ชีคเถื่อนปล้นพรหมจรรย์ ชุด ทัณฑ์ทราย - ตอนที่ 20
หลังจากถูกเจ้าชายโอหังคุกคามความเป็นหญิงอย่างน่ารังเกียจ หล่อนก็นอนไม่หลับเลยตลอดทั้งคืน ในหัวเต็มไปด้วยความรู้สึกยามที่ถูกลิ้นสว่านของเจ้าชายทะเลทรายโลมเลีย
“เจ้าชายลามก…”
หล่อนด่าทอเขาอย่างโมโห เกลียดที่เขาทำให้หล่อนร่านร้อนไร้ยางอาย และก็เกลียดตัวเองนักที่เอาแต่โหยหาลิ้นของเขาตลอดเวลาทุกขณะจิต
นี่หล่อนจะทำยังไงดีนะ จะทำยังไงดีถึงจะสลัดความรู้สึกเสียวซ่านรัญจวนพวกนั้นออกไปจากสมองได้
“ขอประทานอภัยค่ะ”
เสียงของนางกำนัลหน้าหวานอย่างชมพูนุชดังขึ้น เมื่อก้าวผ่านบานประตูเข้ามา
“มีอะไรเหรอชมพูนุช”
“องค์สุลตาน่าต้องการพบคุณจัสมินค่ะ”
“องค์… สุลตาน่าอย่างนั้นเหรอ”
เมื่อเห็นสีหน้ามึนงงของมะลิ ชมพูนุชจึงรีบอธิบาย
“องค์สุลตาน่าคือพระมหาเหสีขององค์สุลต่านค่ะ”
“เอ่อ แล้วชมพูนุชพอจะรู้ไหมว่าพระองค์เรียกฉันเข้าพบทำไมกัน”
“ก็น่าจะเรื่องที่เจ้าชายเซรีมจะทรงรับคุณจัสมินเป็นพระสนมนั่นแหละค่ะ”
สีหน้าของมะลิซีดเผือดลง และจินตนาการไปไกลเลยว่าองค์สุลตาน่าจะต้องไม่พอใจตัวอย่างแน่นอน
“ฉัน… ไม่ไปได้ไหม ฉันกลัวน่ะ”
“ถ้าไม่ไป ก็จะถือว่าขัดพระกระแสรับสั่ง มีโทษนะคะ”
เอาแล้วไง ไปก็ไม่ดี ไม่ไปก็ไม่ได้ นี่หล่อนหาเรื่องใส่ตัวเองชัดๆ เลย
มะลิถอนใจออกมาเฮือกใหญ่ “โอเค งั้นนำฉันไปเถอะ ฉันพร้อมจะถูกเชือดแล้ว”
ชมพูนุชอมยิ้มขบขัน “องค์สุลตาน่าทรงพระทัยดีค่ะ คุณมะลิสบายใจได้เลยค่ะ”
แม้จะได้ยินแบบนี้ แต่มะลิก็ยังอดหวาดหวั่นและสั่นเทาไม่ได้อยู่ดี
เดินมาสักพักก็พบกับผู้หญิงหน้าตาสะสวยนางหนึ่งพร้อมกับนางกำนัลสองคน ซึ่งหล่อนจำได้ดีว่าผู้หญิงคนนี้คือนัสริน นางในดวงใจของเจ้าชายเซรีม
แค่เห็นหน้าผู้หญิงแสนสวยคนนี้ หล่อนก็ถูกความหึงหวงเข้าครอบงำอย่างหน้ามืดตามัว
“หลีกทางด้วยค่ะ ฉันต้องไปเข้าเฝ้าองค์สุลตาน่า”
หล่อนเอ่ยถามศัตรูหัวใจผู้มีภาษีเหนือกว่าด้วยน้ำเสียงที่ผ่านการปั้นแต่ง
“สวัสดีคุณมะลิ… อ้อ หรือจะเรียกว่าจัสมินดีนะคะ”
“ก็แล้วแต่คุณจะเรียกเถอะค่ะ”
มะลิพยายามข่มความโมโหเอาไว้อย่างสุดความสามารถ
“แต่ถ้าไม่มีธุระอะไรกับฉัน งั้นฉันขอตัวนะคะ”
“เดี๋ยวก่อนสิ” นัสรินก้าวตามมาขวางหน้าเอาไว้ “ฉันอยากให้เธอยกเลิกแบล็กเมลเจ้าชายเซรีมซะ”
มะลิหน้าร้อนผ่าว รู้สึกไม่ต่างจากการถูกจิกหัวกระชากไปตบกลางสี่แยกไฟแดงที่เมืองไทยไม่มีผิด
“คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันแบล็กเมลเจ้าชายเซรีม”
“แล้วเธอคิดว่าทำไมฉันจะต้องไม่รู้ด้วยล่ะ ในเมื่อฉันกับเจ้าชายเซรีม เราคุยกันทุกเรื่อง”
น้ำเสียงเยาะหยันและหน้าตาที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มดูแคลนของนัสรินยิ่งทำให้มะลิหน้าชาดิก หล่อนเม้มปากแน่นจนเป็นเส้นตรง เจ็บใจจนแทบจะกระอักออกมาเป็นลิ่มเลือด
“ก็แล้วแต่คุณจะคิดเถอะค่ะ เพราะถึงยังไงซะ ฉันก็กำลังจะได้เป็นพระสนมของเจ้าชายเซรีม ในขณะที่คุณยังไม่ได้เป็นอะไรกับพระองค์เลย ทั้งๆ ที่เจอพระองค์ก่อนหน้าฉันตั้งไม่รู้กี่สิบปี”
มะลิเห็นนัสรินกัดปากแน่น แถมสองมือเล็กขาวสะอาดข้างตัวก็กำแน่นเช่นกัน คงจะโกรธมาก แต่ก็ช่างสิ ในเมื่อนัสรินใช้วาจาไม่ดีกับหล่อนก่อนเองนี่นา
“ถ้ามีเรื่องจะพูดแค่นี้ ฉันขอตัวนะคะ ไม่อยากให้องค์สุลตาน่ารอนานน่ะ”
มะลิไม่สนใจแล้วว่าคนด้านหลังจะตะโกนเรียกตามมายังไง เพราะหล่อนรีบจ้ำอ้าวเดินจากไปอย่างรวดเร็ว โดยมีชมพูนุชวิ่งตามหลังมาติดๆ
“ฉันไม่เคยเห็นคุณนัสรินโมโหแบบนี้มาก่อนเลยค่ะ”
มะลิถอนใจแรงๆ
“ฉันก็ไม่ได้อยากทำให้ผู้หญิงคนนั้นโมโหหรอก แต่แม่นั่นมาว่าฉันก่อน ฉันก็ต้องปกป้องตัวเอง”
“ฉันเข้าใจคุณจัสมินค่ะ”
“ขอบใจนะชมพูนุช ก็คงมีแต่เธอละมั้งที่เห็นใจฉัน และเข้าใจฉันจริงๆ”
มะลิถอนใจออกมาอีกครั้ง ก่อนจะมุ่งหน้าตรงไปยังตำหนักขององค์สุลตาน่าด้วยหัวใจที่อ่อนล้าเหลือเกิน
เป็นอย่างที่ชมพูนุชบอกจริงๆ องค์สุลตาน่าเป็นสตรีสูงศักดิ์ที่ใจดีมากๆ และความใจดีมีเมตตาของพระองค์ทำให้หล่อนผ่อนคลายยามที่เข้าเฝ้าไม่น้อยเลยทีเดียว
หล่อนถูกองค์สุลตาน่าซักไซ้อยู่หลายคำถาม และทุกคำถามก็ล้วนแต่เกี่ยวข้องกับเจ้าชายเซรีมทั้งนั้น ซึ่งหล่อนก็ตอบไปตามความเป็นจริง โดยเฉพาะคำถามสุดท้ายจากพระองค์
‘เจ้ารักเจ้าชายเซรีม ลูกชายของเราหรือเปล่า จัสมิน’
‘เจ้าชายทรงมีพระศิริโฉมงดงาม ผู้หญิงใต้หล้าทุกคนไม่มีใครต้านทานเสน่ห์ของพระองค์ได้หรอกเพคะ แม้แต่… หม่อมฉันเองก็ตาม’
ใช่… เพราะหลังจากเหตุการณ์เมื่อวานนั้นเกิดขึ้น เหตุการณ์ที่เจ้าชายเซรีมซบหน้าลงกับหว่างขาอวบ ในหัวของหล่อนก็เอาแต่คิดถึงเขาตลอดเวลาอย่างน่าอับอาย
หญิงสาวถอนใจออกมาแรงๆ เกลียดที่ตัวเองไม่อาจจะหยุดคลั่งไคล้ในตัวของเจ้าชายเซรีมได้ และก็เกลียดตัวเองนักที่กล้ากระโดดเข้าไปในกองไฟของเจ้าชายทะเลทราย
“น้ามะลิ…”
เสียงสดใสของฮัสซันดังขึ้น ซึ่งแน่นอนว่ามันทำให้หล่อนสะดุ้งตื่นจากภวังค์หวามได้ชั่วคราว
หล่อนรีบหันไปมองร่างของเด็กน้อย และย่อตัวลงอ้าแขนออกจากันเมื่อฮัสซันโผเข้ามาสวมกอด
“คิดถึงน้ามะลิจังครับ”
“น้าก็คิดถึงฮัสซันจ้ะ ว่าแต่วันนี้ไปเล่นที่ไหนมาครับ ดูสิ เหงื่อไหลเพียบเลย”
เด็กน้อยหัวเราะร่วน หันไปมองพี่เลี้ยง ก่อนจะตอบออกมาอย่างไร้เดียงสา
“ผมไปวิ่งจับผีเสื้อใกล้ๆ กับทะเลสาบมาครับ สนุกมากเลย”
มะลิยกมือขึ้นลูบศีรษะของเจ้าชายน้อย มองด้วยความรักความเอ็นดู
“น้าดีใจนะที่ฮัสซันมีความสุข”
“ก็ที่วังนี่สนุกมากเลยนี่ครับ แถมทุกคนก็ยังใจดีกับผมมากๆ ด้วย ไม่มีใครขัดใจผมสักคนเลย”
มะลิยิ้มออกมาทั้งน้ำตา ไม่อาจจะบรรยายความรู้สึกในขณะนี้ออกมาได้
“งั้นน้าพาฮัสซันไปอาบน้ำนะจ๊ะ”
“ครับ”
เหล่านางกำนัลไม่มีใครกล้าเอ่ยขึ้น เพราะหล่อนพาฮัสซันไปอาบน้ำหลายครั้งแล้ว
หล่อนพาเด็กน้อยเดินกลับไปยังตำหนัก แต่ระหว่างทางเดิน ซึ่งใกล้จะถึงตำหนักของฮัสซันอยู่แล้วเชียว แต่ก็ดันโชคร้ายที่ต้องเผชิญหน้ากับเจ้าชายเซรีมโดยบังเอิญ
“เจ้าชาย…”
ฮัสซันแสดงท่าทางดีใจนักเมื่อเห็นเจ้าชายเซรีม ตรงกันข้ามกับหล่อนที่เต็มไปด้วยความกระอักกระอ่วน จนไม่กล้าที่จะสบประสานสายตาเลยทีเดียว
“สวัสดี ฮัสซัน กำลังจะไปไหนหรือ”
เจ้าชายหนุ่มผู้มีใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพบุตรชั้นฟ้าย่อตัวลง และระบายยิ้มกว้างให้กับฮัสซัน
มะลิมองรอยยิ้มนั้นอย่างตื่นตะลึงเพราะมันเต็มไปด้วยความผ่อนคลาย รื่นเริง และสดใส เจ้าชายเซรีมไม่เคยยิ้มแบบนั้นให้กับหล่อน หรือพูดง่ายๆ ก็คือนอกจากรอยยิ้มเหยียดๆ แล้ว เขาไม่เคยยิ้มให้กับหล่อนเลย
หญิงสาวน้ำตาซึมและก็เกลียดตัวเองนักที่นึกอิจฉาฮัสซันขึ้นมาแบบนี้
“ฮัสซัน เราไปอาบน้ำกันเถอะจ้ะ”
เจ้าชายน้อยหันมาพยักหน้าตอบรับหล่อน ก่อนจะพูดขึ้นกับเจ้าชายเซรีม “ผมไปอาบน้ำก่อนนะครับเจ้าชาย”
“ฮัสซันไปอาบน้ำกับพี่เลี้ยงได้ไหมครับ พอดีเรามีเรื่องสำคัญจะต้องพูดคุยกับน้ามะลิของฮัสซันน่ะ”
“ไม่เพคะ หม่อมฉันไม่มีอะไรจะคุยกับพระองค์เพคะ”
หล่อนแย้งเสียงสั่น ความรู้สึกของลิ้นสากยามที่โลมเลียอยู่ที่หว่างขาหวนทวีความรุนแรงขึ้นจนหล่อนเกลียดตัวเอง
“ว่าไงครับฮัสซัน ทำตามที่เราขอร้องได้ไหม”
“ได้ครับเจ้าชาย”
“ฮัสซัน…”
หล่อนครางออกมาด้วยความผิดหวังเมื่อฮัสซันตอบรับความต้องการของเจ้าชายบ้าเลือดอย่างเซรีม
“เอาไว้พรุ่งนี้ ผมจะให้น้ามะลิอาบน้ำให้นะครับ วันนี้เจ้าชายมีเรื่องสำคัญจะคุยกับน้ามะลิ ผมไม่อยากทำตัวเป็นเด็กไม่ดีน่ะครับ”
หล่อนมองหน้าไร้เดียงสาของฮัสซันแล้วก็ไม่รู้จะโกรธเคืองอะไรได้เพราะเด็กน้อยไม่รู้ทันความคิดแยบยลของผู้ใหญ่หรอก ยิ่งเป็นความคิดของเจ้าชายเซรีมยิ่งตามไม่ทันเข้าไปใหญ่
“งั้นเดี๋ยวน้าตามไปนะ”
“ครับน้ามะลิ”