร่างกายของข้าเย็น หากเจ้าอยู่ใกล้ข้า ก็จะมิร้อนอีกต่อไป!"
จิ้นเยว่หัวเราะออกมาแห้งๆ นางพยายามปกปิดความรู้สึกใจสั่นของตนเอาไว้ นางรู้สึกเสียวสันหลังเย็นวาบ
"มือข้างไหน?" เขาเอ่ยถามขึ้น
จิ้นเยว่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วเงยหน้าขึ้น
เมื่อมองดูเขาในระยะใกล้ๆเช่นนี้ เห็นเพียงขนตาหนาดกดำปิดบังลงมาเป็นเงาปกปิดความดุร้ายในดวงตาของเขาได้พอดิบพอดี
หากมิมองดวงตาเขา จิ้นเยว่คิดว่าผู้นี้ดูมิน่ากลัวเท่าไหร่นัก
แต่วินาทีต่อมา……
"ข้าเจ็บ!" จิ้นเยว่อุทาน
จู่ๆก็มีเลือดพุ่งออกมาจากแขนของนาง มันหยดลงบนกระโปรงผ้าทันที มองไปเสมือนดอกบ๊วยสีแดงสด
ที่แขนของนางปรากฏรอยฟัน และเลือดสีแดงเข้ม
เขากัดข้างั้นหรือ? !
จิ้นเยว่น้ำตาคลอเบ้า นางรีบเอามือปิดบาดแผลไว้อย่างรวดเร็ว "เจ้ากัดข้าทำไม?"
"จงจำความเจ็บปวดและบาดแผลนี้เอาไว้ ต่อไปจักได้รู้จักควบคุมตนเอง!" เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
ใบหน้าซีดขาวไร้ที่ติราวกับหิมะ มีสีแดงจากเลือดเพียงเล็กน้อยตรงริมฝีปากของเขา กลับทำให้เกิดความรู้สึกถึงความลุ่มหลง ช่างดูน่าเกรงขาม แม้จะยังคงเป็นดวงตาที่เย็นเยียบคู่นั้น ก็ดูเหมือนจะอบอุ่นขึ้นมาจากเลือดมิน้อย
จิ้นเยว่ขมวดคิ้วแน่น นางกำบาดแผลเอาไว้ด้วยความเจ็บปวด บาดแผลที่ถูกกัดนั้นทิ้งรอยแผลเป็นได้ง่าย เขาต้องจงใจทำเช่นนี้แน่!
"โมโหงั้นรึ?" ฟู่จิ่วชิงแลบลิ้นเลียริมฝีปากของเขา เขากลืนเอาเลือดของนางลงไปจนสิ้น
จิ้นเยว่ตกอกตกใจ เขาดื่มเลือดงั้นหรือ?!
แท้จริงแล้วนางเคยได้ยินว่ามีบันทึกของหมอ คนบางคนเกิดมาพร้อมกับอาการป่วยแปลกๆ และพวกเขาเหล่านั้นชื่นชอบเลือด
จิ้นเยว่มองดูบาดแผลที่แขนของนาง เลือดไหลซึมผ่านแขนเสื้อบางๆจนทำให้นิ้วมือของนางเปื้อน นางกลืนน้ำลายอย่างมิรู้ตัว บัดนี้นางรู้เพียงแต่ว่านางมิกล้าเอ่ยสุ่มสี่สุ่มห้าต่อหน้าเขาอีกแล้ว แม้จะเจ็บปวดก็ต้องอดทนเอาไว้!
ฟู่จิ่วชิงเอนตัวลงบนพนักพิงแสนนุ่ม มองจากมุมนี้ นางกำลังก้มหน้าสี ริมฝีปากแดงเข้มได้หลุดออกไปบ้างหลังจากการต่อสู้เมื่อสักครู่ ใบหน้าของนางเป็นรอยด่างประกอบกับท่าทางอันเคร่งขรึมของนางตอนนี้ มองดูช่างตลกนัก
ริมฝีปากของเขาโค้งขึ้นโดยมิรู้ตัว ดูเหมือนว่าลมหายใจจากร่างกายของนางยังคงติดอยู่ระหว่างริมฝีปากและฟันของเขา
เมื่อรถม้าเข้ามาไปถึงในเมือง จิ้นเยว่ก็กระโดดลงจากรถด้วยความโกรธ
"คุณหญิงขอรับ?" จวินซานตกตะลึงแล้วหันกลับมามองที่หน้าต่าง "คุณชาย?"
ภายในรถม้ามีเสียงกระแอมออกมาเบาๆ ฟู่จิ่วชิงก้าวลงจากรถอย่างช้าๆ "จงให้คนไปรายงานท่านพ่อของข้าว่า คนจากจวนเยี่ยนอ๋องมาถึงแล้ว"
"ขอรับ!" จวินซานพยักหน้า "แล้วคุณหญิงเล่าขอรับ?"
"มิต้องรีบ!" ฟู่จิ่วชิงเดินออกไป
นางจะไปที่ใดได้อีก?
แน่นอนว่าต้องไปยังโรงหมอเพื่อสมานแผล เนื่องจากนางกลัวจะเป็นรอยแผลเป็นอย่างไรเล่า……
หึๆ ผู้หญิง!
MANGA DISCUSSION