ชาวนาตัวน้อยดีเลิศ - ตอนที่ 37
เมื่อเห็นความรักในดวงตาของจ้าวเสี่ยวกัง ซ่งยวี่ชิงก็พยักหน้าอย่างมีความสุขด้วยน้ำตาในดวงตาของเธอ ก่อนที่เธอจะพูดอะไร จ้าวเสี่ยวกังก็จูบริมฝีปากสีแดงโดยตรง
ลิ้นทั้งสองพันกัน ไม่แยกจากกัน จนผ่านไปเกือบสิบนาที ทั้งสองหัวใจรุนแรงแล้วจ้าวเสี่ยวกังก็หยุด
"พี่สะใภ้ รอฉันที่บ้าน ฉันจะเอาซุปไก่มาบำรุ่งร่างกายพี่ พี่ต้องจำสิ่งที่สัญญากับฉันในวันนี้นะ"
หลังจากพูดแบบนี้ จ้าวเสี่ยวกังก็จู่โจมอีกครั้งและจูบริมฝีปากที่หอมชื้นของซ่งยวี่ชิงแล้วรีบวิ่งออกจากประตู
เมื่อเห็นรอยยิ้มที่มีความสุขเหมือนเด็กของจ้าวเสี่ยวกัง ซ่งยวี่ชิงอดไม่ได้ที่จะยิ้ม แต่เธอก็รู้สึกไม่มั่นใจในใจเมื่อนึกถึงหวังป้าเทียน
จ้าวเสี่ยวกังรู้สึกว่าเขากำลังจะลอยระหว่างทาง และในที่สุดเขาก็รู้ว่าความสุขคืออะไร
ทันทีที่เขามาถึงประตูบ้าน เขาเห็นซุนหรานหรานและหลิวต้าจ้วงกลับมาจากทุ่งพร้อมอุปกรณ์
เมื่อเห็นตูดใหญ่ของซุนหรานหรานบิดไปมาราวกับเดินบนแคทวอล์ก จ้าวเสี่ยวกังก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงเรื่องที่ซุนหรานหรานอยู่บนตัวของเขา
"พี่ต้าจ้วง พี่สะใภ้ อากาศร้อนแบบนี้ทำไมไม่กลับเร็วหน่อยล่ะ พระอาทิตย์เหมือนไฟเลย ระวังเป็นลมแดด"
เมื่อได้ยินคำพูดของจ้าวเสี่ยวกัง ซุนหรานหรานอยากจะพูด แต่เมื่อนึกถึงเรื่องที่เกิดกับจ้าวเสี่ยวกัง ถ้าหากหลิวต้าจ้วงรู้จึ้นมาแล้วไม่ดีแน่ ก็เลยรอให้หลิวต้าจ้วงพูดก่อน
"เสี่ยวกัง แกไปเร่ร่อนอีกแล้ว ฉันกับพี่สะใภ้แกไปเช่าที่มาสิบไร่ ถ้าไม่รีบปลูกอะไร เมื่อถึงฤดูใบไม้ร่วงคงได้กินลมแน่ๆ ส่วนแกวันๆเอาแต่เก็บเห็ดจะได้เงินแค่ไหนกัน ตั้งใจเพาะปลูกดีกว่า อย่าเอาแต่ไร้สาระไปวันๆ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไประวังจะหาเมียไม่ได้นะ"
ระหว่างที่พูด หลิวต้าจ้วงก็เปิดประตู
จ้าวเสี่ยวกังรู้ว่าหลัวต้าจ้วงเตือนด้วยความหวังดี เขายิ้มและพูดว่า "พี่ต้าจ้วง บ้านฉันไม่มีเงินพี่ก็น่าจะรุ้ ปีนี้บ้านฉันเช่าที่ไม่ไหว ถ้าไม่ขายเห็ดแล้วจะหาเงินได้ยังไง ฉันอยากจะหาเมียสักคนจริงๆ"
ในเวลานี้ ซุนหรานหรานมองไปที่เป้าใหญ่ของจ้าวเสี่ยวกังแล้วยิ้มและพูดว่า: "พอแล้ว ใครจะกล้าแต่งกับเธอ?รอให้เธอมีเงินก่อนค่อยว่ากัน ไม่มีเงินไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากทนลำบากกับเธอหรอก "
หลังจากซุนหรานหรานกล่าวเช่นนี้ เธอก็ถอนหายใจอย่างเงียบๆ และเกือบจะพูดว่าใครจะทนของแบบนั้นของจ้าวเสี่ยวกังได้ แต่โชคดีที่เธอหยุดทัน
หลิวต้าจ้วงวางของลง และไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติอะไรในตัวซุนหรานหราน แต่จ้าวเสี่ยวกังเห็นได้ชัดเจนว่าสายตาของซุนหรานหรานกำลังมองมาที่เป้ากางเกงของเขานานแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะหลัวต้าจ้วงอยู่ที่นี้ ถ้าคิดว่าคงจะจัดการซุนหรานหรานใต้พระอาทิตย์ได้แน่ๆ
"หึๆๆ พี่สะใภ้ พี่กับพี่ต้าจ้วงก็ผ่านมาแล้วไม่ใช่หรือ? อีกอย่างพี่ก็มีความสุขมากไม่ใช่หรือ?"
"ก็ใช่ เธอก็ไม่ดูก่อนว่าฉันกับพี่ต้าจ้วงของเธอความสัมพันธ์เป็นยังไง พวกเราคบกันหลายปีก่อนที่จะแต่งงานกันนะ ความสัมพันธ์แบบนั้นมีค่ากว่าทองอีก"
หลังจากได้ยินสิ่งนี้ จ้าวเสี่ยวกังก็อดไม่ได้ที่จะอาเจียนในใจ
"ความสัมพันธ์ดีมาก และพี่ก็สวมเขาให้หลิวต้าจ้วง นี่มันโกหกหน้าด้านๆเลยนะ"
แต่จ้าวเสี่ยวกังแค่คิดเรื่องนี้ในใจ และไม่ได้พูดออกมา
เมื่อฟังคำพูดของซุนหรานหรานแล้ว หลิวต้าจ้วงก็ดูพอใจ แต่ดวงตาของเขาแสดงถึงความเศร้าและเขารู้สึกเสียใจเล็กน้อยต่อภรรยาของเขา
"พอแล้ว อย่ายืนคุยตรงนี้เลย เข้าบ้านไปดื่มน้ำสักหน่อยไหม"
ขณะพูด หลิวต้าจ้วงหยิบถุงชาเขียวออกมาและเตรียมชง และชวนจ้าวเสี่ยวกังเข้าบ้าน
"ไม่ครับพี่ ฉันเพิ่งไปเก็บเห็ดสนตอนบ่าย ฉันต้องกลับไปกินข้าว"
หลังจากที่จ้าวเสี่ยวกังพูดเช่นนี้ เขาก็รีบกลับบ้าน
เมื่อมองไปที่แผ่นหลังที่แข็งแรงของจ้าวเสี่ยวกัง ก็ตกใจในความงุนงง และความคิดในหัวใจของเขาก็แข็งแกร่งขึ้น
ทันทีที่จ้าวเสี่ยวกังเดินเข้าไปในประตู เขาได้กลิ่นที่แรงมาก ซึ่งเป็นรสชาติที่ปรุงด้วยเห็ดสน
เมื่อเห็นเหงื่อที่ร้อนระอุของแม่อยู่หน้าหม้อ จ้าวเสี่ยวกังรู้สึกในใจทันทีว่า เขาละเลยการดูแลของพ่อแม่ที่มีต่อเขา แม่ของเขาต่อต้านอย่างรุนแรง แต่เมื่อเขาแสดงความตั้งใจ เธอก็เงียบและเลือกที่จะสนับสนุน
"แม่ ฉันทำเอง แม่ไปพักผ่อนเถอะ ตอนบ่ายฉันไปที่ป่าเอง แม่ก็พักผ่อนดีๆแล้วกัน"
"ฮึ่ม แกยังไม่มีเมียเลย ฉันที่เป็นแม่คิดจะพักผ่อน แบบนี้ก็เท่ากับจะให้คนในหมู่บ้านหัวเราะเยาะสิ"
หลังจากที่หลี่กุ้ยเฟินพูดแบบนี้ เธอก็ยกฝาหม้อใหญ่ขึ้นทันที และกลิ่นซุปไก่ก็อบอวลไปทั่วบ้านทันที
"ตอนนี้รีบไปส่งซุปถ้วยนี้ไปให้นางนั้น ฉันขอเตือนแกนะ อย่าทำมิดีมิร้ายกับเธอนะ ได้ยินไหม?"
เมื่อเห็นแม่ของเขาจ้องมองเขาอย่างดุเดือด จ้าวเสี่ยวกังก็หัวเราะและพูดว่า "แม่ ไม่ต้องกังวล ฉันแน่ใจว่าฉันจะไม่ทำอะไรที่ไม่ดีแน่นอน"
หลี่กุ้ยเฟินอยากจะสั่งสอนจ้าวเสี่ยวกังสักหน่อย แต่ว่าจ้าวเสี่ยวกันได้เดินไปที่ประตูพร้อมกับซุปไก่แล้ว
ระหว่างทางจ้าวเสี่ยวกังก็ได้แอบยิ้ม ตอนนี้เขาไม่เพียงทำมิดีมิร้ายเท่านั้น แต่เขาจะทำทุกอย่างเลย
เมื่อมาถึงประตูบ้านของซ่งยวี่ชิงอีกครั้ง จ้าวเสี่ยวกังมองเห็นจากรอยแตกของประตู เห็นซ่งยวี่ชิงเปลี่ยนเสื้อผ้าหมดแล้ว ร่างกายที่ผอมบางกำลังกินหมั่นโถว ทุกครั้งที่กินหมั่นโถวก็ค่อยๆหมดไป และซ่งยวี่ชิงก็ค่อยๆกินผ้าดองบนโต๊ะ เมื่อเห็นแบบนี้จ้าวเสี่ยวกังรู้สึกเจ็บปวดมาก
เขาไม่คิดว่าชีวิตซ่งยวี่ชิงจะลำบากขนาดนี้ ก่อนหน้านี้ตอนที่เห็นพี่สะใภ้กินแป้งทอดก็คิดว่าลำบากแล้ว แต่ไม่คิดว่าวันนี้จะลำบากแบบนี้
"พี่สะใภ้ ซุปไก่มาแล้ว"
เพื่อไม่ให้ ซ่งยวี่ชิงอับอาย จ้าวเสี่ยวกังจงใจตะโกนที่ประตู จากนั้นก็รอสองสามนาทีแล้วก็เปิดประตูเข้าไป
ซ่งยวี่ชิงตกใจเมื่อได้ยินเสียงของจ้าวเสี่ยวกัง และรีบทุกอย่าง เงินหนึ่งพันที่จ้าวเสี่ยวกันให้เธอ เธอได้จ่ายให้หวังป้าเทียนแล้ว ตอนแรกเธออยากจะเก็บไว้หนึ่งร้อย แต่เมื่อนึกถึงดอกเบี้ยที่จะเพิ่งสูงขึ้นเธอก็เลยคิดว่าคืนดีกว่า
"เสี่ยวกัง ซุปไก่นี้เธอเอากลับไปเถอะ พ่อแม่ลำบาก ให้พวกท่านบำรุงร่างกายดีกว่า พี่สะใภ้ยังเด็ก ร่างกายฟื้นฟูได้เร็ว"
ถ้าเขาไม่ได้เห็นฉากเมื่อกี้ ไม่แน่เขาอาจจะเชื่อพี่สะใภ้ไปแล้ว
"พี่สะใภ้ กินเถอะ มีขาไก่และปีกไก่ ที่สำคัญตุ๋นเห็ดสน รสชาติก็อร่อย"
ขณะพูด จ้าวเสี่ยวกังก็หยิบซุปไก่ชามใหญ่ออกจากกล่องอาหาร
เอื๊อก…