ตอนที่ 3 “ถ้าจูบกันเยอะๆ จะหายหนาวหรือเปล่านะ”
เป็นฤดูที่การลุกออกจากผ้าห่มในยามเช้าช่างเป็นเรื่องยากลำบาก
ถึงแม้ไม่ว่าจะเป็นฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน หรือฤดูใบไม้ร่วง ความรู้สึกที่อยากจะอยู่กับเร็นเสมอมานั้นจะมีอยู่ตลอดเวลาก็ตามที
แต่ฉันที่โหยหาไออุ่นจากผิวกายคนมากขึ้นเป็นพิเศษเพราะความหนาวเย็นนั้น—ความคิดที่ว่า ‘ถ้าเร็นอยู่ข้างๆ ตอนตื่นนอนก็คงจะดีนะ’ ก็ยิ่งรุนแรงขึ้นกว่าแต่ก่อน
แม้แต่ในปีนี้ที่ว่ากันว่าเป็นฤดูหนาวที่อากาศอบอุ่น ก็มีวันที่อากาศหนาวเย็นลงจนจำเป็นต้องสวมเสื้อโค้ทตัวหนาไปทำงานอยู่ดี
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ”
ขณะที่กล่าวทักทายพลางก้าวเท้าเข้าไปในห้องพักครูที่เปิดเครื่องทำความร้อนไว้อย่างอบอุ่น ก็มีเสียงตอบรับกลับมาจากคุณครูที่มาถึงก่อนแล้วประปราย
หลังจากแขวนเสื้อโค้ทที่ถอดออกไว้ในล็อกเกอร์แล้ว ตอนที่นั่งลงบนที่นั่งของตัวเอง ฉันก็ทักทายคุณครูโอคุมะที่นั่งอยู่ข้างๆ ว่า
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ”
“อรุณสวัสดิ์จ้ะ— ช่วงนี้อากาศหนาวลงถนัดตาเลยนะ—”
คุณครูโอคุมะทักทายกลับมาด้วยคำว่า “อรุณสวัสดิ์” อันแสนสดใส ราวกับจะปัดเป่าความง่วงงุนและความอ่อนล้าในยามเช้าให้หายไป ด้วยใบหน้างดงามที่ประดับด้วยรอยยิ้มอันสูงส่ง
“หนาวจริงๆ เลยนะคะเนี่ย อาจารย์คุมะ ไม่ชอบอากาศหนาวเหรอคะ?”
นักเรียนเรียกคุณครูโอคุมะด้วยชื่อเล่นว่า “อาจารย์คุมะ” ซึ่งฉันก็ได้รับอนุญาตให้เรียกแบบนั้นเช่นกัน
อาจารย์คุมะซึ่งสอนวิชาภาษาอังกฤษนั้น อายุมากกว่าฉันสองปี ถือเป็นคนที่อายุใกล้เคียงกับฉันที่สุดในโรงเรียนนี้ ประกอบกับที่นั่งอยู่ติดกัน พวกเราจึงมักจะพูดคุยกันอยู่บ่อยครั้ง
“เพราะว่าไม่ชอบทั้งอากาศหนาวทั้งอากาศร้อนน่ะสิ ก็เลยไม่ค่อยเหมาะกับการใช้ชีวิตในญี่ปุ่นเท่าไหร่เลยนะ แต่ว่าเดือนธันวาคมน่ะ ถึงจะหนาวแล้วก็ยุ่ง แต่ก็ชอบเพราะมันให้ความรู้สึกพิเศษดี ทั้งคริสต์มาส ทั้งวันสิ้นปี อะไรแบบนั้น”
“อ๊ะ พอจะเข้าใจอยู่ค่ะ…… ว่าแต่ว่า นี่ก็เดือนธันวาคมแล้วสินะคะ…… ฉันเพิ่งจะรู้สึกเหมือนว่ากล่าวทักทายในโอกาสเข้ารับตำแหน่งไปเมื่อไม่นานมานี้เองแท้ๆ…… ปีนี้ ช่างผ่านไปรวดเร็วเหลือเกินค่ะ”
“พออายุมากขึ้นแล้วจะรู้สึกว่าหนึ่งปีมันผ่านไปเร็วกว่าเดิมอีกนะ— อย่างฉันเนี่ย รู้สึกเหมือนเพิ่งไปชมดอกซากุระเมื่ออาทิตย์ก่อน แป๊บเดียวก็คริสต์มาสแล้วล่ะ”
“คิกคิก พูดจาเกินจริงแบบนั้นอีกแล้วนะคะ อาจารย์คุมะอายุมากกว่าฉันแค่สองปีเองไม่ใช่เหรอคะ”
“ช่องว่างสองปีนี่มันยิ่งใหญ่มากเลยนะ— เดี๋ยวพออาจารย์ชิโนะจังอายุยี่สิบห้าก็จะเข้าใจเองแหละน่า”
เพราะอาจารย์คุมะแย้มยิ้มอย่างอ่อนโยน แก้มของฉันก็เลยคลายลงตามไปด้วย
ฉันคิดว่าตัวเองค่อนข้างโชคดีเรื่องสภาพแวดล้อมในที่ทำงานมากๆ
โรงเรียนแห่งนี้ที่ฉันเข้ามาทำงานในฐานะบัณฑิตจบใหม่ ทุกคนต่างก็มีอาวุโสกว่าและเป็นรุ่นพี่ทั้งนั้น แต่ทั้งท่านผู้อำนวยการ ทั้งหัวหน้าหมวดวิชา ทั้งคุณป้าเจ้าหน้าที่ธุรการพาร์ทไทม์ ต่างก็ปฏิบัติต่อฉันที่มักจะวุ่นวายอยู่กับงานอย่างลนลานเสมอ อย่างอ่อนโยนยิ่งนัก
“อ๊ะ ใช่ๆ นักเรียนในห้องของฉันที่อาจารย์ชิโนะจังเป็นห่วงอยู่เมื่อวันก่อนน่ะ ลองคุยด้วยแล้วนะ รายละเอียดขอเก็บเป็นความลับก็แล้วกัน แต่ดูเหมือนว่าจะมีปัญหากับคุณพ่อคุณแม่เรื่องเส้นทางศึกษาต่อหรืออาชีพน่ะ…… เดี๋ยวคราวหน้าจะหาเวลาคุยกันเพิ่มเติมอีกหน่อย ขอบใจนะที่ช่วยสังเกตเห็น”
‘นักเรียนในห้องของฉัน’ ที่อาจารย์คุมะพูดถึงนั้น หมายถึงนักเรียนหญิงที่ร่าเริงสดใสคนหนึ่งในห้องที่อาจารย์คุมะเป็นครูประจำชั้น
ถึงแม้จะเป็นเด็กที่แสดงความคิดเห็นอย่างกระตือรือร้นในคาบของฉันก็จริง แต่ช่วงหลังๆ มานี้ก็มักจะดูเหม่อลอยอยู่บ่อยครั้งจนฉันเป็นกังวล
ถึงฉันจะลองเข้าไปทักทาย เธอก็แค่ตอบกลับมาพลางหัวเราะว่า “ไม่มีอะไรค่ะ สบายดี!” เท่านั้น…… ดีจริงๆ ที่ได้ลองปรึกษาอาจารย์คุมะดู
เด็กคนนั้นเองก็คงจะยอมเปิดใจระบายความกังวล หากเป็นกับอาจารย์คุมะสินะ
ถึงจะรู้สึกท้อแท้เล็กน้อยกับความสามารถที่ไม่เพียงพอของตัวเองในฐานะครูก็ตามที แต่การที่สถานการณ์ของนักเรียนจะดีขึ้นได้แม้เพียงเล็กน้อยนั้นสำคัญกว่า
“เป็นอย่างนั้นเองหรือคะ ขอบคุณที่อุตส่าห์มาแจ้งให้ทราบนะคะ หวังว่าเรื่องราวจะคลี่คลายไปในทางที่ดีสำหรับนักเรียนคนนั้นนะคะ”
“อื้ม เพราะอาจารย์ชิโนะจังมักจะสังเกตเห็นในสิ่งที่ฉันมองข้ามไปเสมอนี่นา ก็เลยรู้สึกขอบคุณมากๆ เลยล่ะ ถ้ามีอะไรอีกก็บอกกันได้เลยนะ จะช่วยได้มากเลย”
คำพูดอันอ่อนโยนของอาจารย์คุมะ ทำให้หัวใจของฉันก็พลันเบาสบายขึ้นมา
“คะ ค่ะ! อะ ขอบพระคุณมากค่ะ!”
ในบรรดาคุณครูเพื่อนร่วมงานที่ดีพร้อมเหล่านี้ ฉันรู้สึกชื่นชมอาจารย์คุมะในฐานะต้นแบบของการเป็นครูมากที่สุด
อาจารย์คุมะผู้แผ่รัศมีความบริสุทธิ์และสูงส่งออกมา พร้อมด้วยรอยยิ้มอันสงบเยือกเย็นเปี่ยมเสน่ห์
ไม่ใช่เพียงแค่รูปลักษณ์ภายนอกที่เป็นที่นิยมทั้งจากนักเรียนชายและนักเรียนหญิงเท่านั้น แต่คุณสมบัติภายในที่ทั้งอ่อนโยน คำนึงถึงนักเรียน และใส่ใจผู้อื่นนั้น ยอดเยี่ยมยิ่งกว่านั้นเสียอีก
“อาจารย์คุมะเนี่ย เป็นที่รักของนักเรียนมากๆ เลยนะคะ น่าอิจฉาจังเลยค่ะ”
พอถ่ายทอดสิ่งที่คิดออกไปอย่างซื่อๆ อาจารย์คุมะก็ทำหน้างงไปชั่วขณะหนึ่ง ก่อนจะหัวเราะแล้วใช้มือตบไหล่ฉันเบาๆ
“ไม่อยากได้ยินคำนั้นจากอาจารย์ชิโนะจังเลยนะ! ก็อาจารย์ชิโนะจังน่ะดังกว่าตั้งเยอะไม่ใช่เหรอ? แถมยังโดนนักเรียนรุมล้อมอยู่ตลอดเวลาด้วย!”
“วะ ว่าฉันโด่งดังอะไรนั่น คือพวกนักเรียนไม่ได้มองว่าฉันดูเหมือนครูเท่านั้นเองค่ะ……”
“เอ๋? ทำไมถึงได้ถ่อมตัวขนาดนั้นล่ะ? เห็นว่าไปเชียร์การแข่งบาสเกตบอลเมื่อวันก่อน เพราะโดนขอร้องมาไม่ใช่เหรอ?”
“ค่ะ ค่ะ ทุกคนในชมรมบาสเกตบอลพยายามกันมากๆ เลยค่ะ ประทับใจสุดๆ ไปเลย! แถมการแข่งขันก็สูสีกันมาก พลิกกลับมาชนะได้ในช่วงนาทีสุดท้ายพอดี ก็เลยตื่นเต้นกันมากๆ เลยค่ะ!”
ถึงแม้การไปดูแข่งบาสเกตบอลจะเป็นครั้งแรกและทำให้ประหม่าไปบ้าง แต่ก็สนุกมากจริงๆ
คงเป็นเพราะเป็นการแข่งขันที่ดีและฝีมือคู่คี่สูสีกันมากด้วยกระมัง ควอเตอร์ที่สี่นี่ขนาดคนดูก็ยังลุ้นระทึกใจเต้นแรงตามไปด้วย จนหัวใจแทบจะระเบิดล้มลงไปเลยล่ะค่ะ
“ฉันน่ะนะ คิดว่าอาจารย์ชิโนะจังที่ยอมสละวันหยุดไปเชียร์นักเรียนทั้งๆ ที่ไม่ใช่ที่ปรึกษาชมรมน่ะสุดยอดมากเลยนะ แล้วก็คิดด้วยว่าเธอเป็นคุณครูที่มีเสน่ห์ ถึงขนาดที่ทำให้นักเรียนรู้สึกว่า ‘อยากให้อาจารย์ชิโนะจังมาเชียร์จังเลย’ ได้น่ะ”
“ทะ ทั้งชมกันขนาดนี้ ก็ไม่มีอะไรจะให้หรอกนะคะ~……”
พอโดนอาจารย์คุมะผู้เป็นที่ชื่นชมจ้องมองด้วยสายตาแน่วแน่แล้วกล่าวชมเข้า ก็รู้สึกเกรงใจจนหน้าร้อนผ่าวขึ้นมา
ทั้งๆ ที่ยังมีเรื่องที่ต้องพยายามอีกตั้งมากมายแท้ๆ แต่กลับแทบจะลอยไปเลย……!
“ไม่ได้ชมเป็นมารยาทนะจะบอกให้ แต่ว่านะ ยุคสมัยนี้มีการปฏิรูปการทำงานแล้ว การทำงานหามรุ่งหามค่ำอย่างเดียวก็ไม่ใช่เรื่องดีเสมอไปหรอก… ตรงไหนที่ผ่อนได้ก็ผ่อนบ้าง ทำตัวสบายๆ เถอะนะ?”
พอได้ยินคำพูดนั้น—ฉันก็นึกถึงเร็นขึ้นมา
เหมือนเร็นจะเคยพูดอะไรทำนองนี้เหมือนกันแฮะ ตอนที่ไปพักที่ ‘โรงแรม Link Hamilton’ เมื่อวันก่อนน่ะ
……อื้ม ต้องระวังตัวแล้วสินะ
เธอบอกว่าถ้าฉันเป็นอะไรไป เร็นจะเสียใจนี่นา
“อ๊ะ เมื่อกี๊… กำลังคิดถึงเรื่องแฟนอยู่ใช่ไหมล่ะ?”
“เฟ้!?”
พอโดนยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ แล้วทักแบบนั้นก็ถึงกับสะดุ้งโหยง
“เอ่อ คือว่านะคะ มะ ไม่ใช่แบบนั้นเสียหน่อยค่ะ……!”
ถึงแม้จะคิดจะปฏิเสธไปในทันทีก็เถอะ…… แต่ดูจากปฏิกิริยาเมื่อกี๊คงจะดูออกหมดแล้ว
สายเกินไปแล้วสินะ……?
ว่าแต่ว่า อาจารย์คุมะเนี่ย…… อ่านใจคนได้ด้วยเหรอคะ!?
“อะฮะฮะ คราวนี้คงกำลังคิดว่า ‘ทำไมถึงอ่านใจได้กันนะ……!?’ สินะ?”
“เอ๋!? ทะ ทำไมถึงรู้ล่ะคะ……?”
อาจารย์คุมะที่มองฉันผู้กำลังสับสนงุนงงพลางหัวเราะอยู่ ดูเหมือนจะสนุกสนานอยู่ไม่น้อย
……ตรงที่ชอบแกล้งหยอกฉันด้วยใบหน้างดงามสุดๆ แบบนี้นี่ อาจจะคล้ายกับเร็นอยู่บ้างก็ได้นะ
“ไม่รู้สิ? ทำไมกันนะ? เอ้า ได้เวลาเตรียมตัวสำหรับตอนเช้าแล้วนะ?”
โดยที่ไม่ยอมให้คำตอบ อาจารย์คุมะก็หันสายตาไปยังคอมพิวเตอร์
“อ๊ะ ค่ะ! ขอประทานโทษที่รบกวนค่ะ!”
พอรู้ตัวอีกทีก็ถึงเวลาขนาดนั้นแล้ว
อีกเดี๋ยวการประชุมตอนเช้าก็จะเริ่มแล้ว แถมยังมีสอนตั้งแต่คาบแรกอีก
ต้องเตรียมตัวให้พร้อม
ฉันเปิดคอมพิวเตอร์ขึ้นมาตรวจสอบงานสำหรับหนึ่งสัปดาห์ แล้วถอนหายใจออกมาครั้งหนึ่ง
ฉันที่เป็นบัณฑิตจบใหม่ยังไม่เข้าใจกระบวนการทำงานตลอดทั้งปีดีนัก ก็เลยเอาแต่ตกใจว่าครูในเดือนธันวาคมนี่มีงานเยอะขนาดนี้เลยเหรอ
เรื่องที่ว่าคุณครูนั้นลำบากมากแค่ไหน เพิ่งจะมารู้เอาหลังจากผ่านไปสี่ปีนี่เอง ทั้งๆ ที่ตอนตัวเองเป็นนักเรียนมัธยมปลายนั้นแน่นอนว่าไม่เคยรู้ ทั้งยังไม่เคยคิดจะทำความเข้าใจเลยแท้ๆ
รู้ได้ตั้งแต่เช้าเลยว่าวันนี้ต้องทำงานล่วงเวลาแน่นอน
ขนาดฉันที่ไม่ได้เป็นครูประจำชั้นยังยุ่งขนาดนี้ ถ้าอย่างนั้นคุณครูที่เป็นครูประจำชั้นก็คงจะลำบากกว่านี้มาก
ยิ่งถ้าเป็นครูประจำชั้นของนักเรียนปีสามก็คงจะยิ่งลำบากกว่านั้นไปอีกสินะ
──ถ้าอย่างนั้น ฉันจะมาบ่นท้อถอยไม่ได้แล้วสินะ
ฉันรวบรวมกำลังใจแล้วบิดตัวยืดเส้นยืดสายครั้งหนึ่ง ก่อนจะก้มลงมองกำหนดการตั้งแต่ ‘หนึ่งทุ่ม’ ที่ใส่ไว้ในตารางงาน
อีกอย่าง คืนนี้ ถึงจะเป็นเพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆ ก็ตามที… แต่ก็จะได้เจอเร็น
ฉันที่ได้รับกำลังใจเพียงแค่จากกำหนดการนั้น ก็เกิดความกระตือรือร้นที่จะทำงานของวันนี้ให้เสร็จเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ขึ้นมา
◇
ทั้งฉันและเร็น ช่วงหลังๆ มานี้ยุ่งมากมาตลอด
ถึงกระนั้น พวกเราก็พยายามหาเวลาว่างท่ามกลางความวุ่นวายนั้น โดยอ้างว่าเป็นการรับมือกับความคลาดเคลื่อนและความเหงา พวกเราก็พยายามที่จะเจอกันต่อหน้าให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้จะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ก็ตาม
“อันนี้ อาจจะอร่อยก็ได้นะ”
ตอนนี้ ฉันกับเร็นกำลังลองชิมเครื่องดื่มออกใหม่ประจำฤดูหนาวกันอยู่ที่ร้านกาแฟใจกลางเมือง
การเดทด้วยการไปดื่มเครื่องดื่มออกใหม่ด้วยกันทุกครั้งแล้วแลกเปลี่ยนความเห็นกันนั้น ก็เป็นหนึ่งในกิจวัตรของพวกเราที่ทำต่อเนื่องมาตั้งแต่สมัยมัธยมปลายแล้ว
“ทะ ทางนี้ที่เป็นเมนูจำกัดเวลาก็อร่อยนะ…… ดื่มไหม?”
“โอ๊ะ แต๊งกิ้ว”
พอฉันยื่นแก้วออกไป ใบหน้าของเร็นก็ขยับเข้ามาใกล้แล้วคาบหลอดดูดไป
……นี่ก็ด้วย
เป็นบทสนทนาเดิมๆ ที่ทำซ้ำมาไม่รู้กี่ครั้งตั้งแต่สมัยก่อนแล้วแท้ๆ…… น่าจะชินแล้วแท้ๆ แต่ว่า……
แม้แต่ตอนนี้ แค่จูบทางอ้อมก็ยังทำให้ใจเต้นแรงได้ขนาดนี้
……ทั้งๆ ที่ทั้งจูบ ทั้งเรื่องที่มากกว่านั้นก็ทำกันมาตั้งหลายครั้งแล้วแท้ๆ
“ฮะฮะ ไม่เปลี่ยนไปเลยนะชิโนะเนี่ย…… วันนี้เป็นวันที่ห้ามมีเซ็กซ์นะ อย่าตื่นเต้นให้มันมากนักสิ?”
“ระ เร็น!? ชู่ว์!”
ถึงแม้ฉันจะรีบยกมือขึ้นไปพยายามปิดปากเร็นก็เถอะ แต่เร็นกลับทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้พลางบอกว่า
“ไม่เป็นไรน่า”
“ตะ แต่ว่า…… ถะ ถ้ามีใครได้ยินเข้า จะ ทะ ทำยังไงล่ะคะ……!?”
“ไม่มีทางได้ยินหรอกน่า ทุกคนน่ะไม่มาสนใจเรื่องของคนอื่นหรอกน่า เอ้า ลองมองไปรอบๆ ดูสิ”
ฉันกวาดตามองสภาพรอบๆ อย่างแนบเนียนไม่ให้ผิดสังเกต…… จริงด้วยแฮะ
ทุกคนทั้งที่เปิดคอมพิวเตอร์ ทั้งที่กำลังเล่นสมาร์ตโฟน คนที่ใส่หูฟังอยู่ก็มีเยอะแยะไปหมด
“ตะ แต่ว่า! เร็นน่ะยิ่งโดดเด่นอยู่แล้วด้วย แถมยังเป็นนางแบบอีก ฉันว่าน่าจะระวังตัวมากกว่านี้หน่อยนะ……”
“ฉันว่าไม่ต้องใส่ใจขนาดนั้นก็ได้นะ……”
ฉันถูกเร็นกวักมือเรียก
พอขยับหน้าเข้าไปใกล้ ก็ถูกกระซิบที่ข้างหู
“งั้น จะพูดเสียงเบาๆ นะ…… คราวหน้าที่เจอกัน กอดฉันด้วยนะ”
ทั้งคำพูดนั้น ทั้งลมหายใจที่รดรินอยู่ข้างใบหู อุณหภูมิร่างกายของฉันก็พุ่งสูงขึ้นในบัดดล
ถึงจะเข้าใจเจตนาว่าเธอพูดเรื่องลามกออกมาเพราะอยากเห็นฉันลนลานก็เถอะ แต่ฉันก็ยังหน้าร้อนผ่าวไปจนถึงใบหูอยู่ดี
“โธ่! ระ เร็น~……!”
“อะไรเล่า ก็แค่จองคิวไว้เฉยๆ นี่นา”
ผู้ร้ายที่รู้ทั้งรู้ว่าทำแล้วอีกฝ่ายจะเป็นยังไง แถมยังทั้งน่ารักทั้งเท่คนนี้ ก็ยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ
ภายในร้านอันจอแจที่เต็มไปด้วยผู้คนหลากหลายทั้งเด็กและผู้ใหญ่หญิงชาย ในพื้นที่ที่ไม่สามารถกล่าวได้ว่ากว้างขวางนัก
ขณะที่นั่งพูดคุยอยู่ตรงหน้าเร็น ฉันก็รู้สึกราวกับถูกโอบล้อมด้วยความสุขอยู่ตลอดเวลา
ถึงแม้เมื่อวันก่อนจะได้ใช้เวลาหนึ่งวันที่เหมือนฝันในโรงแรมสุดหรูก็ตามที แต่การเดทธรรมดาๆ แบบนี้ฉันก็ชอบมากเหมือนกัน
รู้สึกขึ้นมาจริงๆ เลยว่าถ้าได้อยู่กับเร็นแล้ว ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนฉันก็ยิ้มออกมาได้ทั้งนั้น
“……อะไรกัน ชิโนะ ยิ้มไม่หุบเลยนะ แซนด์วิชนี่มันอร่อยขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“เอเฮะเฮะ สนุกนี่นา”
“หา? ฉันถามว่าอร่อยไหม ต่างหากเล่า”
พอได้มองเร็นที่กำลังเอียงคอสงสัยพลางกัดแซนด์วิชคำโต ก็รู้สึกเหมือนได้รับพลังใจมาเต็มเปี่ยมเลย
ตั้งแต่พรุ่งนี้ไป ต้องพยายามทำงานเข้าล่ะ!
“ถึงจะเหลือเวลาไม่มากแล้วก็เถอะ ออกจากที่นี่แล้ว มีร้านไหนที่อยากจะแวะไปอีกไหม?”
“อ๊ะ อื๊อ ก็ไม่มีเป็นพิเศษหรอกนะ แต่ว่า…… ก็ยังไม่อยากกลับเลยน้า— …ฉันคิด……”
ทำไมก็ไม่รู้ เร็นจ้องมองฉันนิ่งๆ แล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ
“……เอ๋? ระ เร็นอยากจะรีบกลับแล้ว…… เหรอ?”
“เปล่า…… ตรงกันข้ามต่างหาก กำลังลำบากใจ เพราะไม่อยากจะปล่อยชิโนะกลับไปแล้วน่ะสิ”
ฉันถูกกุมมือไว้ ก็เลยเผลอมองไปยังผู้ชายที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆ โดยไม่รู้ตัว
……เขาเหลือบมองมาทางนี้แวบหนึ่ง แต่ก็รีบเบือนสายตาหลบไปทันที
โชคดีจังที่เป็นคนสุภาพบุรุษ……!
เพื่อไม่ให้ท่านสุภาพบุรุษต้องลำบากใจไปมากกว่านี้ ฉันก็รีบดื่มอึกสุดท้ายเข้าไปอย่างรวดเร็ว
“งะ งั้นได้เวลาออกไปกันแล้วไหม เดี๋ยวค่อยคิดไปพลางเดินไปพลางแล้วกัน”
“อืม เข้าใจแล้ว”
พอพูดจบแล้วลุกขึ้นยืน เร็นก็เริ่มเดินออกไปโดยที่ยังไม่ยอมปล่อยมือฉัน
พวกเราจึงได้เดินจูงมือกันไปตามท้องถนน
ฉันชอบการจูงมือกับเร็นนะ แต่วันนี้กลับรู้สึกกังวลกับสายตาผู้คนมากกว่าปกติ
ทั้งเป็นใจกลางเมือง ทั้งผู้คนก็มากมาย แถมเร็นยังเป็นนางแบบที่กำลังโด่งดังขึ้นเรื่อยๆ อีก
จะไม่เป็นไรแน่นะ……?
เรื่องแบบนี้ มันอาจจะเป็นข้อห้ามของสังกัดหรือเปล่านะ?
……หรือเพราะว่าฉันไม่ใช่ผู้ชาย ก็เลยไม่มีปัญหาอะไรกันนะ?
ขณะที่กำลังเดินพลางครุ่นคิดวนเวียนไปมา ก็เดินผ่านหน้าร้านขายเครื่องประดับแห่งหนึ่ง
อาจจะเพราะใกล้ถึงวันคริสต์มาสกระมัง ถึงแม้จะใกล้เวลาปิดร้านแล้วก็ตาม แต่ภายในร้านกลับเนืองแน่นไปด้วยผู้คนอย่างยิ่ง
พอฉันลองมองเข้าไปในร้านอย่างไม่ได้คิดอะไร เร็นก็เอ่ยถามขึ้นมา
“โรงเรียนของชิโนะน่ะ ห้ามครูใส่เครื่องประดับหรือเปล่านะ?” “อื๊อ ไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะ แค่จะเลี่ยงอันที่ดูหรูหราเกินไปเท่านั้นเอง แล้วแต่คนมากกว่าค่ะ”
ขณะที่ตอบไปนั้น ฉันก็นึกถึงเรื่องของอาจารย์คุมะขึ้นมา
ฉันคิดว่าอาจารย์คุมะเป็นคุณครูที่แต่งตัวเก่งที่สุดในโรงเรียนของเรา
ทั้งสร้อยข้อมือและต่างหูแบรนด์เนมที่เธอใส่เป็นประจำทุกวัน ก็ล้วนเข้ากับเจ้าตัวเป็นอย่างดี แถมยังโดนพวกนักเรียนหญิงชมบ่อยๆ ว่า ‘น่ารักจัง—!’ บ้างล่ะ ‘หนูก็อยากได้แบบนั้นบ้าง—!’ บ้างล่ะ
หากเทียบตัวเองกับอาจารย์คุมะแล้ว…… ฉันที่ไม่ใส่เครื่องประดับ แถมยังไม่ได้ทาเล็บ ก็คงจะดูเรียบๆ ไปเลยสินะ
“ชิโนะ”
พอถูกเรียกชื่อ ก็พลันได้สติกลับมา
เผลอละความสนใจไปจากเร็นชั่วครู่หนึ่ง
“อ๊ะ ขอโทษนะเร็น พอดีกำลังคิดอะไรเพลินไปหน่อย”
“หืม…… ตอนอยู่กับฉัน ห้ามคิดถึงเรื่องของคนอื่นนะ?”
แรงบีบที่มือซึ่งถูกกุมอยู่ก็พลันหนักขึ้น จนรู้สึกเจ็บเล็กน้อย
……ถ้าดูจากบทสนทนาเมื่อครู่นี้ การจะคิดว่าฉันกำลังคิดถึงเรื่องเครื่องประดับอยู่มันก็เป็นเรื่องปกติแท้ๆ…… แต่ทำไมเร็นถึงได้พูดว่า ‘คนอื่น’ กันนะ?
อ๊ะ หรือว่าฉันจะโดนอ่านใจได้อีกแล้ว!?
ไม่ว่าจะเป็นเร็น หรืออาจารย์คุมะ…… คนรอบตัวฉันนี่มีแต่ผู้มีพลังจิตหรือยังไงกันนะ?
ขณะที่กำลังจะเดินผ่านหน้าร้านขายเครื่องประดับไป…… ฉันก็หยุดฝีเท้าลง
เร็นที่จูงมือฉันอยู่ก็เลยต้องหยุดเดินตามไปด้วย
“อะไรเหรอ? จะเข้าร้านเหรอ?”
“อื้อ อื้ม พอดีอยากจะดูสักหน่อยน่ะ……”
พอเอ่ยความต้องการออกไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ ฉันก็ถูกเร็นดึงลากเข้าไปในร้านอย่างแข็งขัน
“มัวเกรงใจอะไรอยู่เล่า เอ้า เข้าไปกันเถอะน่า”
ภายในร้านที่เรียงรายไปด้วยโลหะมีค่ามากมายในตู้โชว์ มันแตกต่างไปจากร้านขายของจิปาถะที่เคยเข้าไปตอนคริสต์มาสสมัยมัธยมปลาย ทั้งกลุ่มลูกค้าและระดับราคา
ดูเหมือนจะเป็นร้านที่จับกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นคนวัยยี่สิบที่เพิ่งจะก้าวเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ เหมือนกับพวกเราเลย
“สะ สวยจังเลยน้า—…… ระ เร็น ตอนนี้ ถ้าเป็นเครื่องประดับล่ะก็ เร็นอยากได้อะไรเหรอ?”
ขณะที่เอ่ยถาม ฉันก็ชำเลืองมองที่ลำคอของเร็นแวบหนึ่ง
โชคเกอร์ที่ฉันให้เป็นของขวัญเร็นตอนมัธยมปลาย ก็ยังคงประดับอยู่บนลำคอของเร็น
……ทั้งๆ ที่เร็นเป็นทั้งนางแบบ ทั้งคนทำงานแล้ว จะใส่ของที่ดีกว่านี้ก็ได้แท้ๆ
แต่ความรู้สึกที่เธอทะนุถนอมของขวัญจากฉันมาตลอดนั้น มันทำให้ฉันดีใจ
ไม่ว่าจะเป็นวันคริสต์มาส หรือวันเกิดของเร็นที่จะมาถึงในเดือนมกราคม…… ก็คิดขึ้นมาว่าอยากจะให้ของขวัญอะไรสักอย่างอีกจังนะ
“อืม—…… อาจจะยังนึกไม่ออกทันทีแฮะ อ๊ะ แต่ว่า ถ้าเป็นของที่ชิโนะเลือกให้ล่ะก็ ต่อให้เป็นขยะแถวนั้นก็ดีใจนะจะบอกให้”
พอเห็นใบหน้าที่ยิ้มกริ่มของเร็น ฉันก็รู้ได้ในทันทีว่าแผนการของตัวเองถูกจับได้เสียแล้ว
“……ขะ ขยะไม่ให้หรอกนะ!”
“เคยบอกไปแล้วนี่นา? ตอนที่กำลังคิดถึงเรื่องของขวัญให้ฉันน่ะ ในหัวของชิโนะจะมีแต่เรื่องของฉันเท่านั้น นั่นแหละสุดยอดที่สุดแล้ว เพราะงั้นวันนี้ก็เหมือนกัน ไม่ต้องกังวลเรื่องเวลาหรอกนะ”
“อ๊ะ…… ขอบใจนะ เร็น”
ค่อยยังชั่ว ดูเหมือนจะค่อยๆ เลือกได้สินะ…… ไม่ใช่แล้ว!
ก็บอกแล้วไงว่าทำไมถึงอ่านใจฉันออกเร็วขนาดนี้เนี่ย!?
ถึงแม้เร็นจะบอกว่าไม่ต้องใส่ใจก็เถอะ แต่เพราะใกล้เวลาปิดร้านแล้ว เวลาก็เลยมีจำกัด
ภายในร้านที่ดูเหมือนจะมีแบรนด์ต่างๆ วางจำหน่ายอยู่มากมายนี้ ฉันจึงเดินดูไปรอบๆ อย่างระมัดระวัง
“เครื่องประดับที่เร็นใช้ตอนถ่ายทำน่ะ ส่วนใหญ่ราคาแพงเหรอ……?”
“เพราะบางทีก็ใช้ของส่วนตัวของสไตลิสต์ด้วย ก็เลยบอกไม่ได้แน่ชัดหรอกนะ”
“งะ…… งั้นเหรอ ขอโทษนะ พอดีฉันไม่ค่อยรู้เรื่องเครื่องประดับเท่าไหร่น่ะ” อีกอย่างนะ ตอนที่ดูนิตยสารหรืออินสตาแกรมน่ะ ฉันก็เอาแต่จ้องมองใบหน้าของเร็น ส่วนเรื่องสำคัญอย่างการแต่งกายกลับไม่ค่อยได้มองเลย……
“ไม่เห็นจะต้องขอโทษเลยนี่นา สร้อยข้อมือเอย แหวนเอย ฉันว่าดีไซน์เพรียวๆ แบบนี้น่าจะเหมาะกับชิโนะนะ”
เร็นหยิบสร้อยข้อมือโซ่สีทองที่อยู่ใกล้ๆ ขึ้นมา
“งะ งั้นเหรอ? เร็นน่ะ ไม่ว่าจะอะไรก็ดูเหมือนจะเข้ากับเธอไปหมดเลยเนอะ”
ฉันหยิบต่างหูนิลกาฬที่อยู่ใกล้ๆ ขึ้นมา แล้วยกขึ้นทาบใกล้ๆ ใบหูของเร็น
อื้ม ต้องเหมาะแน่ๆ
“อ๊ะ ชอบมากเลยนะเนี่ย…… นี่ ชิโนะ ของที่เธออยากได้น่ะ—”
“อ๊ะ เอ่อ!”
คนที่ตะโกนเสียงดังขัดจังหวะคำพูดของเร็น ไม่ใช่ฉัน
พอหันสายตาไปทางต้นเสียง ก็พบเด็กสาวมัธยมปลายสองคนยืนอยู่ด้วยท่าทางประหม่าเล็กน้อย
พอลองเหลือบมองไปพลางคิดว่าคงเป็นคนรู้จักของเร็นกระมัง ไม่รู้ว่าเร็นเองก็กำลังคิดเหมือนกับฉันเป๊ะเลยหรือเปล่า ถึงได้ทำหน้าสงสัย ‘?’ ตอนที่เห็นปฏิกิริยาของฉัน
“อ๊ะ เอ่อ! หรือว่า จะเป็น REN ใช่ไหมคะ!?”
──อ๊ะ จริงด้วย
ในที่สุดก็นึกออกแล้ว
เด็กสองคนนี้ เป็นแฟนคลับของ REN นี่เอง
ฉันปล่อยมือที่จับกันอยู่ออกไปในทันที
ดวงตาของเร็นที่สังเกตเห็นมือซึ่งถูกปล่อยทิ้งไว้กลางอากาศกะทันหัน ก็หันมามองฉันราวกับจะประท้วง
ทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อยแท้ๆ
แถมยังทำไปเพราะคิดถึงเร็นแท้ๆ
แต่ไม่รู้ทำไมฉันถึงได้รู้สึกผิดขึ้นมา ก็เลยเผลอหลบสายตาจากเร็นไป
ดูเหมือนพวกเธอจะไม่ได้ใส่ใจกับการกระทำเพียงชั่วครู่ของพวกเราเลย
เร็นส่งยิ้มงดงามสำหรับใช้ภายนอกให้พวกเธอ ผู้มีดวงตาเป็นประกายวิบวับซึ่งมองเห็นแต่เร็นเท่านั้น
“อื้ม ใช่แล้วล่ะ”
เด็กสาวทั้งสองส่งเสียงร้อง ‘ว้าย’ ออกมาดังลั่น ไม่ได้พยายามจะปิดบังความตื่นเต้นเลย
“ว้า—! ตอนแรกคิดว่า ‘นั่น REN รึเปล่านะ?’ น่ะค่ะ ทั้งตอนเข้าร้าน ทั้งตอนจะเข้ามาทักก็ตื่นเต้นมากๆ เลยค่ะ แต่ดีใจจริงๆ ที่รวบรวมความกล้าเข้ามา! ตัวจริงสุดยอดไปเลย! พวกหนูตามดูทั้งในนิตยสารทั้งในอินสตาแกรมเลยนะคะ!”
“หวา หน้าเล็กจัง! ผอมจัง! ไม่น่ารักเกินไปหน่อยเหรอคะ!?”
“งั้นเหรอ? ขอบใจนะ ดีใจจัง”
เร็นยังคงประดับรอยยิ้มสดใสไว้บนใบหน้า พลางยื่นมือขวาออกไป ดูเหมือนพวกเธอจะยกระดับความตื่นเต้นขึ้นไปอีกขั้นพร้อมกับเสียงกรี๊ด แล้วใช้สองมือจับมือของเร็นไว้เพื่อจับมือทักทาย
แม้แต่ฉันที่ยืนดูอยู่ข้างๆ ก็แทบจะตกหลุมรักการรับมือของเร็นเข้าให้แล้ว ถ้าอย่างนั้น เด็กสาวที่ถูกจับมือด้วยรอยยิ้มนี้จริงๆ คงจะ…… ไม่สามารถสลัดเรื่องของเร็นออกไปจากหัวได้อีกแล้วสินะ……
“ขะ ขอบพระคุณมากค่ะ! พวกหนูต่อจากนี้ไปก็จะคอยเชียร์ REN ตลอดไปเลยค่ะ! จะเป็นกำลังใจให้นะคะ!”
“แต๊งกิ้วนะ นี่ก็ดึกแล้ว กลับบ้านกันดีๆ ล่ะ”
เร็นที่กำลังโบกมือให้พวกเธอซึ่งเดินจากไปด้วยท่าทางพึงพอใจนั้น พอพวกเธอเดินลับสายตาไป ก็พลันผ่อนคลายร่างกายลงทันที
“……ขอโทษนะ ชิโนะ ทั้งๆ ที่กำลังเดทกันอยู่แท้ๆ”
“มะ ไม่เป็นไร! ว่าแต่ว่า รู้สึกเหมือนฉันเองก็ตื่นเต้นไปด้วยเลย! สุดยอดไปเลยนะ เร็น! เหมือนดาราเลยนะ!”
“พูดเกินไปแล้วน่า แต่ก็นะ การที่มีคนคอยสนับสนุนมันก็เป็นเรื่องน่าขอบคุณล่ะนะ”
เร็นดูใจเย็นอย่างน่าประหลาด หรือเพราะเธอเป็นประเภทที่มักจะตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนมากมาย และได้รับเสียงกรี๊ดกร๊าดจากสาวๆ มาตั้งแต่สมัยก่อน เลยชินแล้วกันนะ
แต่ปฏิกิริยามันก็ต่างไปจากตอนนั้นเหมือนกัน ……หรือว่า?
“……เร็นน่ะ โดนเข้ามาทักแบบนั้น บ่อยเหมือนกันเหรอ?”
“อืม ก็ ช่วงหลังๆ มานี้ค่อนข้างจะบ่อยขึ้นมาหน่อยล่ะมั้งนะ”
เพราะเร็นตอบกลับมาอย่างหน้าตาเฉยเหลือเกิน ปฏิกิริยาของฉันก็เลยดูโอเวอร์กว่าไปเสียได้
“เอ๋!? งะ งั้นเหรอคะ…… ตะ ตกใจเลย……”
ไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลย ฉันรู้สึกขึ้นมาจริงๆ ว่าเร็นคือ ‘คนในวงการบันเทิง’ ที่การตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนอยู่ตลอดเวลาคือส่วนหนึ่งของงาน การที่คนแบบนั้นมาอยู่กับคนอย่างฉัน หรือการที่ถูกเห็นว่ากำลังจูงมือกันอยู่ มันจะไม่เป็นไรจริงๆ น่ะเหรอ?
ถึงจะคิดว่าคงไม่เป็นไร เพราะเด็กๆ เมื่อกี๊ดูเหมือนจะมองเห็นแต่เร็นก็เถอะ……
“นี่ ชิโนะ”
พอถูกเรียก ฉันก็เงยหน้าขึ้น แล้วก็ถูกเร็นกุมมือไว้อีกครั้ง
“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ ไม่สบายใจขึ้นมาเหรอ?”
“เห? เอ่อ เอ่อ……”
“ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปสักหน่อย ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ฉันชอบชิโนะ และชิโนะก็ชอบฉัน ไม่ยอมให้ใครมาพูดอะไรได้ทั้งนั้นแหละ”
“……อ๊ะ…… ขอบใจนะ”
รู้สึกได้ว่าแก้มของตัวเองร้อนผ่าวขึ้นมา ถึงแม้ปกติแล้วเร็นจะเอาแต่แกล้งหยอกหรือยั่วโมโหฉันอยู่เรื่อยก็เถอะ แต่เวลาที่ฉันไม่สบายใจแบบนี้ เธอก็จะใช้สายตาและคำพูดที่ตรงไปตรงมา เพื่อพยายามทำให้ฉันสบายใจเสมอ ฉันชอบเร็นตรงนี้นี่แหละ ชอบมากๆ เลย
“อ๊ะ แต่ว่านะ ฉันน่ะ ไม่ได้คิดว่าเร็นจะนอกใจอะไรแบบนั้นเลยนะ?”
“……หืม?”
พอเห็นเร็นเอียงคอสงสัย ก็รู้สึกเหมือนเห็นเครื่องหมายคำถามลอยอยู่เหนือหัวเธอ ฉันจึงรีบอธิบายเพิ่มเติม
“คือ ไม่ได้กังวลเรื่องแบบนั้นหรอกนะ ทะ ที่จริงแล้ว… แค่ไม่ชอบ ที่การอยู่กับฉันอาจจะทำให้ภาพลักษณ์ของเร็นเสียหายเท่านั้นเอง”
เร็นถอนหายใจออกมาเบาๆ
“……เรื่องนั้นเองสินะ”
“อื้อ อื้ม ก็ฉันทั้งจืดชืด ทั้งไม่มีอะไรน่าสนใจเลยนี่นา แถมยังดูไม่คู่ควรที่จะอยู่เคียงข้างเร็นอีก……”
“เรื่องนั้นยิ่งไม่ต้องห่วงเลยน่า ชิโนะเนี่ย ลองมองตัวเองในมุมมองของคนอื่นดูบ้างน่าจะดีกว่านะ?”
เร็นใช้มือข้างที่ไม่ได้จูงมือฉันอยู่เกาหัวตัวเอง
“ขะ ขอโทษนะ นั่น หมายความว่ายังไงเหรอ?”
“ก็ความหมายตามที่พูดนั่นแหละน่า ว่าแต่ว่า…… ชิโนะเนี่ย ก็เป็นแบบนี้สินะ”
เหตุผลที่เร็นทำหน้าเหมือนกำลังงอนอยู่นั้น ฉันไม่เข้าใจเลย
ตอนที่ออกจากร้านนั้น ก็ใกล้จะถึงเวลาที่ต้องกลับจริงๆ แล้ว
“ถ้าเป็นมอเตอร์ไซค์ก็คงจะได้อยู่ด้วยกันอีกหน่อยแท้ๆ เดทครั้งหน้าจะขี่มอเตอร์ไซค์ไปรับส่งเอง”
“มะ ไม่เป็นไรหรอก เกรงใจเร็นแย่เลย…… ทะ แถม… ถ้าเป็นรถไฟ ก็จะได้คุยพลางมองหน้าเร็นไปด้วย ดีใจออกค่ะ”
“……พอโดนพูดอะไรน่ารักๆ แบบนั้นใส่น่ะสิ ก็ยิ่งไม่อยากจะให้กลับเข้าไปใหญ่เลยเนี่ย”
ในวันที่เดทกันจนดึก เร็นผู้แสนอ่อนโยนก็จะมาส่งฉันถึงบ้านเสมอ
เพราะอยู่ในรถไฟ ฉันจึงต้องพยายามอย่างสุดกำลังที่จะอดกลั้นแรงกระตุ้นที่อยากจะโผเข้ากอดเธอเอาไว้
หลังจากเรียนจบมัธยมปลาย เร็นก็ได้ใบขับขี่รถจักรยานยนต์ธรรมดามา ถึงฉันจะไม่รู้เรื่องประเภทหรือว่า ดีไซน์? ของมอเตอร์ไซค์เลยก็เถอะ แต่มอเตอร์ไซค์ของเร็นน่ะ ทั้งใหญ่ ทั้งสีดำ แล้วก็เท่มากเลย
และ… เร็นตอนที่กำลังขับขี่มอเตอร์ไซค์น่ะ ยิ่งเท่กว่านั้นเข้าไปอีก
ตอนแรกฉันเคยเป็นห่วงว่า “มอเตอร์ไซค์น่ะถ้าล้มขึ้นมาจะอันตรายนะ!” ก็จริง… แต่เพราะภาพของเร็นที่กำลังขับขี่มอเตอร์ไซค์มันช่างดูเข้ากันกับเธอเหลือเกิน ตอนนี้ทุกครั้งที่เร็นขี่มอเตอร์ไซค์มาหา ฉันก็เลยเอาแต่ใจเต้นแรงเสียแล้ว
พอพวกเราเดินคุยกันมาเรื่อยๆ ก็มาถึงหน้าแมนชั่นของฉันในชั่วพริบตา ถึงจะยังอยากอยู่ด้วยกันต่อก็เถอะ แต่ในฐานะคนทำงานแล้ว ก็ต้องคิดถึงเรื่องของวันพรุ่งนี้ด้วย
เพราะเวลาของพวกเรา… มีจำกัดนี่นา
“เร็น ขอบคุณนะที่มาส่ง”
“โอ้ว ร่างกายคงจะเย็นหมดแล้วสินะ ถ้าไม่รีบลงแช่น้ำอุ่นล่ะก็ เดี๋ยวจะเป็นหวัดเอานะ”
เร็นที่ถอดถุงมือข้างขวาออก ก็ยื่นมือมาสัมผัสแก้มของฉัน ……อยากให้ สัมผัสมากกว่านี้จังนะ
อยากจะจูบ แต่ว่าตรงนี้คงจะ ไม่ได้สินะ?
ถ้าเพื่อนบ้านมาเห็นเข้าคงจะน่าอึดอัดแย่เลยเนอะ
อือ แต่ว่า……
“ฟุฮ่ะ ชิโนะเนี่ย—…… สิ่งที่คิดมันแสดงออกทางสีหน้าหมดเลยนะรู้ไหม”
เร็นหัวเราะพลางมองหน้าฉัน
“……เอ๊ะ? เอ๋!?”
“ถ้าชิโนะโอเค จูบ ก็ได้นะ”
เดิมทีก็อยากจะทำจะแย่อยู่แล้ว
พอโดนเร็นสัมผัสแล้วจ้องมองมาแบบนี้…… มีหรือที่ฉันจะสามารถเลือกทางเลือกที่ว่า ‘ไม่ทำ’ ได้
“วะ ฉัน จะเป็นคนทำเองค่ะ…… เร็น หลับ… ตาลงนะคะ”
ริมฝีปากของเร็นที่หลับตาลงอย่างว่าง่ายหลังจากหัวเราะออกมาเบาๆ นั้น ฉันประทับจูบลงไปเพียงแค่สัมผัสอย่างอ่อนโยน แม้จะผละริมฝีปากออก ดวงตาของเร็นก็ยังคงไม่เปิดขึ้น
……หมายความว่า ขออีกครั้ง อย่างนั้นหรือเปล่านะ?
พอสัมผัสลงไปอีกครั้ง ก่อนที่จะทันได้รู้สึกถึงความนุ่มนิ่ม ริมฝีปากของเร็นก็เผยอออก เชื้อเชิญราวกับจะบอกว่าให้ล่วงล้ำเข้าไปได้ลึกกว่านี้อีก
พลางตีความเข้าข้างตัวเองว่าถ้าเพียงแค่เล็กน้อยคงไม่เป็นไรสินะ ฉันก็รุกล้ำเข้าไป แสวงหาไออุ่นและความรู้สึกอันแสนสบายนั้น แค่นิดเดียว แค่นิดเดียวเท่านั้น
……ทั้งๆ ที่ คิดแบบนั้นอยู่แท้ๆ
“……เร็น”
“……อื้อ……”
เร็นที่พอถูกเรียกชื่อแล้วตอบสนองอย่างชัดเจนขึ้นมานั้น ช่างน่ารักเหลือเกิน เร็นที่ไล่ตามมาในตอนที่ฉันพยายามจะถอนลิ้นกลับไปนั้น ช่างน่าเอ็นดูเหลือเกิน
ไม่อยากจะผละออกไป
อยากจะสัมผัสมากกว่านี้
ไม่อยากให้กลับเลย
ราวกับจะตักเตือนความเอาแต่ใจของฉันที่คิดถึงแต่ตัวเอง เสียงพูดคุยของใครบางคนก็ดังใกล้เข้ามา
ฉันที่ได้สติกลับมารีบผละออกจากเร็นในทันที คู่รักคู่หนึ่งเดินผ่านพวกเราไปพลางพูดคุยหัวเราะกัน จนกระทั่งเสียงของพวกเขาดังห่างออกไป ฉันกับเร็นก็ได้แต่เพียงจ้องมองหน้ากันเท่านั้น
ดูเหมือนแก้มของเร็นจะแดงระเรื่อ…… ใบหน้าของฉันเองก็คงจะร้อนผ่าวและแดงก่ำอยู่เช่นกันอย่างไม่ต้องสงสัย ท่ามกลางความเงียบสงัดที่กลับมาเยือนอีกครั้ง พวกเราต่างก็ถอนหายใจออกมาโดยไม่ได้นัดหมาย
“……จะให้ทำต่อมันก็คงจะไม่ได้สินะ”
“อื้อ อื้ม…… ถึงจะน่าเสียดายมากๆ ก็เถอะ……”
เรื่องงานในวันพรุ่งนี้
ความเป็นไปได้ที่จะถูกใครบางคนเห็นเข้า
และความกังวลว่าหากหยุดตัวเองไม่ได้ขึ้นมาแล้วจะทำอย่างไรดี
พอคิดถึงเหตุผลเหล่านี้แล้ว ก็คิดว่าการหยุดไว้เพียงเท่านี้ในวันนี้น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
“……งั้น ฉันไปล่ะนะ ถึงบ้านแล้วจะติดต่อมา”
“กลับดีๆ นะ”
“อื้ม งั้น ไว้เจอกันนะ”
เร็นพูดเช่นนั้น แล้วเดินห่างออกไปจากฉัน ฉันชอบจูบกับเร็นมากๆ เลยนะ ถ้าได้รับอนุญาตล่ะก็ อยากจะทำเมื่อไหร่ก็ได้ทั้งนั้น แต่ว่ามันก็มีปัญหาอยู่เหมือนกัน
นั่นคือ คืนนี้ ไม่ว่าจะทำยังไง ก็ต้องนอนกระสับกระส่ายกระวนกระวายใจไปจนเช้าอย่างแน่นอนเสียแล้ว ฉันโบกมือต่อไปราวกับจะปัดเป่าความปรารถนาทางโลกออกไป พลางจัดการกับร่างกายที่ร้อนรุ่มขึ้นมาอย่างครึ่งๆ กลางๆ นี้ไม่ถูก จนกระทั่งร่างของเร็นลับสายตาไป
◇
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ”
เช้าวันรุ่งขึ้น พอมาถึงที่ทำงาน ฉันก็ทักทายอาจารย์คุมะที่นั่งอยู่ข้างๆ เช่นเคย
“อรุณสวัสดิ์จ้ะ อาจารย์ชิโนะจัง”
ฉันพลางนึกถึงร้านขายเครื่องประดับที่ไปกับเร็น แล้วก็ลองตั้งใจมองอาจารย์คุมะที่งดงามตั้งแต่เช้าดูอีกครั้ง สร้อยข้อมือที่ดูเรียบง่ายแต่ก็ให้ความรู้สึกหรูหรา กับเล็บที่ทาไว้อย่างน่ารัก ช่วยทำให้มือของอาจารย์ดูสดใสมีชีวิตชีวาขึ้น…… กับชุดสูทกระโปรงสีเบจนั้น สร้อยคอแพลทินัมที่มองเห็นแวบๆ ตรงช่วงคอ ก็ช่างเข้ากันเป็นอย่างดี อืม—…… อย่างว่าแหละ อาจารย์คุมะนี่ดูเจิดจ้าจริงๆ เลยน้า
“มีอะไรเหรอค้า~? รู้สึกเหมือนโดนอาจารย์ชิโนะจังส่งสายตาร้อนแรงมาให้เลยน้า~?”
แย่ล่ะ เผลอมองมากเกินไปซะแล้ว ต่ออาจารย์คุมะที่กำลังยิ้มกริ่มอยู่ ฉันก็รีบพยายามแก้ตัวทันที
“ขะ ขอประทานโทษค่ะ……! ค แค่มองดูเฉยๆ น่ะค่ะ ไม่ได้มีเจตนาอื่นใดเลยจริงๆ นะคะ……!”
“เอ๋—? งั้นแล้วทำไมถึงมองฉันอยู่ล่ะ?”
“เอ่อ คือว่า…… ก็คิดว่า วันนี้ก็งดงามเหมือนเดิมเลยน่ะค่ะ……”
อาจจะพูดตรงเกินไปหน่อยก็จริง แต่การโกหกไม่เก่งมันยิ่งดูแปลกกว่าไม่ใช่เหรอ? จะโดนคิดว่าน่าขยะแขยงหรือเปล่านะ……? พอลองเงยหน้าขึ้นอย่างกล้าๆ กลัวๆ อาจารย์คุมะก็กำลังกะพริบตาปริบๆ
“……อาจารย์ชิโนะจังเนี่ย กำลังจีบฉันอยู่เหรอ?”
“เอ๋!? มะ ไม่ใช่แบบนั้นนะคะ!”
“อะฮะฮะ ขอโทษที แกล้งมากไปหน่อย ล้อเล่นน่า~”
รอยยิ้มอันสดใสร่าเริงนั้นทำให้ฉันโล่งใจ แต่ว่า อาจจะต้องระวังตัวในฐานะคนทำงานแล้วสินะ การจ้องมองคู่สนทนาเหมือนกำลังสังเกตการณ์น่ะมันเสียมารยาท แถมถ้าเมื่อกี๊คู่สนทนาไม่ใช่อาจารย์คุมะ แต่เป็นคนไม่ดีล่ะก็ บะ บางทีอาจจะโดนไถเงินไปแล้วก็ได้……!
“เป็นอะไรไปเหรอ? ทำไมหน้าซีดแบบนั้นล่ะ?”
ฉันที่กำลังโดนนักเลงหาเรื่องอยู่ในมโนภาพนั้น ก็ได้รับความช่วยเหลือจากอาจารย์คุมะ ……ฉันต้องทำตัวให้เข้มแข็งมากกว่านี้สินะ
วันศุกร์ที่รอคอยมานานมาถึงแล้ว ไม่ใช่แค่เพราะว่าพรุ่งนี้เป็นวันหยุด แต่เหตุผลที่ว่าคืนนี้จะได้เจอเร็นนั้นสำคัญกว่ามาก
ถึงแม้วันนี้จะยังคงวุ่นวายตั้งแต่เช้าเหมือนเคยก็เถอะ แต่คืนนี้มีนัดไปทานอาหารเย็นกับเร็น
ดังนั้นจึงรู้สึกว่าสามารถพยายามทำงานตลอดทั้งวันได้มากกว่าปกติ
……ถึงแม้จะโดนนักเรียนสงสัยก็เถอะว่า “มีเรื่องอะไรดีๆ เกิดขึ้นเหรอคะ?” ก็ตามที
คาบเรียนที่สามสิ้นสุดลง
พักกลางวันสิ้นสุดลง
คาบเรียนที่หกสิ้นสุดลง
หลังเลิกเรียนก็พูดคุยกับนักเรียนเล็กน้อย
ทำงานเอกสารต่างๆ จนเสร็จ—
“ขะ ขอตัวกลับก่อนนะคะ—……”
พลางก้มหัวให้กับคุณครูที่ยังคงทำงานล่วงเวลาอยู่ ฉันก็เดินออกจากห้องพักครู
ตรวจสอบนาฬิกาข้อมือ
ถึงจะกลับตรงเวลาไม่ได้อย่างที่คิดไว้ก็เถอะ แต่ก็น่าจะไปทันเวลานัดหนึ่งทุ่มกับเร็นได้อยู่
กลับบ้านครั้งหนึ่ง เปลี่ยนเสื้อผ้า……
ขณะที่กำลังจำลองลำดับขั้นตอนต่อไปอยู่นั้น ก็สังเกตเห็นว่าบริเวณใกล้ประตูโรงเรียนมีเสียงดังเอะอะ
พอเปลี่ยนรองเท้าแล้วออกไปข้างนอก เหตุผลของเสียงดังนั้นดูเหมือนจะเป็นเพราะมีนักเรียนหญิงจำนวนมากมารวมตัวกันอยู่
เสียงกรี๊ดแหลมสูงอันเป็นเอกลักษณ์ของเด็กสาว กำลังดังสะท้อนไปทั่วบริเวณย่านที่พักอาศัยในยามเย็น
เรื่องนี้… อาจจะโดนเพื่อนบ้านร้องเรียนเข้ามาก็ได้
ฉันที่กังวลเช่นนั้นจึงตัดสินใจเข้าไปตักเตือนนักเรียน โดยเดินมุ่งหน้าไปยังกลุ่มคนที่รวมตัวกันอยู่
พอค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้ นักเรียนคนหนึ่งก็เอ่ยทักขึ้นมา
“อ้าว อาจารย์ชิโนะจัง? ยังอยู่ที่โรงเรียนเหรอคะ เหนื่อยหน่อยนะคะ—”
“อื้ม พอดีมีงานค้างอยู่น่ะจ้ะ วะ ว่าแต่ว่า ช่วยบอกเหตุผลที่คนมามุงกันตรงนี้หน่อยได้ไหม?”
“ได้ค่ะ แต่ว่าอาจารย์จะรู้จักหรือเปล่าน้า? ยังไง ดูด้วยตาตัวเองเลยน่าจะเร็วกว่าค่ะ!”
โดยที่ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นเลย ฉันก็ถูกนำทางไปยังใจกลางของกลุ่มคน
และในชั่ววินาทีที่ได้เห็น ‘เธอคนนั้น’ ผู้อยู่ท่ามกลางวงล้อม— หัวใจของฉันก็แทบจะหยุดเต้น
“ระ ระๆๆๆ เร็น!?”
ณ ที่แห่งนั้น คือคนรักของฉันผู้ยืนพิงมอเตอร์ไซค์สีดำคันโปรด กำลังถูกรายล้อมไปด้วยนักเรียนหญิงจำนวนมากอยู่
“ทะ ทำไม? มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
ตรงกันข้ามกับฉันที่กำลังสับสนวุ่นวายอย่างหนัก เร็นที่เห็นฉันแล้ว ก็ยกมือขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มอันแสนสดใสเจิดจ้า
“โย่ว ชิโนะ! รออยู่เลย”
ทั้งคำพูดและรอยยิ้มนั้น ทำให้นักเรียนหญิงที่อยู่รอบๆ ส่งเสียงกรี๊ดแหลมสูงออกมาพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย
อะไรกันนะ…… ปฏิกิริยาที่มีต่อเร็นนี่มัน…… ดูราวกับว่าจะเป็นแฟนคลับของเร็นเลย หรือว่า…… อ๊ะ จริงด้วย!
“ทุ ทุกคน รู้จักเร็นเหรอ?”
“แน่นอนอยู่แล้วค่ะ! เด็กวัยรุ่นอย่างพวกหนูน่ะ มีคนที่ชื่นชม REN เยอะแยะเลยนะคะ!”
อย่างที่คิดไว้จริงๆ ด้วย
นักเรียนเหล่านี้คือแฟนคลับของ “REN” ผู้มีผลงานในฐานะนางแบบนั่นเอง
ถ้า REN ที่ชื่นชมอยู่จู่ๆ ก็มาปรากฏตัวที่หน้าโรงเรียน ก็ต้องตื่นเต้นเป็นธรรมดาอยู่แล้วสินะ
เด็กสาวที่เข้ามาทักเร็นที่ร้านขายเครื่องประดับเมื่อวันก่อนก็ ทำหน้าแบบเดียวกันนี่นา
“ว่าแต่ว่า REN เนี่ย ตัวจริงสวยมากๆ เลย! หน้าเล็กนิดเดียว~!”
ใช่ไหมล่ะ?
ทั้งสวย ทั้งน่ารัก ทั้งเท่เลยใช่ไหมล่ะ!?
……อันที่จริงแล้ว ฉันเองก็อยากจะส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดไปพร้อมกับพวกนักเรียนเหมือนกัน
แต่ว่า ตอนนี้ต้องวางตัวในฐานะครูสิ
เรื่องที่ REN กับฉันคบกันนั้น เมื่อพิจารณาจากสถานะของเร็นและฉันแล้ว จะต้องปิดเป็นความลับต่อหน้าเด็กๆ เหล่านี้เด็ดขาด!
“เข้าใจแล้วล่ะนะว่าดีใจที่ได้เจอเร็นน่ะ ช่วยลดระดับเสียงลงอีกหน่อยนะจ๊ะ เพราะจะเป็นการรบกวนเพื่อนบ้านใกล้เคียงนะจ๊ะ”
พอตักเตือนไปอย่างนุ่มนวล ทุกคนก็ตอบรับว่า “ค่า—” แล้วทำตามแต่โดยดี…… แต่คิดว่าคงไม่ใช่เพราะอำนาจของฉันหรอก แต่เป็นเพราะความรู้สึกที่ว่าไม่อยากจะโดน REN เกลียดน่าจะมากกว่า……
อื้ม เร็นนี่สุดยอดจริงๆ นั่นแหละ
ขณะที่กำลังมองดูเร็นที่รับมือกับเหล่านักเรียนด้วยรอยยิ้ม ด้วยความรู้สึกอันบริสุทธิ์อยู่นั้น
“อาจารย์ชิโนะจังกับ REN เนี่ย เป็นอะไรกันเหรอคะ?”
นักเรียนคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงร่าเริงตื่นเต้น เป็นคำถามง่ายๆ ที่ถูกถามออกมาตรงๆ
คงจะเป็นคำถามที่ทุกคนกำลังรอจังหวะว่าจะถามออกมาเมื่อไหร่ดีอยู่แล้วกระมัง
สายตาของเหล่านักเรียนที่เปี่ยมไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น ก็หันมาจับจ้องที่ฉันพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย
ถึงแม้ปกติจะยืนอยู่หน้าชั้นเรียนก็จริง แต่มันก็แตกต่างไปจากการสอน
ฉันที่ไม่คุ้นเคยกับการตกเป็นเป้าสายตามาแต่ไหนแต่ไร ก็ได้แต่สับสนทำอะไรไม่ถูก
“อ๊ะ เอ่อคือว่า…… ฉันกับเร็นเรียนมัธยมปลายที่เดียวกันน่ะค่ะ……”
“เอ๋—!? สุดยอด—! อิจฉาจัง—!”
เพียงแค่บอกว่าเรียนมัธยมปลายที่เดียวกัน เหล่านักเรียนก็พากันตื่นเต้นดีใจอย่างน่าตกใจ
“ตอนมัธยมปลาย REN ป๊อปปูลาร์ไหมคะ?”
“อาจารย์ชิโนะจังกับ REN ไปเที่ยวเล่นกันที่ไหนเหรอคะ?”
คำถามต่างๆ ก็พรั่งพรูออกมาไม่ขาดสาย
ต้องรีบจัดการความวุ่นวายนี้ให้สงบลงโดยเร็ว
“ดะ เดี๋ยวก่อน ต้องเงียบๆ กันหน่อยนะจ๊ะ…… เอ่อ คือว่านะ”
ฉันตัดบทคำถามเหล่านั้นอย่างแข็งขัน ก่อนจะ—
“ฉะ ฉันกับเร็นน่ะ เป็นเพื่อ……”
—ตั้งใจว่าจะพูดว่า ‘เป็นเพื่อนกัน’
แต่ก็พูดออกไปไม่ได้
เพราะก่อนที่จะทันได้พูดจบ หมวกกันน็อกสีแดงใบหนึ่งก็ถูกสวมลงมาบนหัวของฉันเสียก่อน
“เอะ?”
หมวกกันน็อกสีแดงใบนี้ คือหมวกกันน็อกสำหรับฉันโดยเฉพาะที่เร็นเตรียมไว้ให้
ตอนที่ได้รับเป็นของขวัญก็ดีใจมากๆ เลย…… ไม่ใช่แล้ว!
ตอนนี้เร็น กำลังคิดอะไรอยู่กันแน่นะ……?
เพราะหมวกกันน็อกแบบเต็มใบมันปิดมาถึงหู เสียงของพวกนักเรียนก็เลยฟังดูห่างออกไปเล็กน้อย
แต่เสียงของเร็นที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมนั้น ฉันได้ยินอย่างชัดเจน
“ยัยนี่น่ะ เป็นของฉัน”
……เร็น!?
ต่อหน้าพวกนักเรียน พะ พๆๆ พูดอะไรออกมาน่ะ!?
โชคดีที่หมวกกันน็อกช่วยบังใบหน้าไว้ ไม่ให้พวกนักเรียนเห็น
คิดว่าสีหน้าของฉันในตอนนี้ คงเป็นสิ่งที่ไม่สมควรให้ครูแสดงออกมาแน่ๆ เพราะความสับสนวุ่นวายใจ
เสียงกรี๊ดแหลมสูงของพวกนักเรียนที่คิดว่าดังห่างออกไปแล้ว กลับดังกระหึ่มเข้ามาในหู
ทุกคนคงจะกำลังส่งเสียงดังกันมากสินะ
“ระ เร็น? ทะ ทำไมเหรอ?”
“ชิโนะ ขึ้นมาสิ”
พอฉันทำตามทั้งที่หัวใจยังเต้นระรัวไม่หยุด เร็นก็สวมหมวกกันน็อกสีดำของตัวเองลงไป
“ไปล่ะนะ ทุกคน ฝากดูแลอาจารย์ชิโนะจังด้วยนะ—”
โดยมีเสียงกรี๊ดร้องยินดีดังก้องอยู่เบื้องหลัง เร็นก็ขับมอเตอร์ไซค์ออกไปพร้อมกับฉันที่ซ้อนอยู่ด้านหลัง
เพื่อไม่ให้ถูกเหวี่ยงตกลงไปจากมอเตอร์ไซค์ที่ค่อยๆ เร่งความเร็วขึ้น ฉันก็ใช้แขนโอบรอบเอวของเร็นไว้แน่น ……การตักเตือนนักเรียนเมื่อกี๊ ไม่มีประโยชน์เลยสินะ
คงต้องเตรียมใจรับมือกับข้อร้องเรียนจากเพื่อนบ้านที่จะมาถึงในวันพรุ่งนี้แล้วสินะ
◇
ตามแผนแล้ววันนี้พวกเราตั้งใจจะไปทานอาหารกันที่ร้านอาหารแฟมิลี่เรสเตอรองต์ใกล้สถานีที่อยู่กึ่งกลางระหว่างบ้านของฉันกับบ้านของเร็น แต่เราแวะที่ร้านสะดวกซื้อกันก่อน
ซื้อกาแฟร้อน แล้วก็ดื่มด้วยกันสองคนที่ลานจอดรถซึ่งเร็นจอดมอเตอร์ไซค์ไว้ ไออุ่นลอยอ้อยอิ่งให้เห็นได้ชัดเจนท่ามกลางอากาศอันหนาวเย็น
วันนี้อากาศหนาวเย็นลงกว่าเดิมอีกระดับหนึ่ง ถึงขนาดที่ขี่มอเตอร์ไซค์แล้วร่างกายแทบจะแข็งเป็นน้ำแข็ง ขนาดฉันที่ทำเพียงแค่เกาะหลังเร็นไว้ยังสั่นขนาดนี้ เร็นที่กำลังขับขี่อยู่จะหนาวสักเพียงใดกันนะ
พอลองจับมือข้างที่ไม่ได้ถือแก้วกาแฟของเร็นดู มันก็เย็นเฉียบจริงๆ อย่างที่คิดไว้
“หนาวไหม?”
“หนาวสิ แต่ว่า ตอนนี้อุ่นขึ้นมาแล้วล่ะ”
พอโดนจ้องมองแล้วถูกลูบมือให้ ก็รู้สึกเหมือนอุณหภูมิร่างกายพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
“นะ เร็น…… จะเป็นไรไหมนะ? ที่พูดแบบนั้นออกไปต่อหน้าพวกนักเรียนน่ะ……”
“แบบนั้นน่ะ คือแบบไหนเหรอ?”
“เอ่อ…… คะ คำที่ว่า ‘ยัยนี่น่ะ เป็นของฉัน’…… น่ะค่ะ……”
คำพูดที่ทำให้ใจเต้นแรงตอนที่เร็นพูดนั้น พอต้องมาพูดออกมาเองแบบนี้มันก็ทำให้หน้าร้อนผ่าวมากๆ เลย
“ก็มันเรื่องจริงนี่นา? หรือว่า “อาจารย์ชิโนะจัง” เป็นคุณครูประเภทที่โกหกต่อหน้านักเรียนกันล่ะ?”
“อือ—…… ใจร้ายจังเลย……”
“……ชิโนะน่ะ ถ้าเรื่องที่คบกับฉันถูกนักเรียนรู้เข้าจะลำบากเหรอ?”
“ลำ… ลำบากก็ไม่ใช่หรอกค่ะ แต่ว่า……”
ตอนที่เพิ่งจะเข้าสู่วัยทำงานใหม่ๆ หนึ่งในกฎที่พวกเราสองคนพูดคุยตกลงกันไว้
เร็นเป็นนางแบบ ส่วนฉันเป็นครู
เพราะกลัวว่าจะมีผลกระทบอะไรต่องานของแต่ละฝ่าย พวกเราจึงได้ตกลงกันไว้ว่าจะไม่เปิดเผยเรื่องที่คบกันต่อสาธารณะ ยกเว้นคนที่สนิทมากๆ หรือคนที่ไว้ใจได้จริงๆ
ถึงจะรักพวกนักเรียนมากก็เถอะ แต่การจะบอกความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับเร็นให้พวกเธอฟัง… ก็รู้สึกว่ามันยังเร็วเกินไป
เพราะอย่างนั้นเมื่อครู่ฉันถึงได้คิดว่า ‘จะต้องปิดเป็นความลับเด็ดขาด!’ แล้วก็ปฏิบัติตัวออกไปเช่นนั้น
แต่ถ้าการปิดบังมันทำให้เร็นต้องรู้สึกเจ็บปวดล่ะก็…… หรือถ้าเธออยากจะบอกจริงๆ บางทีแบบนั้นอาจจะดีกว่ากันนะ……?
“……ไม่ล่ะน่า ล้อเล่น ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ชิโนะต้องกังวลขนาดนั้นเสียหน่อย ขอโทษนะ”
แรงบีบกระชับลงบนมือที่ถูกกุมอยู่
“เด็กพวกนั้นก็ไม่ได้คิดจริงจังอะไรหรอกน่า คงคิดว่าเป็นแค่แฟนเซอร์วิสของฉันเท่านั้นแหละ ไม่ต้องห่วงน่า”
ฉันคงจะคิดมากเกินไปเองสินะ?
เร็นแย้มยิ้มอย่างสงบ พลางยื่นหน้าเข้ามามองฉันใกล้ๆ
“วะ ฉันไม่ได้กังวลสักหน่อยน่า ว่าแต่ว่า เร็นเนี่ย อย่างว่าแหละนะ เป็นนางแบบที่โด่งดังในหมู่นักเรียนหญิงมัธยมปลายมากๆ เลยนะ!”
“……อา— ก็นะ พอดีลงในนิตยสารที่เจาะกลุ่มวัยรุ่นอยู่บ้างเหมือนกันนี่นา”
“สุดยอดเลยนะ! ดีใจนะที่เร็นเป็นที่นิยมแบบนี้น่ะ อยากจะให้มีคนชอบเร็นมากขึ้นไปอีกเยอะๆ เลยนะ”
แน่นอนว่า ฉันมั่นใจว่าตัวเองชอบเร็นมากที่สุดในโลกก็จริง
แต่ความรู้สึกที่ฉันชอบและอยากจะสนับสนุนเร็นนั้น ก็อยากจะให้ผู้คนมากมายรู้สึกเช่นเดียวกัน
อยากจะให้พวกเขารู้จักเสน่ห์ของเร็นให้กว้างขวางและลึกซึ้งยิ่งขึ้น
เพราะฉันคือแฟนสาวของ ‘ชิรายูกิ เร็น’ และยังเป็นแฟนคลับตัวยงของนางแบบแฟชั่น “REN” ด้วย
“……ชิโนะเนี่ย ตอนมัธยมปลายที่เคยพูดว่า ‘ดีใจที่เร็นเป็นที่รักของผู้คนมากมาย เพราะงั้นถึงไม่หึงหวงไงล่ะ’ น่ะ จำได้ไหม?”
“จำได้สิ แต่ว่า ทำไมเหรอ?”
“เรื่องนั้นน่ะ ตอนนี้ก็ยังไม่เปลี่ยนไปเหรอ?”
“อื้อ อื้ม ยิ่งตอนนี้เร็นเป็นนางแบบด้วยแล้ว ก็ยิ่งคิดว่าอยากจะให้เธอเป็นที่รักของผู้คนมากขึ้นไปอีกเยอะๆ เลยนะ?”
อีกอย่าง เพราะฉันรู้จักเร็นในมุมที่ทุกคนไม่รู้ตั้งมากมาย ก็เลยไม่หึงหวงไง
นี่ก็เป็นแนวคิดของฉันที่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยตั้งแต่สมัยมัธยมปลายก็จริง…… แถมยังเคยเล่าให้เร็นฟังแล้วด้วย ก็น่าจะสื่อไปถึงแล้วสินะ?
“……หืม—…… งั้นเหรอ”
……ดูเหมือนว่าเร็นจะไม่ค่อยชอบใจคำพูดของฉันเท่าไหร่นัก น้ำเสียงนั้นถึงได้ฟังดูหม่นหมองกว่าปกติ
“นี่ ชิโนะ จากนี้ไป ขอเปลี่ยนจุดหมายปลายทางได้ไหม?”
“เอ๊ะ? ปะ ไปไหนเหรอ?”
“อืม— เดี๋ยวคิดไปพลางขี่ไปพลาง แต่ว่า ไปที่ไกลๆ หน่อยนะ”
“ทะ ที่ไกลๆ หน่อยนี่……?”
“เอาเถอะน่า เป็นที่ที่กลับมาได้ภายในวันนี้แหละ วางใจให้ฉันจัดการได้ไหม?”
เวลาที่โดนเร็นพูดแบบนั้นแล้วจ้องมองมา ฉันไม่เคยปฏิเสธได้สักครั้งเลยก็จริง
แต่เร็นในวันนี้ดูเหมือนจะมีความเปราะบางหรืออย่างไรไม่ทราบ ทำให้ฉันรู้สึกว่าปล่อยเธอไว้แบบนี้ไม่ได้ ถึงขนาดที่คิดว่าต้องอยู่ใกล้ๆ เธอให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เลยทีเดียว
“ขะ เข้าใจแล้ว ฝากเร็นจัดการเลยนะ”
เดิมที แค่ได้อยู่กับเร็น จะไปที่ไหนก็ได้อยู่แล้ว
พวกเราทิ้งแก้วกาแฟร้อนที่ว่างเปล่าลงถังขยะ แล้วก็ขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์ออกเดินทางอีกครั้ง
เอวของเร็นที่ฉันใช้แขนโอบรอบไว้นั้น ช่างบอบบางราวกับจะหักได้ง่ายๆ เสียเหลือเกิน
ถูกความกังวลว่าเร็นอาจจะเลือนหายไปในความมืดมิดของฤดูหนาวที่ดวงตะวันลับขอบฟ้าไปแล้วเข้าครอบงำ ฉันจึงได้แต่เพียงกอดเธอไว้แน่นสุดกำลัง และถ่ายทอดความรู้สึกว่าไม่อยากปล่อยและไม่อยากจากไป ผ่านแผ่นหลังของเธออย่างต่อเนื่อง
◇
พวกเราที่มาถึงสวนสาธารณะริมทะเล ก็กำลังสั่นสะท้านไปด้วยความหนาว
“หะ หนาวกว่าที่จินตนาการไว้เยอะเลยนะเนี่ย~……!”
“ขะ ขอโทษที…… อาจจะดูถูกทะเลฤดูหนาวไปหน่อย……”
ลมทะเลอันเย็นยะเยือกพัดกระหน่ำร่างของพวกเราอย่างไม่ปรานีราวกับจะแช่แข็ง
ถึงแม้จะสวมเสื้อผ้าหนาก็ตามที แต่หากเพียงยืนนิ่งๆ ร่างกายก็จะยิ่งเย็นลงไปเรื่อยๆ
เพื่อให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นแม้เพียงเล็กน้อย ฉันกับเร็นจึงเดินเคียงบ่าเคียงไหล่กันไปสองคน
“ตะ แต่ว่าเพราะมันหนาว ก็เลยไม่มีคนเลย ดีจังเลยเนอะ! แถมยังเงียบสงบด้วย!”
สวนสาธารณะริมทะเลในตอนเย็นย่ำของวันธรรมดา แทบจะไร้ผู้คนโดยสิ้นเชิง
อาจจะเพราะตอนที่เคยมาครั้งก่อนเป็นวันอาทิตย์เดือนพฤษภาคมกระมัง ที่นี่จึงเคยเนืองแน่นไปด้วยครอบครัวและคู่รักมากมาย
ทั้งๆ ที่น่าจะมายังสถานที่เดียวกันแท้ๆ แต่กลับรู้สึกราวกับว่าเป็นคนละโลกเลยทีเดียว
“อืม พอเธอพูดแบบนั้นก็ค่อยโล่งใจหน่อย ที่ทำให้ต้องมาเจออากาศหนาวขนาดนี้ ก็แอบรู้สึกผิดอยู่เหมือนกันน่ะสิ”
พอเร็นทำสีหน้าเหมือนรู้สึกผิดแบบนั้น ฉันก็รู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจขึ้นมา
“อย่าพูดแบบนั้นสิ ฉันน่ะแค่ได้มาดูทะเลกับเร็น ก็ดีใจมากจริงๆ นะรู้ไหม?”
“……โอ้ว แต๊งกิ้วนะ”
คิดไปเองหรือเปล่านะ
ไม่รู้ทำไม รู้สึกว่าท่าทีของเร็นในวันนี้ดูต่างไปจากปกติ
ก่อนที่จะทันได้ค้นหาเหตุผลของความรู้สึกไม่ลงรอยกันเล็กๆ ที่ผุดขึ้นมานั้น เร็นก็เอ่ยขึ้น
“ถึงจะหนาว แต่ไปนั่งตรงแถวนั้นกันเถอะน่า เหนื่อยหน่อยแล้ว”
ถ้าเป็นตอนสมัยเรียนล่ะก็ เร็นคงจะเสนอให้นั่งลงบนหาดทรายที่อยู่ใกล้ทะเลมากกว่านี้เป็นแน่
แต่ตอนนี้คงเป็นเพราะฉันอยู่ในชุดทำงานกึ่งลำลองหลังเลิกงานกระมัง
หรืออาจจะเพราะกังวลว่าเสื้อผ้าจะเปรอะเปื้อน เธอจึงชี้ไปยังม้านั่งที่อยู่ห่างจากทะเลออกมาเล็กน้อย
“อื้อ อื้ม!”
ด้วยคำพูดและการกระทำอันเรียบง่ายนั้น ก็ทำให้ฉันตระหนักได้ว่าพวกเราคือคนทำงานแล้ว
ตอนที่ฉันวางผ้าเช็ดหน้าลงบนม้านั่งใต้ก้นของเร็นที่กำลังจะนั่งลงไปทั้งอย่างนั้น เร็นก็หัวเราะออกมาเบาๆ พลางบอกว่า
“สมกับเป็นชิโนะจังเลยนะ”
แล้วก็ดันผ้าเช็ดหน้านั้นมาทางฉันแทน
เพื่อปกป้องกันและกันจากลมที่พัดกระหน่ำใส่พวกเราซึ่งกำลังมองทะเลอยู่ให้ได้มากที่สุด พวกเราจึงขยับตัวเข้ามาเบียดชิดจนไหล่แนบสนิทกัน
ร่างกายซีกขวาของฉัน กับร่างกายซีกซ้ายของเร็น
ส่วนที่สัมผัสกันแม้จะผ่านเสื้อโค้ทนั้นช่างอบอุ่น จนทำให้ฉันยิ่งอยากจะขยับเข้าไปแนบชิดเร็นมากขึ้นอีก
“อะไรกันเล่า ขี้อ้อนจังนะ”
พูดพลางหยอกล้อ เร็นก็ยกแขนขึ้นมาโอบรอบไหล่ของฉัน
ฉันวางมือของตัวเองซ้อนทับลงบนมือของเร็น
ไออุ่นของพวกเรา ค่อยๆ หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน
ฉันที่ความรู้สึกว่า ‘อยากจะมากกว่านี้’ ผุดขึ้นมาในใจนั้น ก็รีบกวาดตามองไปรอบๆ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ ก่อนจะโผเข้ากอดเร็นไว้สุดกำลังตามที่ใจปรารถนา
“แปลกจังเลยนี่นา ปกติถ้าอยู่ข้างนอกจะกังวลสายตาคนอื่นแท้ๆ”
“เอเฮะเฮะ ก็คนมันน้อยนี่นา แถมยังมืดจนแทบมองไม่เห็นอะไรแล้วด้วย ก็เลยคิดว่าน่าจะโอเคน่ะ”
ฉันซบศีรษะลงบนไหล่ของเร็น กลิ่นแชมพู กับ กลิ่นของเร็น กลิ่นจากต้นคอ
ความปรารถนาที่อยากจะสัมผัสเร็นให้มากขึ้นและหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวนั้น ก็พลัน เอ่อล้นขึ้นมา
“……ชิโนะ”
ดวงตาของเราสบกัน ฉันอ่านเจตนาออก
ใบหน้างดงามของเร็นขยับเข้ามาใกล้
ริมฝีปากสัมผัสกัน แล้วเร็นก็ค่อยๆ ผละออก
ณ ระยะห่างอันใกล้ชิดราวกับสัมผัสได้ถึงลมหายใจ พวกเรากลับมาจ้องมองกันอีกครั้ง
──ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี แต่ในชั่วขณะนั้น
ราวกับว่าในโลกนี้มีเพียงแค่ฉันกับเร็นสองคนเท่านั้น มีทั้งความรู้สึกเปี่ยมสุขล้นเหลือและความรู้สึกอ้างว้างโดดเดี่ยวอยู่ในที
“การจูบกันข้างนอกนี่ก็ด้วย ตั้งแต่เข้าสู่วัยทำงาน… ก็ลดน้อยลงไปมากเลยเนอะ”
“……นั่นสินะ ก็เพราะมีสิ่งที่เรียกว่า ‘เหตุผลแบบผู้ใหญ่’ อยู่นี่นา”
ใช่แล้ว พวกเราในตอนนี้ มีทั้งเหตุจำเป็นที่ต้องแคร์สายตาคนอื่น แถมยังมีกฎที่ต้องปฏิบัติตามด้วย
“วันนี้ จูบกันเยอะๆ… ได้ไหม?”
“ได้สิ”
พอถูกยืนยันอย่างหนักแน่น ฉันก็เริ่มจูบ
โชคเกอร์บนลำคอของเร็นสะท้อนแสงจันทร์เป็นประกาย
“ทำไมเหรอ?”
“……ก็เพราะว่าวันนี้ ไม่รู้ทำไมถึงเกิดอยากจะบอกทุกคนขึ้นมา… ว่าเราคบกันน่ะสิ”
ขณะที่พูด ริมฝีปากของเราก็สัมผัสกันอีกครั้ง
“……รู้อยู่แล้วน่า ฉันก็เป็นนางแบบอยู่ ถึงจะไม่เต็มตัวก็เถอะ ส่วนชิโนะก็เป็นครู เรื่องที่ไม่ควรป่าวประกาศความสัมพันธ์ของเราออกไปน่ะ เราก็ตัดสินใจตั้งกฎแบบนั้นกันไว้แล้วนี่นา…… แต่ว่า ตอนนี้ไม่มีใครมองอยู่ไม่ใช่เหรอ?”
บริเวณรอบๆ ไม่มีใครอยู่เลยจริงๆ
ผู้คนที่มองเห็นได้ประปรายในระยะสายตานั้น ต่างก็กำลังวิ่งจ็อกกิ้งบ้าง หรือไม่ก็กำลังมองทะเลอยู่บ้าง ไม่มีใครมองมาทางพวกเราเลย
“เพราะงั้น…… มากกว่านี้”
ฉันจูบเร็นโดยไม่รอให้เธอพูดจบ
แต่ทว่า ฉันไม่พอใจเพียงแค่การสัมผัสอีกต่อไปแล้ว
พอลองใช้ลิ้นไล้เลียริมฝีปากของเร็นเบาๆ เร็นที่ยอมรับคำขอของฉัน ก็แลบลิ้นออกมาเล็กน้อยอย่างซุกซน
ฉันก็ลืมสิ้นทั้งศักดิ์ศรีและเหตุผล ดูดดึงลิ้นนั้นเข้าไป แล้วหลอมละลายเส้นแบ่งระหว่างพวกเราอย่างหมดหัวใจ
อุณหภูมิภายนอกที่หนาวเย็นเกินไป ก็ย้อมลมหายใจที่หนักหน่วงขึ้นทุกครั้งที่ฉันกับเร็นจูบกันให้กลายเป็นสีขาว
ฉันที่เปิดตาอยู่เพราะดีใจกับการจูบกันข้างนอกนั้น ทั้งโลกสีขาว (จากลมหายใจ) ทั้งภาพใบหน้าของเร็นที่ทวีความเย้ายวนขึ้นเรื่อยๆ ก็ล้วนจับจ้องไว้อยู่ในสายตาอย่างชัดเจน
มันคือทางเลือกสุดท้ายอันยากยิ่ง
ความรู้สึกที่อยากจะจ้องมองใบหน้าอันยั่วยวนของเร็นต่อไปแบบนี้เรื่อยๆ กับความรู้สึกที่อยากจะหลับตาลงแล้วสัมผัสความรู้สึกดีนี้ให้ลึกซึ้งยิ่งกว่าเดิม
ฉันครุ่นคิดอย่างฟุ่มเฟือยกับสองสิ่งที่ไม่อาจทำพร้อมกันได้นี้
“……เร็น”
พอผละริมฝีปากออกครั้งหนึ่ง เร็นก็มองฉันด้วยท่าทางอาลัยอาวรณ์
“……ยังไม่พอ”
พึมพำเช่นนั้น เร็นก็ใช้แขนโอบรอบคอของฉัน
ฉันสะกดกลั้นความรู้สึกที่อยากจะตอบสนองคำเรียกร้องของแฟนสาวสุดน่ารักในทันทีเอาไว้ แล้วค่อยๆ ประทับริมฝีปากลงบนหน้าผาก และแก้ม อย่างเชื่องช้า
“เย็นเฉียบเลยนะ ยังอยู่ตรงนี้ต่อได้ ไม่เป็นไรแน่นะ?”
“ก็ อืมนะ ว่าแต่ว่า ชิโนะเองก็หนาวไม่ใช่เหรอ”
ถึงแม้ร่างกายจะเริ่มอุ่นขึ้นจากการจูบสักเพียงใดก็ตาม แต่เพราะลมทะเลที่พัดแรงกว่านั้น ยังไงร่างกายก็ต้องเย็นลงอยู่ดี
ถ้าหากเร็นเป็นหวัดขึ้นมาคงเป็นเรื่องใหญ่แน่
“……ถ้าหากจูบกันให้มากกว่านี้ มากกว่านี้อีกเรื่อยๆ อุณหภูมิร่างกายจะสูงขึ้นจนหายหนาวหรือเปล่านะ?”
ไม่รู้ว่าล่วงรู้ถึงความปรารถนาของฉันหรือเปล่า เร็นยกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้มอย่างอ่อนโยน
“……จะลองดูไหมล่ะ?”
พอโดนอ้อนวอนด้วยสายตาที่ยั่วยวนเช่นนั้นเข้า ตัวห้ามล้อของฉันก็คลายออกอย่างง่ายดาย
ฉันจึงประทับริมฝีปากลงบนลำคอต่อทันที หลังจากใช้ลิ้นไล้เลียเบาๆ ก็ตั้งใจจะดูดเม้มลงไปตรงบริเวณแนวกล้ามเนื้อที่ซ่อนอยู่ใต้เสื้อผ้า…… แต่ว่าวงจรความคิดในฐานะผู้ใหญ่ของฉัน ก็ส่งสัญญาณไฟเหลืองกะพริบเตือนขึ้นมา
──อยากจะฝากรอยแดง ไว้บนลำคอขาวๆ นี้จัง
อยากจะพิสูจน์ ว่าเธอคือคนรักของฉัน
พอเห็นฉันที่หยุดการเคลื่อนไหวไปกะทันหัน เร็นก็ลูบศีรษะฉันเบาๆ อย่างอ่อนโยน
“อยากจะ ทำรอยเหรอ?”
“……อื้ม”
“……ขอโทษนะ วันนี้คงจะยากหน่อย”
“……อื้ม ทางฉันเองก็ต้องขอโทษเหมือนกันนะ? ทั้งๆ ที่พวกเราสองคนเคยสัญญากันไว้แล้วแท้ๆ”
แต่ทว่า ความปรารถนานั้นไม่อาจเป็นจริงได้
ตราบใดที่เร็นยังคงทำงานในฐานะนางแบบ เพื่อให้สามารถรับมือได้ไม่ว่าจะถูกถ่ายทำในรูปแบบใดก็ตาม ในช่วงเวลาที่ใกล้จะมีตารางถ่ายงานเข้ามา พวกเราจะไม่ทำรอยจูบไว้บนร่างกายอันเป็นต้นทุนนี้
นี่คือกฎที่พวกเราได้กำหนดไว้ร่วมกัน
ฉันกดข่มความปรารถนาอันแสนเยาว์วัยไว้ภายในกาย แล้วค่อยๆ ผละตัวออกจากเร็นเบาๆ
ฉันคิดว่าเร็นเองก็คงจะรู้สึกเช่นเดียวกับฉันเหมือนกัน เธอถึงได้บีบมือของฉันไว้แน่น
“……คิดว่าพอเข้าสู่วัยบรรลุนิติภาวะ เป็นคนทำงานแล้ว จะมีอิสระมากขึ้นแท้ๆ…… แต่ไม่รู้ทำไม กลับรู้สึกเหมือนถูกผูกมัดมากกว่าเดิมเสียอีกนะ”
“เร็น……”
พอเอ่ยชื่อออกไป แล้วจ้องมองใบหน้าที่ดูเหงาหงอยนั้น เร็นก็หัวเราะออกมาเบาๆ
“ขอโทษที พูดอะไรไม่สมกับเป็นฉันเลยแฮะ อาจจะเป็นเพราะบรรยากาศของทะเลฤดูหนาวก็ได้นะ”
“เร็นเนี่ย มีมุมที่โรแมนติกอยู่ไม่น้อยเลยนะเนี่ย”
ทั้งๆ ที่ไม่ได้ตั้งใจจะล้อเลียนเลยแม้แต่น้อย แต่เร็นคงจะเขินอายเล็กน้อยกระมัง ถึงได้หน้าแดงขึ้นมา
“น หนวกหูน่า! ชิโนะที่พูดแบบนั้นน่ะ ต้องโดนลงโทษ เอ้านี่!”
มือของเร็นสัมผัสถูกใบหูของฉัน
ดูเหมือนเธอจะคาดหวังให้ฉันตอบสนองว่า “เย็นเจี๊ยบ!” สินะ
แต่เพราะใบหูของฉันมันเย็นกว่าปลายนิ้วของเร็นเสียอีก หลังจากความเงียบงันผ่านไปครู่หนึ่ง ฉันก็เผลอยิ้มออกมา
“เอเฮะเฮะ เสียใจด้วยนะ มือของเร็นน่ะ ทั้งอุ่นทั้งรู้สึกดีเลยล่ะ”
“……หูของชิโนะน่ะ ไม่แข็งจนหลุดออกมาเลยรึไงหา?”
ถึงจะทำปากยื่นเหมือนกำลังงอนก็เถอะ แต่เร็นก็ยังคงค่อยๆ ลูบใบหูของฉันอย่างประณีตเพื่อจะทำให้มันอุ่นขึ้น
การกระทำนั้น ความอ่อนโยนนั้น มันมากเพียงพอที่จะทำให้หัวใจของฉันจั๊กจี๋แล้ว
“……เร็น”
ในชั่ววินาทีที่ฉันขยับใบหน้าเข้าไปใกล้อีกครั้ง— ลมกระโชกอันเย็นเยือกก็พัดผ่านมา
พอร่างกายปะทะเข้ากับสายลมแรงราวกับจะแช่แข็งทุกสิ่งทุกอย่าง พวกเราก็สบตากัน— ต่างฝ่ายต่างก็ล่วงรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการจะพูดอะไร
“……ไปหาที่อุ่นๆ ดื่มเครื่องดื่มอุ่นๆ กันดีไหมนะ”
“นั่ นั่นสินะคะ ขะ ถ้าเป็นหวัดขึ้นมาคงแย่เลยเนอะ”
“งั้น กลับกันเถอะ”
เร็นที่ลุกขึ้นยืนก่อนยื่นมือมาให้ฉัน
“ขอบใจนะ เร็น”
ฉันจับมือนั้นไว้ แล้วปล่อยให้เธอช่วยดึงลุกขึ้นราวกับเจ้าหญิง
การที่ว่าเดทจะยังไม่จบจนกว่าจะถึงบ้านนั้น เร็นทำให้ฉันรู้สึกแบบนั้นเสมอ
“เอาล่ะ ไปกันเถอะน่า ขาขับกลับนี่ท่าจะแย่แฮะ—”
มือที่ยังคงจับกันไว้อย่างเป็นธรรมชาตินั้น พวกเราต่างก็ไม่มีใครปล่อยออกจากกัน
ก่อนหน้านี้—ตอนที่อยู่ในใจกลางเมืองซึ่งมีผู้คนมากมาย ฉันอดไม่ได้ที่จะกังวลกับสายตาผู้คนก็จริง…… แต่ตอนนี้ ไม่เป็นไรแล้วเนอะ?
ถึงแม้รองเท้าโลฟเฟอร์จะเปลี่ยนเป็นรองเท้าคัทชูแล้วก็ตาม
ถึงจะแต่งหน้าแล้วออกมาเดินเล่นตอนกลางคืนก็ตาม
แค่เพียงตอนนี้ ขอให้เหมือนกับตอนนั้น—เหมือนกับตอนสมัยมัธยมปลายทีเถอะ
ถึงแม้สถานการณ์จะแตกต่างไปโดยสิ้นเชิง…… แต่สัมผัสจากฝ่ามือของเร็นที่จับกันอยู่นั้น ก็ยังคงเหมือนกับเมื่อก่อนไม่เปลี่ยนแปลง
ฉันพลันเกิดความรู้สึกอยากจะลองถามขึ้นมา
“……อะ เอ่อ นี่ เร็น…… เคยคิดบ้างไหม ว่าถ้าได้เป็นเหมือนเมื่อก่อนต่อไปเรื่อยๆ ก็คงจะดี?”
เร็นเว้นช่วงไปเพียงเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหน้า
“……ไม่ล่ะนะ ตอนนี้ก็เหมือนเมื่อก่อน ชิโนะก็อยู่ข้างๆ นี่นา ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปสักหน่อยนี่นา”
การที่คำพูดของเร็นว่า “ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไป” นั้นมันฝืนความเป็นจริง แม้แต่ฉันก็ยังรู้ดี
และรู้ด้วยว่าเร็นเองก็เข้าใจเรื่องนั้นเป็นอย่างดีเช่นกัน
ฉันหันกลับไปมองด้านหลังเพียงเล็กน้อย
ด้านหลังของพวกเราที่กำลังเดินอยู่บนหาดทรายนั้น มีรอยเท้าของคนสองคนประทับอยู่
ใช่แล้ว พวกเราสองคนน่ะ มีความทรงจำที่สั่งสมร่วมกันมามากมาย
แต่ทว่า ความทรงจำก็เป็นเพียงสิ่งที่เอาไว้ย้อนมองเท่านั้น…… มันไม่ได้เป็นเครื่องรับประกันอนาคตเลยแม้แต่น้อย
ฉันในวัยยี่สิบสามปีนั้น รู้ดีอยู่แล้ว
“ขะ…… ขอโทษนะ เร็น”
ฉันรู้สึกละอายใจในความเป็นเด็กของตัวเองที่เผลอไปคาดคั้นคำตอบจากเร็นเข้า
“ไม่ต้องขอโทษน่า…… นี่ ชิโนะ”
“มีอะไรเหรอ?”
ฉันถูกดึงดูดเข้าไปในดวงตาของเร็น
แรงบีบที่มือซึ่งถูกกุมอยู่ หนักขึ้น
“ชอบนะ”
“……ฉันก็ ชอบมากๆ เหมือนกัน”
“อื้ม รู้อยู่แล้วล่ะน่า”
“ถึงอย่างนั้นก็ขอให้ฉันได้พูดเถอะนะ เร็น ชอบนะ”
ในการแลกเปลี่ยนถ้อยคำว่า “ชอบ” นั้น
การที่ความรู้สึกเจ็บปวดใจ มันเอ่อท้นขึ้นมาก่อนความหอมหวานหรือความยินดีนั้น ถือเป็นครั้งแรกเลยทีเดียว
Chapters
Comments
- ตอนที่ 5.2 ปัจฉิมลิขิต 2 วัน ago
- ตอนที่ 5.1 บทส่งท้าย 2 วัน ago
- ตอนที่ 5 “เพราะว่าวันนี้ อยากจะมองเธอไปตลอดเลย” 2 วัน ago
- ตอนที่ 4 “ทำให้เจ็บกว่านี้อีกสิ” 2 วัน ago
- ตอนที่ 3.1 คั่นฉาก: ประกาศิตห้ามรอยจูบ 2 วัน ago
- ตอนที่ 3 “ถ้าจูบกันเยอะๆ จะหายหนาวหรือเปล่านะ” 2 วัน ago
- ตอนที่ 2 ชุดเดรสยับหมดแล้วนะ?” 2 วัน ago
- ตอนที่ 1 “ถ้างั้น ฉัน… ไม่ต้องอดทนแล้วสินะ?” 2 วัน ago
MANGA DISCUSSION