ชาวนาตัวน้อยดีเลิศ - ตอนที่ 242 กลับบ้าน
เมื่อเห็นจ้าวเสี่ยวกังยิ้มแห้งๆ หวังลี่เกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ดีขึ้นมาทันที
"ทำไม? นายยังมีคนอื่นเหรอ?"
"เหอเหอ พี่ลี่ ความผิดพลาดที่ผมเคยทำก่อนหน้านี้มันเยอะมาก"
หลังจากที่ได้ยินจ้าวเสี่ยวกังพูดแบบนี้ หวังลี่เข้าใจทันทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น
"พูดมาเถอะ ฉันไม่ใช่คนใจแคบ ตกลงนายมีผู้หญิงกี่คน?"
"เอ่อ ไม่กี่คนหรอก เอาเป็นว่ากลับไปแล้วพวกเราค่อยคุยเรื่องนี้กันดีกว่า"
จ้าวเสี่ยวกังเห็นสีหน้าที่จริงจังของหวังลี่ ภายในใจของเขารู้สึกไม่ดีขึ้นมาทันทีจึงรีบเปลี่ยนบทสนทนา หลีกเลี่ยงไม่ให้หวังลี่ถามต่อไปมากกว่านี้
"ฮืม? นายได้รับบาดเจ็บขนาดนี้แล้วยังคิดจะกลับไปอีกเหรอ? นายพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลดีกว่า ฉันกลับไปแล้วจะบอกพ่อแม่ของนายเอง"
"ห้ามเด็ดขาด พี่ลี่ ผมกลับไปแล้วย่อมมีวิธีของผม ยิ่งไปกว่านั้นผมกลับไปแล้วจะหายเร็วขึ้น อยู่ที่โรงพยาบาลอย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาหนึ่งอาทิตย์ถึงจะเดินได้"
หวังลี่ขมวดคิ้วเล็กน้อยไม่ค่อยเชื่อคำพูดของจ้าวเสี่ยวกัง กลับไปที่หมู่บ้านก็มีแต่หนิวเกิงซึง ปกติถ้าเป็นพวกเจ็บไข้หรืออาการบาดเจ็บเล็กน้อยก็พอไหว แต่เธอกลับไม่เคยได้ยินว่าหนิวเกิงซึงเก่งมากจนถึงขั้นสามารถรักษาอาการบาดเจ็บที่รุนแรงขณะนี้จนหาย
"นายจะกลับไปให้ใครรักษา? ฉันว่านายพักรักษาการอยู่ที่นี่จะดีกว่า"
"เห้อ พี่ลี่ ทำไมคุณถึงไม่เชื่อผมเลย ผมต้องกลับไปเก็บเห็ด ฟาฟาก็ยังต้องช่วยผมดูแลไก่ แล้วไหนจะรากบัวแล้วไหนจะราอีก ยังมีเรื่องอีกมากมายรอให้ผมกลับไปจัดการ คุณว่าให้ผมนอนอยู่ที่นี่แล้วเรื่องในบ้านใครจะช่วยผมเป็นคนจัดการ?"
คำพูดเป็นชุดของจ้าวเสี่ยวกังทำให้หวังลี่เงียบลงแล้วครุ่คิด สุดท้ายเธอก็ตัดสินใจที่จะฟังความเห็นจากพวกเถ้าแก่กลุ่มนั้นก่อน อย่างไรก็ตามคนพวกนี้เป็นคนมีเส้นสายกว้างขวาง และยังมีคนรู้จักในโรงพยาบาล ไม่มีใครที่รู้ดีไปกว่าคนพวกนี้อีกแล้วว่าจ้าวเสี่ยวกังควรจะออกจากโรงพยาบาลหรือเปล่า
"นายรออยู่ที่นี่ ฉันไปเรียกพวกเขาเข้ามาคุยกันก่อน ดูซิว่าพวกเขาจะคิดเห็นยังไง?"
จ้าวเสี่ยวกังย่อมเข้าใจความหมายของหวังลี่ ยิ้มแล้วพูด "ได้ ให้พวกเขาเข้ามาเลย ผมก็มีเรื่องอยากจะให้พวกเขาช่วยเหมือนกัน"
หวังลี่หยุดบทสนทนาแล้วเดินไปเปิดประตู
ทันทีที่เปิดประตู เห็นเพียงคนทั้งสี่เดินเข้ามาอย่างเป็นระเบียบ เห็นท่าทางของคนทั้งสี่ มีเหรอที่หวังลี่จะไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เห็นได้ชัดว่าเมื่อกี้คนทั้งสี่คนแอบฟังอยู่หน้าประตู
คนทั้งกลุ่มเหลือบมองหวังลี่ด้วยท่าทีที่กะอักกะอ่วน หลังจากนั้นยิ้มแล้วเดินตรงเข้าไปที่ข้างเตียงของจ้าวเสี่ยวกัง
เมื่อเห็นคนทั้งสี่ทำท่าทางเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หวังลี่กลับรู้สึกเขินอายจนทำอะไรไม่ถูก
เฟิงเซียนหรุหัวเราะเหอเหอแล้วพูด "น้องเสี่ยวกัง นายมีอะไรอยากจะให้พวกเราช่วยพูดมาได้เลย ขอเพียงแค่เป็นเรื่องที่พวกเราทำได้พวกเราจะช่วยอย่างแน่นอน"
เจิ้งจื่อหรุก็ยิ้มแล้วพูดเช่นกัน "เหอเหอ น้องเสี่ยวกัง ดูเหมือนครั้งนี้จะไม่ได้รับบาดเจ็บเสียเปล่า ถึงขั้นได้สาวสวยคนหนึ่งกลับบ้าน นี่ถ้าเป็นฉันนะ ถึงแม้จะฝันก็ยังคงยิ้มไม่หุบอย่างแน่นอน"
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของทั้งสองคน จ้าวเสี่ยวกังรู้สึกกะอักกะอ่วนเล็กน้อย
"พวกพี่ไม่ต้องหยอกล้อผมแล้ว ผมอยากจะให้พวกคุณช่วยหาพันธุ์กุ้งมังกร แล้วก็พันธุ์ปลาดุกให้หน่อย หลังจากที่ผมกลับไปแล้วค่อยคืนเงินให้พบคุณ"
คำพูดของจ้าวเสี่ยวกังถึงกับทำให้ทุกคนตกตะลึง พวกเขาคิดไม่ถึงว่าจ้าวเสี่ยวกังได้รับบาดเจ็บจนถึงขนาดนี้แล้วยังไม่ลืมเรื่องที่เคยคุยกันก่อนหน้านี้อีก
ความคิดของทุกคนที่มองจ้าวเสี่ยวกังเปลี่ยนไปทันที น้อยครั้งที่พวกเขาจะได้เจอกับคนที่น่าเชื่อถือแบบนี้ โดยเฉพาะคนที่น่าเชื่อถือและไม่กลัวตายอย่างจ้าวเสี่ยวกัง
"วางใจเถอะ กุ้งมังกรและพันธุ์ปลาดุกปล่อยให้ฉันเป็นคนจัดการเอง กุ้งมังกรที่นายเพาะเลี้ยงฉันจะเป็นคนรับซื้อทั้งหมด ถึงแม้จะขาดทุ่น อย่างมากฉันก็แค่ขาดทุนไปพร้อมกับนาย"
คำพูดของเฟิงเซียนหรุทำให้จ้าวเสี่ยวกังรู้สึกซาบซึ้งมาก เจิ้งจื่อหรุก็รู้ดีว่าเป็นเพราะเฟิงเซียนหรุรู้สึกซาบซึ้งในตัวของจ้าวเสี่ยวกังถึงได้ทำแบบนี้ เขาจึงไม่ได้พูดอะไรมาก อย่างไรก็ตามนี่เป็นเรื่องของจ้าวเสี่ยวกังและเฟิงเซียนหรุ
"พี่เฟิง ไม่ต้อง คุณยังไม่ได้เห็นกุ้งมังกรที่ผมเพาะเลี้ยงเลย แล้วจะรับซื้อทั้งหมดได้ยังไง รอให้ได้เห็นกุ้งมังกรก่อนแล้วค่อยว่ากันดีกว่า"
"ฮ่าฮ่าฮ่า……..น้องเสี่ยวกังนายเคยช่วยชีวิตฉันเอาไว้ ยิ่งไปกว่านั้นผู้ชายคนหนึ่งที่ยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อคนที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน ฉันเชื่อว่าทักษะการเพาะเลี้ยงกุ้งมังกรของนายจะต้องไม่ทำให้ฉันผิดหวังอย่างแน่นอน"
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของเฟิงเซียนหรุ จ้าวเสี่ยวกังก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรต่อแล้ว
"พี่เฟิง ยังมีอีกเรื่องที่ผมอยากจะให้คุณช่วย ผมอยากกลับบ้าน"
"เอ่อ เรื่องนี้ต้องถามหมอก่อน พวกเราไม่อยากเอาชีวิตของนายมาล้อเล่น"
จ้าวเสี่ยวกังเห็นท่าทางที่ลังเลของเฟิงเซียนหรุ เขาอดไม่ได้ที่จะหันไปมองทางเจิ้งจื่อหรุ ปรากฏว่าเจิ้งจื่อหรุก็ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูด "ไม่ต้องมองฉัน ฉันไม่อยากเสียน้องชายที่ดีแบบนี้ไป นายพักรักษาตัวให้ดีก่อนเถอะ"
ได้ยินเจิ้งจื่อหรุพูดแบบนี้ จ้าวเสี่ยวกังคิดจะลุกขึ้นมาโดยตรง
ชั่วขณะเขารู้สึกเจ็บปวดจนหน้าผากเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ ภาพนี้ถึงกับทำให้ทุกคนตกใจมาก
"อยากตายหรือยังไง ในเพิ่งจะออกจากห้องผ่าตัด ห้ามขยับไปมั่ว บาดแผลบนร่างกายของนายยังไม่สมานกันรู้หรือเปล่า?"
เจิ้งจื่อหรุก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าจ้าวเสี่ยวกังจะรีบกลับบ้านแบบนี้ จึงพูดตำหนิด้วยความโกรธ
"พี่เจิ้ง คุณก็บอกกับหมอว่าผมต้องการกลับบ้านเอง ตายแล้วก็ไม่โทษพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้นผมยังมั่นใจว่าผมไม่ตายแน่นอน"
เมื่อเห็นสีหน้าที่หนักแน่นของจ้าวเสี่ยวกัง เจิ้งจื่อหรุถอนหายใจแล้วมองไปทางหลิวหรุยี่ "เสี่ยวหลิว คุณลองไปถามดูก็แล้วกัน นายคุ้นเคยกับแถวนี้ดีที่สุด"
หลิวหรุยี่กวาดสายตามองจ้าวเสี่ยวกังด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย หลังจากนั้นเดินออกจากห้องไป
หลังจากนั้นไม่กี่นาที หลิวหรุยี่เดินกลับเข้ามาในห้องแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย "กลับไปได้ แค่ไปรับยาแก้อักเสบแล้วอย่างอื่นนิดหน่อย นี่เป็นใบสั่งยาที่หมอให้มา"
เมื่อเห็นหลิวหรุยี่ส่งใบสั่งยามา จ้าวเสี่ยวกังยื่นมือออกไปรับแล้วพูดขอบคุณด้วยน้ำเสียงที่จริงใจ
หลิวหรุยี่เพียงแค่พยักหน้าเล็กน้อยไม่ได้พูดอะไรมาก สำหรับนิสัยที่เย็นชาของหลิวหรุยี่ จ้าวเสี่ยวกังก็ชินแล้ว
ไปเมื่อหลิวหรุยี่พูดแบบนี้แล้ว เจิ้งจื่อหรุและคนอื่นก็ไม่ได้พูดอะไรมากอีก
เจิ้งจื่อหรุพูดขึ้นอย่างกะทันหัน "งั้นให้ผมส่งเสี่ยวกังกลับไปก็แล้วกัน เหล่าเฟิงกลับไปจัดการเรื่องภายในบ้านของตัวเอง เรื่องกุ้งมังกรของพวกคุณถือว่าตกลงกันแล้วใช่หรือเปล่า?"
จั่วจวินซั่งหัวเราะเหอเหอแล้วพูด "อืม ตกลงกันเรียบร้อยแล้ว แต่ว่าผมต้องการของที่มีคุณภาพ ถ้าไม่มีคุณภาพผมไม่รับ"
ได้ยินคำพูดประโยคนี้ เจิ้งจื่อหรุขมวดคิ้ว แต่สุดท้ายก็พยักหน้าเพื่อบ่งบอกว่ารู้แล้ว
ระหว่างทาง เจิ้งจื่อหรุขับรถไปส่งด้วยตัวเอง เขาขับรถมุ่งหน้าไปทางหมู่บ้านบางจื่อช้ามาก
จ้าวเสี่ยวกังมองดูทิวทัศน์สองข้างทางโดยไม่ได้พูดอะไร เมื่อเทียบกับเมืองจวินไช หมู่บ้านของพวกเขาถือว่าจนมากและค่อนข้างทุรกันดาร
นึกถึงตัวเองที่โตขนาดนี้แล้วเพิ่งจะเคยเข้าเมืองจวินไชไม่กี่ครั้ง ภายในใจของเขายิ่งเกิดความคิดที่อยากจะพัฒนาหมู่บ้านของตัวเองให้ดียิ่งขึ้น พาทุกคนในหมู่บ้านให้มีชีวิตที่ดีมากยิ่งขึ้น
ระหว่างทางจากเมืองเซียงหลิวไปที่หมู่บ้านบางจื่อ เจิ้งจื่อหรุถอนหายใจภายในใจไม่หยุด เพราะถนนหนทางเส้นนี้ขับยากมาก ถนนที่เป็นดินโคลนและมีแต่หลุมยังไม่เท่าไหร่ ถ้าหากมีรถใหญ่สวนมา ถนนเส้นนี้กว้างไม่พอที่จะให้รถสอฃคันขับสวนทางกันได้เลยด้วยซ้ำ
"เสี่ยวกัง ถ้าหากนายอยากจะพัฒนา ต้องซ่อมถนนเส้นนี้ให้ดีก่อน"