ชีคเถื่อนปล้นพรหมจรรย์ ชุด ทัณฑ์ทราย - ตอนที่ 45
“ถ้าจะให้เสด็จพ่อเปลี่ยนแปลงคำสั่งคงไม่มีทาง หากไม่มีหลักฐานอื่นมาโต้แย้ง”
“แล้วหม่อมฉันควรทำยังไงดีพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันคงอยู่ไม่ได้ถ้าขาดนาง”
องค์รัชทายาทจามีลสบตากับดวงตาแดงก่ำของน้องชาย “ทางเดียวที่พี่มองเห็นตอนนี้ก็คือ…”
“พานางหนีใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ” เจ้าชายเซรีมคิดตรงกันกับพี่ชาย
“ใช่ เจ้าต้องแหกคุกแล้วพานางหนีกลับเมืองไทยไป”
“ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ เจ้าชายจะต้องโทษหนัก” ฟีรัส องครักษ์ของเจ้าชายเซรีมแย้งขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก
“เราไม่กลัว เรายินดีถูกท่านพ่อทำโทษ แต่จัสมินจะต้องรอด นางจะต้องไม่ตาย” เจ้าชายเซรีมยืนยันออกมาหนักแน่น
“พี่จะเปิดทางช่วยเหลือเจ้าเอง เซรีม”
“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะเสด็จพี่”
“ไม่เป็นไร แต่เจ้าทำใจได้ใช่ไหมที่ต้องจากนางไปตลอดชีวิต”
ดวงตาของเจ้าชายเซรีมเต็มไปด้วยความปวดร้าว “จากเป็น ก็ยังดีกว่าจากตายพ่ะย่ะค่ะ”
องค์รัชทายาทจามีลยกมือขึ้นตบบ่าน้องชายอย่างให้กำลังใจอีกครั้ง
“เมื่อไหร่ก็ตามที่องค์ชายฮัสซันฟื้นขึ้นมา และสามารถบอกความจริงที่เกิดขึ้นได้ เมื่อนั้น เมียของเจ้าก็น่าจะพ้นผิด ถึงแม้ว่าโอกาสที่เจ้าชายฮัสซันจะฟื้นนั้นแทบไม่มีเลยก็ตาม”
“หม่อมฉันเชื่อในปาฏิหาริย์พ่ะย่ะค่ะ สักวัน… หม่อมฉันกับนางจะต้องได้ครองรักกัน”
“พี่เอาใจช่วยเจ้านะ แล้วก็อย่าลืมส่งข่าวกำหนดการให้พี่รู้ด้วย พี่จะได้เปิดทางให้เจ้าชิงตัวนางได้สะดวก”
“พ่ะย่ะค่ะเสด็จพี่”
องค์รัชทายาทจามีลลุกขึ้น “งั้นพี่ไปละ ส่วนเจ้าก็เก็บเนื้อเก็บตัวอยู่ในตำหนักนี่แหละ พี่จะกราบทูลเสด็จพ่อให้ว่าเจ้าไม่สบายหนักเพราะบาดแผลที่ถูกเฆี่ยน”
“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะเสด็จพี่”
เจ้าชายเซรีมทำความเคารพพี่ชายของตัวเอง และเมื่อพี่ชายเดินออกไปแล้ว เขาก็หันมาพูดกับฟีรัส
“เจ้าเดินทางไปหาสหายของเราที่แคว้นแห่งฟาดิลาห์”
“องค์สุลต่านลูฟาสใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ” ฟีรัสเอ่ยขึ้นอย่างรู้ใจ
“ใช่” เจ้าชายเซรีมผงกศีรษะตอบ ก่อนจะยื่นกระดาษแผ่นเล็กที่มีลายมือหวัดสวยงามของตัวเองให้กับองครักษ์คนสนิท “นำไปให้สหายของเรา”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“รีบไปได้แล้ว และระวังอย่าให้ใครสังเกตเห็นล่ะ”
“พ่ะย่ะค่ะองค์ชาย” แล้วฟีรัสก็รีบถอยออกไปจากตำหนักของเจ้าชายเซรีม และมุ่งหน้าออกนอกเมืองไปทำตามคำสั่ง
เมื่อรู้ว่าเจ้าชายเซรีมยอมถูกโบยแทนมะลิ นัสรินก็คลั่งแค้นจนแทบบ้า
“นี่เจ้าชายเซรีมลุ่มหลงอะไรมันนักหนานะ ฮุสนา”
“ฉันก็ไม่ทราบเจ้าค่ะคุณหนู” ฮุสนาตอบเสียงหวาดกลัว
“อีขี้ข้าบ้า นี่แกจะไม่รู้อะไรสักอย่างเลยหรือไง” นัสรินเดินเข้ามากระชากหัวของฮุสนา “แกนี่มันไม่ได้ดั่งใจฉันสักอย่างเลยนะ”
“โอ๊ย… คุณหนูอย่าทำฉันเลยเจ้าค่ะ” ฮุสนาร้องไห้เมื่อถูกนัสรินตบหน้าจนเลือดกบปาก
“ไสหัวไปให้พ้นหน้าเลยไป!”
“เจ้าค่ะ” ฮุสนาลนลานวิ่งหนีไป ซึ่งก็เป็นจังหวะเดียวกันที่มัสรานีพี่สาวเดินผ่านมาพอดี
“เจ้าไปทำอะไรฮุสนาอีกล่ะ นัสริน”
นัสรินที่กำลังหงุดหงิดตวัดตามองพี่สาวอย่างไม่พอใจ “แล้วมันหนักอะไรส่วนไหนของพี่มัสรานีไม่ทราบ”
มัสรานีถอนใจออกมาอย่างเหนื่อยล้ากับความเอาแต่ใจของน้องสาว
“เจ้าก็เป็นเสียแบบนี้แหละ ใครๆ ถึงได้หวาดกลัวเจ้านัก”
นัสรินเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าพี่สาว และแค่นยิ้ม “แล้วพี่ดีนักหรือไง พี่มัสรานี”
“เจ้าหมายความว่ายังไงนัสริน”
“หึ อย่าคิดว่าฉันไม่รู้เรื่องที่พี่ยังแอบลักลอบคบหาอยู่กับไอ้องครักษ์ฟีรัสนั่นนะ”
ใบหน้าหวานของมัสรานีซีดเผือด “พี่…”
“หึ พี่มันใฝ่ต่ำ องค์รัชทายาทจามีลทรงโปรดปรานพี่ และต้องการรับพี่เข้าไปเป็นพระสนม แต่พี่ก็ดันเล่นตัว เพราะมาหลงคารมไอ้องครักษ์ต่ำต้อยนั่น”
“เจ้า… ไม่มีทางเข้าใจพี่หรอก” มัสรานีน้ำตาริน
“แน่นอน ฉันไม่เข้าใจพี่ เพราะฉันไม่โง่และใฝ่ต่ำแบบพี่ยังไงล่ะ พี่ มัสรานี!”
“เจ้าไม่เข้าใจความรักต่างหาก นัสริน”
นัสรินอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะโต้กลับ
“ทำไมฉันจะไม่เข้าใจ ในเมื่อฉันก็มีความรักเหมือนกัน ฉันรักเจ้าชายเซรีม พี่ก็รู้นี่”
มัสรานีส่ายหน้าไปมา น้ำตายังไหลริน “ไม่ใช่ เจ้าไม่ได้รักเจ้าชาย เซรีม แต่เจ้ารักตัวเองต่างหาก”
“นี่พี่พูดบ้าอะไรพี่มัสรานี!”
“พี่พูดความจริง ถ้าเจ้ารักเจ้าชายเซรีมจริงๆ เจ้าจะต้องยินดีที่เห็นพระองค์มีความสุข ไม่ใช่ร้อนรนจนแทบเป็นบ้า ยามที่เห็นพระองค์มีความสุขแบบนี้”
“พี่มัสรานี!” นัสรินเค้นเสียงเกรี้ยวกราดใส่หน้าพี่สาว แต่มัสรานีไม่สนใจอีกแล้ว
“พี่ขอตัวนะ”
“นั่นพี่จะไปไหน” นัสรินตามไปกระชากแขนของมัสรานีเอาไว้แรงๆ “จะไปหาไอ้องครักษ์ต่ำๆ นั่นอีกแล้วใช่ไหม”
มัสรานีสะบัดแขนแรงๆ จนหลุดจากมือของน้องสาว ก่อนจะโต้กลับเสียงเย็นชา
“พี่ฟีรัสไม่อยู่ ดังนั้นเจ้าสบายใจได้ พี่แค่จะไปตลาดเท่านั้น”
แล้วมัสรานีก็เดินจากไป ทิ้งให้นัสรินยืนกรี๊ดๆ และกระทืบเท้าเต้นเร่าๆ อยู่เพียงลำพัง
“ฉันจะฟ้องพ่อ คอยดูเถอะ!”
ไฟริษยาแผดเผาทำให้จิตใจของนัสรินเต็มไปด้วยความร้อนรนกระวนกระวาย
ข่าวคราวของเจ้าชายเซรีมเงียบหายไปราวกับสายลม ไม่ต่างจากข่าวคราวอาการป่วยของฮัสซันเลยแม้แต่น้อย มะลิถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำนานหลายวันจนสภาพอิดโรย และแน่นอน หล่อนยอมก้มหน้ารับความตายที่เกิดจากการถูกใส่ร้ายอย่างไม่มีทางเลือก
หยาดน้ำตาไหลรินออกมาอาบแก้มในทุกครั้งที่นึกถึงการพลัดพรากจากสองชายอันเป็นที่รัก หนึ่งคือฮัสซัน เด็กน้อยที่หล่อนรักราวกับดวงใจ และอีกหนึ่งก็คือเจ้าชายเซรีมผู้เปรียบเสมือนลมหายใจของหล่อนนั่นเอง
“ฮัสซัน… น้าขอให้หนูปลอดภัย” เสียงสะอื้นดังออกจากกลีบปากอิ่มไม่หยุด “องค์ชายเพคะ… หม่อมฉัน… รักองค์ชายนะเพคะ” น้ำตาร่วงกราวอาบแก้มครั้งแล้วครั้งเล่า ความเจ็บปวดรวดร้าวสำแดงฤทธิ์ออกมาอย่างบ้าคลั่ง กายสาวอ่อนแรงสั่นเทิ้มอย่างน่าเวทนา หล่อนพยายามมองออกไปนอกกรงขัง แต่ก็พบเพียงแต่ความมืดดำ
“พวกเจ้าออกไปก่อน เราขอประทานอนุญาตองค์สุลต่านมาแล้ว” นัสรินยกป้ายคำสั่งที่ตัวเองขอมาจากองค์สุลต่านขึ้นให้ทหารยามดู ก่อนที่ทหารยามจะล่าถอยออกไป
มะลิยกมือขึ้นป้ายน้ำตาทิ้ง มองนัสรินที่ยิ้มเยาะให้ด้วยสายตาเฉยเมยไร้ความรู้สึก
นัสรินหัวเราะร่วน หันไปสั่งฮุสนา “เจ้าเอาอาหารมื้อสุดท้ายไปให้นางสิ ฮุสนา”
“เจ้าค่ะ คุณหนู”
จานอาหารถูกนำออกมาจากตะกร้าสานสีน้ำตาล และยื่นเข้ามาในห้องขัง แต่มะลิเมินหน้าหนีไม่สนใจ
“มีแต่ของโปรดของพระสนมทั้งนั้นเลยนะเพคะ”
“เอากลับไป ฉันไม่กิน”
นัสรินหัวเราะร่วน “โธ่ หม่อมฉันอุตส่าห์ให้ฮุสนาไปถามมาจากนังชมพูนุชเลยนะเพคะ เสวยสักหน่อยเถอะเพคะ”
“ก็บอกให้เอากลับไปไง ฉันไม่กินของเธอหรอก” มะลิเค้นเสียงตอบโต้
“หึ กลัวมียาพิษหรือไงเพคะ”
มะลิช้อนตาขึ้นมองนัสรินอย่างรู้เช่นเห็นชาติ “ใครทำอะไรไว้ มันจะต้องได้รับผลกรรมนั้น ไม่เร็วก็ช้า”
“ตายแล้ว นี่พระสนมสาปแช่งตัวเองเหรอเพคะ” นัสรินหัวเราะอย่างสะใจ
มะลิกัดฟันแน่น เชิดหน้าสูง “เธอกลับออกไปซะเถอะ ฉันไม่อยากเห็นหน้าใครทั้งนั้น”
“หม่อมฉันก็แค่เข้ามาดูหน้าของพระสนมเป็นครั้งสุดท้ายเท่านั้นแหละเพคะ”
มะลิไม่โต้ตอบ เม้มปากแน่นจนเป็นเส้นตรง
“เพราะพรุ่งนี้ตอนเที่ยง พระสนมก็จะไม่มีหัวแล้วไงล่ะเพคะ” แล้ว นัสรินก็หัวเราะลั่นด้วยความสะใจ “ขอให้เป็นสุขเป็นสุขนะเพคะ แล้วก็ไม่ต้องเป็นห่วงเจ้าชายเซรีม เพราะหม่อมฉันจะถวายการดูแลเป็นอย่างดีเลยเพคะ จะทำแทนทุกสิ่งทุกอย่างที่พระสนมเคยทำ แม้แต่บนแท่นบรรทมเพคะ…”
“ไปให้พ้น!”
นัสรินลุกขึ้นยืน ก่อนจะหันไปสั่งฮุสนา “เอาอาหารกลับคืนมาให้หมดฮุสนา ฉันจะเอาไปเทให้หมามันกิน”
“เจ้าค่ะคุณหนู”
นัสรินเดินนำหน้าออกไป โดยมีฮุสนาตามหลังไปติดๆ มะลิปล่อยน้ำตาให้รินไหลออกมาเป็นสาย กลีบปากอิ่มสั่นระริกด้วยความปวดร้าวทรมาน