ตอนที่ 4 “ทำให้เจ็บกว่านี้อีกสิ”
ตอนกลางคืน อยากจะมองหน้าชิโนะก่อนแล้วค่อยหลับ
ยิ่งงานยุ่งวุ่นวายมากขึ้นเท่าไหร่ ความปรารถนาของฉันก็ยิ่งเพิ่มทวีขึ้นเรื่อยๆ
โลกภายนอกอยู่ในเดือนที่เรียกว่า ‘ชิวาสุ’ (เดือน 12) ทั้งผู้คนและเมืองต่างก็ใช้ชีวิตในแต่ละวันด้วยความเร็วที่มากเกินไป
ท่ามกลางการใช้ชีวิตที่ค่อยๆ สึกกร่อนลงไป ทั้งความกังวลว่าอาจจะสูญเสียสิ่งสำคัญไป ทั้งความเหงา…… ในค่ำคืนที่หัวใจแทบจะถูกทำร้ายโดยอสุรกายที่มองไม่เห็น ฉันก็ถูกจู่โจมเข้าหลายครั้ง
แต่ทว่า หากเพียงแค่ได้รู้สึกถึงการมีอยู่ของชิโนะในตอนที่กลับถึงบ้านล่ะก็ ฉันคิดว่าเพียงแค่นั้น ฉันก็จะสามารถพยายามทำทุกสิ่งทุกอย่างได้แล้ว
‘คะ ครั้งต่อไป จะได้เจอกันเมื่อไหร่กันนะ……?’
เสียงที่ฟังดูเปลี่ยวเหงาของชิโนะซึ่งดังมาจากสมาร์ตโฟนที่แนบหูอยู่นั้น ทำให้ฉันรู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจ
“……ยัง ไม่รู้น่ะสิ เดี๋ยวพอตารางงานแน่นอนแล้วจะติดต่อกลับไปอีกทีนะ”
หากงานที่กำหนดไว้คร่าวๆ ในตอนนี้ ถูกตัดสินใจอย่างเป็นทางการแล้วล่ะก็ อย่างน้อยก็คงจะไม่ได้เจอกันไปอีกสองสัปดาห์
แต่การจะตัดสินใจนัดวันเดทโดยตั้งอยู่บนสมมติฐานว่าอาจจะถูกยกเลิกนั้น มันเป็นการไร้ความรับผิดชอบทั้งต่อชิโนะและต่องาน ฉันจึงทำไม่ได้
‘งั้นเหรอคะ…… เข้าใจแล้วค่ะ ฉันจะปรับตามเร็นเอง ไม่ต้องใส่ใจก็ได้นะคะ? ถ้าได้เจอแม้เพียงแค่แป๊บเดียวล่ะก็ เมื่อไหร่ก็ไม่เป็นไรเลยค่ะ’
ช่วงหลังๆ มานี้ งานของฉันมันยุ่งจนหัวหมุนไปหมดจริงๆ
เพราะอยากจะคุยแบบเห็นหน้ากันให้มากที่สุด พวกเราจึงพยายามปรับตารางเวลาเพื่อทานอาหารเย็นด้วยกัน แม้จะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ก็ตามที
แต่เพราะบางทีงานของฉันก็เริ่มตอนเย็น หรือมีถ่ายทำที่ต่างจังหวัดบ้าง การจะทำเช่นนั้นก็ยังคงเป็นเรื่องยากติดต่อกันมาหลายวัน
ต่อชิโนะที่มีวันหยุดเสาร์อาทิตย์และวันนักขัตฤกษ์แน่นอนนั้น ฉันก็รู้สึกขอโทษขึ้นมา
เพราะไม่ว่าจะยังไง มันก็กลายเป็นว่าฉันเอาแต่ทำให้เธอต้องวุ่นวายตามตารางเวลาของฉันอยู่ร่ำไป
“……ขอโทษนะ ที่เป็นแบบนี้เสมอเลย”
‘อื๊อ การที่เร็นพยายามในฐานะนางแบบน่ะ ฉันดีใจนะ’
ถึงแม้น้ำเสียงนั้นจะฟังดูสดใสร่าเริงก็จริง
ไม่ว่าจะคบกันมานานสักกี่ปี ไม่ว่าจะเคยผ่านค่ำคืนที่มอบความรักให้แก่กันจนแทบจะหลอมละลายมากี่ครั้งก็ตามที การที่จะทำความเข้าใจหัวใจของผู้อื่นได้ร้อยเปอร์เซ็นต์นั้นเป็นไปไม่ได้
แม้แต่ฉันที่เพิ่งจะมีชีวิตอยู่มาเพียงยี่สิบสองปีก็ยังเข้าใจเรื่องนั้นได้เป็นอย่างดี
เพราะอย่างนั้น เพื่อที่จะได้รับรู้ความรู้สึกของชิโนะให้ได้มากที่สุดแม้เพียงเล็กน้อย อย่างน้อยที่สุดก็อยากจะเจอหน้าแล้วพูดคุยกันตรงๆ แท้ๆ
แต่แม้กระทั่งเรื่องนั้นก็ยังไม่เป็นจริง ช่างน่าหงุดหงิดใจเสียจริง
……ไม่สิ ถึงจะทำเป็นพูดจาดูดีก็เถอะนะ
อันที่จริงแล้ว ฉันก็แค่ อยากจะเห็นหน้าชิโนะเท่านั้นแหละ
แค่อยากจะเจอชิโนะเท่านั้นเอง
“นี่ก็ดึกแล้ว เข้านอนกันดีไหมนะ คราวหน้ามาวิดีโอคอลกันเถอะนะ”
ว่าแต่ ทำไมถึงเพิ่งจะมานึกออกกันนะ
วันนี้ก็น่าจะวิดีโอคอลกันตั้งแต่แรกก็ดีแล้วแท้ๆ
การที่สมองไม่ทำงานเอาเสียเลยนี่ อย่างว่าแหละนะ คงจะเหนื่อยมากจริงๆ
‘อ๊ะ อื้ม! ……อะ เอ่อ นี่เร็น มีเรื่องอยากจะขอร้องอย่างหนึ่งน่ะค่ะ พอจะได้ไหมคะ……?’
“มีอะไรเหรอ?”
‘เอ๊ะ เอ่อคือว่านะคะ ถ้าเร็นโอเคก็พอค่ะ คือว่า……’
ถึงแม้ชิโนะจะดูเหมือนพูดออกมาลำบากอยู่บ้างก็ตามที แต่พอฉันกระตุ้นไปว่า “อะไรเล่า ลองว่ามาสิ?” เธอก็ดูเหมือนจะตัดสินใจแน่วแน่แล้ว
‘อยากจะให้เร็นช่วยส่งรูปเซลฟี่มาให้หน่อยน่ะค่ะ ทะ… ถ้าเป็นไปได้ ขอแบบ ลามกๆ หน่อยนะคะ……’
“……หา?”
……ขอกลับคำพูดเมื่อกี้เลย
โชคดีที่ไม่ใช่วิดีโอคอล
ก็จริงอยู่ที่ว่าอยากจะเห็นหน้าชิโนะอยู่หรอกนะ แต่การที่จะต้องถูกเห็นใบหน้าที่กำลังหวั่นไหวซึ่งคงจะแดงก่ำไปหมดแล้วน่ะ มันค่อนข้างจะน่าอายเหมือนกันนี่นา……
‘มะ…… ไม่ได้ เหรอคะ……?’
ไม่มีเหตุผลที่จะต้องปฏิเสธคำขอของชิโนะเลย
ชิโนะที่อยากจะได้รูปของฉันน่ะน่ารักจะตายไป แถมอะไรที่ทำให้ยัยนั่นดีใจ ฉันก็อยากจะทำให้ทั้งนั้นแหละ
“……เข้าใจแล้วน่า เดี๋ยวพอวางสายนี้แล้วจะส่งไปให้ รอแป๊บนะ”
‘อ๊ะ ขอบคุณนะคะ!’
“แต่มีข้อแลกเปลี่ยนนะ ส่งรูปของชิโนะมาด้วยล่ะ”
‘ขะ เข้าใจแล้วค่ะ จะพยายามให้เร็นพอใจนะคะ……!’
“โอ้ว จะตั้งตารอเลย งั้น…… ฝันดีนะ ชิโนะ”
‘ฝันดีค่ะ เร็น’
หลังจากวางสายไปแล้ว ฉันก็พยายามสูดหายใจลึกๆ เพื่อสงบสติอารมณ์
ทั้งๆ ที่เป็นเวลาที่ใกล้จะเปลี่ยนวันอยู่แล้วแท้ๆ กลับมีตัวฉันที่ตื่นเต้นจนตาสว่างอยู่ตรงนี้
ชิโนะเนี่ย…… ปกติแล้วทั้งเรียบร้อย ทั้งขี้กลัวจะตายไป แต่บางทีก็กล้าบ้าบิ่นขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อเลยนะ
ไม่สิ พูดแบบนี้อาจจะเข้าใจผิดได้แฮะ…… เพราะถ้าเป็นเรื่องเซ็กซ์แล้ว โดยพื้นฐานยัยนั่นน่ะ เป็นฝ่ายรุกเต็มตัวเลยนี่นา……
เอาเถอะ ช่างมันแล้วกัน
เอาล่ะ แล้วจะส่งรูปแบบไหนไปให้ชิโนะจังสุดลามกที่ชอบเรื่องลามกเป็นชีวิตจิตใจดีนะ
ฉันนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง กอดอกแล้วครุ่นคิด
อันที่จริงแล้ว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่โดนขออะไรแบบนี้มา
เคยมีประสบการณ์มาแล้วหลายครั้ง ว่าไปแล้ว… อย่างเช่นการ ‘ทำ’ ไปพลางวิดีโอคอลไปพลาง เรื่องที่มันเร่าร้อนกว่านี้ก็ยังเคยทำกันมาแล้วเลย
ถึงการที่ไม่สามารถสัมผัสกันได้จริงๆ มันจะทำให้รู้สึกว่ายังขาดอะไรไปก็เถอะ แต่แบบนั้นมันก็… ไม่เลวเท่าไหร่เหมือนกันนะ
……นอกเรื่องไปซะแล้วสิ
การที่ต้องมานั่งครุ่นคิดอย่างจริงจังทุกครั้งที่เจอเรื่องแบบนี้น่ะ ไม่ใช่แค่ว่าอยากจะให้ชิโนะตื่นเต้นเท่านั้น แต่มันคือความตั้งใจเพียงอย่างเดียวที่ว่าอยากจะให้ชิโนะดีใจต่างหาก
ก่อนอื่น ปลดกระดุมชุดนอนออกไว้ก่อนดีไหมนะ
แต่ว่า ก็ใส่เสื้อตัวในอยู่นี่นา ไม่เห็นจะลามกตรงไหนเลย
ถอดแค่ข้างใน แล้วเอาชุดนอนคลุมไว้…… เร่งเครื่องทำความร้อนดีไหมนะ
ส่วนข้างล่างล่ะ…… เอาไงดี ถอดออกดีกว่าไหม?
แต่ถ้าเหลือแค่กางเกงในมันก็หนาวเกินไปนี่นา
ถุงเท้าสำหรับใส่ในห้องก็ใส่ไว้แบบนี้แหละดีแล้วมั้ง
งั้น ถ่ายล่ะนะ
……เปิดให้เห็นหน้าอกอีกหน่อยดีกว่าไหมนะ
เสียงชัตเตอร์ของกล้องดังสะท้อนไปทั่วห้อง
……อื้ม
ก็ไม่เลวนี่นา?
เอาล่ะ ส่งไปดีกว่า
จะมีปฏิกิริยาแบบไหนตอบกลับมานะ ฉันรออยู่หน้าสมาร์ตโฟนด้วยใจที่เต้นระรัวอยู่ครู่หนึ่ง ข้อความตอบกลับจากชิโนะก็ถูกส่งมา
‘เร็น สุดยอดเลยค่ะ’
‘ลามกเกินไป คืนนี้นอนไม่หลับแน่เลยค่ะ’
‘คราวหน้ามาเดทกันที่บ้านนะคะ’
ถึงจะน่าเสียดายที่ไม่ได้เห็นปฏิกิริยาของชิโนะโดยตรงเพราะเป็นการส่งข้อความก็เถอะ แต่ประโยคสั้นๆ ที่ส่งมารัวๆ นี้น่ะ ก็ดูเหมือนจะถ่ายทอดความตื่นเต้นและการสูญเสียความสงบนิ่งของชิโนะออกมาได้เป็นอย่างดี
ฉันก็เผลอยิ้มออกมาจนแก้มปริ
‘นี่เตรียมใจรับเต็มที่เลยสินะ ไม่ว่าอะไรหรอกนะ’
‘แล้วรูปของชิโนะล่ะ?’
‘อยากได้แบบไหนเหรอคะ……?’
เอ๊ะ?
ไม่จริงน่า มีรับรีเควสต์ด้วยเรอะ!?
‘งั้น ขอดูหน้าอกหน่อยสิ’
……พอเปลี่ยนความปรารถนาให้เป็นตัวอักษรแล้ว ช่างดูทื่อๆ และดูโง่เง่าอะไรเช่นนี้หนอ
เอาเถอะ ช่างมันแล้วกัน
ยัยนั่นก็รู้อยู่แล้วนี่นา ว่าฉันชอบหน้าอกของชิโนะน่ะ
และ หลายนาทีต่อมา
ฉันที่ได้เห็นรูปของชิโนะซึ่งถูกส่งมานั้น ก็ได้แต่ดิ้นทุรนทุรายไปมาบนเตียงทั้งที่ยังถือสมาร์ตโฟนอยู่ในมือ
ชิโนะส่งรูปถ่ายเรียบๆ ที่เปิดเปลือยช่วงอกให้เห็นอย่างชัดเจนมาให้
ไม่สิ เดี๋ยวนะ สุดยอดเกินไปแล้ว……!
ทั้งความรู้สึกวาบหวิวที่เหมือนจะเห็นแต่ก็ไม่เห็น รวมไปถึงสีหน้าที่ดูเขินอายนั้นด้วย องค์ประกอบภาพที่ดึงเอาวัตถุดิบชั้นเลิศอย่างชิโนะออกมาได้อย่างเต็มที่นั้น ทำให้ฉันรู้สึกทึ่งไปเลย
แย่แล้ว
อาจจะตายเพราะความรู้สึกสูงส่งนี่ก็ได้
ฉันตื่นเต้นโวยวายอยู่คนเดียวด้วยอารมณ์คึกคักยามดึก หลังจากชื่นชมมันอยู่พักใหญ่ ก็คิดว่าถ้าไม่รีบนอนล่ะแย่แน่ จึงหลับตาลงบนเตียง
……แต่ภาพใบหน้าของชิโนะกับรูปเมื่อครู่ก็ผุดขึ้นมาในความคิด ไม่ยอมจางหายไปไหน
ทั้งความเหงา ทั้งความไม่สมปรารถนา ทำให้รู้สึกว่าจะข่มตาหลับลงได้ยังไงกัน?
หวังว่าชิโนะที่ได้เห็นรูปของฉัน ก็คงจะกำลังนอนกระสับกระส่ายกระวนกระวายใจเหมือนกันนะ
ฉันกอดความปรารถนาอันเอาแต่ใจนั้นไว้ พลางเตรียมใจรับค่ำคืนอันยาวนาน
◆
ตอนที่ไปเดทกันที่บ้านชิโนะเมื่อเดือนตุลาคม เพื่อจะทำให้ยัยนั่น ‘เกิดอารมณ์’ ขึ้นมา ฉันก็เคยลองพูดออกไปว่า “ฉันน่ะไม่ทนหรอกนะ” ก็จริง
……อืม ก็ เอาเรื่องตอนมีเซ็กซ์ไว้ทีหลังก็แล้วกันนะ
แต่หากมองจากสถานะที่ใช้ชีวิตในฐานะคนทำงานตามปกติแล้ว มันก็มีส่วนที่ยังไงก็ต้องอดทนอยู่มากจริงๆ นั่นแหละ
──แล้ว สรุปสุดท้ายแล้ว สิ่งที่ฉันอยากจะพูดก็คือว่าอะไรกันนะ
“ไม่นะ REN! ขอบตาคล้ำ! เป็นขอบตาคล้ำเลยนี่นา!”
คุณมาจิมะที่ใช้มือจับใบหน้าของฉันไว้ ก็ร้องเสียงดังออกมาอย่างเกินจริง
“ก็นะคะ…… มันช่วยไม่ได้นี่นา? เมื่อวานกว่าจะถ่ายเสร็จก็ดึกดื่น วันนี้ก็เริ่มงานตั้งแต่สิบโมงเช้า…… มันก็ต้องมีทั้งขอบตาคล้ำ ทั้งผิวหยาบกร้านเป็นธรรมดาอยู่แล้วสิคะ”
หนึ่งสัปดาห์แล้ว หลังจากที่ได้คุยโทรศัพท์กับชิโนะคราวนั้น
ทั้งตารางงานที่เร่งรีบช่วงปลายปี ทั้งโอกาสที่ต้องไปปรากฏตัวในงานเลี้ยงส่งท้ายปีเก่าของลูกค้าก็เพิ่มมากขึ้น เวลาส่วนตัวของฉันก็แทบจะหมดไปโดยสิ้นเชิง
ทั้งๆ ที่โลกภายนอกกำลังอยู่ในช่วงเทศกาลคริสต์มาสเต็มตัวแท้ๆ แต่ฉันที่เอาแต่ฝืนยิ้มทั้งที่ขนลุกซู่ขณะสวมเสื้อผ้าฤดูร้อนนั้น ก็เริ่มจะไม่รู้แล้วว่าวันนี้คือวันที่เท่าไหร่เดือนอะไร
ผลจากการที่งานซึ่งกำหนดไว้คร่าวๆ กลายเป็นตารางงานที่แน่นอนไปแล้วนั้น ทำให้โอกาสที่จะได้เจอชิโนะต้องหายไปพักใหญ่เลย
รู้สึกว่าเรื่องนั้นมันยิ่งเพิ่มความเหนื่อยล้าให้ฉันเป็นร้อยเท่าเลยทีเดียว
“ความยุ่งของพวกเด็กที่ดังกว่านี้น่ะ ไม่ใช่แค่นี้หรอกนะจะบอกให้?”
คำพูดของคุณมาจิมะไม่ใช่สิ่งที่จะมาช่วยกระตุ้นฉันหรอก
มันเป็นเพียงแค่ความจริงเท่านั้น
พลังชีวิตอันล้นเหลือของเหล่านางแบบระดับแนวหน้านั้น เป็นสิ่งที่ต้องเอาเป็นแบบอย่าง
“……ทราบอยู่แล้วค่ะ”
“เอ้าๆ รีบชาร์จพลัง ‘ชิโนะจังพาวเวอร์’ ระหว่างทำผมแต่งหน้าซะสิ อ๊ะ คุณคาเนดะคะ เรื่องขอบตาคล้ำของ REN น่ะค่ะ~”
ขณะที่ฟังเสียงคุณมาจิมะคุยอยู่กับคุณคาเนดะ ช่างแต่งหน้าทำผม ฉันก็เปิดรูปของชิโนะในสมาร์ตโฟนดู
ชิโนะที่กำลังยิ้มอยู่ในสมาร์ตโฟน วันนี้ก็น่ารักเหมือนเคย
ทั้งๆ ที่น่ารักขนาดนี้…… อา—…… ทำไมกันนะ……!
“การที่ไม่ได้เจอแฟนสาวสุดน่ารักขนาดนี้นี่ มันทรมานกันชัดๆ!”
ปกติแล้วรูปของชิโนะจะช่วยเพิ่มแรงจูงใจให้ก็จริง แต่สำหรับฉันในวันนี้กลับให้ผลตรงกันข้าม
……ค่ำคืนนั้น เมื่อวันก่อน
นับตั้งแต่วันที่พวกเราแลกเปลี่ยนรูปถ่ายลามกกันวันนั้น ฉันก็รู้สึกเหมือนว่ามีหลายสิ่งหลายอย่างข้างในมันใกล้จะระเบิดออกมาเต็มทีแล้ว
ไม่รู้เลยว่าอะไรจะเป็นชนวนให้มันจุดติดขึ้นมาเมื่อไหร่
ตัวฉันที่ไม่เข้าใจตัวเองนี่น่ากลัวชะมัด
ขณะที่กำลังถอนหายใจเฮือกใหญ่อยู่นั้น คุณมาจิมะก็ตบไหล่ฉันเบาๆ
“อ้าว วันนี้ดูเหมือนจะชาร์จพลังไม่ได้สินะจ๊ะเนี่ย”
“ไม่อยากจะฟังคำเทศน์เท่าไหร่เลยน้า—”
“ไม่ได้จะเทศนาอะไรสักหน่อยน่า คนหนุ่มสาวน่ะ ต้องปล่อยให้ความรักปั่นหัวเล่นเยอะๆ สิ”
“นั่นก็ฟังดูเหมือนคนแก่ไปหน่อยหรือเปล่าคะ?”
ฉันโดนคุณมาจิมะสับสันมือลงมาเบาๆ คุณคาเนดะก็หัวเราะคิกคัก
ถือเป็นส่วนหนึ่งของการหยอกล้อเล่นกันตามปกติ อันเป็นผลมาจากความสนิทสนมรู้ใจกัน
“เพียงแต่ว่า สิ่งที่ฉันอยากจะพูดน่ะมีแค่อย่างเดียว REN เข้าใจดีอยู่แล้วใช่ไหมจ๊ะ?”
“อา ใช่ ไม่ว่าเรื่องส่วนตัวจะย่ำแย่สักแค่ไหนก็ตาม พอถูกกล้องหันเข้ามา ก็ต้องกลายเป็นมืออาชีพ…… ใช่ไหมล่ะ?”
“เห็นไหมล่ะว่าเข้าใจนี่นา”
คุณมาจิมะที่มายืนอยู่ด้านหลังฉัน ก็ช่วยนวดไหล่ให้
“ถึง REN จะไม่ได้จัดว่าสูงเท่าไหร่ในฐานะนางแบบก็จริง แต่ตัวตนของเธอน่ะอยู่ในระดับแนวหน้าเลยนะ วันนี้ก็ไปทำงานด้วยความมั่นใจเข้าล่ะ”
ฉันถูกกล่าวด้วยถ้อยคำที่คุณมาจิมะมักจะใช้บ่อยๆ เวลาที่ประเมินฉัน
“ทราบแล้วค่ะ จะทำให้ดีที่สุดค่ะ วางใจรอดูได้เลยค่ะ”
ถึงจะไม่ต้องบอก ฉันก็แยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกจากกันอย่างชัดเจนอยู่แล้ว
……หรือจะพูดให้ถูกคือ กลายเป็นคนที่รู้จักแยกแยะแล้วต่างหาก
ตัวอย่างเช่น การคิดถึงเรื่องของวันถัดไปแล้วแยกย้ายกันเร็วหน่อย
หรือการไม่ทำรอยจูบเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่องานถ่ายทำครั้งต่อไป อะไรแบบนั้น
สิ่งเหล่านั้นคือสิ่งที่ฉันค่อยๆ เรียนรู้หลังจากเข้าสู่สังคมวัยทำงาน จนกลายเป็น ‘มารยาท’ หรือ ‘เรื่องปกติ’ ที่ติดตัวมา
และยังเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าฉันเติบโตขึ้นมาพร้อมกับชิโนะอีกด้วย
……ว่าไปนั่น เผลอทำเป็นเก่งไปหน่อยแล้วสินะ
แต่ฉันที่สะท้อนอยู่ในกระจกบานใหญ่ตรงหน้านั้น ก็ดันมีขอบตาคล้ำขนาดที่ต้องใช้คอนซีลเลอร์กับรองพื้นกลบไว้เสียมิดนี่นา
แปลว่ายังคงห่างไกลจากคำว่าสมบูรณ์แบบสินะ
“แต่ว่า วันอังคารหน้าเป็นวันหยุดที่รอคอยมานานแล้วนี่นา? ถึงจะเป็นวันธรรมดา แต่จะได้เจอชิโนะจังไหมจ๊ะ?”
คำพูดของคุณมาจิมะ ทำให้ฉันเผลอยิ้มกริ่มออกมาโดยไม่รู้ตัว
“อา ใช่ค่ะ แค่ตอนกลางคืนน่ะนะ ทั้งฉันทั้งชิโนะต่างก็ตั้งตารอคอยกันอยู่ค่ะ”
“แค่ยอมหาเวลามาเจอก็ถือว่าเป็นแฟนที่ดีแล้วไม่ใช่เหรอจ๊ะ? คู่รักที่รู้จักเอาใจใส่ซึ่งกันและกันน่ะ คบกันได้ยืนยาวนะจะบอกให้”
“ฉันน่ะรู้สึกขอบคุณชิโนะอยู่เสมอเลยค่ะ เพราะเธอยอมปรับตัวตามฉันที่มีตารางงานไม่แน่นอน…… เอ๊ะ?”
คำว่าเอาใจใส่ซึ่งกันและกันน่ะ มันตัดสินจากมาตรฐานแบบไหนกันนะ?
ตัวอย่างเช่น ถ้ามองจากมุมมองส่วนตัวสุดๆ แล้วลองใช้ตาชั่งของฉัน ชั่งน้ำหนักความรู้สึกที่ชิโนะมีให้ฉัน กับความรู้สึกที่ฉันมีให้ชิโนะดูแล้วล่ะก็ ฝั่งของฉันก็อาจจะหนักกว่าก็ได้นะ
แต่หากพิจารณาจากสัดส่วนของการแสดงความเอาใจใส่ออกมาเป็นการกระทำจริงๆ แล้วล่ะก็…… ฝ่ายชิโนะที่คอยปรับตัวตามตารางงานของฉันเสมอนั้น ก็ดูเหมือนจะมากกว่านะ
“……อะไรกัน สีหน้าแบบนั้นน่ะ กำลังคิดว่าตัวเองเอาแต่พึ่งพาชิโนะจังอยู่ฝ่ายเดียวสินะ?”
“น หนวกหูน่า! ฉันเองก็เคยขี่มอเตอร์ไซค์ไปรับชิโนะถึงที่ทำงานเหมือนกันนะ!”
“เอ๋—? ถึงจู่ๆ จะมารับก็เถอะ ถ้าเป็นฉันล่ะก็คงจะลำบากใจน่าดูเลยนะ นั่นน่ะ ชิโนะจังเขาขอให้ทำเหรอ?”
“……ตั้งใจจะให้เป็นเซอร์ไพรส์น่ะสิ คิดว่าเธอคงจะดีใจ”
แต่เรื่องนั้นน่ะ ถ้าว่ากันตามจริงแล้ว ก็เป็นการกระทำที่ฉันทำไปเองฝ่ายเดียว เพราะแค่อยากจะเจอชิโนะให้เร็วขึ้นแม้เพียงวินาทีเดียว…… ชิโนะน่ะ แทนที่จะเรียกว่าดีใจ อาจจะตกใจมากกว่าก็ได้……?
“เห็นไหมล่ะว่าเอาแต่ใจตัวเองคนเดียวจริงๆ นี่นา”
“……จริงดิ……”
หรือว่า บางทีอาจจะเป็นการสร้างความรำคาญให้เธอกันนะ?
พอคิดได้ว่าไม่เคยนึกถึงความเป็นไปได้นั้นเลย ก็รู้สึกท้อแท้ขึ้นมา
“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ ล้อเล่นน่า ล้อเล่น”
“……ยักษ์หรือไงกันนะ ผู้จัดการที่ไหนกันที่มารังแกนางแบบก่อนถ่ายทำน่ะ…… มีอยู่ที่ไหนกัน……”
“ไม่ได้รังแกสักหน่อยน่า อีกอย่าง เอ้านี่ไง ถือเป็นการฝึกพิเศษไม่ให้เอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับงานไม่ใช่เหรอจ๊ะ? ถ้าเป็นชิโนะจังล่ะก็ ไม่ว่าจะโดนพูดอะไรใส่ ฉันว่าพอเสียงออดดังปุ๊บ เธอก็คงจะสวมบทบาท ‘คุณครู’ อย่างเต็มที่แน่ๆ เลยนะ?”
……ไม่น่าเผลอพูดเรื่องชิโนะออกไปเลยสินะ
กลายเป็นว่ามอบเชื้อไฟให้เธอเอามาใช้กระตุ้นฉันเพิ่มไปอีกเรื่องหนึ่งเสียได้
แต่ก็จริงอย่างที่คุณมาจิมะว่า ฉันคิดว่าชิโนะค่อนข้างจะแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกจากกันได้ดีนะ
ทั้งๆ ที่ชิโนะโดนนักเรียนเรียกว่า ‘อาจารย์ชิโนะจัง’ เสียด้วยซ้ำ แถมยังดูเหมือนจะสนิทสนมกันมากอีกต่างหาก ถึงได้บ่นอยู่บ่อยๆ ว่า ‘วันนี้ก็โดนแกล้งอีกแล้ว~’ หรือ ‘สง่าราศีของฉันคงจะไม่พอสินะ’ ก็ตามที
แต่จริงๆ แล้วก็แค่เป็นคนจริงจังและคิดมากเกินไปเท่านั้นแหละ
ทั้งสอนได้เข้าใจง่ายอย่างดีเยี่ยม ทั้งน่าจะคอยรับฟังและอยู่เคียงข้างนักเรียนเสมอ
ถ้าเป็นแค่คุณครูที่อายุน้อยแล้วก็น่ารักเท่านั้นล่ะก็ ก็คงจะไม่โด่งดังได้ถึงขนาดนั้นหรอก
การที่ชิโนะเป็นคุณครูที่โด่งดังมากๆ นั้น ฉันก็รู้สึกได้จริงๆ ตอนที่ไปโรงเรียนแล้วได้เห็นปฏิกิริยาของพวกนักเรียนกับตาตัวเองมาแล้ว
การที่ชิโนะเป็นที่นิยม มันไม่น่าจะเป็นเรื่องเสียหายแท้ๆ
แต่กลุ่มหมอกที่ก่อตัวขึ้นในใจตั้งแต่ตอนที่ไปพักโรงแรมนั้นก็ยังคงไม่จางหายไป ทั้งยังคอยก่อตัวหนาขึ้นเป็นระยะๆ และส่งผลกระทบต่อชีวิตของฉันเช่นนี้
ใช่แล้ว…… ถ้าเป็นชิโนะล่ะก็
คงจะไม่ได้คิดถึงเรื่องของฉันเลย และกำลังตั้งอกตั้งใจอยู่กับการสอนเป็นแน่
ทั้งๆ ที่คิดว่านั่นคือสิ่งที่ถูกต้องที่คนทำงานควรจะเป็นอยู่แล้วแท้ๆ…… แต่ฉันที่ทั้งเอาแต่ใจและเป็นเด็ก กลับไม่ชอบใจสิ่งนั้น
อยากจะให้ชิโนะคิดถึงแต่เรื่องของฉันคนเดียวเสมอ ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ ไม่ว่าในยามใดก็ตาม
……ไม่สิ นี่มันหนักหนาเกินไปแล้วนะ ฉันเนี่ย……
พอคิดว่าจะส่งข้อความหาชิโนะ ก็หยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมาถือไว้
“เร็น ถึงเวลาแล้ว ไปกันเถอะ”
“เอ๊ะ ถึงแล้วเหรอคะ? ……เข้าใจแล้วค่ะ”
ฉันวางสมาร์ตโฟนที่กำลังพิมพ์ข้อความค้างไว้ลง แล้วลุกขึ้นยืน
ความเครียดเล็กๆ จากจังหวะเวลาที่ไม่เป็นใจ
หวังว่ามันจะไม่กลายเป็นลางบอกเหตุถึงความห่างเหินกับชิโนะนะ ฉันก็ได้แต่ปักธง—ในสิ่งที่เรียกว่าแฟล็ก—ขึ้นมาด้วยตัวเองเสียแล้ว
◆
การนับนิ้วรอคอยวันเวลา ไม่คิดเลยว่าพออายุยี่สิบสองแล้ว จะมีวันที่ต้องมาทำเรื่องแบบนั้นจริงๆ
วันนี้ ฉันนัดเจอกับชิโนะไว้ที่หน้าร้านอาหาร
มีข้อความจากชิโนะส่งมาว่า ‘อีกประมาณสิบนาทีจะถึงนะ’
ฉันไม่ได้ขี่มอเตอร์ไซค์ไปรับเธอถึงโรงเรียน
ถึงจะน่าสมเพชก็เถอะนะ…… แต่คำพูดของคุณมาจิมะที่ว่า “ฉันคงจะลำบากใจน่าดูเลยนะ” มันยังคงติดอยู่ในใจ
ไม่อยากจะสร้างความรำคาญให้ชิโนะด้วยสิ……
……ไม่สิ ฉันคิดมากเกินไปแล้วน่า
ชิโนะ รีบมาเร็วๆ หน่อยสิ
ถึงจะไม่ได้เกลียดช่วงเวลาที่ต้องรอคอยแบบนี้ก็เถอะนะ แต่วันนี้การอยู่คนเดียวมันทำให้เผลอคิดเรื่องไม่เป็นเรื่องขึ้นมาได้ง่าย รู้สึกเหนื่อยใจพอสมควรเลย
และหลังจากรอเช่นนั้น เป็นเวลาสิบนาทีพอดีเป๊ะ
“ขะ ขอโทษนะ เร็น! ทำให้รอสินะคะ?”
ชิโนะหลังเลิกงานก็รีบวิ่งเหยาะๆ เข้ามาหา
……ไม่รู้ทำไม รู้สึกเหมือนว่ามีเพียงรอบกายชิโนะเท่านั้นที่ส่องประกาย ดูน่ารักอะไรขนาดนี้นะ?
พอได้เห็นหน้าแฟนสาวที่ไม่ได้เจอมานาน ความรู้สึกขุ่นมัวที่อยู่ในใจมาตลอดหลายวันนี้ ก็พลันลืมเลือนทุกสิ่งไปชั่วขณะ แก้มก็คลายลงเป็นรอยยิ้ม
“เปล่า ไม่ได้รอเลยสักนิดน่า”
“แต่ว่า แก้มของเร็นเย็นเฉียบเลยนะคะ”
มือขวาของชิโนะที่ถอดถุงมือออกแล้ว ก็สัมผัสลงบนแก้มของฉันเบาๆ
ใบหน้าและท่าทางที่เห็นในระยะใกล้นั้นทำให้ฉันเผลออยากจะจูบขึ้นมาก็จริง แต่ตรงนี้คนเยอะจะตายไป ต้องอดทนไว้ก่อนสิ
“ไม่เป็นไรน่า รีบเข้าไปข้างในกันเถอะ”
“ค่ะ!”
พอเปิดประตูแล้วก้าวเท้าเข้าไปพร้อมกันสองคน ทั้งอากาศอันอบอุ่นภายในร้าน ทั้งเสียงพูดคุยของเหล่าลูกค้า ก็ทำให้ฉันรู้สึกถึงความสุขขึ้นมา
“ยินดีต้อนรับค่ะ สองท่านหรือเปล่าคะ?”
“ครับ จองไว้ในชื่อชิรายูกิครับ”
“คุณชิรายูกิ…… ค่ะ ได้ตรวจสอบข้อมูลเรียบร้อยแล้วค่ะ เชิญทางนี้เลยค่ะ”
ถึงจะเป็นเรื่องเล็กน้อยก็เถอะนะ ทั้งการถูกเรียกว่า ‘สองท่าน’ ทั้งการที่ชิโนะถูกนำทางด้วยชื่อ ‘ชิรายูกิ’ ก็ล้วนเป็นเหตุผลที่ทำให้อารมณ์ของฉันดีขึ้นได้
ทั้งทำให้รู้สึกได้จริงๆ ว่าวันนี้คือการเดทกันสองต่อสอง ทั้งยังทำให้รู้สึกเหมือนได้แต่งงานเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วอย่างไรอย่างนั้น
พวกเรานั่งลงที่โต๊ะซึ่งพนักงานนำทางมาให้
หลังจากสั่งเครื่องดื่มแล้ว ฉันกับชิโนะที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก็ส่งยิ้มให้แก่กัน
“ร้านนี้ ไม่ได้มานานเลย ดีใจจังเลยนะคะ”
“ดูเหมือนว่าเมื่อไม่นานมานี้จะเพิ่งถูกนำไปออกรายการทีวีอะไรสักอย่างน่ะสิ เห็นว่าถ้าเป็นช่วงสุดสัปดาห์ล่ะก็ คิวจองจะเต็มไปไกลเลยนะ”
ที่นี่ถึงจะเป็นร้านอาหารฝรั่งเศสที่เหมือนเป็นแหล่งลับๆ ชานเมืองก็จริง แต่ก็มีการลองนำอาหารท้องถิ่นของญี่ปุ่นมาตีความใหม่ในรูปแบบอาหารฝรั่งเศสบ้างล่ะ เรียกได้ว่ามีความขี้เล่นอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
มีเชฟผู้มีรสนิยมเป็นคนทำอาหารอยู่
แค่มองดูอาหารก็เพลินแล้ว
และเหนือสิ่งอื่นใด ทุกอย่างอร่อยหมดเลย
พวกเราค่อนข้างจะชอบร้านนี้กันมาก และแวะเวียนมาบ่อยครั้งตั้งแต่สมัยเรียน
“ครั้งก่อนที่มานี่ประมาณฤดูใบไม้ผลิหรือเปล่านะ?”
“ใช่แล้วค่ะ เอ่อคือว่านะ ซุปโปตาจประจำฤดูกาลอร่อยมากเลยค่ะ”
“อา— อันที่ใส่ผักป่าสินะ จำได้แม่นจังนะ”
“ค่ะ แม้แต่เรื่องที่คุยกันตอนไปปิกนิกกับเร็นว่า ‘หญ้านี่กินได้หรือเปล่านะ?’ ก็ด้วย จำได้หมดเลยค่ะ”
ชิโนะที่แย้มยิ้มออกมานั้นช่างน่ารัก จนถ้าหากที่นี่เป็นบ้านล่ะก็ ฉันคงจะผลักเธอล้มลงไปเดี๋ยวนี้แล้ว
บางครั้งการเดทในตอนนั้นกับอาหารของร้านก็เชื่อมโยงถึงกันได้
เรียกได้ว่าเป็นร้านที่ไม่อาจตัดขาดได้เลยในการพูดถึงความทรงจำระหว่างฉันกับชิโนะสินะ
“ทะ ที่ฉันตะกละตะกลามไปหน่อยรึเปล่าคะ……?”
“ไม่ได้คิดสักหน่อยน่า แต่คิดว่าน่ารักดีนะ”
ชิโนะหน้าแดงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
ต่อคำพูดที่บอกไปแล้วนับพันครั้ง การที่ยังคงแสดงปฏิกิริยาใสซื่อบริสุทธิ์แบบนี้ออกมาได้น่ะ มันน่ารักสุดๆ ไปเลย
พลางดื่มเครื่องดื่มที่ถูกนำมาเสิร์ฟ ฉันก็อารมณ์ดีสุดๆ ไปแล้ว
ขณะที่กำลังพูดคุยสัพเพเหระไปเรื่อยเปื่อยอยู่นั้น ก็มีเสียงของใครบางคนดังทักขึ้นมา
“อ้าว? อาจารย์ชิโนะจัง?”
เป็นน้ำเสียงที่สงบนิ่งและไพเราะ
ชิโนะหันไปมองทางต้นเสียง
และพอได้เห็นใบหน้านั้นพลันสว่างสดใสขึ้นมา…… ความรู้สึกกระวนกระวายใจ หรืออาจจะเป็นความรู้สึกหึงหวง ก็พลันแล่นปราดไปทั่วในใจฉันในทันที
ก่อนที่สมองจะทันได้คิด ฉันก็เงยหน้าขึ้นเพื่อยืนยันตัวตนของผู้หญิงที่ทำให้ชิโนะแสดงสีหน้าเช่นนั้นออกมา
คนที่เข้ามาทักชิโนะนั้น— เป็นคนสวยรูปร่างบอบบางคนหนึ่ง
“อาจารย์คุมะ! ทะ ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะคะ?”
──คนคนนี้นี่เองสินะ ‘อาจารย์คุมะ’ ที่ชิโนะพูดถึงบ่อยๆ
เรื่องราวต่างๆ ที่ชิโนะเคยเล่าให้ฟังจนถึงตอนนี้ กับข้อมูลของผู้หญิงตรงหน้าเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน
ทั้งสวย ทั้งแต่งตัวเก่ง ทั้งใจดี…… ถ้าจำไม่ผิด เป็นคุณครูรุ่นพี่ในที่ทำงาน ที่ชิโนะเคารพรักมากๆ เลยสินะ
“ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้งั้นเหรอ? อะฮะฮะ จะมีเหตุผลอื่นนอกเหนือจากมากินข้าวได้ยังไงกันล่ะจ๊ะ”
“ขะ ขอประทานโทษค่ะ! นั่ นั่นสินะคะ!”
ฉันจงใจเฝ้ามองบทสนทนาของทั้งสองคนราวกับกำลังสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิด
ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าที่ถึงแม้จะคอยตบมุกกับคำพูดซื่อๆ ของชิโนะ แต่ก็ไม่ได้ฟังดูประชดประชันเลย
ชิโนะเองก็ไม่มีท่าทีหวาดกลัวหรือเกรงอกเกรงใจแต่อย่างใด
“ร้านนี้น่ะ เมื่อก่อนอาจารย์ชิโนะจังเคยแนะนำไว้ไม่ใช่เหรอจ๊ะ ว่า ‘เป็นร้านที่ดีมากเลยนะคะ’ น่ะ? ก็เลยคิดไว้ว่าจะต้องมาให้ได้สักวันหนึ่ง วันนี้ก็เลยรีบเคลียร์งานให้เสร็จแล้วมาเพลิดเพลินตั้งแต่หัวค่ำเลยล่ะจ้ะ อาจารย์ชิโนะจังเพิ่งจะมากันเหรอ?”
“คะ ค่ะ พอดีคาดว่างานน่าจะเสร็จช้า ก็เลยจองไว้รอบดึกหน่อยน่ะค่ะ ถ้าฉันสามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วเหมือนอาจารย์คุมะได้ก็คงจะดีนะคะ แต่ว่า……”
ราวกับถูกมือเปล่าลูบไล้ลงบนหัวใจ ความรู้สึกอันแสนไม่พึงประสงค์ก็จู่โจมเข้ามา
ร้านนี้ที่ชอบมาตั้งแต่สมัยเรียน…… สถานที่แห่งความทรงจำของฉันกับชิโนะแห่งนี้ กลับรู้สึกเหมือนถูกบุกรุกเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาตเสียอย่างนั้น
คนคนนี้ไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร
แน่นอนว่า ชิโนะเองก็เช่นกัน
เพียงแต่ฉันรู้สึกไม่สบอารมณ์ไปเองฝ่ายเดียวเท่านั้น
“เรื่องงานน่ะ ถึงจะไม่ชอบ เดี๋ยวก็ทำได้คล่องขึ้นเอง ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ
……ว่าแต่ ไม่คิดเลยว่าจะมาวันที่ตรงกับอาจารย์ชิโนะจังที่แนะนำร้านนี้ให้พอดีเนี่ย ช่างเป็นความบังเอิญที่น่าทึ่งจริงๆ นะ
……อืม ขอโทษทีนะ? การต้องมาเจอหน้ารุ่นพี่ที่ทำงานนอกเวลางานน่ะ ไม่ชอบใช่ไหมล่ะจ๊ะ?”
“มะ ไม่ใช่ค่ะ! ไม่ใช่แบบนั้นเลยค่ะ! ดีใจที่ได้เจออาจารย์คุมะค่ะ!”
พอเห็นชิโนะที่ปฏิเสธพลางโบกมือไปมาหน้าอก อาจารย์คุมะก็หัวเราะคิกออกมา
“อืม รู้สึกเหมือนบังคับให้พูดเลยนะ ขอโทษที แต่ว่า ฉันน่ะดีใจจริงๆ นะที่บังเอิญได้เจออาจารย์ชิโนะจังน่ะ”
“ยะ อย่าล้อกันสิคะ~……”
ขณะที่กำลังฟังเสียงพูดคุยหัวเราะของทั้งสองคนอยู่นั้น จากในอก… ไม่สิ จากส่วนที่ลึกยิ่งกว่านั้น ความรู้สึกอันดำมืดก็ผุดพรั่งพรูออกมาไม่หยุดหย่อน
ฉันเนี่ย เป็นคนใจแคบขนาดนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ?
“อ๊ะ ขอโทษนะคะ เผลอคุยเพลินไปหน่อย ทั้งๆ ที่มีเพื่อนมาด้วยแท้ๆ”
สายตาของคนคนนั้น ก็หันมาทางฉัน
“สวัสดีตอนเย็นค่ะ”
“สวัสดีตอนเย็นค่ะ”
ต่อรอยยิ้มอันนุ่มนวลนั้น ฉันก็ทักทายตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มแบบนักธุรกิจ
ถึงแม้ในใจจะเต็มไปด้วยความระแวดระวังอย่างเต็มที่ก็ตาม แต่เพื่อชิโนะแล้ว จะแสดงท่าทีไม่เป็นมิตรออกไปไม่ได้เด็ดขาดนี่นา
“ดิฉันชื่อโอคุมะค่ะ ทำงานอยู่ที่โรงเรียนเดียวกับอาจารย์ซาโอโตเมะ พอดีอายุใกล้เคียงกับอาจารย์ซาโอโตเมะน่ะค่ะ…… ว่าแต่ เอ๊ะ!?”
รอยยิ้มอันสงบเยือกเย็นนั้นพลันแปรเปลี่ยนเป็นความตกตะลึงในชั่วพริบตา
ดวงตาคู่โตเบิกกว้างขึ้น
“……เดี๋ยวสิคะ!? หรือว่า จะเป็น REN……?”
“ค่ะ ใช่ค่ะ แต่ว่า?”
ฉันตอบคำถามที่ถูกถามมาอย่างกล้าๆ กลัวๆ นั้นไปในทันที
ไม่คิดเลยว่าจะรู้จักฉันด้วย
รู้จักมาจากนิตยสารฉบับไหนกันนะ?
หรือว่าจะเป็นจากทางโซเชียลมีเดียกัน?
“เอ๋!? ตัวจริงเหรอคะ!? ดิฉันฟอลโลว์อินสตาแกรมอยู่ค่ะ! ถึงปกติจะเป็นคนที่ไม่ค่อยได้ใส่เสื้อผ้าแนวแคชชวลเท่าไหร่ก็เถอะนะคะ แต่ก็คิดมาตลอดว่าสไตล์การแต่งตัวของ REN นี่เก๋ไก๋จังเลย! ชอบมากๆ เลยค่ะ!”
“รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งค่ะที่รุ่นพี่ของชิโนะพูดแบบนั้น ขอบพระคุณมากค่ะ”
ถ้อยคำอันตื้นเขินจนน่าตกใจหลุดออกจากปากฉันเอง
เพื่อไม่ให้ถูกล่วงรู้ถึงความรู้สึกแท้จริงที่เอาแต่ตั้งป้อมเป็นศัตรูไปเองฝ่ายเดียว ฉันอาจจะกำลังพยายามอย่างสุดกำลังในแบบของตัวเอง ที่จะแสร้งทำเป็นอัธยาศัยดีเพียงแค่เปลือกนอกก็ได้
คนคนนั้นถามชิโนะด้วยท่าทางตื่นเต้นอย่างยิ่ง
“เอ๊ะ สุดยอดไปเลย……! อาจารย์ชิโนะจังเป็นเพื่อนกับ REN เหรอคะ?”
ชิโนะแอ่นอกขึ้นเล็กน้อยอย่างภาคภูมิใจ
“ค่ะ ตั้งแต่สมัยมัธยมปลายแล้วค่ะ ตลอดมา……”
เธอเว้นจังหวะคำพูดไปชั่วครู่
ดูเหมือนกำลังเลือกคำศัพท์ที่จะพูดออกมาในหัวอยู่
“──เป็นเพื่อนที่สนิทกันมากๆ มาตลอดเลยล่ะค่ะ”
ในชั่ววินาทีที่ได้เห็นใบหน้าของชิโนะซึ่งเอ่ยเช่นนั้นพลางหัวเราะออกมา— ฉันก็รู้สึกถึงความหงุดหงิดอันรุนแรงชนิดที่แม้แต่ตัวเองก็ไม่อาจควบคุมได้ขึ้นมา
อีกฝ่ายเป็นรุ่นพี่ที่ทำงาน
ทั้งสถานะความเป็นครูของชิโนะ ทั้งคำนึงถึงสถานะความเป็นนางแบบของฉัน
ในหัวน่ะเข้าใจดีอยู่แล้ว
แต่ทว่า การที่ชิโนะแนะนำฉันว่าเป็น ‘เพื่อน’ ไม่ใช่ ‘คนรัก’ นั้น มันเป็นสิ่งที่ฉันไม่อาจให้อภัยได้เลยจริงๆ
พลางชำเลืองมองคนทั้งสองที่กำลังคุยกันอย่างออกรสในเรื่องที่ฉันไม่เข้าใจ หัวใจของฉันก็ยิ่งด้านชาและหยาบกระด้างขึ้นเรื่อยๆ
“พอดีให้เพื่อนรออยู่น่ะจ้ะ คงต้องขอตัวก่อนนะ พอดีเห็นอาจารย์ชิโนะจังตอนที่กำลังจะกลับพอดี ก็เลยรีบพุ่งมาหาน่ะสิ”
“คะ ค่ะ ไว้พบกันพรุ่งนี้ที่โรงเรียนนะคะ”
ต่อคำทักทายที่ชิโนะเอ่ยออกมานั้น ฉันก็รู้สึกขุ่นเคืองใจขึ้นมาอย่างที่แม้แต่ตัวเองก็ยังว่าแปลก
คนคนนี้ ต่อให้ไม่มีเหตุผล พรุ่งนี้ก็ยังเจอชิโนะได้งั้นเหรอ
“จ้ะ ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะ ทานอาหารให้อร่อยนะจ๊ะ แล้วก็…… REN ด้วยนะคะ ขอโทษที่เข้ามารบกวนระหว่างทานอาหารนะคะ เรื่องของ REN น่ะ ต่อจากนี้ไปก็จะคอยเป็นกำลังใจให้เสมอนะคะ!”
การที่เธอยังอุตส่าห์หันมาพูดกับฉันเป็นคนสุดท้ายนั้น ก็คงจะเป็นคนที่รู้จักวางตัวในฐานะคนทำงานเป็นอย่างดีสินะ
“ขอบพระคุณมากค่ะ เรื่องของชิโนะ ก็ขอฝากด้วยนะคะ”
ฉันที่ตอบกลับไปเช่นนั้น ดูเหมือนจะเผลอวางตัวเหนือกว่าไปเสียแล้ว
พอเทียบกับคนคนนั้นที่ทักทายอย่างผู้ใหญ่แล้ว ก็ยิ่งถูกห่อหุ้มด้วยความรู้สึกพ่ายแพ้มากขึ้นไปอีก
“ค่ะ วางใจได้เลยค่ะ ถ้างั้น ขอตัวก่อนนะคะ”
เธอก้มศีรษะลง แล้วเสียงส้นสูงก็ดังขึ้น
คนคนนั้นจากไปพร้อมกับบรรยากาศอันเจิดจรัสที่ห่อหุ้มร่างอยู่
ต่อคนคนนั้นที่หันกลับมามองทางนี้อีกครั้งแล้วโบกมือก่อนจะเดินออกจากร้านไป ชิโนะก็โค้งศีรษะให้เล็กน้อย
อีกฝ่ายเป็นรุ่นพี่ที่ทำงานของคนรักนะ
ตามหลักแล้ว ฉันเองก็ควรจะโค้งคำนับเหมือนกับชิโนะก็จริง…… แต่ก็ทำไม่ได้เลยจริงๆ
คิดว่าตัวเองช่างทำตัวเป็นเด็กไม่รู้จักโตเสียจริง
ถึงขนาดที่ไม่คู่ควรจะอยู่เคียงข้างชิโนะเลย
“อาหารที่สั่งไว้มาแล้วค่ะ ซุปฟักทองค่ะ”
ต่อฉันที่กำลังรู้สึกท้อแท้ ราวกับทางร้านจะบอกว่า “ร่าเริงหน่อยสิ” อย่างไรอย่างนั้น อาหารถูกนำมาเสิร์ฟในจังหวะที่เหมาะเจาะพอดี
“ว้าว! น่าอร่อยจังเลยนะ เร็น!”
“อา ใช่ นั่นสินะ”
กล่าว “จะทานแล้วนะคะ!” พร้อมกับชิโนะที่ทำตาเป็นประกาย แล้วตักซุปอุ่นๆ เข้าปาก
อร่อย
มันมีสรรพคุณช่วยให้ร่างกายที่เย็นชืดอบอุ่นขึ้นได้อย่างดีเยี่ยม
แต่ทว่า ดูเหมือนจะไม่มีสรรพคุณมากพอที่จะช่วยฟื้นฟูหัวใจอันหยาบกระด้างของฉันให้กลับมาเป็นปกติได้อย่างสมบูรณ์
จากริมฝีปากของฉันที่ไม่สามารถปรับเปลี่ยนอารมณ์ได้นั้น ถ้อยคำที่เจือปนไปด้วยความอิจฉาริษยาก็เล็ดลอดออกมา
“……ไม่รู้สิ เป็นคนที่ดูตรงกันข้ามกับฉันอย่างสิ้นเชิงเลยนะ”
ทั้งดูเป็นผู้หญิงจ๋า ทั้งใช้คำพูดที่ไพเราะ ทั้งท่วงท่าก็ดูมีระดับ ทั้งดูเหมือนจะเป็นรุ่นพี่ที่พึ่งพาได้เป็นอย่างดี
……ในฐานะรุ่นพี่ของชิโนะแล้ว ถือว่าสมบูรณ์แบบเลยไม่ใช่เหรอ?
ถึงจะคิดว่าจะได้รับคำเห็นด้วยก็เถอะนะ แต่ชิโนะกลับเอียงคอทำหน้างงงวย
“งั้นเหรอคะ? อาจารย์คุมะกับเร็นน่ะ มีส่วนที่คล้ายกันอยู่นะคะ?”
“หา? ตรงไหนกัน? ฉันน่ะนอกจากเรื่องที่เป็นผู้หญิงเหมือนกันแล้ว ก็นึกถึงจุดร่วมอื่นไม่ออกเลยนะ”
“เอ่อคือว่านะ ตรงที่ทายสิ่งที่ฉันกำลังคิดออกได้ทันทีไงคะ”
ไม่น่า…… บางทีนั่นน่ะ คงจะไม่ใช่จุดร่วมระหว่างฉันกับคนคนนั้นหรอก……
“…………นั่นน่ะ เป็นเพราะสิ่งที่ชิโนะคิดมันแสดงออกทางสีหน้าง่ายเฉยๆ ไม่ใช่หรือไง?”
“……เอ๊ะ!? มะ ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อยค่ะ!”
“นี่ไง ดูหน้าตอนนี้สิ ถึงจะลองปฏิเสธดูก็เถอะ แต่กำลังร้อนรนว่า ‘ฉันแสดงออกทางสีหน้าขนาดนั้นเลยเหรอ!?’ อยู่ใช่ไหมล่ะ?”
“เฟ้~~~~!? ทำไมล่ะคะ!?”
ฉันหัวเราะออกมาพลางรู้สึกหมดแรงไปเลย
เรื่องแบบนี้น่ะ ถ้าคอยมองดูชิโนะอยู่เป็นปกติแล้ว นอกจากฉันหรือคนคนนั้นแล้ว ใครๆ ก็ดูออกทั้งนั้นแหละน่า
──ถ้าคอยมองดู ชิโนะอยู่เป็นปกติ งั้นเหรอ?
ความคิดของฉันเอง ทำให้ฉันสะดุ้งตกใจ
ถ้าหากการคาดเดาของฉันมันถูกต้องล่ะก็…… ชิโนะจะรู้ตัวถึงเรื่องนั้นบ้างหรือเปล่านะ?
“……หรือว่า…… คนคนนั้นมีความรู้สึกพิเศษให้ชิโนะ ก็เลยคอยจับตามองอยู่บ่อยๆ สินะ”
ฉันลองถามออกไปพลางรู้สึกประหม่า ตั้งใจจะลองหยั่งเชิงดู
อันที่จริงแล้วอาจจะเคยโดนสารภาพรักไปแล้ว หรือโดนจีบในลักษณะที่ใกล้เคียงกันอยู่หรือเปล่านะ……?
“มะ เป็นไปไม่ได้ ไม่มีทางหรอกค่า~”
ชิโนะหัวเราะพลางปฏิเสธ
……ถึงจะคิดว่าคงไม่ได้โกหกเพราะเป็นประเภทที่แสดงความรู้สึกออกทางสีหน้าก็เถอะนะ…… แต่เดิมแล้ว มันก็มีความเป็นไปได้ที่เธออาจจะไม่รู้ตัวถึงความรู้สึกดีๆ จากคนคนนั้นเลยไม่ใช่เหรอ?
เพราะชิโนะน่ะ ทั้งไร้การป้องกัน ทั้งไม่ระแวดระวังเลยนี่นา
มีแต่ปัจจัยที่ทำให้น่าเป็นห่วงเต็มไปหมด
“……คนที่คิดแบบนั้นน่ะ อาจจะมีแค่ชิโนะคนเดียวก็ได้นะรู้ไหม”
น้ำเสียงของฉันที่ถูกขับเคลื่อนด้วยความกังวลนั้น ไม่ว่าจะทำอย่างไร ก็อดไม่ได้ที่จะฟังดูมีหนามแหลมคมขึ้นมา
“เร็น……?”
เป็นเพราะฉันแท้ๆ ที่ทำให้น้ำเสียงของชิโนะแปรเปลี่ยนเป็นความสับสนงุนงงไป
อุตส่าห์ได้เจอกันหลังจากไม่ได้เจอกันนานแท้ๆ
กำลังทานอาหารด้วยกันอยู่แท้ๆ
ทั้งๆ ที่อยากจะใช้เวลาที่สนุกสนานด้วยกันตั้งแต่ต้นจนจบเลยแท้ๆ
“ทำไมเร็นถึงโกรธเหรอคะ……?”
“ไม่ได้โกรธสักหน่อยน่า”
“จ จริงเหรอคะ? ……ตะ แต่ว่า……”
“……คนที่รู้จักชิโนะดีน่ะ มีแค่ฉันคนเดียวก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ”
ทำไมถึงได้หงุดหงิดขนาดนี้นะ
ไม่สิ เหตุผลน่ะมันชัดเจนอยู่แล้ว
……นอกจากความหึงหวงที่ทั้งดูเป็นเด็ก ทั้งดูไม่ได้เรื่อง ทั้งน่าสมเพชแล้ว ก็ไม่มีอย่างอื่นอีก
“อาจารย์คุมะน่ะ เป็นรุ่นพี่ที่ทำงานนะคะ? แค่นั้นเองนะคะ?”
“รู้อยู่แล้วน่า…… ขอโทษที ลืมๆ มันไปเถอะ…… อาหารจานต่อไปคืออะไรแล้วนะ? ตอนที่มาคราวก่อนน่ะ เนื้อที่เป็นอาหารจานหลักมัน……”
ฉันพูดรัวออกมาฝ่ายเดียวด้วยรอยยิ้มที่ฝืนสร้างขึ้นมา พยายามอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อจะดึงบรรยากาศการเดทตามปกติของพวกเรากลับคืนมา
ไม่รู้ว่าชิโนะจะสัมผัสได้หรือเปล่าว่าฉันไม่อยากจะพูดเรื่องนี้ต่อ แต่เธอก็ไม่ได้พยายามจะวกกลับไปพูดถึงเรื่องของคนคนนั้นอีกเลย
ทานอาหารกันเสร็จแล้ว ก็เหลือเพียงแค่กลับบ้านเท่านั้น
แต่ฝีเท้าของฉันที่เดินไปยังสถานีกลับหนักอึ้ง
……ไม่อยากกลับเลย
ถูกความรู้สึกที่ว่าไม่อยากจะให้เธอกลับเข้าครอบงำ ทั่วทั้งร่างจึงรู้สึกหนักอึ้งราวกับตะกั่ว
“อร่อยเนอะคะ เร็น ถ่ายแบบพรุ่งนี้ต้องเดินทางไกลใช่ไหมคะ?”
“อา ใช่”
วันที่จะได้เจอกันครั้งต่อไปจะเป็นเมื่อไหร่นั้น ก็ยังไม่ได้กำหนดแน่นอน
หากต้องแยกย้ายกันไปทั้งที่ยังมีความรู้สึกขุ่นมัวนี้อยู่ในใจล่ะก็ รู้สึกว่ามันอาจจะกลายเป็นเรื่องที่แก้ไขอะไรไม่ได้อีกเลยก็ได้
“นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอจะได้ไม่เป็นหวัดนะคะ? การต้องใส่เสื้อผ้าบางๆ อาจจะช่วยไม่ได้ก็จริง แต่ก็ต้องดื่มอะไรร้อนๆ อย่าปล่อยให้ร่างกายเย็นเกินไปนะคะ?”
“ครับๆ คุณแม่หรือไงกัน”
ถึงจะกำลังพูดคุยอยู่กับชิโนะก็ตามที แต่จิตใจก็ยังคงเหม่อลอยไปอยู่ที่อื่น
คนทำงานอะไรกัน
นางแบบยอดนิยมอะไรกัน
ในหัวของฉันตอนนี้ ไม่สามารถคิดถึงเรื่องอื่นได้อีกแล้ว นอกจากเรื่องการมีเซ็กซ์กับคนรักเท่านั้น
“……นี่ ชิโนะ”
พรุ่งนี้ฉันมีงานตั้งแต่เช้าตรู่
เพราะฉะนั้น วันนี้ก็เลยตั้งใจไว้ว่าพอทานอาหารเย็นด้วยกันเสร็จแล้วก็จะแยกย้ายกัน
ถึงจะรู้ว่าไปสายไม่ได้เด็ดขาด และการที่ส่งผลกระทบต่องานถ่ายทำก็เท่ากับว่าหมดคุณสมบัติของมืออาชีพแล้วก็ตามที
ถึงกระนั้นก็ตาม ทั้งๆ ที่สามารถยกเหตุผลที่ต้องกลับบ้านมาได้มากมายแท้ๆ
“……เร็น? เป็นอะไรไปเหรอคะ?”
ฉันกลับกำลังกุมมือของชิโนะไว้
หยุดยืนนิ่งอยู่กับที่ ราวกับเป็นเด็กดื้อที่ไม่ยอมไปจากแผนกขนมเพราะไม่ได้ของที่อยากได้
“……วันนี้ ขอไปค้างที่บ้านชิโนะได้ไหม?”
“เอ๊ะ?”
แววตาของชิโนะฉายแววสับสนงุนงง
“ตะ แต่ว่า…… เร็น พรุ่งนี้เช้าตรู่มากๆ เลยไม่ใช่เหรอคะ?”
“เพราะต้องออกจากบ้านก่อนหกโมงเช้า ก็อาจจะสร้างความลำบากให้ชิโนะก็จริง…… แต่อยากจะอยู่ด้วยกันอีกสักหน่อยน่ะ…… รบกวนหรือเปล่า……?”
“มะ ไม่รบกวนสักหน่อยค่ะ! ถะ ถ้าเร็นไม่เป็นไรล่ะก็ ฉันก็ดีใจอยู่แล้วค่ะ!”
ชิโนะพูดพลางใช้สองมือของเธอโอบกุมมือของฉันไว้
ความรู้สึกโล่งใจที่เธอตอบรับกับความปรารถนาของตัวเองกลับมาก่อนเป็นอันดับแรก มากยิ่งกว่าไออุ่นและความนุ่มนวลของมือนั้น หรือความอ่อนโยนของชิโนะที่ทำให้ใจเต้นแรง จนทำให้ฉันรู้สึกผิดขึ้นมาเสียด้วยซ้ำ
แต่ว่า วันนี้ ไม่ไหวแล้วจริงๆ
อยากจะให้ชิโนะสัมผัสฉันลึกลงไปเร็วๆ
อยากจะให้เธอกอดฉันไว้แน่นจนแทบแตกสลาย
เส้นทางกลับบ้านของชิโนะนั้นยาวนานราวกับชั่วนิรันดร์ จนฉันไม่สามารถคิดอะไรได้อีกต่อไปแล้ว
◆
พอมาถึงบ้านของชิโนะ
“ชิโนะ……”
ทันทีที่ล็อกประตูหน้าบ้านเสร็จ ฉันก็โผเข้ากอดชิโนะแล้วจูบเธอ
ทั้งๆ ที่มีโอกาสจะทำกันในลิฟต์แท้ๆ แต่การที่ฉันอดทนไว้เพราะกลัวว่าจะหยุดตัวเองไม่ได้นั้น เป็นเรื่องที่อยากจะให้เธอชมเชยเสียเหลือเกิน
“ระ เร็น เดี๋ยว……”
“ไม่รอ”
ฉันดันชิโนะให้แนบชิดกับประตูหน้าบ้าน พลางใช้ขาแทรกเข้าไปหว่างต้นขาทั้งที่ยังสัมผัสหน้าอกอันใหญ่โตนั้นอยู่
“ดะ เดี๋ยว”
เพราะไม่ชอบใจที่เธอพยายามจะห้ามฉัน ฉันจึงพยายามปิดริมฝีปากของชิโนะไว้สุดกำลัง
รีบๆ เกิดอารมณ์ขึ้นมาเสียทีสิ
รีบๆ อยากจะกอดฉันเสียทีสิ
ขณะที่กำลังถ่ายทอดความรักต่อไปเรื่อยๆ พร้อมกับความปรารถนาและคำอธิษฐานนั้น
“……เร็น”
มือของชิโนะก็โอบรอบเอวของฉันไว้
และแล้ว ฉันก็ถูกรุกล้ำช่วงชิงในโพรงปากอย่างรุนแรง จนแทบจะหายใจไม่ออก
ต่อปฏิกิริยาของชิโนะที่เฝ้ารอคอยอยู่นั้น เซลล์ทั้งหมดในร่างของฉันก็รับรู้ได้ถึงความปิติยินดี
“……ไปที่เตียง กันเถอะ”
พวกเราที่ยังไม่ได้ถอดรองเท้าด้วยซ้ำ ต่างก็ถอดรองเท้าออกโดยไม่ได้พูดอะไร แล้วเข้าไปในห้องนอนโดยไม่ได้พูดอะไรเช่นกัน
ห้องนอนที่มีเพียงกลิ่นของชิโนะอบอวลอยู่นั้น สำหรับฉันในตอนนี้แล้ว มันคือห้องที่ราวกับถูกโปรยปรายไปด้วยยาปลุกกำหนัดอย่างไรอย่างนั้น
ฉันถอดเสื้อโค้ทโยนทิ้งไป แล้วดึงมือชิโนะล้มตัวลงไปบนเตียงทั้งอย่างนั้น
กลายเป็นว่าชิโนะขึ้นมาคร่อมทับอยู่บนตัวฉันที่นอนหงายอยู่
การที่ใบหน้าของชิโนะซึ่งฉันแหงนมองขึ้นไปนั้นแปรเปลี่ยนเป็นใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยตัณหาเช่นเดียวกับฉัน ทำให้มุมปากของฉันยกสูงขึ้น
“……นี่ เร็น……”
เพียงแค่ถูกเรียกชื่อด้วยน้ำเสียงนั้น แล้วถูกจ้องมองมา
แค่นั้น ส่วนลึกในท้องของฉันก็ร้อนรุ่มขึ้นมาจนรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าว
“วันนี้…… เป็นอะไรไปเหรอคะ?”
ชั่วแวบหนึ่ง ความคิดก็ถูกดึงกลับสู่ความเป็นจริงจนต้องทำหน้าเคร่งขรึม
──ถ้าถามถึงเหตุผลล่ะก็ มันชัดเจนอยู่แล้ว
แต่ถึงจะบอกออกไป ก็รู้ดีว่าชิโนะคงจะไม่เข้าใจ
รู้ดีด้วยว่ามันเป็นเรื่องที่ชิโนะเองก็ช่วยอะไรไม่ได้
ถ้าอย่างนั้น…… เวลาที่จะใช้พูดคุยมันก็ช่างไร้ประโยชน์และสูญเปล่า
หากมีเวลาที่จะพูดคุยกันล่ะก็ ฉันอยากจะกอดชิโนะให้นานขึ้นแม้เพียงแค่วินาทีเดียวมากกว่า
เพราะเวลาของพวกเรานั้นมีจำกัดนี่นา
“ฉัน ไปทำอะไรให้เร็นไม่พอใจ หรือว่า—”
ฉันปิดริมฝีปากของชิโนะที่ยังคงพยายามจะพูดอะไรต่อมิอะไรไม่หยุดนั้นลง
ตอนนี้ไม่ต้องการคำพูดเหล่านั้น
สิ่งที่ปรารถนาคือ มีเพียงแค่ชิโนะที่ลืมเลือนทุกสิ่งทุกอย่างแล้วปรารถนาในตัวฉันเท่านั้น
“เปล่าสักหน่อย แค่กำลังคิดว่าอยากจะให้ชิโนะกอดเท่านั้นแหละ”
“……ถ้าพูดแบบนั้น…… ฉันจะทำรุนแรงเลยนะคะ?”
“อา ใช่ ทำตามใจชอบเลย”
ฉันขบเบาๆ ที่ปลายนิ้วเรียวของชิโนะ แล้วไล้เลียมัน
ปลายนิ้วที่ไม่ได้ทาเล็บเอาไว้ ปลายนิ้วสำหรับใช้โอบกอดฉัน
ตั้งแต่ปลายนิ้วจรดระหว่างนิ้ว อย่างจงใจให้เกิดเสียง ราวกับจะเชื้อเชิญ
“เร็น”
ดูเหมือนว่าในที่สุดฉันก็ประสบความสำเร็จในการปลดล็อกกุญแจแห่งเหตุผลของชิโนะแล้วสินะ
พอได้เห็นดวงตาในยามที่เธอกำลังจะรุกเร้าฉัน ฉันก็ถึงกับขนลุกซู่
“……ถึงพรุ่งนี้ จะลุกไม่ขึ้นก็ไม่เป็นไรเหรอคะ?”
“นั่นแหละคือสิ่งที่ต้องการเลยล่ะ”
พวกเราจ้องมองตากันอยู่หลายวินาที
มันคือช่วงเวลาที่ต่างฝ่ายต่างตั้งคำถามว่าในคำพูดนั้นไม่มีคำโกหกใช่ไหม กำลังฝืนตัวเองอยู่หรือเปล่า
“……ถือว่า เตือนแล้วนะคะ”
ตรงกันข้ามกับน้ำเสียงอันอ่อนแรงนั้น ชิโนะที่ไล้เลียปลายนิ้วซึ่งเปื้อนน้ำลายของฉัน ก็สอดนิ้วนั้นเข้ามาในปากของฉัน
ด้วยปากที่ถูกปิดผนึกอย่างรุนแรงนี้ ต่อให้ฉันจะส่งเสียงประท้วงออกไป มันก็คงจะไม่ส่งไปถึงหูของชิโนะด้วยถ้อยคำที่ถูกต้องหรอก
เพราะฉะนั้น แน่นอนว่าต่อให้ฉันร้องไห้ ชิโนะก็คงจะไม่หยุด
เธอจะกอดฉันจนแหลกสลายไปข้างหนึ่ง
แต่ว่า นั่นแหละคือความปรารถนาของฉันในตอนนี้
การกระทำอันค่อนข้างจะแข็งขันรุนแรงเริ่มต้นขึ้นบนเตียงนอน
เสื้อผ้าถูกถอดออกก็จริง แต่ไม่ใช่ทั้งหมด
อาจจะเพราะลืมแม้กระทั่งจะเปิดเครื่องทำความร้อน เธอจึงคำนึงถึงว่าฉันอาจจะเป็นหวัดหรือเปล่านะ?
หรือว่า— เธอเสียดายแม้กระทั่งเวลาที่จะต้องใช้ถอดเสื้อผ้าทั้งหมดกันแน่
สำหรับฉันแล้ว วันนี้ก็อยากจะให้เป็นอย่างหลังนะ
เพราะมันทำให้รู้สึกได้ว่า หัวใจของฉันกับชิโนะกำลังหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน
เสื้อสเวตเตอร์ถูกเลิกขึ้น เผยให้เห็นบราและหน้าท้องอย่างชัดเจน
ตะขอบราถูกปลดออกโดยไม่รอขออนุญาตจากฉันเลยด้วยซ้ำ บราเองก็ถูกเลิกขึ้นเช่นกัน
ลมหายใจของชิโนะรดรินลงบนส่วนยอด เพียงแค่นั้นมันก็แข็งขืนขึ้นมาแล้ว
พอถูกสัมผัสหรือถูกอมเข้าไปทั้งอย่างนั้น ไม่ว่าจะทำอย่างไรเสียงก็ต้องเล็ดลอดออกมาอยู่ดี
“เร็น…… รู้สึกดีไหมคะ?”
ถึงจะไม่ต้องถาม…… แค่ดูปฏิกิริยาของฉันก็น่าจะเห็นชัดอยู่แล้วแท้ๆ
ปกติแล้วชิโนะน่ะ ถึงแม้จะรุนแรง แต่ก็เป็นเซ็กซ์ที่คอยเอาใจใส่ฉันเสมอ
แต่ว่า ความอ่อนโยนก็ดี ความรู้สึกดีก็ดี ตอนนี้น่ะ──
“……อยากจะให้ ทำให้เจ็บกว่านี้อีก”
“เอ๊ะ? ทะ ทำไม……?”
วันนี้ ต่อคำถามว่า ‘ทำไม?’ ของชิโนะ ฉันไม่สามารถตอบกลับไปได้ดีเลยแม้แต่อย่างเดียว
รู้สึกขึ้นมาจริงๆ เลยว่าถึงจะอายุมากขึ้น เป็นคนทำงานแล้ว แต่เรื่องที่ทำไม่ได้มันก็ยังมีอยู่มากมาย
“……ก็แค่อยู่ใน อารมณ์แบบนั้นน่ะ”
“ตะ แต่ว่า…… ฉันน่ะ ไม่อยากให้เร็นต้องเจ็บหรอกนะคะ……?”
“ไม่เป็นไรน่า ก็ฉันเป็นคนบอกให้ทำเองไม่ใช่เหรอ…… คิดซะว่าเป็นรอยแทนรอยจูบก็แล้วกัน นะ?”
ฉันยันตัวขึ้นนั่ง กระซิบข้างหูชิโนะแล้วไล้เลียใบหู…… ก่อนจะขบลงไปเบาๆ
จะ-ไม่-ทำ-รอย-ที่-จะ-ส่ง-ผล-กระทบ-ต่อ-งาน
นั่นคือกฎที่ต้องปฏิบัติตาม ซึ่งผูกพันขึ้นมาระหว่างพวกเราหลังจากเข้าสู่วัยทำงานแล้ว
แต่ทว่า ก็มีตัวฉันที่ถูกผูกมัดไว้ด้วยกฎนั้นมากมายถึงเพียงนี้อยู่
ไม่ว่าจะด้วยรูปแบบที่เห็นได้ชัดเจนอย่างรอยจูบ หรืออาจจะด้วยรูปแบบทางกฎหมายอย่างการแต่งงานก็ตามที ฉันก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าฉันเป็นของชิโนะ และชิโนะก็เป็นของฉัน
เพราะฉะนั้น ถึงได้ปรารถนาให้หลักฐานว่าชิโนะได้สัมผัสฉัน หลักฐานว่าเธอได้เข้ามาในตัวฉันนั้น ถูกจารึกไว้ในความทรงจำของฉันด้วยความรู้สึกที่เรียกว่าความเจ็บปวด
อยากจะให้เธอรักฉันจนแทบแตกสลายไปเลย ถึงขนาดที่เผลอนึกถึงขึ้นมาในชั่วขณะหนึ่งแล้วร่างกายก็พลันร่ำร้องโหยหา จนถึงส่วนที่ลึกที่สุดของฉัน
“……ต้อง ออมแรงไหมคะ?”
มือของชิโนะประคองลงบนแก้ม
“ไม่ต้องออมแรงหรอกน่า……!”
“……เข้าใจแล้วค่ะ…… เร็น ชอบนะคะ”
ด้วยน้ำมือของชิโนะที่เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง ฉันก็ได้สัมผัสกับประสบการณ์ครั้งแรกที่สติกำลังจะหลุดลอยไป แต่ก็ถูกดึงกลับมาด้วยความเจ็บปวด
──คิดว่าแค่พูดคำว่า ‘ชอบ’ ออกมาแล้ว จะทำอะไรก็ได้หรือไงกันนะ?
ถ้าเป็นฉันในยามปกติล่ะก็ ต้องพูดแบบนั้นออกไปแน่ๆ แต่เพราะคนที่ปรารถนาเซ็กซ์แบบนี้คือตัวฉันเอง ก็เลยไม่ได้พูดอะไรออกไป
อีกอย่าง…… ก็ไม่ใช่ว่าไม่รู้สึกดีเสียหน่อย
ความรู้สึกแปลกใหม่กำลังถูกป้อนเข้ามาในร่างกายของฉัน
ราวกับว่าจะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้หากปราศจากชิโนะ…… ร่างกายของฉัน กำลังเกิดใหม่ขึ้นมา
ในตอนที่กำลังหอบหายใจรวยรินอยู่นั้น ฉันก็เห็นชิโนะกำลังไล้เลียลิ้นไปตามผิวกายของฉัน
ในชั่ววินาทีนั้น…… ความรู้สึกซาบซ่านอันยิ่งใหญ่ ก็แล่นพล่านไปทั่วทั้งร่าง
──นี่ ยัยโอคุมะหรือโคคุมะอะไรนั่น ถึงจะลืมชื่อไปแล้วก็เถอะนะ…… เธอไม่รู้เรื่องนี้ใช่ไหมล่ะ?
ไม่สิ เรื่องของชิโนะตอนทำงานน่ะ คงจะรู้จักดีอยู่แล้วสินะ
คงจะเคยเห็นใบหน้าของชิโนะในมุมที่ฉันไม่รู้จักมาเยอะแล้วสินะ
แต่ว่า ใบหน้าของชิโนะตอนมีเซ็กซ์น่ะ เธอไม่รู้จักใช่ไหมล่ะ?
ยัยนี่น่ะ ทำหน้าลามกแบบนี้เลยนะรู้ไหม?
ใบหน้าที่จมดิ่งอยู่ในตัณหา กับผู้หญิงที่ชื่อว่าฉันน่ะ
เกินจะห้ามใจไหวเลยใช่ไหมล่ะ?
แต่ว่า ไม่มีวันที่จะให้เธอเห็นเด็ดขาดเลยนะจะบอกให้
ฉันหลับตาลงอีกครั้ง แล้วจมดิ่งลงไปในการกระทำร่วมกับชิโนะ
ได้เห็นใบหน้าที่ปกติแล้วไม่มีทางจะได้เห็นจากชิโนะอย่างแน่นอน ทั้งยังทำให้เธอเอ่ยถ้อยคำที่ปกติแล้วไม่มีทางจะพูดออกมา
หลังจากที่ทุกอย่างสิ้นสุดลง สิ่งที่หลงเหลืออยู่ภายในตัวฉันนั้น— คือความเจ็บปวดทั่วทั้งร่างอันชัดเจน ความรู้สึกเหนือกว่าอันบิดเบี้ยว… และความเหงาอันบางเบา
◆
เสียงลมหายใจยามหลับของชิโนะดังแว่วมา
เธอผู้ซึ่งโอบกอดฉันอย่างรุนแรงป่าเถื่อนเมื่อครู่นี้ แปรเปลี่ยนไปจากตอนที่กำลังมีเซ็กซ์กันอย่างสิ้นเชิง กำลังหลับใหลอยู่ด้วยใบหน้าที่ดูสงบนิ่งราวกับนางฟ้า
น่ารักอย่างไม่มีที่ติ
แต่ว่านะ…… ช่างเป็นความแตกต่างที่เหลือเชื่อจริงๆ
ทั้งๆ ที่ฉันเพิ่งจะผ่านเซ็กซ์อันแสนเร่าร้อนมาแท้ๆ ทั้งๆ ที่ร่างกายก็เหนื่อยล้าอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ไม่รู้ทำไมกลับข่มตาหลับไม่ลง
ลองมองดูนาฬิกา
วันที่ก็ได้ล่วงเลยผ่านไปแล้ว อย่างที่ควรจะเป็น
……ไม่ว่าจะมองในแง่ของเวลาพักผ่อน หรือในแง่ของสภาพร่างกายก็ตามที มันส่งผลกระทบต่อวันพรุ่งนี้อย่างแน่นอนอยู่แล้ว
ฉันถอนหายใจออกมา
สิ่งที่ค่อยๆ เรียนรู้หลังจากเข้าสู่สังคมวัยทำงาน ทั้ง ‘มารยาท’ หรือ ‘เรื่องปกติ’ ที่ติดตัวมานั้น ฉันได้เผลอทำการกระทำที่จะลบล้างสิ่งเหล่านั้นไปเสียทั้งหมดแล้ว
ถึงจะไม่ได้รู้สึกเสียใจภายหลังก็เถอะ แต่ก็รู้สึกผิดอยู่ดี
ทั้งเรื่องที่คงจะโดนคุณมาจิมะดุในวันพรุ่งนี้ ทั้งความอ่อนหัดที่ให้ความสำคัญกับความเอาแต่ใจของตัวเองมากกว่าสถานะความเป็นมืออาชีพ เอาเถอะ สาเหตุมันก็มีอยู่หลายอย่างล่ะนะ
แต่ทว่า เหนือสิ่งอื่นใด— ฉันพลิกกายหันไป แล้วจ้องมองใบหน้าของชิโนะอย่างพินิจพิเคราะห์
ฉันได้รับความรักของชิโนะไว้ด้วยร่างกายทั้งหมดนี้
ระหว่างนั้น ทั้งสายตาของชิโนะ ทั้งถ้อยคำที่เอ่ยออกมาจากริมฝีปาก ทั้งปลายนิ้วที่เคลื่อนไหวอย่างละเอียดอ่อน ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นล้วนมีอยู่เพื่อฉัน
สิ่งนั้น มันทำให้ฉันมีความสุขมากเพียงใดกันนะ
ปัญหาก็คือ…… ความรู้สึกเปี่ยมสุขนั้นมันไม่ได้คงอยู่ตลอดไปนี่สิ
ถ้าเป็นฉันในยามปกติล่ะก็ ก็คงจะสามารถหลับใหลไปทั้งที่ยังโอบกอดความรู้สึกเปี่ยมสุขนั้นไว้ได้แล้วแท้ๆ
ถึงกระนั้น วันนี้…… ทำไมหัวใจของฉันถึงยังไม่ถูกเติมเต็มกันนะ?
ถึงแม้จะเป็นเซ็กซ์ที่มีรสนิยมแตกต่างไปจากปกติก็จริง แต่ก็ไม่ได้คิดว่าความรักของชิโนะนั้นไม่เพียงพอเลย
คงจะเป็นเพราะมีรูโหว่เล็กๆ เปิดอยู่ในสักแห่งของหัวใจฉันเป็นแน่ ถึงชิโนะจะมอบความรักให้มากมายเพียงใด มันก็ไม่อาจเติมเต็มได้
ใบหน้ายามหลับอันแสนน่ารัก ของแฟนสาวผู้เป็นที่รักยิ่ง
การที่สามารถมองเห็นใบหน้ายามหลับนี้ได้ ก็คือสิทธิพิเศษของฉัน
ไม่อยากจะให้ใครเห็น และก็ไม่มีความคิดที่จะสละสิทธิ์นี้ให้ใครด้วย
พอลองกอดเธอไว้แน่น ชิโนะก็ขยับตัวอยู่ในอ้อมอกของฉันอย่างงัวเงีย แล้วกอดตอบกลับมา
ทำได้เพียงแค่โอบกอดเธอไว้อย่างอ่อนโยน ราวกับจะห่อหุ้มไว้เท่านั้น ในตอนนี้ ไม่อาจจะพิสูจน์ความรักได้
ทั้งๆ ที่พรุ่งนี้ ต้องตื่นเช้ามากๆ แท้ๆ
ฉันกลับไม่สามารถข่มตาหลับลงได้เลย ได้แต่เพียงคิดถึงการก้าวข้ามค่ำคืนที่คล้ายจะร้องไห้นี้ไปให้ได้เท่านั้น
Chapters
Comments
- ตอนที่ 5.2 ปัจฉิมลิขิต มิถุนายน 25, 2025
- ตอนที่ 5.1 บทส่งท้าย มิถุนายน 25, 2025
- ตอนที่ 5 “เพราะว่าวันนี้ อยากจะมองเธอไปตลอดเลย” มิถุนายน 25, 2025
- ตอนที่ 4 “ทำให้เจ็บกว่านี้อีกสิ” มิถุนายน 25, 2025
- ตอนที่ 3.1 คั่นฉาก: ประกาศิตห้ามรอยจูบ มิถุนายน 25, 2025
- ตอนที่ 3 “ถ้าจูบกันเยอะๆ จะหายหนาวหรือเปล่านะ” มิถุนายน 25, 2025
- ตอนที่ 2 ชุดเดรสยับหมดแล้วนะ?” มิถุนายน 25, 2025
- ตอนที่ 1 “ถ้างั้น ฉัน… ไม่ต้องอดทนแล้วสินะ?” มิถุนายน 25, 2025
MANGA DISCUSSION