ตอนที่ 5 “เพราะว่าวันนี้ อยากจะมองเธอไปตลอดเลย”
วันนั้น ท่าทีของเร็นดูแปลกไป
ด้วยความคิดที่ว่าหากเร็นปรารถนาแล้วล่ะก็ หากมันจะช่วยให้ความรู้สึกของเร็นผ่อนคลายลงได้แม้เพียงเล็กน้อย ฉันก็ได้แต่โอบกอดเธออย่างรุนแรงตามที่ถูกร้องขอไปก็จริง…… แต่การตัดสินใจในครั้งนั้น มันถูกต้องจริงๆ แล้วหรือยังนะ
บางทีในค่ำคืนนั้น…… สิ่งที่ฉันกับเร็นควรจะทำ อาจจะไม่ใช่เซ็กซ์ แต่เป็นการพูดคุยกันถึงเรื่องของพวกเราสองคนหลังจากนี้ต่างหากหรือเปล่านะ
ยิ่งเวลาผ่านไปเนิ่นนานเท่าใด ความกังวลว่าเกิดอะไรขึ้นกับเร็นหรือเปล่านะ หรือว่าฉันเผลอพูดอะไรแปลกๆ ออกไปหรือเปล่านะ ก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นขณะที่ย้อนความทรงจำกลับไปยังอดีต
อยากจะถาม ว่าเร็นกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
หากมันเป็นความกังวลหรือปัญหาที่สามารถแก้ไขได้ด้วยการพูดคุยกันแล้วล่ะก็ ก็อยากจะรีบไปเจอเร็นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วนั่งลงเปิดอกคุยกันตรงๆ
แต่ทว่า เรื่องนั้นกลับไม่เป็นจริงได้ง่ายๆ เลย
ความนิยมในฐานะนางแบบแฟชั่นของเร็นยิ่งจุดติดขึ้นไปอีก ทำให้เธอยุ่งวุ่นวายในระดับที่เทียบกับก่อนหน้านี้ไม่ได้เลย
เร็นทั้งเท่ ทั้งน่ารัก
เพราะเธอมีเสน่ห์ที่ดึงดูดสายตาผู้คน ไม่ว่าจะเมื่อไหร่เธอก็เป็นที่นิยมเสมอ
ถูกผู้คนรายล้อมมาตลอดตั้งแต่สมัยมัธยมปลาย
เพราะฉะนั้น พอเร็นเริ่มทำงานในฐานะนางแบบ พอตัวเร็นเองก็เริ่มจริงจังกับงานนี้ และหากจำนวนคนที่รู้จัก REN ผ่านทางนิตยสารหรือโซเชียลมีเดียเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วล่ะก็ จำนวนคนที่ตกหลุมรักเร็นก็ย่อมจะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
──เรื่องแค่นั้น น่าจะรู้ดีอยู่แล้วตั้งแต่แรกแท้ๆ
‘สุขสันต์วันปีใหม่นะ ปีนี้ก็ฝากตัวด้วยนะ’
วันที่หนึ่ง เดือนมกราคม
ในชั่ววินาทีที่ขึ้นปีใหม่ ฉันก็ส่งข้อความหาเร็น
ตอนนี้ ข้างกายฉันไม่มีเร็นอยู่
เสียงเฉลิมฉลองปีใหม่ที่ดังมาจากโทรทัศน์นั้น ไม่รู้ทำไมถึงได้ฟังดูเหมือนเป็นเรื่องราวจากโลกอื่น
ฉันกำสมาร์ตโฟนไว้แน่น พลางเผชิญหน้ากับค่ำคืนที่แทบจะถูกความเหงาบดขยี้ลงไปเพียงลำพัง
ความจริงที่ว่าไม่ได้ใช้เวลาอยู่กับเร็นทั้งในวันคริสต์มาสและวันสิ้นปีนั้น ก็ถาโถมเข้าใส่ฉันอย่างหนักหน่วงตั้งแต่วันแรกของปีใหม่
ไม่ใช่ว่าทะเลาะอะไรกับเร็นหรอกนะ
ก็ยังคงส่งข้อความคุยกันทุกวัน แถมบางครั้งก็ยังวิดีโอคอลคุยกันถึงแม้จะเป็นเวลาสั้นๆ ก็ตาม
บทสนทนาระหว่างพวกเราในนั้นก็มีแต่เรื่องราวอันสงบสุข เร็นเองก็หัวเราะอยู่บ่อยครั้ง
ถึงกระนั้น…… ทำไมถึงได้รู้สึกไม่สบายใจมากขนาดนี้กันนะ
ช่วงเวลาที่ไม่ได้พบกัน ช่วงเวลาที่เอาแต่เก็บงำสิ่งที่อยากจะพูดไว้โดยไม่อาจถ่ายทอดออกไปได้ดีนั้น อดรู้สึกไม่ได้เลยว่ามันกำลังสร้างร่องลึกขนาดใหญ่ขึ้นระหว่างฉันกับเร็น
ข้อความตอบกลับจากเร็น ไม่ได้กลับมาในทันที
เร็นที่ทำงานแม้กระทั่งในวันสิ้นปีนั้น เคยบอกไว้ว่าตั้งใจจะฉลองปีใหม่กับเพื่อนร่วมงานต่อเลย ก็คงจะไม่ได้มาคอยดูสมาร์ตโฟนอยู่สินะ
ฉันจ้องมองสมาร์ตโฟนอันเงียบงัน แล้วถอนหายใจออกมา
ครั้งแรกที่เร็นมาค้างที่บ้านนั้น คือวันสิ้นปีตอนที่อยู่มัธยมปลายปีหนึ่ง
ตอนนั้นพวกเราคลอเคลียกันจนถึงเกือบจะเที่ยงคืน พอถึงเวลาเปลี่ยนวัน ก็สามารถมองหน้ากันแล้วพูดว่า “สุขสันต์วันปีใหม่นะ” ได้เป็นคนแรกแท้ๆ……
หากเทียบกับสมัยเรียนแล้ว อิสระควรจะเพิ่มมากขึ้นแท้ๆ
แต่พอเข้าสู่วัยทำงาน…… กลับรู้สึกเหมือนถูกผูกมัดไว้ด้วยสารพัดสิ่ง
ฉันถือสมาร์ตโฟนที่ไม่ส่งเสียงใดๆ มุ่งหน้าไปยังห้องนอน
อย่างน้อยที่สุด คืนนี้ ขอให้ฝันถึงเร็นด้วยเถิด
◇
วันหยุดปีใหม่สิ้นสุดลง ภาคเรียนที่สามก็เริ่มต้นขึ้น
ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเร็น ฉันเองก็ยุ่งจนหัวหมุนไปหมดเช่นกัน
“อาจารย์คุมะคะ ซื้อกาแฟมาฝากค่ะ ถ้าไม่รังเกียจ เชิญค่ะ”
“หวา ช่วยได้มากเลย~ ขอบใจมากจ้ะ~!”
แม้แต่อาจารย์คุมะที่ทำงานเร็วกว่าฉันประมาณสามเท่า ก็ดูเหมือนจะทำงานล่วงเวลาจนดึกดื่นทุกวัน
สัปดาห์หน้า นักเรียนที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยก็จะมีการสอบส่วนกลางแล้ว
คณะครูต่างก็วุ่นวายอยู่กับการเตรียมสอบและการดูแลสภาพจิตใจของนักเรียน โดยเฉพาะคุณครูที่รับผิดชอบนักเรียนปีสามนั้น ถึงกับหน้าซีดหน้าเซียวกันเลยทีเดียว
แต่ทว่า ไม่ว่าฉันจะยุ่งสักเพียงใดก็ตาม เฉพาะแค่วันที่สิบสอง เดือนมกราคม—วันที่สำคัญที่สุดในโลกสำหรับฉันเท่านั้น ฉันก็ทำงานโดยตั้งใจว่าจะกลับบ้านตรงเวลาเพื่อไปเจอเร็นให้ได้
ทั้งเร่งทำงานล่วงหน้าไว้เพื่อวันนั้น ทั้งยังรับงานของคุณครูท่านอื่นมาช่วยทำเท่าที่ทำได้ เพื่อจะได้ไม่รู้สึกผิดเวลาขอกลับก่อน
……แต่ทว่า
‘สุขสันต์วันเกิดนะ’
‘แต๊งกิ้ว ในที่สุดก็ตามชิโนะทันแล้วล่ะน่า’
‘อยากจะอวยพรต่อหน้าจังเลยนะ’
‘ฉันเองก็อยากเจอชิโนะเหมือนกัน ขอโทษนะ’
ฉันสะดุ้งตกใจกับข้อความตอบกลับจากเร็น แล้วส่งตอบกลับไปว่า ‘ทางฉันเองก็ต้องขอโทษเหมือนกันนะ’
ไม่ได้อยากจะทำให้เร็นที่กำลังพยายามอย่างหนักต้องลำบากใจเลยแท้ๆ
การที่เร็นโด่งดังขึ้นมาในฐานะนางแบบน่ะ เป็นเรื่องน่ายินดีแท้ๆ
แต่การที่ไม่ได้เจอกันแม้กระทั่งในวันเกิดเนี่ย…… การที่เผลอร้องไห้ออกมาเล็กน้อยนั้น แน่นอนว่าบอกให้เร็นรู้ไม่ได้เลย
สัปดาห์ถัดมา เร็นก็ไปไต้หวัน…… เพื่อถ่ายทำวิดีโอสำหรับนิตยสารและช่อง YouTube ของสังกัดนางแบบ
‘มีของอร่อยๆ โคตรๆ ตั้งเยอะแยะ แต่ทุกคนไม่ยอมกินกันเลยแฮะ’
‘นางแบบนี่เขามีความตระหนักเรื่อง (รูปร่าง) สูงจังเลยนะคะ’
‘ฉันเองก็มีสายตาของคุณมาจิมะคอยจับจ้องอยู่ เลยกินมากไม่ได้เหมือนกัน’
‘งั้นเหรอคะ ถ้างั้นเอาไว้ค่อยกินเยอะๆ ตอนไปเที่ยวกับฉันนะคะ’
‘อื้ม ต้องไปกับชิโนะแน่นอนอยู่แล้ว ตั้งตารอเลย’
ถึงแม้จะกำลังส่งข้อความคุยกันเหมือนคู่รักปกติธรรมดาทั่วไปก็ตามที แต่ความเหงาของฉันกลับยิ่งเพิ่มทวีขึ้นเรื่อยๆ
หากมองจากคนรอบข้างแล้ว พวกเราอาจจะดูเป็นคู่รักวัยทำงานที่การงานของแต่ละฝ่ายกำลังไปได้สวย ไม่ได้นอกใจกัน ไม่น่าจะมีเรื่องอะไรให้ต้องกังวลใจขนาดนั้นก็ได้
ถึงกระนั้น ทำไมฉันถึงได้รู้สึกหดหู่เช่นนี้กันนะ
ถึงแม้ปริมาณงานจะเพิ่มมากขึ้นจริงๆ ก็ตามที แต่ความเหนื่อยล้านี้…… ความทุกข์ทรมานราวกับร่างกายและจิตใจกำลังสึกกร่อนลงไปนี้ คงจะไม่ได้มีสาเหตุมาจากแค่ความยุ่งเพียงอย่างเดียวเป็นแน่
……อยากจะ เจอเร็น
อย่างว่าแหละนะ ถ้าฉันไม่ได้สัมผัสเร็น ก็ไม่มีเรี่ยวแรงขึ้นมาได้เลย
เร็นคือคนสำคัญของฉัน
คือส่วนหนึ่งในชีวิตของฉัน
คือคนคนหนึ่งผู้ซึ่งประกอบสร้างตัวตนที่เรียกว่าฉันขึ้นมา
ไม่ว่าจะทำอย่างไร ร่างกายก็ยังคงเรียกร้องหาเธออยู่ดี แต่ท่ามกลางชีวิตประจำวันที่แสนวุ่นวายในตอนนี้นั้น…… ฉันจะสามารถเพิ่มเวลาที่จะได้อยู่กับเร็นได้อย่างไรกันนะ?
……อื๊อ ไม่ใช่สิ
แค่แสร้งทำเป็นกำลังคิดเท่านั้น
ในใจของฉันน่ะ มีคำตอบปรากฏออกมาเรียบร้อยแล้ว
ตอนที่ลืมตาตื่นขึ้นมาในยามเช้า ฉันพยายามจะคิดไปเองว่าความรู้สึกโหยหาเร็นมันรุนแรงขึ้นเป็นพิเศษเพราะความหนาวก็จริง แต่นั่นเป็นเพียงแค่เหตุผลหนึ่งเท่านั้น
ในหัวของฉันที่ปรารถนาในตัวเร็นอย่างแรงกล้านั้น มีวิธีการที่เรียกว่า ‘การอยู่ด้วยกัน’ วนเวียนอยู่ตลอดเวลา
แต่ทว่า การจะเอ่ยปากพูดเรื่องนี้กับเร็นมันก็ทำให้ประหม่าอย่างช่วยไม่ได้เลยจริงๆ
เพราะมันต้องใช้ความกล้าหาญ
เร็นที่การงานกำลังไปได้สวยนั้น ก็อาจจะกำลังคิดว่าไม่อยากจะเปลี่ยนแปลงพื้นฐานชีวิตในตอนนี้ก็ได้
การมีอยู่ของฉันที่เสนอออกไปว่า ‘อยากจะอยู่ด้วยกัน’ นั้น ก็อาจจะทำให้เธอรู้สึกว่าเป็นภาระที่หนักอึ้งก็ได้
เพราะฉะนั้น…… ก็อาจจะโดนเร็นปฏิเสธก็ได้
หากโดนปฏิเสธขึ้นมา ฉันจะต้อง…… ได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างรุนแรงมากแน่ๆ และคงจะไม่สามารถทำใจให้กลับมาเป็นปกติได้พักใหญ่เลย
คิดว่าจะต้องรู้สึกท้อแท้ในระดับที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันเลยทีเดียว
ถึงจะมีความกังวลเช่นนั้นอยู่ก็เถอะ แต่พอเริ่มคิดขึ้นมาแล้ว มันก็หยุดไม่ได้อีกต่อไป
เพราะความรู้สึกที่อยากจะอยู่กับเร็นนั้น มันรุนแรงกว่ามาก มากเหลือเกิน
ตอนที่เจอเร็นครั้งต่อไป ลองเอ่ยปากพูดเรื่องนี้ดูดีกว่า
ตอนที่ส่งข้อความไปนั้น ฉันรู้สึกประหม่ามากกว่าครั้งไหนๆ ที่ผ่านมาเลย
‘เร็น ครั้งต่อไปจะเจอกันได้เมื่อไหร่เหรอคะ? พอดีมีเรื่องสำคัญอยากจะคุยด้วยน่ะค่ะ’
◇
หลังจากที่พวกเราพยายามปรับตารางเวลาของแต่ละฝ่ายให้ตรงกันได้แล้ว วันที่จะได้พบกันครั้งต่อไปก็บังเอิญเป็นวันวาเลนไทน์พอดี
ตอนนี้ ฉันกำลังเตรียมตัวเพื่อทำช็อกโกแลตที่ไม่หวานจนเกินไป ตามแบบที่เร็นชอบอยู่
ขณะที่กำลังละลายช็อกโกแลต ภายในห้องก็อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมหวาน
กลิ่นนั้น เชื่อมโยงโดยตรงกับความทรงจำ
ตั้งแต่เริ่มคบกันตอนมัธยมปลาย ทุกๆ ปีตลอดมา ฉันก็ทำช็อกโกแลตโฮมเมดให้เร็นเสมอมา
ทั้งใบหน้าตอนที่เร็นรับไป ทั้งใบหน้าตอนที่กินด้วยกัน ทั้งน้ำเสียงตอนที่บอกว่าอร่อย ทั้งหมดนั้น ทั้งหมดนั้น ฉันยังจำได้ดี
ช็อกโกแลตคาเนเล่ที่ลองทำเป็นครั้งแรกนี้ก็ด้วย ก็อยากจะให้มันถูกบันทึกซ้อนทับลงไปในความทรงจำในฐานะที่เป็นความทรงจำที่ดี
……การถูกปฏิเสธข้อเสนอเรื่องการอยู่ด้วยกัน ไม่อยากจะให้มันกลายเป็นความทรงจำที่เลวร้ายเลย
ฉันสะดุ้งตกใจกับตัวเองที่เผลอคิดเรื่องมืดมนไป แล้วส่ายหน้าไปมา
ต้องเปลี่ยนความคิดแล้วสิ
เพราะพรุ่งนี้ จะได้เจอเร็น หลังจากที่ไม่ได้เจอกันมานานแสนนานแล้วนี่นา
คาเนเล่ที่ทำขึ้นพลางหวนนึกถึงความทรงจำกับเร็นซึ่งถูกปลุกขึ้นมาด้วยกลิ่นอันหอมหวานนั้น ก็น่าจะทำออกมาได้อร่อยแน่ๆ
……เร็น จะดีใจหรือเปล่าน้า
วันที่สิบสี่ เดือนกุมภาพันธ์
ฉันกำลังสูดหายใจลึกๆ อยู่หน้าบ้านของเร็น
บ้านของครอบครัวเร็นที่ฉันเคยแวะเวียนมานับครั้งไม่ถ้วนตลอดหลายปีนี้
ทั้งความยินดีที่จะได้เจอเร็นหลังจากไม่ได้เจอกันนาน ทั้งความประหม่าที่จะต้องเอ่ยปากเรื่องการอยู่ด้วยกัน ทำให้ฉันต้องใช้เวลาเตรียมใจเล็กน้อยก่อนจะกดอินเตอร์โฟน
“……เอาล่ะ”
พอกดปุ่มลงไป ก็มีเสียงกลไกดังขึ้น แล้วก็……
“โย่ว ไม่ได้เจอกันนาน”
ประตูเปิดออก คนรักผู้เป็นที่รักของฉันก็ออกมาต้อนรับ
“……ระ เร็น…… มะ ไม่ได้เจอกันนาน……!”
“โอ้ว ข้างนอกหนาวนะ รีบเข้ามาข้างในสิ”
พอเห็นเร็นที่พูดเช่นนั้นพลางแย้มยิ้ม หัวใจก็พลันถูกบีบรัดแน่นขึ้นมา
เดี๋ยวสิ
เร็นน่ะ เท่ขนาดนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ?
ไม่สิ รู้หรอกนะว่าเท่น่ะ แต่ว่า…… เอ๊ะ?
ขนาดนี้เลยเหรอ!?
ความเจิดจ้าในระดับที่จะปัดเป่าความประหม่าและความกังวลของฉันให้หายไปนั้น ทำให้ใจฉันเต้นแรง
ไม่รู้ทำไมถึงมองหน้าเร็นไม่ได้เลย!
“เป็นไรไป? ไม่เป็นไรนะ?”
“มะ ไม่เป็นไร! ขะ ขอโทษนะ”
“งั้นเหรอ? อ๊ะ วันนี้ไม่มีใครอยู่บ้านนะ ไม่ต้องเกรงใจก็ได้”
“อื้อ อื้ม……”
นึกว่าครอบครัวเธออาจจะอยู่บ้านเสียอีกเพราะเป็นวันอาทิตย์
ไม่อยู่นี่เอง…… งั้นเหรอ……
“นี่ แอบคาดหวังอยู่หรือเปล่า?”
“เฟะ!?”
พอโดนแกล้งหยอกด้วยการยื่นหน้าเข้ามามองใกล้ๆ ใบหน้าของฉันก็ร้อนผ่าวขึ้นมาในทันที
“ฮะฮะ เชิญเลยจ้า—”
หลังจากที่ดึงฉันเข้ามาข้างในแล้ว ประตูหน้าบ้านก็ถูกปิดลง
──เร็น กำลังจ้องมองฉันนิ่งอยู่
……วันนี้น่ะ ตั้งใจว่าจะมาคุยเรื่องจริงจังนะ
คิดไว้ว่า จะไม่ทำอะไรเลยจนกว่าเรื่องนั้นจะจบลง… ก็จริงอยู่หรอก
พอขยับใบหน้าเข้าไปใกล้ เร็นก็หัวเราะออกมาเบาๆ
ฉันประทับจูบลงไปเพียงแค่สัมผัสเบาๆ เพื่อยืนยันถึงการมีอยู่ของเธอเท่านั้น แล้วโอบกอดร่างอันผอมบางนั้นไว้
“……เร็น ผอมลงไปหน่อยหรือเปล่าคะ?”
“นิดหน่อยน่ะ ว่าแต่ว่า ใช้ชีวิตช่วงหลังๆ มานี้ จะให้อ้วนขึ้นน่ะยากกว่าเยอะเลยล่ะ”
มือของเร็นก็โอบรอบแผ่นหลังของฉันตอบกลับมา
“ชิโนะเองก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ? ดูท่าทางยุ่งๆ อยู่นี่นา”
“ค่ะ…… แต่ว่าฉันน่ะ…… แค่ขาดเร็นไปเท่านั้นเองค่ะ”
ฉันกอดเร็นไว้แน่นราวกับจะดูดซับสารอาหาร แล้วสูดดมกลิ่นกายของเธอ
เซลล์ร่างกายของฉันต่างก็ตื่นตัวมีชีวิตชีวาขึ้นด้วยความยินดี
“งั้น วันนี้ก็คงจะ ‘เสพ’ ฉันมากเกินไปจนอ้วนเลยไม่ใช่รึไงหา?”
“……จนอ้วนเลย ก็ได้เหรอคะ?”
“ถ้าชิโนะโอเค ก็ได้สิ นะ”
ใบหน้าที่ยิ้มกริ่มของเร็นแบบนี้น่ะ ฉันแพ้ทางให้ราบคาบเลยจริงๆ
“ดะ ตอนนี้ ไม่เป็นไรค่ะ เพราะว่าอยากจะคุยกันก่อน”
“……อืม ก็ได้อยู่หรอกนะ แต่ว่า หน้าแดงแจ๋เลยนี่”
พอโดนมองออกว่ากำลังฝืนอดกลั้นอยู่ ก็รู้สึกได้ว่าแก้มร้อนผ่าวขึ้นมาอีกครั้งก็จริง แต่ก็พยายามอย่างยิ่งที่จะเก็บอาการไว้
ฉันถูกนำทางมายังห้องของเร็น
เมื่อเทียบกับห้องของฉันแล้ว มีข้าวของเยอะกว่ามาก ถึงจะมีของตกแต่งภายในเก๋ๆ วางอยู่มากมาย แต่ก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกว่ารกเลย
“ไม่ค่อยเปลี่ยนไปจากตอนที่มาครั้งก่อนเลยนะคะ”
“ก็นะ ตั้งแต่เข้าปีใหม่มานี่ บ้านก็แทบจะกลายเป็นแค่ที่กลับมานอนเท่านั้นแหละ”
“งั้นเหรอคะ……”
ไม่ผิดแน่เลยว่างานของเร็นคงจะ หนักหนากว่าที่ฉันจินตนาการไว้มากนัก
พอคิดแบบนั้นแล้ว ก็รู้สึกว่าสิ่งที่ฉันกำลังจะพูดออกไปต่อจากนี้นั้น มันช่างดูเห็นแก่ตัวเหลือเกิน จนแทบจะรู้สึกท้อถอยขึ้นมา
“เพราะงั้นวันนี้ ถึงได้ตั้งตารอคอยที่จะได้เจอชิโนะมากๆ เลยไงล่ะ”
……เร็นน่ะ ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ก็ตาม ในตอนที่ฉันกำลังหดตัวลงด้วยความกังวลนั้น เธอก็จะยื่นมือมาแตะที่กลางหลังให้เสมอ
พอได้เห็นรอยยิ้มอันอ่อนโยนนั้น ความตั้งใจแน่วแน่ก็ก่อตัวขึ้น
กับคนคนนี้ที่มอบความสุขให้ฉัน อยากจะอยู่ด้วยกันตลอดไป
──อยากจะ ใช้ชีวิต อยู่กับเร็น
ถึงแม้เธออาจจะไม่ยอมรับก็ตาม ถึงแม้นี่จะเป็นความปรารถนาอันเห็นแก่ตัวก็ตาม แต่อย่างน้อยก็อยากจะถ่ายทอดความรู้สึกนี้ออกไป
“ค่ะ…… ฉันเองก็เหมือนกันค่ะ เอ่อ คือว่า ฉันน่ะนะคะ……!”
ฉันหันหน้าไปเผชิญกับเร็นอย่างจริงจัง ยืดแผ่นหลังตรง แล้วสูดลมหายใจเข้า
“มะ มีเรื่องที่อยากจะคุยกับเร็นน่ะค่ะ”
“ฉันเองก็ มีเรื่องสำคัญที่อยากจะคุยกับชิโนะเหมือนกัน”
ต่อถ้อยคำที่ไม่คาดคิดนั้น ฉันก็เอียงคอสงสัย
“เอ๊ะ…… เร็นก็ด้วยเหรอคะ?”
“อา ใช่ มีเรื่องที่คิดมาตลอดน่ะ”
เรื่องอะไรกันนะ
เพราะเอาแต่คิดถึงเรื่องของตัวเอง สมองถึงได้ไม่แล่นเอาเสียเลย
“งะ งั้น…… ใครจะพูดก่อนดีคะ?”
“อืม—…… ชิโนะก่อนสิ”
ดวงตาทั้งสองข้างอันงดงามของเร็น กำลังจ้องมองมาที่ฉัน
ถึงจะอยากรู้เรื่องที่เร็นจะพูดก็เถอะนะ แต่เดิมทีฉันเป็นคนบอกเองว่ามีเรื่องสำคัญจะคุยนี่นา ก่อนอื่นต้องถ่ายทอดจากฝั่งฉันให้ดีก่อนสินะ
“ขะ เข้าใจแล้วค่ะ เอ่อคือว่า…… ค คือว่าฉันน่ะนะคะ ตั้งแต่เริ่มทำงานในฐานะคนทำงานก็ใกล้จะครบหนึ่งปีแล้วใช่ไหมคะ? งานน่ะถึงจะหนักกว่าที่คิดไว้มากก็จริง แต่ก็ให้ความรู้สึกเติมเต็มมากๆ เลยค่ะ…… แล้วก็คิดว่าจะพยายามต่อไปหลังจากนี้ด้วยค่ะ”
“เรื่องที่ชิโนะกำลังพยายามอยู่น่ะ ฉันก็รู้ดีอยู่แล้วน่า”
“อ๊ะ ขอบใจนะ เพียงแต่ว่า…… ถึงจะคาดการณ์ไว้แล้วก็จริง แต่ก็อย่างว่าแหละค่ะ หากเทียบกับตอนสมัยเรียนแล้ว…… เวลาที่จะได้เจอเร็น มันลดน้อยลง……”
“……นั่นสินะ”
เพียงแค่พูดความจริงออกมาเท่านั้นแท้ๆ แต่แค่เพียงได้หวนนึกถึง หัวตาก็ร้อนผ่าวขึ้นมาเสียแล้ว
“คะ คิดว่านี่คงเป็นเรื่องปกติในโลกของผู้ใหญ่ ก็เลยพยายามมาตลอดค่ะ ทั้งส่งข้อความคุยกัน บางทีก็วิดีโอคอลกันด้วย ก็เลยคิดว่าห้ามรู้สึกเหงาเด็ดขาด คิดแบบนั้นก็จริง แต่ว่า……”
มือของฉันที่กำลังพูดติดๆ ขัดๆ นั้น ก็ถูกเร็นบีบกระชับไว้แน่น
ไออุ่นนั้น ช่วยเยียวยาหัวใจของฉันได้มากมายถึงเพียงนี้
“การที่ไม่มีเร็นอยู่ในชีวิตประจำวันของฉันน่ะ ฉันไม่ชอบเลย
การที่ไม่สามารถรู้สึกถึงเร็นได้น่ะ มันทรมานนะ
สำหรับฉันแล้ว เร็นน่ะ… เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยนะ”
หากเร็นอยู่เคียงข้างฉันเสมอแล้วล่ะก็
หากสามารถรู้สึกถึงการมีอยู่ของเร็นได้ล่ะก็
ถึงขนาดที่อดจะปรารถนาเช่นนั้นไม่ได้— ฉัน ชอบเร็นมากถึงเพียงนั้น
“เพราะฉะนั้น……”
“เดี๋ยว ฉันเองก็มีเรื่องอยากจะพูดเหมือนกัน”
ฉันที่ถูกขัดจังหวะการพูด ได้แต่กะพริบตาปริบๆ
“มีอะไรเหรอคะ……?”
“……ช่วงหลังๆ มานี้ ยุ่งมากๆๆ เลยจริงๆ
การที่มีงานเข้ามา ก็หมายความว่าฉันเป็นที่ต้องการ ซึ่งเป็นเรื่องน่าขอบคุณ โดนคุณมาจิมะพูดใส่บ่อยๆ ว่า จะมาบ่นว่าเหนื่อยไม่ได้หรอกนะ ก็จริง……”
เร็นถอนหายใจออกมาเบาๆ ครั้งหนึ่ง
“ฉันน่ะ ถึงจะคิดว่าตัวเองเป็นพวกที่มีพละกำลังค่อนข้างเยอะก็เถอะนะ แต่ช่วงนี้ไม่รู้ทำไมถึงได้รู้สึกเหนื่อยล้าเหลือเกิน หรือจะเรียกว่า ไม่มีเรี่ยวแรงขึ้นมาเลยก็ไม่รู้
ตอนแรกก็คิดว่าคงเป็นเพราะยุ่งเกินไปหรือเปล่านะ แต่มันไม่ใช่แฮะ
ถึงจะได้พักผ่อนร่างกายแล้ว แต่ก็รู้สึกเหมือนว่ารูโหว่ในใจมันไม่ยอมถูกเติมเต็ม……”
หัวใจก็พลันกระตุกวูบ จังหวะการเต้นของหัวใจก็เร็วขึ้นเรื่อยๆ
……นี่อาจจะเป็นเพียงแค่มโนภาพที่เข้าข้างฉันจนเกินไปก็ได้ก็จริง…… แต่ว่า หรือว่า……?
“……นะ นั่นหมายความว่า……”
“ฉันน่ะ ไม่ว่าจะเป็นวันที่เหนื่อยล้า วันที่มีเรื่องน่ายินดี หรือวันที่มีเรื่องไม่ชอบใจก็ตามที ก็อยากจะให้ชิโนะรับฟังเรื่องราวของฉัน
ไม่ใช่ทางโทรศัพท์ แต่เป็นการเจอหน้ากันตรงๆ…… อยากจะพูดคุยกัน พลางสบตากันแบบนี้น่ะ”
ภาพของฉันที่สะท้อนอยู่ในดวงตาของเร็นนั้น กำลังทำสีหน้าคาดหวังอะไรบางอย่างอยู่
──ก็เพราะว่า ฉันเดาออกเสียแล้ว ว่าเร็นอยากจะพูดอะไร
ทำอย่างไรดี
น้ำตาแทบจะไหลทะลักออกมา
จริงๆ น่ะเหรอ?
เรื่องที่มีความสุขมากขนาดนี้ มันเกิดขึ้นได้จริงๆ น่ะเหรอ?
ทั้งๆ ที่ยังคงจับมือกันอยู่เช่นนั้น สายตาของพวกเราก็สอดประสานกัน
ความรู้สึกจะต้องส่งผ่านถึงกันได้อย่างแน่นอน
“เร็น ฟังนะ”
“ชิโนะ คือว่านะ”
พวกเราเอ่ยปากออกมาเกือบจะพร้อมกัน
“ตอนที่ตื่นนอนตอนเช้า ถ้าสามารถมองเห็นใบหน้าของเร็นได้ล่ะก็ คงจะดีใจมากๆ เลยค่ะ”
“ก่อนที่จะหลับตอนกลางคืน ถ้าสามารถมองเห็นใบหน้าของชิโนะได้ล่ะก็ คงจะดีใจสุดๆ ไปเลย”
พวกเราต่างก็มองหน้ากันและกัน แล้วจ้องมองกันอยู่ครู่หนึ่ง
และแล้ว…… ในจังหวะเดียวกันอีกครั้ง พวกเราก็หัวเราะออกมาเบาๆ
“จริงดิ พวกเรา กำลังคิดเรื่องเดียวกันอยู่สินะ”
“นั่นสินะคะ ตกใจเลยก็จริง…… แต่อะไรแบบนี้ มันก็ดีจังเลยนะคะ”
“อา ใช่…… แย่ล่ะ เผลอยิ้มไม่หุบเลยแฮะ”
เร็นที่พูดเช่นนั้นพลางหัวเราะอยู่นั้น ดูเหมือนเป็นคนละคนกับ “REN” สุดคูลที่เห็นในนิตยสารเลย
ใบหน้าที่ฉันรู้จักเพียงคนเดียว ทำให้ส่วนลึกในอกของฉันบีบรัดขึ้นมา
“……ชิโนะ”
เร็นที่ใบหน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อย ก็เอ่ยถ้อยคำนั้นออกมาให้ฉันได้ยิน
“มาอยู่ด้วยกันนะ”
“อื้ม!”
ทั้งความกังวล ทั้งความประหม่า ต่างก็ละลายหายไปจนหมดสิ้น แล้วแยกย้ายไปจากร่างกายของฉัน
หากปลายเท้าของเราหันไปในทิศทางเดียวกันแล้วล่ะก็ อนาคตหลังจากนี้ไป พวกเราก็จะสามารถเดินไปบนเส้นทางเดียวกันได้
โอกาสที่จะต้องกังวลหรือเลือกตัดสินใจร่วมกันสองคนคงจะเพิ่มมากขึ้นก็จริง แต่สิ่งนั้นก็จะกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของพวกเราเช่นกัน
คือร่องรอยที่พวกเราผู้ซึ่งยึดติดกับการพิสูจน์มาตลอดสามารถทิ้งไว้เบื้องหลังได้ ถึงจะมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่ก็จะกลายเป็นเส้นทางอันหาที่เปรียบมิได้
ในวันวาเลนไทน์ซึ่งเป็นวันที่พิเศษกว่าปกติเล็กน้อยนี้ ฉันคิดว่าดีจริงๆ ที่ได้สร้างความทรงจำอันยอดเยี่ยมขึ้นมา
……หืม? วาเลนไทน์……?
……อ๊ะ ลืมให้ไปเลย!
“งั้น ก่อนอื่นก็ต้องหาบ้านสินะ ที่อยู่ประมาณกึ่งกลางระหว่างที่ทำงานของชิโนะกับออฟฟิศของฉันดีไหมนะ? ฉันน่ะมีมอเตอร์ไซค์ จะอยู่ห่างจากสถานีหน่อยก็ได้ก็จริง แต่ชิโนะคงอยากได้ที่อยู่ใกล้ๆ มากกว่าสินะ……”
“ดะ เดี๋ยวก่อนค่ะ! เราทานของหวานไปพลางคุยกันไปพลางดีไหมคะ?”
พอฉันยื่นถุงกระดาษที่ใส่ช็อกโกแลตคาเนเล่ซึ่งห่อไว้แล้วส่งให้ เร็นก็ทำหน้างงไปชั่วขณะหนึ่งก็จริง แต่ก็รับไปด้วยรอยยิ้มในทันที
“เยส! นึกว่าจะไม่ได้รับซะแล้วนะปีนี้น่ะ นี่ทำมาให้เองเลยเหรอ?”
“อื้อ อื้ม พอดีอยากให้เร็นทานน่ะค่ะ……”
“แต๊งกิ้วนะ จะขอชิมเลยละกัน”
ฉันจ้องมองเร็นที่กำลังแกะห่อออก
เธอจะชอบหรือเปล่าน้า?
“โอ๊ะ ปีนี้เป็นช็อกโกแลตคาเนเล่เหรอ”
“ค่ะ ทะ เป็นยังไงบ้างคะ?”
“ทำได้กระทั่งคาเนเล่เลยนี่สุดยอดไปเลยแฮะ ถ้างั้น ขอลองชิมเลยละกันนะค้า~”
ตั้งแต่ตอนที่เร็นนำคาเนเล่เข้าปากไปจนกระทั่งกลืนลงคอ ฉันก็เผลอมองตามไปด้วยใจที่เต้นระรัว
“……โคตร อร่อยเลย!”
“ดะ ดีจังเลยค่ะ……! เพราะเพิ่งลองทำครั้งแรก ก็เลยกังวลอยู่น่ะค่ะ—”
ขณะที่กำลังลูบอกอย่างโล่งใจอยู่นั้น เร็นก็บอกว่า
“ลองอ้า~มดูสิ?”
ฉันจึงอ้าปากออก
พอกัดคาเนเล่ที่ถูกยื่นมาจ่อที่ริมฝีปากเข้าไปคำหนึ่ง ก็รู้สึกว่ามันอร่อยกว่าตอนที่ชิมเมื่อวานอย่างน่าประหลาด
“อ๊ะ อร่อยดีเหมือนกันนะคะเนี่ย……”
“ใช่ไหมล่ะ? เอาล่ะ พอได้เติมน้ำตาลชั้นยอดเข้าไปแล้ว สมองก็น่าจะแล่นดีแล้วล่ะ มีความต้องการเรื่องบ้านแบบไหนบ้างไหม? ส่วนฉันน่ะ……”
พวกเราทานคาเนเล่ไปพลาง พูดคุยกันเรื่องเงื่อนไขที่ต่างฝ่ายต่างยอมไม่ได้ หรือขอบเขตที่พอจะประนีประนอมกันได้ไปเรื่อยๆ
เพราะเป็นเรื่องสำคัญก็เลยมีบ้างที่ความเห็นขัดแย้งกัน แต่มันก็เป็นช่วงเวลาที่แม้กระทั่งเรื่องนั้นก็ยังรู้สึกว่าสนุกสนานได้
“……อืม ก็ประมาณนี้สินะ ตั้งแต่พรุ่งนี้ไป พวกเรามาช่วยกันหากันเถอะนะ พอเจอหลังที่ดีๆ แล้ว ก็ย้ายไปอยู่ด้วยกันทันทีเลย”
“ค่ะ! หวังว่าจะเจอเร็วๆ จังเลยนะคะ…… อดใจรอ ไม่ไหวแล้วค่ะ!”
ความตื่นเต้นมันหยุดไม่อยู่เลย
อยากจะไปอยู่กับเร็น เดี๋ยวนี้เลยด้วยซ้ำ
“แต่พอคิดถึงเรื่องงานแล้ว…… ตามความเป็นจริงแล้ว ก็น่าจะเป็นประมาณเดือนเมษายนไม่ใช่เหรอ? เพราะช่วงนี้น่าจะเป็นช่วงที่นักเรียนนักศึกษาที่เริ่มชีวิตใหม่กำลังหาบ้านกันอยู่ บริษัทอสังหาก็คงจะเป็นช่วงที่งานยุ่งที่สุดด้วยสินะ เอาเถอะ ก็ตั้งใจว่าจะหาบ้านที่กว้างกว่าบ้านที่นักเรียนนักศึกษาหาอยู่แล้ว คงไม่จำเป็นต้องรีบร้อนขนาดนั้นก็ได้มั้ง”
ตรงกันข้ามกับฉันที่กำลังฝันหวานเคลิบเคลิ้มอยู่นั้น เร็นกลับกำลังพูดเรื่องที่เป็นจริงเป็นจังอย่างยิ่ง
……อ๊ะ หรือว่าคนที่กำลังดี๊ด๊าอยู่ มีแค่ฉันคนเดียวเหรอ?
“……เร็นน่ะ ไม่อยากจะรีบไปอยู่ด้วยกันเหรอคะ?”
“ทำไมถึงทำหน้าหงอยแบบนั้นกันเล่า อยากจะไปอยู่ด้วยกันอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? ……เรื่องที่ฉันไม่เก่งเรื่องอดทนน่ะ ชิโนะเองก็รู้ดีอยู่แล้วแท้ๆ”
พูดจบ เร็นก็ทิ้งตัวลงนอนแผ่บนเตียง
ต่อสีหน้าที่ยั่วยวนชวนให้ใจสั่นนั้น ฉันก็เผลอจ้องมองไปโดยไม่อาจละสายตาได้เลย
“ซื้อเตียงใหม่กันด้วยนะ ถ้าจะอยู่ด้วยกันแล้วล่ะก็ ห้องนอนต้องอยู่ห้องเดียวกันแน่นอนอยู่แล้วนี่นา”
“……ค่ะ ไว้ค่อยไปเลือกอันที่ใหญ่กว่านี้หน่อยด้วยกันนะคะ”
ราวกับถูกดึงดูดเข้าไป ฉันก็ทิ้งตัวลงนอนข้างๆ เร็น
เร็นพลิกกายหันมา ทำให้พวกเราอยู่ในท่าที่หันหน้าเข้าหากัน
“เตียงแคบๆ ก็ไม่ได้เกลียดหรอกนะ แต่ว่า ถ้าต้องนอนทุกวันล่ะก็เนี่ยสิ”
“พวกเรา จะอยู่ด้วยกันตลอดไปเลยใช่ไหมคะ?”
“อา ใช่สิ พอแก่ตัวไปแล้วถ้านอนเตียงถูกๆ แคบๆ ล่ะก็ ร่างกายคงจะรับไม่ไหวหรอกนะ”
“คิกคิก…… นั่นสินะคะ ไม่อยากจะปวดเมื่อยไปทั่วร่างนี่เนอะคะ”
ในอนาคตที่เร็นวาดภาพไว้นั้น การที่มีฉันอยู่ด้วยอย่างเป็นปกติธรรมดานั้น ทำให้ฉันดีใจ
พอเห็นฉันที่กำลังหัวเราะคิกคักพลางจินตนาการถึงภาพที่พวกเราใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน เร็นก็ยกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“แต่ว่านะ ถ้าอยู่ด้วยกันทุกวันล่ะก็ เซ็กซ์ก็อาจจะไม่ใช่เรื่องพิเศษอีกต่อไปก็ได้นะ หรืออาจจะกลายเป็นคู่ที่ไม่มีเซ็กซ์กันไปเลย?”
นั่น เป็นถ้อยคำที่ไม่อาจจะทำเป็นหูทวนลมได้เลย
“มะ ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อยค่ะ! ถ้าเร็นโอเคละก็ จะทำทุกวันเลยค่ะ!”
ต่อฉันที่ปฏิเสธอย่างแข็งขันในทันทีนั้น เร็นก็ดูประหลาดใจ
……เอ๊ะ?
หรือว่าฉันแสดงท่าทีจริงจังเกินไปจนเธอรับไม่ได้……?
“ไม่น่า ทุกวันน่ะไม่ไหวหรอกน่า……”
“……อ๊ะ เอ่อคือว่า เมื่อกี้นี้มันเป็นแค่สำนวนน่ะค่ะ ประมาณว่า—……”
รู้สึกเหมือนกำลังถูกตำหนิเรื่องความต้องการทางเพศอันรุนแรงเหมือนเด็กวัยรุ่นทั้งๆ ที่อายุเท่านี้แล้ว พอเริ่มจะรู้สึกอายขึ้นมาเล็กน้อย เร็นก็หัวเราะออกมาเสียงดัง
“รู้อยู่แล้วน่า แค่แกล้งหยอกเฉยๆ”
“มะ โธ่! อย่าล้อกันสิค้า!”
มือของฉันที่ทุบลงไปแถวๆ หน้าอกของเร็นผู้ดูสนุกสนานอยู่นั้น ก็ถูกนิ้วของเร็นเกี่ยวรวบไว้
“แต่ว่า ถ้าเป็นตอนนี้ล่ะก็”
ใบหน้าของเร็นขยับเข้ามาใกล้ จนฉันเผลอกลั้นหายใจไปโดยไม่รู้ตัว
“……ถ้าเป็นตอนนี้?”
ขณะที่ยังคงจ้องมองใบหน้าอันงดงามได้รูปนั้นไม่วางตา
“……หลับ ตาลงสิ”
ณ ระยะห่างที่สัมผัสได้ถึงลมหายใจ เร็นก็กระซิบออกมา
“ไม่หลับหรอกค่ะ…… เพราะว่าวันนี้ อยากจะมองดูเร็นไปตลอดเลยนี่นา”
ทั้งภาพของเร็นในวันนี้ซึ่งกลายเป็นวันครบรอบ ทั้งน้ำเสียง ทั้งสัมผัสจากผิวกาย เพื่อที่จะไม่ลืมเลือนไปชั่วชีวิต ก็อยากจะประทับมันไว้ ในดวงตาคู่นี้ ในหูคู่นี้ ในปลายนิ้วนี้
ต่อฉันที่กำลังถ่ายทอดความปรารถนาอันเอาแต่ใจเช่นนั้น เร็นก็—มอบจุมพิตอันเชื่องช้าและสงบนิ่งให้
ทั้งกิริยาท่าทางนั้น ทั้งความงดงามของใบหน้านั้น เป็นจุมพิตที่ทำให้คิดว่าอยากจะจดจำไว้ชั่วนิรันดร์
“……เป็นไงบ้าง?”
มือของเร็นสางผมของฉันเบาๆ
“เหมือนกับ เจ้าชายเลยค่ะ”
“……ก็เพราะเป็นจูบแห่งคำสาบานนี่นา”
“แล้วก็…… หวานด้วยค่ะ”
“……ก็เพราะเพิ่งกินคาเนเล่ไปเมื่อกี้นี้นี่นา”
ขณะที่ริมฝีปากของเราสัมผัสกันอย่างอ่อนโยน หอมหวาน ราวกับจะหลอมละลาย พวกเราต่างก็จมดิ่งลงไปในกันและกัน
ฉันปรารถนาในตัวเร็น และเร็นก็ปรารถนาในตัวฉัน
พอฉันเริ่มปลดเปลื้องเสื้อผ้าของเร็นออก ไม่รู้ว่าเร็นเองก็กำลังใจร้อนอยู่ด้วยหรือเปล่า เธอถึงได้ช่วยถอดเสื้อผ้าของตัวเองออก
ท่าทางนั้นช่างดูวาบหวามเหลือเกินนะ ฉันคิดพลางที่สมองกำลังถูกย้อมไปด้วยสีชมพู
“ดะ เดี๋ยวก่อนค่ะ! ถุงเท้า น่ะ ยะ…… อย่าถอดนะคะ!”
ราวกับมีเสียงสวรรค์ดังก้องขึ้นในหัวของฉัน ทำให้ฉันนึกถึงสิ่งที่อยากจะลองทำมาตั้งนานแล้วขึ้นมาได้ ในจังหวะนี้พอดี
ตรงกันข้ามกับฉันที่กำลังตื่นเต้น เร็นกลับทำสีหน้าฉงนสนเท่ห์
“……ทำไมเหรอ?”
“อ๊ะ เอ่อคือว่า…… รูปถ่ายลามกๆ ที่เร็นเคยถ่ายเองแล้วส่งมาให้ครั้งก่อนน่ะค่ะ มันทำให้ใจเต้นแรงมากๆ เลย…… ทำให้ฉัน ตื่นเต้นมากๆ เลยนี่คะ……”
ความเงียบงันอันน่าอับอาย (สำหรับฉันคนเดียว) ก็โรยตัวลงมาระหว่างพวกเรา
ตอนนี้เร็น กำลังคิดอะไรอยู่กันแน่นะ……?
“……ดูเหมือนว่าฉันน่ะ จะเผลอไปปลุกรสนิยมทางเพศของอาจารย์ชิโนะจังเข้าให้แล้วสินะเนี่ย”
“อึ…… อือ……”
ถึงจะเป็นเรื่องที่พูดออกมาเองก็เถอะ แต่พอถูกย้ำออกมาเป็นคำพูดอีกครั้ง ใบหน้าก็ร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างรุนแรง
พอลองแตะแก้มดูก็พบว่ามันร้อนกว่าที่คิดไว้เสียอีก
“นั่นสินะ การที่ชิโนะกลายเป็นพวกโรคจิตขึ้นเรื่อยๆ น่ะ มันเป็นความผิดของฉันเองสินะ? เพราะฉะนั้น……”
เร็นก็จัดการถอดเสื้อผ้าของตัวเองออก ยกเว้นเพียงแค่ถุงเท้า
ขณะที่ฉันกำลังจ้องมองเรือนร่างอันขาวสะอาด งดงาม และเนียนละเอียดนั้นอย่างไม่อาจละสายตาได้ เร็นก็หน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อย แล้วพูดออกมาขณะที่ห่อหุ้มร่างกายด้วยผ้าปูที่นอน
“……จะขอ รับผิดชอบเอง”
──ไม่รู้ทำไมอีกแล้ว แต่ความรู้สึกที่ถาโถมเข้ามานี้ ไม่อาจจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้อย่างแน่นอน
เพราะฉะนั้น ทำลายเบรกทั้งหมดทิ้งไปเสีย
ฉันคิดถึงแต่เพียงเรื่องการได้สัมผัสเร็นเท่านั้น
ไม่ว่าจะมองจากการร่วมรักกันเพียงครั้งเดียวก็ตามที— ในการโลมเล้าเพียงครั้งเดียว ในจุมพิตเพียงครั้งเดียว ล้วนมีการสั่งสมประวัติศาสตร์ที่พวกเราใช้เวลาร่วมกันมาจนถึงบัดนี้อยู่
……ว่าไปนั่น การจะพยายามสรุปให้มันสวยหรูดูดีน่ะ มันก็เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วสินะคะ
ก็แค่ ฉัน กำลังทำในสิ่งที่อยากจะทำ กับเร็นในแบบที่ฉันอยากจะเห็น เท่านั้นเองนี่นา
“ระ เร็น……”
จูบที่ฉันมอบให้นั้น ไม่ได้เป็นจูบอันสูงส่งเหมือนกับที่เร็นเคยมอบให้เลย
ทั้งอดีตของเร็น ทั้งอนาคตของเร็น ก็อยากจะให้เป็นของฉันทั้งหมด
เพื่อจะทำให้เร็นเข้าใจในเรื่องนั้นด้วย มันจึงเป็นจูบที่ราวกับจะสลักลึกลงไป
เสียงที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ในยามที่อยู่คนเดียว กำลังดังสะท้อนอยู่ภายในห้อง
การที่ตื่นเต้นขึ้นมาได้เพียงแค่เพราะเสียงเท่านั้นเนี่ย ถ้าเร็นรู้เข้า คงจะโดนล้อว่า ‘ยัยโรคจิต’ อีกแน่ๆ เลย
แต่ก็น่าแปลกใจนัก
ทั้งๆ ที่กำลังตื่นเต้นอยู่แท้ๆ แต่ภายในใจกลับสงบนิ่งอย่างยิ่งยวด
“ชิโนะ……”
เพียงแค่น้ำเสียงที่เร็นใช้เรียกชื่อฉันเท่านั้น ก็รู้สึกได้ถึงความรู้สึกที่ทั่วทั้งร่างกำลังถูกเติมเต็ม
ความยินดีที่ความรู้สึกส่งผ่านถึงกันได้นี่ มันยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้เชียวหรือ
“ขอสัมผัสนะ”
นี่คงจะไม่ใช่ความหยิ่งผยองหรอกนะ
ตอนนี้ ความรู้สึกของเร็นกับของฉัน กำลังหันไปในทิศทางเดียวกันพอดีเป๊ะ
เช่นเดียวกับที่ฉันกำลังคิดว่าอยากจะสัมผัสเร็น เร็นก็จะต้องกำลังคิดว่าอยากจะให้ฉันสัมผัสอยู่เช่นกันเป็นแน่
เหตุผลที่ทำให้คิดเช่นนั้นได้ ก็มีอยู่
“อึ๊……”
เพียงแค่ปลดตะขอบราแล้วสัมผัสหน้าอกเบาๆ เท่านั้นแท้ๆ แต่ปฏิกิริยาของเร็นกลับไวต่อสัมผัสอย่างยิ่งยวด
“น่ารักจัง”
พลางกระซิบข้างใบหู ฉันก็ไล้ปลายนิ้วไปตามเรือนร่างของเร็น
เพียงแค่นั้น หน้าท้องของเร็นก็กระตุกเกร็งขึ้นมาอย่างแรง
ฉันไล้ริมฝีปากไปตามหน้าท้องนั้น— แล้วลองถามดูเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง
“ขะ ขอถามเพื่อความแน่ใจหน่อยนะคะ แต่ว่า รอยจูบน่ะ…… ไม่ได้แล้วใช่ไหมคะ?”
ถึงจะคิดว่าถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะทำรอยอยู่ก็เถอะ……
“……ขอโทษนะ…… วันนี้คงจะยากหน่อย”
ต่อเร็นที่เอ่ยขอโทษออกมาอย่างรู้สึกผิดพลางจัดลมหายใจให้เป็นปกตินั้น ฉันก็รู้สึกผิดอย่างยิ่งยวดขึ้นมา
“นั่ นั่นสินะคะ ทางฉันเองก็ต้องขอโทษเหมือนกันนะ ที่พูดจาเอาแต่ใจออกไป”
พอคิดถึงความยุ่งของเร็นในช่วงหลังๆ มานี้แล้วก็แน่นอนว่า ถึงจะคาดการณ์ไว้อยู่แล้วว่าคงจะยากก็ตามที แต่กลับเผลอทำให้เธอต้องเอ่ยคำว่า ‘ขอโทษ’ ออกมาจนได้
‘ในช่วงที่ตารางถ่ายงานของ REN แน่นเอี๊ยดนั้น จะไม่ทำรอยจูบ’
นี่คือหนึ่งในกฎที่เกิดขึ้นมาระหว่างพวกเราหลังจากเข้าสู่วัยทำงานแล้ว
หากจะเริ่มต้นใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันหลังจากนี้ไปแล้วล่ะก็ กฎเกณฑ์ทำนองนี้ก็คงจะต้องมาช่วยกันคิดและเพิ่มเข้าไปอีกสินะ
“นี่ เร็น ถ้าจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันแล้วล่ะก็ ต้องคิดเรื่องกฎกันด้วยนะคะ”
“อ๊ะ……? ดะ เดี๋ยวนี้……?”
“ค่ะ เหมือนกับตอนเรื่องรอยจูบไงคะ ฉันไม่อยากจะสร้างความลำบากให้เร็นอีกแล้วนี่นา”
ทั้งๆ ที่ฉันตั้งใจจะพูดในสิ่งที่สมเหตุสมผลอย่างยิ่งแท้ๆ แต่เร็นกลับดูสับสนงุนงงอยู่เล็กน้อย
“……อืม ก็ได้อยู่หรอกนะ แต่ว่า…… ใส่เสื้อผ้าดีกว่าไหม?”
……บางที เธออาจจะกำลังกังวลว่าเรื่องอย่างว่ามันจะจบลงกลางคันหรือเปล่านะ?
น่ารักจังเลยน้า เร็น
ไม่เป็นไรหรอกน่า ฉันน่ะยังไม่มีความคิดที่จะจบลงเลยแม้แต่น้อยนะ
“อื๊อ อยู่แบบนั้นแหละค่ะ…… ผ้าม่านสีอะไรดีคะ?”
ถึงจะถามคำถามเร็นไปพลางก็จริง แต่ปลายนิ้วที่กำลังลูบไล้อยู่นั้นก็ไม่ได้หยุดลงเลย
“เอ๊ะ?…… อ๊ะ! อื้ม สีพื้นๆ ดีไหม นะ…… อ๊ะ บะ แบบเรียบๆ อย่างสีขาว หรือสีงาช้าง…… ดีล่ะมั้ง?”
“เรื่องงานบ้าน แบ่งเวรกันทำดีไหมน้า? วันหยุดของฉันน่ะ อยากจะทำทั้งอาหารทั้งซักผ้าทั้งหมดเลยก็จริง แต่เร็นคิดว่ายังไงเหรอคะ?”
“ยะ ยังไง…… อื๊อ! ฉะ ฉันก็จะ ทำงานบ้านด้วย……! ค ค่อย อึ่ก ปรึกษาแล้วตัดสินใจกัน…… นะ!?”
เสียงของเร็นมีลมหายใจหอบกระเส่าปนออกมา
ทุกครั้งที่ได้รับคำตอบอันตะกุกตะกักนั้น หัวใจของฉันก็พองโตขึ้น
ทั้งการพูดคุยเรื่องราวหลังจากที่ได้อยู่ด้วยกัน ทั้งการมองดูเร็นที่กำลังรู้สึกดีด้วยปลายนิ้วของฉัน ทั้งสองอย่างต่างก็ทำให้ฉันรู้สึกปั่นป่วนจนแทบทนไม่ไหว
แต่ทว่า ไม่รู้ว่าเร็นไม่พอใจหรืออย่างไร ถึงได้เงยหน้าขึ้นมองค้อนฉันด้วยดวงตาที่คลอหน่วย
“ตะ ตั้งแต่เมื่อกี๊แล้วนะ ทำอะไรน่ะ…… ตั้งใจอยู่กับฉันหน่อยสิ……!”
“ก็ตั้งใจอยู่นี่นา? แต่ว่า ก็คิดว่าการพูดคุยเรื่องหลังจากนี้มันก็สำคัญเหมือนกันนี่นา”
“เป็นพวกซาดิสม์ หรือว่าเป็นพวกบื้อกันแน่นะ อึ่ก มะ ไม่เข้าใจเลยจริงๆ……!”
พอได้เห็นท่าทางของเร็นที่กำลังประท้วงอะไรบางอย่างพลางหลับตาแน่นเพื่ออดกลั้นเอาไว้นั้น…… ก็เกิดความคิดขึ้นมาว่าอยากจะทำให้เธอรู้สึกดีจนสมองขาวโพลนไปหมดสักครั้งจริงๆ
“ขอโทษนะ เร็น ต่อจากนี้ไป จะตั้งใจแค่เรื่องทำให้เร็นรู้สึกดีเพียงอย่างเดียวแล้วนะ”
“อ๊ะ ดะ เดี๋ยวก่อน ชิโนะ……!”
“ไม่เป็นไรน่า ฉันอยู่ที่นี่แล้วนะ”
ฉันตั้งสมาธิไปที่น้ำเสียงและระดับการบีบรัดของเร็นพลาง— นำทางแฟนสาวสุดน่ารักของฉันต่อไป
มือของเร็นที่โอบรอบแผ่นหลังฉันอยู่นั้น ถูกใส่แรงลงไปอย่างหนักหน่วงเป็นพิเศษ
และแล้ว──เรี่ยวแรงก็หมดไปจากร่างของเร็น
ทั้งๆ ที่เมื่อครู่ยังเป็นเจ้าชายผู้เปล่งประกายอยู่แท้ๆ แต่กลับกลายเป็นเด็กสาวที่น่ารักถึงเพียงนี้ได้ด้วยมือของฉันเชียวหรือนี่
เพราะอยากจะถ่ายทอดความรู้สึกที่เอ่อล้นออกมานี้ให้หมดสิ้นโดยไม่เหลือส่วนใดไว้เลย ฉันจึงจุมพิตลงบนแก้มที่แดงก่ำของเร็นซึ่งกำลังหอบหายใจทางไหล่อยู่ ก่อนจะสบตาแล้วเอ่ยบอกออกไป
“ฉันก็ ชอบมากๆ เลยนะ เร็น”
“……อื้ม”
“อย่างว่าแหละนะ เรื่องที่จะกลายเป็นคู่รักที่ไม่มีเซ็กซ์กันน่ะ เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ อย่างน้อยที่สุด สำหรับฉันแล้ว ไม่เคยมีความคิดที่ว่าไม่อยากจะทำเลยแม้แต่ครั้งเดียวค่ะ”
คิดว่าวันที่ฉันจะรู้สึกเบื่อหรือเอือมระอาน่ะ คงจะไม่มีวันมาถึงไปตลอดชีวิต
ถึงขนาดที่สาบานต่อพระเจ้าได้เลย…… แต่ว่า ถ้าโดนสาบานเรื่องแบบนี้ใส่ พระเจ้าเองก็คงจะลำบากใจเหมือนกันสินะคะ?
เร็นถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วใช้แขนโอบรอบคอของฉัน
“……ถ้าชิโนะโอเค ก็ได้อยู่หรอกนะ แต่ว่า”
“ได้เหรอคะ!? งั้น ขออีกครั้ง……”
“เดี๋ยวๆ ไม่ได้หมายความแบบนั้นสักหน่อยน่า…… ตอนนี้น่ะ อยากจะพักผ่อน สักหน่อย น่ะนะ”
“คราวนี้จะตั้งใจอยู่กับเร็นตั้งแต่ต้นจนจบเลยนะคะ…… ไม่ได้เหรอคะ?”
ฉันลองขอร้องออกไปจากใจจริง ก็ดูเหมือนว่าเร็นกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่
“……ไม่ได้ จริงๆ เหรอคะ?”
“ดา—! โธ่เอ๊ย! อย่ามองด้วยสายตาแบบนั้นสิ! เข้าใจแล้วน่า! ไว้ทีหลังนะ!”
ถึงแม้ตอนนี้จะยังยากอยู่ แต่การที่ได้รับคำยืนยันว่าถ้าเป็นทีหลังล่ะก็โอเค ก็คงจะแสดงออกมาทางสีหน้าของฉันอีกแล้วสินะ จนโดนเร็นหัวเราะฝืดๆ ใส่ว่า
“ดูดีใจสุดๆ ไปเลยนะ?”
◇
ขณะที่จ้องมองเร็นซึ่งอยู่ในสภาพเกือบจะเปลือยเปล่ากำลังทยอยสวมเสื้อผ้าไปเรื่อยๆ อยู่นั้น
“……อย่ามาจ้องมองกันขนาดนั้นสิ มันใส่ลำบากนะรู้ไหม”
“ก็แหม…… รู้สึกเสียดายนี่นา……”
“จะให้เปลือยอยู่ตลอดมันก็คงจะเกินไปหน่อยล่ะนะ เดี๋ยวความรู้สึกขอบคุณมันจะหายไปหมดหรอกน่า”
เธอคงตั้งใจจะพูดเล่นๆ กระมัง แต่ฉันกลับเอียงคอสงสัย
“งั้นเหรอคะ? ถ้าเป็นร่างกายของเร็นล่ะก็ ต่อให้มองไปตลอดกาลก็ยังได้แท้ๆ……”
แต่ว่า วันนี้มีของอีกอย่างหนึ่งที่จะต้องมอบให้เธออยู่ ก็เลยอาจจะเป็นจังหวะที่ดีก็ได้นะ
ต่อเร็นที่สวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ฉันก็ยื่นถุงกระดาษอีกใบที่เตรียมไว้ต่างหากจากคาเนเล่ส่งให้
“เอ่อ นี่ค่ะ…… ถึงจะช้าไปหน่อยก็เถอะนะคะ ของขวัญวันเกิด ค่ะ”
ถึงแม้ปกติแล้วเร็นจะเป็นคนที่เข้าใจอะไรได้เร็วก็จริง แต่เมื่อกี้นี้คงจะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะเหนือความคาดหมายกระมัง
เธอเบิกตากลมโตขึ้นปริบๆ แล้วรับถุงกระดาษนั้นไปอย่างงุนงง
“……เอ๊ะ? ให้ฉัน?”
“แน่นอนอยู่แล้วค่ะ”
“……เปิดดูได้ไหม?”
“อื้อ อื้ม ถึงจะไม่รู้ว่าจะชอบหรือเปล่าก็เถอะนะคะ แต่ว่า……”
หากมองจากมุมของเร็นผู้ซึ่งสัมผัสกับกระแสแฟชั่นที่ล้ำสมัยที่สุดอยู่เสมอล่ะก็ ก็อาจจะคิดว่ามันดูเชยก็ได้
แต่ทว่า เพราะมันเป็นของขวัญที่ฉันเลือกมา โดยคิดถึงแต่เพียงเรื่องของเร็น คิดว่ามันน่าจะเหมาะกับเร็น และอยากจะให้เร็นได้สวมใส่มัน…… ถ้าเป็นไปได้ ก็อยากจะให้เธอชอบจังนะ
ฉันเฝ้ามองดูเร็นที่กำลังหยิบของข้างในถุงกระดาษออกมาเงียบๆ
และแล้ว…… ดวงตาของเร็นที่เห็นกล่องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ใบนั้น ก็พลันเบิกกว้างขึ้น
“นี่มัน……”
“อ๊ะ ลองเปิดดูสิคะ?”
ดูเหมือนว่าเร็นจะเดาได้แล้วว่าของขวัญข้างในคืออะไร
เร็นค่อยๆ เปิดกล่องใบเล็กนั้นออกอย่างระมัดระวัง…… ราวกับจะยืนยันสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า เธอเอ่ยออกมาอย่างประณีต
“……แหวนนี่นา”
“ค่ะ…… ด้วยคำอธิษฐานที่ว่า ขอให้เราได้อยู่ด้วยกันเสมอไป”
เป็นแหวนทองคำเรียบๆ ที่มีมิติในตัว และมีความกว้างพอสมควรสำหรับแหวนผู้หญิง
ถึงจะเป็นของแบรนด์ดังและราคาก็สูงพอตัวก็จริง แต่ในฐานะคนทำงานแล้ว ตรงนี้ฉันก็ทุ่มสุดตัวเลยนะ
เพราะคิดว่าหากเร็นจะสวมใส่มันอยู่เสมอล่ะก็ มันก็ไม่ได้แพงเกินไปเลยแม้แต่น้อย
“ปะ เป็นยังไงบ้างคะ……?”
พอฉันเฝ้ามองท่าทีของเร็นอย่างประหม่า สายตาของเร็นที่กำลังจ้องมองแหวนอยู่นิ่งๆ ก็หันมาทางฉัน— แล้วมอบรอยยิ้มที่ฉันรักยิ่งนักให้
“……แต๊งกิ้วนะ! ดีใจสุดๆ ไปเลย! จะใส่ไว้ตลอดเลย!”
“ดะ ดีจังเลยค่ะ……!”
แต่ฉันก็โล่งอกอยู่ได้เพียงแค่ชั่วครู่เท่านั้น
ถึงแม้เร็นจะดูเหมือนดีใจจากใจจริงก็จริง แต่เธอก็ได้แต่เพียงจ้องมองแหวนวงนั้นอย่างรักใคร่ ไม่ยอมสวมลงบนนิ้วเสียที
ฉันที่เริ่มจะรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา ก็ลองถามออกไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“ระ เร็น…… เอ่อ…… พูดตามตรงนะคะ? ……ที่จริงแล้ว ไม่ชอบ…… เหรอคะ?”
“เห? ……อา ไม่ใช่ๆ! ขอโทษที ทำให้ไม่สบายใจซะแล้วสินะ ไม่รู้สิ ก็แค่กำลังคิดว่า…… เรื่องแบบนี้มันก็มีด้วยสิน้า— กำลังซาบซึ้งอยู่ น่ะนะ”
เพราะไม่เข้าใจความหมายในคำพูดของเร็นดีนัก ฉันจึงได้แต่เอียงคอสงสัย
“ไม่สิ อย่างฉันเองก็เถอะนะ เกือบจะเชื่อเรื่องพรหมลิขิตขึ้นมาเลยจริงๆ การที่เมื่อก่อนเคยโดนชิโนะบอกว่า ‘มีมุมที่โรแมนติกอยู่’ น่ะ ก็เหมือนจะเริ่มเข้าใจแล้วล่ะนะ”
ต่อเร็นที่ดูอารมณ์ดีอย่างประหลาดนั้น ฉันก็ได้แต่เพียงปล่อยให้เครื่องหมายคำถามลอยอยู่เต็มหัวเท่านั้น
“ขะ ขอโทษนะคะ เร็น หมายความว่ายังไงเหรอคะ……?”
ต่อฉันที่ถามออกไปตรงๆ นั้น เร็นก็เผยฟันขาวพลางบอกว่า
“รอแป๊บนะ”
แล้วหยิบถุงกระดาษใบเล็กออกมาจากตู้เสื้อผ้า
ถุงช้อปปิ้งใบนั้น— เป็นของแบรนด์เดียวกับของขวัญที่ฉันเพิ่งจะมอบให้เร็นไปเมื่อกี้นี้เอง
“……เอ๊ะ? ……เอ๋~~~~!?”
เร็นที่มองฉันซึ่งกำลังตกใจทำอะไรไม่ถูกพลางหัวเราะอย่างสนุกสนานนั้น ก็ขยับมานั่งลงข้างๆ อีกครั้ง แล้ววางถุงใบนั้นลงบนตักของฉัน
“ถึงจะโดนชิงตัดหน้าไปก็เถอะนะ แต่จากฉันก็มีของขวัญให้เหมือนกัน ลองเปิดดูสิ”
“……ค่ะ”
ถึงจะพอจะเดาได้อยู่แล้วว่าข้างในคืออะไรก็เถอะนะ แต่หัวใจก็ยังเต้นแรงจนมือสั่นไปเล็กน้อย
พอลองเปิดกล่องแข็งใบเล็กนั้นออกดู ‘ผัวะ’ ก็พบแหวนยี่ห้อเดียวกับวงที่ฉันให้เป็นของขวัญเร็น แต่เป็นดีไซน์ที่แตกต่างกัน วางอยู่ข้างใน
“ก็เคยบอกไปแล้วนี่นา ว่าชิโนะน่ะน่าจะเหมาะกับดีไซน์เพรียวๆ น่ะ? ถึงจะเป็นรสนิยมของฉันก็เถอะนะ แต่ไม่มีทางที่ฉันจะเลือกแหวนที่ไม่เหมาะกับชิโนะหรอกน่า วางใจแล้วก็สวมมันเถอะนะ”
สิ่งที่เร็นเลือกมาให้ฉันนั้น คือแหวนพิงค์โกลด์เส้นบางที่ประดับด้วยเพชรเม็ดเล็กๆ เรียงราย เป็นแหวนที่งดงามจนเกินกว่าที่ฉันจะคู่ควร
“……เร็น~……! ขอบคุณนะ จะดูแลอย่างดีเลยค่ะ……!”
ขณะที่กำลังกล่าวขอบคุณนั้น น้ำตาก็ค่อยๆ เอ่อล้นหยดลงมาไม่ขาดสาย
พอเกิดปาฏิหาริย์เช่นนี้ขึ้นมาแล้ว มีหรือที่น้ำตาและความรู้สึกนี้ จะไม่เอ่อล้นทะลักออกมาได้
“เฮ้ๆ อย่าร้องไห้สิ”
“ก็แหม—…… แต่มันไม่ใช่น้ำตาแห่งความเศร้านี่นา เพราะดีใจ เพราะมีความสุข เพราะเป็นน้ำตาอันอบอุ่นที่ทำให้หัวใจพองโต ก็เลยไม่เป็นไรหรอกค่ะ……!”
“นั่นสินะคะ…… ชิโนะ หันมาทางนี้หน่อยค่ะ”
พอฉันเงยหน้าขึ้นมองเร็น เร็นก็ใช้ปลายแขนเสื้อเช็ดหางตาที่เปียกชื้นของฉันให้อย่างแผ่วเบา
และแล้วก็ทั้งอย่างนั้น ยื่นมือซ้ายออกมาตรงหน้าฉัน
“แหวนน่ะ… ช่วยสวมให้ฉันหน่อยสิ”
“……ค่ะ”
ฉันค่อยๆ ประคองมือของเร็นไว้ แล้วนำแหวนวงที่เลือกมาเพราะคิดว่าจะต้องเหมาะกับเธอนั้น— สวมลงบนนิ้วนางที่คุ้นเคย ซึ่งฉันเคยทั้งจับจูงและสอดประสานมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน
แน่นอนว่า นิ้วที่เลือกก็คือนิ้วนาง
วงแหวนที่ส่องประกายเจิดจรัส ทำให้หัวใจของฉันและเร็นเต้นระรัว
พวกเราสบตากันแล้วแย้มยิ้มออกมา
“นี่ ชิโนะ”
“มีอะไรเหรอคะ?”
“ฉันน่ะ ต่อจากนี้ไป ก็จะเป็นของชิโนะตลอดไปเลยนะ”
การที่สามารถพูดเรื่องแบบนี้ออกมาได้อย่างสบายๆ นี่แหละคือ จุดที่ร้ายกาจของเร็นล่ะ
ฉันน่ะ หน้าแดงก่ำไปหมดแล้ว ได้แต่เพียงพยายามสุดกำลังที่จะปลอบประโลมหัวใจที่เอาแต่เต้นแรงให้เร็นจนแทบจะระเบิดออกมาเท่านั้น
“ชิโนะเองก็ เอ้านี่”
“อื้อ อื้ม”
พอถูกเร็นกระตุ้น ฉันก็ยื่นมือซ้ายออกไปทั้งที่ใจยังเต้นไม่สงบ ด้วยมืออันอ่อนช้อยของเร็น แหวนพิงค์โกลด์ก็ถูกสวมลงบนนิ้วนางของฉันเช่นกัน
ถึงแม้ตอนที่เปิดกล่องจะประทับใจก็จริง แต่ความรู้สึกในตอนที่มันถูกสวมลงบนนิ้วของตัวเองด้วยมือของคนที่รักนั้น มัน…… ไม่อาจจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้เลยจริงๆ
สิ่งเดียวที่แน่นอนก็คือ ฉันจะต้องไม่มีวันลืมเลือนวันนี้ไปตลอดชีวิต อย่างแน่นอน
ถึงแม้หลังจากนี้อาจจะมีความไม่เข้าใจกันเกิดขึ้นบ้างก็ตามที แต่ทั้งจังหวะเวลาที่คิดเรื่องการอยู่ด้วยกัน ทั้งเรื่องแหวน หากเป็นพวกเราที่มีค่านิยมเดียวกันในเรื่องสำคัญๆ แล้วล่ะก็ ก็กลายเป็นความมั่นใจอันยิ่งใหญ่ ว่าอนาคตหลังจากนี้จะต้องไม่เป็นไรแน่นอน
หากรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาเมื่อใด ก็แค่ลองตรวจสอบแหวนที่นิ้วนางดู
หากมีเรื่องกลัดกลุ้มใจเมื่อใด ก็แค่ลองพูดคุยกับคนสำคัญที่อยู่ข้างกายดู
พวกเราหลังจากนี้ไป สามารถทำเช่นนั้นได้แล้ว
เพราะคำสัญญาเช่นนั้น คำสาบานนั้น— พวกเราเพิ่งจะแลกเปลี่ยนกันไป เมื่อกี้นี้เอง
“……นี่ เร็น ขอถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ?”
“อะไรเหรอ?”
“ตอนนี้ ก็ยังไม่สบายใจอยู่เหรอคะ?”
ความรู้สึกขุ่นมัวที่ราวกับจะถาโถมเข้ามา ที่ฉันแบกรับเอาไว้อย่างคลุมเครือมาตลอด
ฉันคิดว่าเร็นเองก็คงจะแบกรับความกังวลคล้ายๆ กันกับฉันอยู่เป็นแน่
เพราะฉะนั้น ถึงได้ลองถามออกไป
หากความรู้สึกนี้ที่กำลังเอ่อล้นอยู่ภายในใจฉันตอนนี้ เป็นเช่นเดียวกับของเร็นแล้วล่ะก็…… ก็คงจะอดที่จะถามออกไปไม่ได้
เร็นหัวเราะออกมา แล้วใช้มือไล้ไปตามนิ้วนางข้างซ้ายของฉัน
“ก็มีความสุขที่สุดในโลกอยู่นี่นา จะเป็นอะไรไป?”
“ฉันเองก็เหมือนกันค่ะ”
พวกเราที่ขยับใบหน้าเข้าหากันโดยไม่ได้นัดหมาย ก็ค่อยๆ ประทับริมฝีปากสัมผัสกัน ราวกับจะยืนยันถึงไออุ่นของกันและกัน การมีอยู่ของกันและกัน และอนาคตของกันและกัน
ฉันจ้องมองใบหน้าของเร็น
ใบหน้าอันงดงามได้รูปที่มองเมื่อไหร่ก็ดูดีนั้นฉันก็ชอบมากอยู่แล้วก็จริง…… แต่ใบหน้าที่บิดเบี้ยวเพราะกำลังรู้สึกดีด้วยมือของฉันนั้น ฉันก็รักเช่นกัน
พอฉันพยายามจะสอดมือเข้าไปในเสื้อผ้าของเร็น
“……จะ ‘ทำ’ เหรอ?”
ฉันก็ถูกเร็นสั่งห้ามไว้ชั่วคราวอีกครั้ง
“ก็เมื่อกี๊ บอกแล้วนี่คะว่าถ้าเป็นทีหลังล่ะก็ ได้……?”
“อุตส่าห์ใส่เสื้อผ้าแล้วแท้ๆ”
“……ถ้างั้น เดี๋ยวถอดให้นะคะ แล้วก็ พอเสร็จแล้ว เดี๋ยวใส่ให้ด้วยค่ะ”
“อยากจะกอดฉันขนาดนั้นเลยเหรอ…… ยัย โรคจิตเอ๊ย”
ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ เร็นก็กำลังหัวเราะคิกคักอยู่
“……เป็นโรคจิตก็ได้ค่ะ…… เรื่องที่ลามกน่ะ มันก็เรื่องจริงนี่นา”
“ฮะฮะ รู้ตัวดีนี่นา เอาเถอะ แต่ว่า……”
ฉันที่ถูกใช้แขนโอบรอบคอแล้วดึงเข้าไปใกล้ ก็ถูกเร็นกระซิบข้างหูว่า
“เรื่องลามกน่ะ ฉันเองก็เหมือนกัน เพราะฉะนั้น…… ช่วยมอบความรักให้ฉันดีๆ กี่ครั้งก็ได้เลยนะ”
พอโดนเธอเอ่ยถ้อยคำพิฆาตใจฉันแล้วสอดลิ้นเข้ามาแล้ว ในหัวของฉันก็เต็มไปด้วยความรู้สึกที่มีต่อเร็นและความปรารถนาของตัวเอง จนเหตุผลทั้งมวลปลิวกระเด็นหายไปหมดสิ้น
“เร็น”
ชื่อของคนรักของฉัน ผู้เป็นที่รักของทุกคนและแสนเท่
“เร็น”
ชื่อของคนรักผู้น่ารัก ที่กำลังหอบหายใจอยู่ในอ้อมแขนของฉัน
ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า
ราวกับเป็นเด็กน้อยที่จดจำคำศัพท์ได้เพียงไม่กี่คำ มีเพียงแค่ชื่อของคนอันเป็นที่รัก และถ้อยคำแห่งรักเท่านั้น ที่ฉันเอ่ยซ้ำไปซ้ำมานับครั้งไม่ถ้วน
“อ๊ะ ชะ ชิโนะ……!”
ไม่รู้ว่าเธอรู้สึกตัวอยู่ หรือเป็นไปโดยไม่รู้ตัวกันแน่ ระหว่างนั้น เร็นก็เอาแต่จะสัมผัสมือซ้ายของฉัน— หรือจะพูดให้ถูกคือ ที่นิ้วนางซึ่งสวมแหวนอยู่นั่นเอง
เพราะฉะนั้น ฉันจึงเคลื่อนไหวโดยพยายามสอดประสานมือกับเร็นไว้พลางโอบกอดเธอไปด้วย
และฉันเองก็เช่นกัน ทุกครั้งที่ได้เห็นแหวนซึ่งส่องประกายอยู่บนนิ้วนางข้างซ้ายของเร็น หรือได้สัมผัสมัน ก็จะรู้สึกตื่นเต้นเร้าใจขึ้นมา
“ชอบนะ”
“ชอบนะ”
“ชอบนะ”
“ชอบนะ”
“รักนะ”
พวกเราต่างก็ถ่ายทอดความรู้สึกให้แก่กันมากมาย จนกระทั่งเสียงแทบจะแหบแห้งไป
ลงบนวงแหวนซึ่งมีไว้เพื่ออวยพรให้กับอนาคตของฉันและเร็นหลังจากนี้ ด้วยการใส่คำอธิษฐานลงไป
──ต่อจากนี้ไป ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ขอให้ได้อยู่เคียงข้างเร็นด้วยเถิด
หากเริ่มต้นใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันแล้ว แต่ละวันที่มีเร็นอยู่ วันคืนที่สามารถมองเห็นใบหน้าของเร็นได้ ก็จะกลายเป็นความจริงขึ้นมา
ถึงแม้คงจะไม่ได้มีแต่เรื่องสนุกสนานอย่างเดียวก็เถอะนะ
คงจะมีเรื่องที่ต้องทะเลาะกันบ้างก็เถอะนะ แต่ฉันคิดว่าถ้าเป็นพวกเราสองคนแล้วล่ะก็ ต้องไม่เป็นไรอย่างแน่นอน
เหตุผลน่ะเหรอ?
……อืม—…… ถึงจะไม่มีอะไรที่พูดได้อย่างชัดเจนก็เถอะนะ
ฉันรักเร็นมากๆ เธอคือคนสำคัญ คือคนที่มีค่าสำหรับฉัน
หากเร็นเองก็รู้สึกเช่นเดียวกันกับฉันแล้วล่ะก็ ปัจจัยที่จะทำให้พวกเราต้องแยกจากกันก็คงจะไม่มีแล้วไม่ใช่หรือไงนะ…… ฉันคิดเช่นนั้น
การที่ฉันผู้ซึ่งไม่เคยมีความมั่นใจในตัวเองเลยสักครั้ง กลับสามารถคิดขึ้นมาได้ว่าคงจะไม่เป็นไรโดยไม่มีเหตุผลแน่ชัดนั้น ฉันคิดว่ามันค่อนข้างจะมีความน่าเชื่อถืออยู่ไม่น้อยเลยนะ
เพราะฉะนั้น ไม่เป็นไรแล้วสินะคะ?
วันนี้ ต่อให้จะดีใจจนลืมตัวไปบ้าง ก็คงไม่เป็นไรแล้วสินะคะ?
Chapters
Comments
- ตอนที่ 5.2 ปัจฉิมลิขิต มิถุนายน 25, 2025
- ตอนที่ 5.1 บทส่งท้าย มิถุนายน 25, 2025
- ตอนที่ 5 “เพราะว่าวันนี้ อยากจะมองเธอไปตลอดเลย” มิถุนายน 25, 2025
- ตอนที่ 4 “ทำให้เจ็บกว่านี้อีกสิ” มิถุนายน 25, 2025
- ตอนที่ 3.1 คั่นฉาก: ประกาศิตห้ามรอยจูบ มิถุนายน 25, 2025
- ตอนที่ 3 “ถ้าจูบกันเยอะๆ จะหายหนาวหรือเปล่านะ” มิถุนายน 25, 2025
- ตอนที่ 2 ชุดเดรสยับหมดแล้วนะ?” มิถุนายน 25, 2025
- ตอนที่ 1 “ถ้างั้น ฉัน… ไม่ต้องอดทนแล้วสินะ?” มิถุนายน 25, 2025
MANGA DISCUSSION