ตอนที่ 5.1 บทส่งท้าย
สามเดือนต่อมา, เดือนพฤษภาคม
ช่วงโกลเด้นวีคสิ้นสุดลง
ในสังคมก็เริ่มจะเข้าสู่ฤดูกาลที่ มีแต่หัวข้อสนทนาอันหม่นหมองปรากฏให้เห็นเด่นชัด เช่น เรื่องอาการป่วยเดือนห้า หรือการนับถอยหลังว่าเหลืออีกกี่วันจะถึงวันหยุดฤดูร้อน ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
ถึงแม้ทั้งฉันและเร็นจะเริ่มมีเวลาว่างมากขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงฤดูหนาวก็จริง แต่พวกเราต่างก็ยังคงใช้ชีวิตในแต่ละวันที่แสนวุ่นวายเหมือนเคย
แต่ทว่า ค่ำคืนที่ต้องคลาดเคลื่อนกันไปมา หรือต้องจมอยู่กับความกังวลเหมือนเมื่อก่อนนั้น ไม่มีอีกแล้ว
เหตุผลนั้นก็คือ—
‘วันนี้ต้องแกงกะหรี่เท่านั้น’
‘พอดีมีร้านแกงกะหรี่อยู่ใกล้ๆ ที่ถ่ายงาน โดนกลิ่นเล่นงานเข้าแล้วล่ะ’
เมื่อหลายชั่วโมงก่อน คำตอบสำหรับข้อความที่ฉันส่งไปถามเร็นว่า ‘มื้อเย็นวันนี้อยากทานอะไรดีคะ?’ นั้น ช่างเรียบง่ายเหลือเกิน
แกงกะหรี่เนี่ย พอคิดว่า ‘อยากกิน’ ขึ้นมาครั้งหนึ่งแล้ว ก็มีพลังลึกลับถึงขนาดที่ทำให้คิดถึงแต่เรื่องแกงกะหรี่ไปเลยนี่นา
‘เข้าใจแล้วค่ะ ระหว่างเนื้อวัวกับเนื้อหมู อยากได้แบบไหนเหรอคะ?’
หลังจากส่งข้อความตอบกลับไปแล้ว ฉันก็ครุ่นคิดถึงเมนูสำหรับค่ำคืนนี้
จะใช้เนื้อประเภทไหนดี ความเผ็ดระดับไหนดี…… สลัดต้องมีแน่นอนอยู่แล้ว แล้วก็อยากจะได้กับข้าวเพิ่มอีกสักอย่างจังนะ
การที่ถามคำขอเรื่องอาหารเย็นไปนั้น ไม่ใช่เพราะว่าเร็นจะมาที่บ้านหรอกนะ
แต่เป็นเพราะว่าวันนี้คือวันที่ฉันเป็นเวรทำอาหารเย็นต่างหาก
ตอนนี้ ฉันกับเร็น กำลังใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน
ถึงแม้ตอนเช้ากับตอนกลางวันจะค่อนข้างยากก็จริง แต่กฎที่พวกเราตั้งไว้ก็คือ มื้อเย็นจะพยายามทานด้วยกันให้ได้มากที่สุด
เอาล่ะ แล้วกับข้าวอีกอย่างจะทำอะไรดีนะ…… ขณะที่คิดเช่นนั้น พอลองก้มลงมองนิ้วนางข้างซ้าย ก็มีประกายที่ไม่เคยมีอยู่เมื่อสามเดือนก่อนปรากฏให้เห็น
เพียงแค่ได้มองดูแหวนที่ได้รับมาจากเร็น ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ฉันก็มีกำลังใจขึ้นมาได้ และมีความสุขขึ้นมาได้เสมอ
ฉันนี่ช่างเป็นผู้หญิงที่คิดอะไรง่ายๆ จังเลยนะ
แต่อาจจะค่อนข้างชอบตัวเองแบบนี้ก็ได้นะ…… ทั้งเร็นที่อยู่เคียงข้างเสมอ ทั้งแหวนที่เร็นมอบให้ ต่างก็มอบความรู้สึกยอมรับในตนเองให้แก่ฉันด้วย
ว่าแต่ว่า…… การที่ในหัวของ REN นางแบบผู้สะกดใจทุกคนขณะถูกกดชัตเตอร์ด้วยใบหน้าสุดคูลนั้น กำลังเต็มไปด้วยเรื่องแกงกะหรี่ พอลองจินตนาการดูแล้วก็ไม่รู้ทำไมถึงได้ขำขึ้นมา จนเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
“อา— อาจารย์ชิโนะจัง ตอนนี้กำลังคิดถึงเรื่อง REN อยู่ใช่ไหมล่ะจ๊ะ?”
พอฉันสะดุ้งแล้วหันไปมองข้างๆ ก็เห็นอาจารย์คุมะกำลังมองฉันอยู่พลางยิ้มกริ่ม
……ไม่ได้การสิ
ที่นี่คือห้องพักครูนะ
“ขะ ขอประทานโทษค่ะ…… ตะ ต่อไปจะระวังค่ะ”
“เดี๋ยวๆ ก่อน! ไม่ได้จะตำหนิอะไรสักหน่อยน่า! ตรงกันข้าม กลับคิดว่าการที่ยังทำหน้าตาน่ารักแบบนั้นได้ตอนที่คิดถึงคนรักที่คบกันมาตั้งหลายปีน่ะ มันช่างสูงส่งน่าเคารพเสียอีก!”
ต่อฉันที่กำลังไหล่ตกอยู่นั้น อาจารย์คุมะก็รีบเอ่ยทักขึ้นมาราวกับร้อนรน
ยังคงอ่อนโยนเหมือนเคย ใส่ใจผู้อื่น ทำงานเก่ง งดงาม…… ไม่ว่าจะในฐานะครู หรือในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง ก็ทำให้ฉันอดที่จะชื่นชมไม่ได้เลย
สำหรับอาจารย์คุมะที่คอยช่วยเหลือฉันอยู่เสมอมานั้น ฉันคิดว่าอยากจะให้ท่านได้รับรู้ถึงความสัมพันธ์ที่แท้จริงระหว่างฉันกับเร็น
ดังนั้น ก่อนที่จะเริ่มต้นใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ฉันก็ได้เล่าให้ฟังว่าพวกเราเป็นคนรักที่คบหากันมาตั้งแต่สมัยมัธยมปลายแล้ว
คำพูดแรกของคุณครูคุมะหลังจากที่ฉันเล่าจบลงนั้น ไม่ใช่ทั้ง ‘งั้นเหรอ’ ไม่ใช่ทั้ง ‘ตกใจเลย’ ไม่ใช่ทั้ง ‘ทำไมล่ะ?’
แต่เป็นคำว่า
“สูงส่ง……!”
……ซึ่งเป็นคำศัพท์ที่ฉันไม่ค่อยได้ใช้ในชีวิตประจำวัน และไม่คุ้นเคยเท่าไหร่นัก
หลังจากนั้น เวลที่ฉันพูดถึงเรื่องของเร็น อาจารย์คุมะก็มักจะเอ่ยคำว่า “สูงส่ง” ออกมาบ่อยครั้งก็จริง แต่บอกตามตรงว่าฉันเองก็ยังไม่ค่อยเข้าใจความหมายของมันเท่าไหร่เลย
“อาจารย์คุมะคะ ช่วงนี้ คำนั้นกลายเป็นคำติดปากของอาจารย์ไปแล้วหรือเปล่าคะ?”
พอลองทักออกไปพลางหัวเราะ ดวงตาของอาจารย์คุมะก็ทอประกายเจิดจ้าขึ้นมา
“การที่รุ่นน้องที่น่ารักกับ ‘โอชิ’ (คนที่เชียร์) เป็นคู่รักที่คบกันมานานเนี่ยนะ เรื่องที่น่ายินดีขนาดนี้มันไม่ได้มีกันบ่อยๆ นะรู้ไหม? คู่รักที่เหมือนกับปาฏิหาริย์แบบนี้น่ะ สำหรับฉันแล้วมันไม่ต่างอะไรกับอาหารใจเลยนะ!”
พอโดนเน้นย้ำในเรื่องที่เกี่ยวกับตัวเองเข้า ก็รู้สึกจั๊กจี๋ขึ้นมาอย่างไรบอกไม่ถูก
……ทั้งอ่อนโยน ทั้งใส่ใจผู้อื่น ทั้งทำงานเก่ง ทั้งงดงาม และก็…… เป็นคนที่คอยสนับสนุนสิ่งที่ชอบอย่างกระตือรือร้นยิ่งนัก
แง่มุมใหม่ของอาจารย์คุมะ ที่ฉันได้รู้ในปีที่สองของการใช้ชีวิตคนทำงาน
คิดว่าต่อจากนี้ไปก็อยากจะทำความรู้จักอาจารย์คุมะให้มากขึ้นอีกจังนะ
“ทะ ทำเอาเขินเล็กน้อยเลยนะคะเนี่ย”
“เอ๋— ทำไมล่ะ? ฉันน่ะ เรื่องของอาจารย์ชิโนะจังกับ REN น่ะ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะป่าวประกาศไปให้ทั่วโลกเลยแท้ๆ”
“ทะ แบบนั้นจะลำบากนะคะ……!”
“อะฮะฮะ ล้อเล่นน่า แต่ว่า ความรู้สึกที่อยากจะสนับสนุนต่อไปหลังจากนี้น่ะ เป็นของจริงนะจะบอกให้!”
“อ๊ะ ขอบพระคุณมากค่ะ……!”
……ถ้าเป็นคนที่สนิทกับอาจารย์คุมะล่ะก็ ก็คงจะรู้ถึงแง่มุมที่ไม่คาดคิดแบบนี้เหมือนกันสินะ?
ตัวอย่างเช่น เพื่อนสนิท…… หรือว่าคนรัก
ทันใดนั้น คำถามที่ไม่เคยกล้าถามออกมาจนถึงบัดนี้ ก็พลันหลุดออกจากปากไป
“ว่าแต่ว่า อาจารย์คุมะ ตอนนี้ มีคนรักอยู่หรือเปล่าคะ?”
“เอ๊ะ?”
อาจารย์คุมะจ้องมองฉันนิ่ง
……ทะ หรือว่าฉันจะเผลอถามเรื่องที่ไม่ควรถามเข้าให้แล้วหรือเปล่าคะเนี่ย……?
“……เพิ่งจะมาถามเนี่ยนะ?”
ตรงกันข้ามกับการคาดการณ์ของฉันที่กำลังเหงื่อตกอยู่นั้น ดูเหมือนว่าสิ่งที่อาจารย์คุมะติดใจจะเป็นปัญหาเรื่องจังหวะเวลาเสียมากกว่า
“งั้นเหรอ งั้นเหรอ…… อาจารย์ชิโนะจังไม่ได้สนใจในตัวฉันขนาดนั้นสินะจ๊ะเนี่ย……”
“มะ ไม่ใช่นะคะ! การไปถามรุ่นพี่ว่ามีคนรักหรือไม่น่ะค่ะ! คิดว่ามันอาจจะเสียมารยาทน่ะค่ะ!”
“อา ช็อกจังเลยน้า~…… ทั้งๆ ที่ฉันคิดถึงอาจารย์ชิโนะจังมากขนาดนี้แท้ๆ แต่กลับไม่อยู่ในสายตาเลยเนี่ยนะ……”
พอเห็นอาจารย์คุมะที่ทำท่ากุมขมับอย่างโอเวอร์นั้น เหงื่อเย็นๆ ของฉันก็เริ่มไหลไม่หยุด
ทั้งๆ ที่ไม่ได้ตั้งใจจะให้เป็นแบบนั้นเลยแท้ๆ แต่กลับกลัวว่าจะถูกเข้าใจผิดไปกันใหญ่จนเริ่มร้อนรนขึ้นเรื่อยๆ
“อะๆๆๆ เอ่อคือว่า ไม่ใช่จริงๆ นะคะ วะ ฉัน……!”
“……ล้อเล่นน่าจ้ะ ตกใจเหรอ?”
อาจารย์คุมะพูดออกมาอย่างสบายๆ เช่นนั้น แล้วเผยฟันขาวให้กับฉันที่กำลังยืนนิ่งอึ้งอยู่
……ถะ ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่า……?
อาจารย์คุมะไม่ได้โกรธอะไรฉัน แล้วฉันก็ไม่ได้ทำให้อาจารย์คุมะเสียใจ ใช่ไหมคะ……?
“ดะ ดีจังเลยค่ะ…… ยะ อย่าทำให้ตกใจสิค้า~!”
“ขอโทษๆนะจ๊ะ พอดีว่าน่ารัก ก็เลยเผลอไปหน่อย… นี่ อาจารย์ชิโนะจัง”
อาจารย์คุมะกลับมาแย้มยิ้มอย่างสงบสูงส่งตามปกติ แล้วจ้องมองมาที่ฉันตรงๆ
“ขอให้มีความสุขกับ REN ตลอดไปนะจ๊ะ”
“คะ ค่ะ!”
ฉันคิดว่าจะต้องพยายามทำงานให้มากขึ้นกว่าที่ผ่านมา
ถึงแม้ในปีการศึกษานี้ฉันจะไม่ได้รับมอบหมายให้เป็นครูประจำชั้นก็จริง แต่หากพิจารณาจากธรรมเนียมปฏิบัติของโรงเรียนนี้แล้ว ปีการศึกษาหน้าก็คงจะได้รับหน้าที่นั้นอย่างแน่นอน
ก่อนจะถึงตอนนั้น ต้องเรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างจากอาจารย์คุมะไว้!
“มีอะไรเหรอค้า~? วันนี้ก็รู้สึกเหมือนโดนอาจารย์ชิโนะจังส่งสายตาร้อนแรงมาให้อีกแล้วน้า~”
“สะ ขอประทานโทษค่ะ! เผลอมองมากเกินไปค่ะ!”
พอกล่าวออกไปตามตรงแล้วก้มศีรษะลง อาจารย์คุมะก็หัวเราะออกมาเสียงดัง
◇
“กลับมาแล้ว—”
ถึงจะลองพูดออกไปก็เถอะนะ ก็ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ ดังกลับมาจากบ้านที่ว่างเปล่า
แต่ทว่า พอเปิดไฟห้องนั่งเล่น ก็คิดว่าภาพที่เห็นนั้นเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากเมื่อเทียบกับเมื่อสามเดือนก่อนที่ฉันยังอยู่คนเดียว
เสื้อผ้าของเร็นที่พาดอยู่บนพนักพิงโซฟา
ขนมที่วางอยู่บนโต๊ะทานข้าว ซึ่งเร็นบอกว่าได้มาจากตอนถ่ายงาน
ดัมเบลที่เร็นซื้อมาเพื่อฝึกซ้อมร่างกาย
ทั่วทุกแห่งในบ้านหลังนี้ สามารถรู้สึกได้ถึงเร็น
สิ่งนั้น ช่วยทำให้หัวใจของฉันสงบสุขลงได้มากเพียงใดกันนะ
ฉันคิดว่าเร็นเองก็คงจะรู้สึกถึงความสบายใจแบบเดียวกันกับฉันอยู่เป็นแน่
เพราะความไม่มั่นคง หรือจะเรียกว่า…… การที่ไม่เข้าใจว่าเร็นกำลังคิดอะไรอยู่ นั้นไม่มีอีกแล้ว
ไม่ว่าต่างฝ่ายจะยุ่งสักเพียงใดก็ตาม การได้พบหน้าพูดคุยกันทุกวัน การใช้ชีวิตที่สามารถนอนหลับด้วยกันบนเตียงเดียวกันได้นั้น ได้ช่วยขจัดปัดเป่าความเหงาและความกังวลของพวกเราไปได้อย่างหมดจดแล้ว
เพราะวันนี้เป็นวันที่ฉันกลับมาก่อน ตามกฎที่ว่า ‘คนที่กลับถึงบ้านก่อนเป็นเวรทำอาหารเย็น’ ฉันจึงกำลังจะทำแกงกะหรี่ต่อจากนี้
เอาล่ะ
ทำแกงกะหรี่อร่อยๆ เพื่อเร็นดีกว่า
พอคิดว่าจะได้ทานด้วยกันกับเร็น ไม่ใช่แค่เพื่อตัวเองคนเดียวแล้ว ก็รู้สึกมีแรงใจขึ้นมามากกว่าที่ผ่านมาอย่างเห็นได้ชัด
……ถึงอย่างนั้นก็เถอะนะ วันที่เหนื่อยเกินไปจนไม่อยากจะทำอะไรเลย ก็มีบ้างที่ซื้อข้าวกล่องหรือกับข้าวสำเร็จรูปมาทานเหมือนกันนะ
หรือจะเรียกว่าเป็นการปรับตัวตามสถานการณ์ก็ว่าได้
การที่ไม่ยึดติดกับกฎเกณฑ์มากจนเกินไปจนทำอะไรไม่สะดวกนั้นก็ด้วย คือสิ่งที่ค่อยๆ เรียนรู้ไปทีละน้อยหลังจากที่เริ่มใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน
พวกเราจะสั่งสมวันเวลาร่วมกันต่อไป
ถึงแม้บางครั้งอาจจะทำอะไรผิดพลาดไปบ้างก็ตามที พวกเราก็จะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตลอดไป
ถึงจะมีสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป แต่ก็มีสิ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลงเช่นกัน
พวกเราที่เข้าใจในเรื่องนั้นดี ก็จะต้องสามารถเดินเคียงบ่าเคียงไหล่กันต่อไปหลังจากนี้ได้อย่างแน่นอน
“……เอาล่ะ ที่เหลือก็แค่เคี่ยวต่อเท่านั้น”
ฉันละสายตาจากหม้อที่ปิดฝาไว้ แล้วมองดูสมาร์ตโฟน
เพราะเมื่อประมาณสามสิบนาทีก่อนมีข้อความจากเร็นส่งมาว่า ‘กำลังจะกลับบ้านนะ’ ก็คิดว่าน่าจะใกล้กลับมาถึงแล้วแท้ๆ……
ในจังหวะที่กำลังคิดเช่นนั้นอยู่พอดี ก็ได้ยินเสียงประตูหน้าบ้านเปิดออกดัง ‘แกร็ก’
“กลับมาแล้ว—”
เสียงของเร็นผู้เป็นที่รักดังแว่วมา
ฉันทิ้งแกงกะหรี่ที่หรี่ไฟอ่อนไว้เช่นนั้น แล้วรีบไปยังประตูหน้าบ้านเพื่อต้อนรับเร็น
“กลับมาแล้วเหรอคะ เร็น”
“กลับมาแล้ว กลิ่นหอมสุดยอดไปเลย! ฉันล่ะหิวไส้จะขาดอยู่แล้วนะ—”
เร็นที่ถอดรองเท้าแล้ว ก็มอบจุมพิตเบาๆ ให้ฉัน
……นี่น่ะ ไม่ใช่กฎอะไรหรอกนะ
มันคือการแสดงความรัก ที่พวกเราจะทำเมื่อต่างฝ่ายต่างก็อยากจะทำ
แต่ทว่า เพียงแค่สกินชิพเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้ก็เพียงพอที่จะเปิดสวิตช์ของฉันได้แล้ว
นั่นเป็นเพราะฉันยังคงหลงใหลในตัวชิรายูกิ เร็น มากถึงเพียงนั้น
“……เร็นน่ะ พรุ่งนี้ งานเริ่มตอนบ่ายๆ ใช่ไหมคะ?”
พรุ่งนี้คือวันเสาร์
กล่าวคือ—เป็นวันหยุดของฉันนั่นเอง
เร็นที่ล่วงรู้ถึงเจตนาในคำถามของฉัน ก็ยิ้มกริ่มออกมา แล้วจับมือซ้ายของฉันขึ้นมาจุมพิตลงบนแหวนที่ส่องประกายอยู่บนนิ้วนาง
“ก็คิดไว้อยู่แล้วว่าเธอต้องพูดแบบนั้น ก็เลยตั้งใจกลับมาเร็วหน่อยไงล่ะ รู้ไหม?”
ไม่ว่าจะเป็นบทสนทนาในชีวิตประจำวันที่แสนธรรมดา หรือการปฏิบัติต่อกันในฐานะคนรักก็ตามที ชีวิตของพวกเราที่สัมผัสได้ถึงความสุขอันแท้จริงนั้น ก็จะยังคงดำเนินต่อไปหลังจากนี้
—ว่าไปนั่น การครุ่นคิดคำนึงถึงอนาคตน่ะ เอาไว้ค่อยทำคราวหน้าก็แล้วกัน
อย่างน้อยที่สุด ตอนนี้ก็คือ
ทานแกงกะหรี่กับเร็นให้อิ่มท้องกันดีกว่า
เพราะดูเหมือนว่าคืนนี้จะ เป็นค่ำคืนที่ยาวนานกว่าปกติ… สักหน่อยสินะ
ติดตามเพจด้วย https://www.facebook.com/Aileen.Sub/
Chapters
Comments
- ตอนที่ 5.2 ปัจฉิมลิขิต 1 วัน ago
- ตอนที่ 5.1 บทส่งท้าย 1 วัน ago
- ตอนที่ 5 “เพราะว่าวันนี้ อยากจะมองเธอไปตลอดเลย” 1 วัน ago
- ตอนที่ 4 “ทำให้เจ็บกว่านี้อีกสิ” 1 วัน ago
- ตอนที่ 3.1 คั่นฉาก: ประกาศิตห้ามรอยจูบ 1 วัน ago
- ตอนที่ 3 “ถ้าจูบกันเยอะๆ จะหายหนาวหรือเปล่านะ” 1 วัน ago
- ตอนที่ 2 ชุดเดรสยับหมดแล้วนะ?” 1 วัน ago
- ตอนที่ 1 “ถ้างั้น ฉัน… ไม่ต้องอดทนแล้วสินะ?” 1 วัน ago
MANGA DISCUSSION