ตอนที่ 129 จูลี่ถูกจับ
“ทางนี้ไม่ได้รับผิดชอบการสอบสวนหลัวคังอันแล้ว หากแต่ส่งมอบให้ลั่วเทียนเหอไปแล้ว” สุดท้ายซุนฉีซั่งก็กล่าวเตือนพวกเธออีกประโยค ก่อนที่จะหันหลังแล้วเดินจากไป
สำหรับเขาแล้ว การที่จู่ๆ ก็ตรวจสอบพบเรื่องเหนือความคาดหมายเช่นนี้ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดีเช่นกัน มิฉะนั้นเขาจะต้องเผชิญกับแรงกดดันอย่างมากแน่
ก็ลองจินตนาการดูสิ ช่วงเวลาที่ทำการประมูลอยู่ในความรับผิดชอบของเขา ถ้าการประมูลที่สภาเซียนจัดขึ้นถูกคนมาเล่นลูกไม้สกปรกทั้งๆ ที่อยู่ในพื้นที่ของเจ้าแคว้นหนานหรู อย่าว่าแต่ทางสภาเซียนเลย ต่อให้เป็นเจ้าแคว้นหนานหรูเขาก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรด้วยซ้ำ
แต่ตอนนี้เรื่องราวมันเกิดขึ้นที่เมืองปู๋เชวี่ย เช่นนั้นปัญหามันก็เปลี่ยนไปแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบอะไรอีก
แต่แน่นอน ตอนนี้ยังเป็นเพียงการวิเคราะห์เบื้องต้นเท่านั้น แล้วก็แค่มอบสิทธิ์การสอบสวนหลัวคังอันให้ลั่วเทียนเหอชั่วคราวเท่านั้น ทางเขายังต้องทำการสอบสวนคนอื่นๆ ต่อไปอีก
ช่วยไม่ได้ ถ้ายังไม่สามารถหาหลักฐานที่ระบุว่าเสวี่ยหลานเป็นคนทำได้ละก็ ค่ายผู้พิทักษ์เทพของทางนี้ก็ยังนับว่าเป็นผู้ต้องสงสัยอยู่ จึงไม่สามารถละทิ้งการตรวจสอบได้
ณ ศูนย์กลางของแคว้นเซียน ภายในที่ทำการของเมืองปู๋เชวี่ย ลั่วเทียนเหอตรวจสอบรายงานที่ถูกส่งมาจากเมืองปู๋เชวี่ยที่อยู่ในมือด้วยใบหน้าคร่ำเคร่ง
เรื่องบางเรื่องยากที่จะหาคำตอบได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ แต่เรื่องบางเรื่องกลับรู้คำตอบได้อย่างรวดเร็ว
จ่าเซียวที่เป็นผู้บังคับการค่ายผู้พิทักษ์เทพหายตัวไป!
หัวหน้าฝ่ายบริหารงานทั่วไปเหิงเทาได้ทำการสอบสวนทางฝั่งเมืองปู๋เชวี่ยด้วยตนเอง จากคำสารภาพของหลัวคังอันที่ทางเมืองคุนกว่างส่งมา เหิงเทาได้ทำการควบคุมเจ้าหน้าที่เข้าเวรในคืนนั้นตามคำสารภาพของหลัวคังอันทันที ปรากฎว่ามีเจ้าหน้าที่บางคนหายตัวไป ดังนั้นเขาจึงรีบทำการติดต่อทันที ส่วนใหญ่ล้วนติดต่อได้ จึงสั่งการให้รีบกลับเข้ามาที่หน่วยผู้พิทักษ์เทพในทันที
แต่มีเพียงจ่าเซียวที่เข้าเวรในคืนนั้นที่ไม่สามารถติดต่อได้ พอตรวจสอบถึงได้พบว่าจ่าเซียวได้ขอลาล่วงหน้าเอาไว้ และวันลาของเขาก็ตรงกับวันที่เริ่มประมูลพอดี ซึ่งนี่ก็เป็นเรื่องบังเอิญอีกครั้ง
ทางเหิงเทานั้นก็พยายามทุกวิถีทางเพื่อที่จะติดต่อกับจ่าเซียว แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ แล้วก็ไม่รู้ว่าไปที่ไหน
เหิงเทาจึงได้ส่งคนไปหาคนในครอบครัวของจ่าเซียว ผลปรากฏว่าคนในครอบครัวของจ่าเซียวนั้นได้หายตัวไปเช่นกัน ทั้งครอบครัวหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
เหิงเทาจึงทำได้เพียงรายงานเรื่องนี้ให้ลั่วเทียนเหอได้ทราบอย่างเร่งด่วน เพื่อขอคําแนะนําว่าควรจะออกหมายจับไปทั่วดินแดนเซียนหรือไม่?
ส่วนเรื่องอื่นๆ ทางฝั่งเหิงเทายังคงดำเนินการตรวจสอบต่อไป
ปัง! ลั่วเทียนเหอฟาดเอกสารที่อยู่ในมือลงบนโต๊ะ สีหน้าดูแย่เป็นอย่างมาก แค่นเสียงเหอะออกมาจากลำคอ “หายตัวไปทั้งบ้านอย่างนั้นเหรอ มีปัญญาก็หนีให้ได้ตลอดชีวิตแล้วกัน!”
ในขณะนั้นเอง ด้านนอกก็มีคนเข้ามารายงานว่า “ท่านเจ้าเมืองครับ คุณจูลี่จากปู๋เชวี่ยวีดีโอมาขอเข้าพบครับ”
สายตาของลั่วเทียนเลื่อนไปที่คำสารภาพของหลัวคังอัน จ้องไปที่คำว่า “งานตระเวนแสดง” ที่อยู่บนคำสารภาพ ดวงตาของเขาเป็นประกายขึ้นมา ไม่รู้ว่าคิดถึงอะไรขึ้นมา จากนั้นจึงพยักหน้าพลางส่งเสียง “อืม” ตอบตกลง
ผู้มารายงานจากไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานนักก็เห็นจูลี่ก้าวอาดๆ เข้ามา
จูลี่ที่เดินเข้าประตูมามองเห็นสีหน้าที่ดูแย่ของลั่วเทียนเหอทันที แต่เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ข้อมูลของเธอยังไม่รวดเร็วเท่าทางหอการค้าตระกูลฉิน เพราะเธอยังไม่รู้ว่าภายในค่ายผู้พิทักษ์เทพของเมืองปู๋เชวี่ยกำลังตกอยู่ในความอลหม่านวุ่นวาย เธอทําความเคารพอย่างนอบน้อม กล่าวว่า “จูลี่คารวะท่านเจ้าเมืองค่ะ”
น้ำเสียงของลั่วเทียนเหอในวันนี้ฟังดูไม่ค่อยดีนัก “ว่ามา มีอะไร”
ไม่ต้องเดาก็รู้ว่ามีเรื่องอะไรแน่ๆ ทุกครั้งที่ผู้หญิงคนนี้มาหาเขาก็มักจะหาเรื่องปวดหัวมาให้ อย่างไรเสียทุกๆ ครั้งที่เธอมาหาเขาก็มักจะเป็นเช่นนี้เสมอ
แต่ก็ต้องโทษเขาเองด้วย เพราะเขาเคยสัญญาเอาไว้ว่าถ้าจูลี่มีปัญหาอะไรก็ให้มาหาเขาได้เลย
บนใบหน้าของจูลี่เผยให้เห็นสีหน้าตื่นเต้นเล็กน้อย “ท่านเจ้าเมืองคะ ประสิทธิภาพที่เทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินแสดงออกมาในการประมูลครั้งนี้ยอดเยี่ยมอย่างมากเลยค่ะ ตอนนี้หลัวคังอันเรียกได้ว่ามีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกแล้ว มีคนมากมายที่อยากจะสัมภาษณ์เขา แต่ตอนนี้เขาอยู่ในค่ายผู้พิทักษ์เทพของเมืองคุนกว่าง ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเข้าพบ ตอนนี้การประมูลได้จบลงแล้ว ท่านเจ้าเมืองพอจะช่วยหาวิธีให้ปู๋เชวี่ยวีดีโอของพวกเราได้เข้าไปสัมภาษณ์เขาก่อนไหมคะ?”
จริงอยู่ที่เธอมาเพราะเรื่องนี้ แต่เธอก็ทำการยื่นเรื่องขอสัมภาษณ์กับทางค่ายผู้พิทักษ์เทพของเมืองคุนกว่างผ่านทางช่องทางปกติไปแล้วเช่นกัน ทว่าคำขอที่เธอส่งไปเป็นเหมือนหินที่จมลงไปในทะเล ไม่มีการตอบสนองใดๆ กลับมา และเมื่อมองดูสถานการณ์ในโลกภายนอกอีกที เธอก็พบว่ามีสื่อเยอะแยะมากมายจากที่ต่างๆ ที่ต้องการสัมภาษณ์หลัวคังอัน เธอจึงมาที่นี่เพื่อใช้ทางลัด เพื่อที่ตัวเองจะได้สัมภาษณ์เขาก่อนเป็นคนแรก
แล้วก็ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง นั่นคือเธออยากจะใช้ข้ออ้างเรื่องการสัมภาษณ์เข้าไปในเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉิน เพราะเธอเคยได้ทิ้งอุปกรณ์เล็กๆ บางอย่างเอาไว้ข้างในนั้น ขอเพียงได้อุปกรณ์เล็กๆ นั้นมา เธอก็จะรู้ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นภายในเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินในระหว่างการประมูล
ลั่วเทียนเหอกล่าวด้วยน้ำเสียงเฉยชา “ใครบอกว่าการประมูลจบสิ้นลงแล้ว?”
จูลี่มึนงง “ยังไม่จบอีกเหรอคะ? หรือว่าเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินทำแบบนั้นแล้วยังไม่ถือว่าชนะการประมูล?”
ลั่วเทียนเหอกล่าว “ยังไม่จบ สถานการณ์ในตอนนี้ซับซ้อนมาก มันไม่ได้เป็นอย่างที่เธอเห็น เอาไว้เดี๋ยวผลการประมูลออกมาแล้วจะมีคนไปบอกเธอเอง สบายใจได้ หอการค้าตระกูลฉินคือหอการค้าของเมืองปู๋เชวี่ย ถ้ามีการสัมภาษณ์อะไรล่ะก็ ฉันจะต้องให้เธอได้สัมภาษณ์เป็นคนแรกแน่นอน ”
“ได้ค่ะ” จูลี่รู้สึกเสียดายเล็กน้อย เธอเองก็รู้ดีว่าลั่วเทียนเหอที่อยู่ในศูนย์กลางของแคว้นเซียนนั้นมีความอำนาจในการสั่งการไม่มากเท่ากับตอนที่อยู่ในเมืองปู๋เชวี่ย
แต่ขณะที่จูลี่ที่ไม่สามารถทำตามความปรารถนาได้กำลังคิดจะขอตัวลา ใครจะไปรู้ว่าลั่วเทียนเหอจะกล่าวขึ้นมาอีกว่า “จูลี่ ฉันมีเรื่องหนึ่งอยากจะถามเธอหน่อย เธอต้องตอบตามความจริง ห้ามปิดบัง ”
จูลี่พยักหน้า กล่าวด้วยสีหน้าแจ่มใสเบิกบาน “ท่านเจ้าเมืองเชิญถามมาได้เลยค่ะ”
ลั่วเทียนเหอกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “ฉันจำได้ว่าเรื่องงานตระเวนแสดงในเมืองปู๋เชวี่ย เธอเคยบอกให้ฉันพยายามเอามาจัดแสดงที่เมืองปู๋เชวี่ยให้ได้ใช่ไหม?”
จูลี่ส่งเสียงอื้อ “ใช่คะ ทำไมเหรอคะ?”
ลั่วเทียนเหอ “ไม่มีอะไร ฉันแค่อยากจะถามว่าทำไมเธอถึงคิดจะเอางานตระเวนแสดงมาจัดแสดงในเมืองปู๋เชวี่ยให้ได้”
จูลี่มึนงง “คนที่ทำงานในสายงานอย่างพวกเราก็ต้องอยากจะให้มาจัดแสดงในเมืองของตัวเองหรือเปล่าคะ?”
ลั่วเทียนเหอ “อย่างนั้นเธอแน่ใจนะว่านี่เป็นความคิดของเธอเพียงคนเดียว ไม่ได้มีความคิดของคนอื่นเข้ามาแทรกแซง? ”
เมื่อเห็นเขาซักไซ้ไม่หยุดเช่นนี้ ประสาทสัมผัสอันเฉียบไวที่ได้จากอาชีพการงานทำให้จูลี่ตระหนักได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง เธอจึงถามด้วยความสงสัยว่า “ท่านเจ้าเมือง มีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะ?”
สองมือของลั่วเทียนเหอวางลงบนโต๊ะ พยักเพยิดหน้าเล็กน้อย “เป็นความคิดของเธอ หรือว่ามีคนอื่นมาบอกเธอ? เธอต้องบอกฉันมาให้หมด ทางที่ดีอย่าปิดบังอะไรทั้งสิ้น ไม่อย่างนั้นเธอรับผลที่ตามมาไม่ไหวแน่”
ไม่ใช่ว่าเขาไม่เชื่อจูลี่ ในทางกลับกัน การที่เขาพาจูลี่มาที่เมืองปู๋เชวี่ยก็เป็นเพราะเขาเชื่อในตัวของจูลี่ กว่าที่จะได้ตัวจูลี่มา ทางฝั่งเขาต้องทำการตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วน หากไม่เป็นเพราะมั่นใจว่าจะไม่มีอะไรผิดพลาด เขาก็คงไม่มีทางมอบหมายหน้าที่สำคัญเช่นนี้ให้เธอทำแน่
ถ้าหากไม่เชื่อก็คงจะไม่ถามเช่นนี้ แต่คงจะใช้วิธีจัดการไปตามระเบียบ
จูลี่ไม่เข้าใจ “เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอคะ?”
น้ำเสียงของลั่วเทียนเหอเย็นชาขึ้นเล็กน้อย “ตอบฉันมา!”
จูลี่นิ่งเงียบไปเล็กน้อย หวนคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ก่อนกล่าวอย่างลังเลว่า “ขอเรียนท่านเจ้าเมืองตามตรง เดิมทีนี่เป็นเรื่องที่ฉันควรจะคิดได้ แต่ตอนนั้นเมืองปู๋เชวี่ยเกิดเรื่องขึ้นอย่างต่อเนื่อง ฉันเลยอาจจะลืมนึกถึงไป แต่ภายหลังก็มีเพื่อนร่วมงานที่เมืองหลวงของฉันคนหนึ่งโทรมาเตือน ฉันถึงได้นึกขึ้นได้….มีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะ?”
เธอย่อมไม่คิดว่าจะมีปัญหาอะไร เพราะเธอไม่รู้ว่าการต่อสู้ช่วงชิงที่อยู่เบื้องหลังผลประโยชน์บางอย่างมันซับซ้อนจนเกินกว่าที่คนธรรมดาจะจินตนาการได้
“อย่างนี้นี่เอง” ลั่วเทียนเหอพยักหน้าเล็กน้อย จู่ๆ พลันตะโกนด้วยเสียงอันดังว่า “เจ้าหน้าที่!”
ด้านนอกมีคนเข้ามาทันที ก้าวอาดๆ เข้ามาแล้วประสานมือกล่าวว่า “ท่านเจ้าเมือง”
ลั่วเทียนเหอพยักเพยิดหน้าไปทางจูลี่ “พาเธอ แล้วก็คนของปู๋เชวี่ยวีดีโอที่ทำงานอยู่ที่นี่ส่งกลับไปที่เมืองปู๋เชวี่ยทันที ส่งพวกเขาให้เหิงเทา จำไว้ เฝ้าพวกเขาเอาไว้ให้ดี อย่าให้พวกเขาใกล้ชิดกับคนภายนอก แล้วก็อย่าให้พวกเขาติดต่อกับคนภายนอก ส่วนที่เหลือเหิงเทาจะเป็นคนจัดการเอง”
“ครับ ”ผู้ใต้บังคับบัญชารับคำสั่ง ก่อนจะหมุนตัวไปทางจูลี่ จากนั้นผายมือพลางกล่าวว่า “เชิญครับ”
นี่มันอะไรกัน? นี่มันคุมตัวชัดๆ! จูลี่ตกใจมาก “ท่านเจ้าเมือง นี่มันอะไรกันคะ?”
ลั่วเทียนเหอหลับตา เอ่ยเสียงดังฟังชัดด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “พาตัวออกไป!”
“ท่านเจ้าเมือง……” จูลี่ตะโกนเรียก แต่ก็ไม่มีประโยชน์ เมื่อเห็นว่าเธอไม่ให้ความร่วมมือ ก็มีคนมาคุมตัวเธอออกไปทันที
เมื่อลั่วเทียนเหอเอ่ยปาก อุโมงค์เคลื่อนย้ายของเมืองนี้ย่อมต้องใช้งานได้ตามสะดวก พนักงานของปู๋เชวี่ยวีดีโอที่อยู่ที่นี่ถูกส่งตัวกลับไปยังเมืองปู๋เชวี่ยผ่านทางอุโมงค์เคลื่อนย้ายในทันที
เหิงเทาที่รู้ข่าวก็รีบส่งคนมารอรับทันทีเช่นกัน เมื่อกลุ่มคนมาถึง ทุกคนรวมทั้งจูลี่ก็ถูกควบคุมตัวเอาไว้ทั้งหมด
จากนั้นก็จัดคนไปสอบสวนคนกลุ่มนั้นทันที ส่วนเหิงเทาสอบสวนจูลี่ด้วยตัวเอง
ในการสอบสวนจูลี่ เหิงเทาได้พุ่งเป้าไปยังฉู่ผิงที่เป็นอดีตเพื่อนร่วมงานคนสนิทของจูลี่เมื่อตอนอยู่ที่เมืองหลวงทันที
เหิงเทารีบติดต่อเจ้าหน้าที่ของทางเมืองหลวงทันที ให้ทางนั้นควบคุมตัวฉู่ผิงเอาไว้ ทันทีที่ระบบของสภาเซียนทำงานขึ้นมา มันช่างทรงพลังเป็นอย่างมาก!
แต่สุดท้ายก็คว้าน้ำเหลว แล้วก็ไม่มีทางที่จะไม่คว้าน้ำเหลว เพราะทางเมืองหลวงส่งข่าวมาว่าฉู่ผิงตายแล้ว!
ตายเพราะประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ อีกทั้งช่วงเวลาตายก็เป็นช่วงเริ่มการประมูลอีกด้วย!
คนที่เสียชีวิตพร้อมกันกับเธอยังมีแฟนหนุ่มที่เพิ่งรู้จักกันไม่นานของฉู่ผิง ทั้งสองคนอาศัยอยู่ด้วยกัน
จากคำขอของทางเมืองปู๋เชวี่ยที่ขอให้ทางเมืองหลวงช่วยตรวจสอบ ทางผู้พิทักษ์เมืองของเมืองหลวงจึงทำการสืบประวัติความเป็นมาของแฟนหนุ่มของฉู่ผิงคนนั้นต่อ ตรวจสอบบุคคลต้องสงสัยทุกคนที่เคยติดต่อกับเขา
…..
ฉินอี๋ที่หลายวันนี้ไม่ได้พักผ่อนยังคงเฝ้าอยู่ในค่ายผู้พิทักษ์เทพของเมืองคุนกว่าง เรื่องที่อยู่ตรงหน้าเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอีกครั้ง ภายในใจมีเรื่องวุ่นวายมากมายจนไม่สามารถนอนหลับได้จริงๆ เธอนั่งหลับตาพักผ่อนอยู่บนรถ แต่ในสมองกลับยังคิดเรื่องต่างๆ วนเวียนไปมา
เมื่อไป๋หลิงหลงมาถึงก็เปิดประตูเข้าไปในรถ กล่าวรายงานข้างหูของเธอว่า “ท่านประธานคะ ที่บ้านส่งข่าวมาว่าจูลี่ถูกจับไปแล้วค่ะ ตอนนี้ถูกพาตัวกลับไปสอบสวนที่เมืองปู๋เชวี่ยแล้ว เหิงเทาเป็นคนสอบสวนด้วยตัวเองค่ะ!”
ฉินอี๋ลืมตา รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก “จูลี่ก็ถูกจับอย่างนั้นเหรอ? หรือเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับจูลี่ด้วย?”
ไป๋หลิงหลงส่ายศีรษะ “ตอนนี้ยังไม่สามารถตรวจสอบสถานการณ์อย่างละเอียดได้ค่ะ”
ฉินอี๋หันกลับไปมองด้านนอกหน้าต่าง เรื่องที่อยู่ตรงหน้าทำให้เธอรู้สึกเหมือนกำลังจะมีพายุก่อตัวขึ้น ในช่วงเวลาสำคัญก็ดันมาเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก เธอเองก็ไม่รู้ว่ามันดีหรือไม่ดี สรุปแล้วคือการสารภาพของหลัวคังอันครั้งนี้ได้ทำให้เรื่องราวมันวุ่นวายเป็นอย่างมาก
….
บนตึกสูงใหญ่ โจวหม่านเชายืนอยู่ริมหน้าต่าง ทอดสายตามองออกไป เขาเองก็รู้สึกกดดันอย่างมากเช่นกัน
ทันทีที่ถูกหอการค้าตระกูลฉินเอาชนะได้ หอการค้าตระกูลโจวที่ไร้ค่าก็จะหมดประโยชน์ทันที แล้วก็จะถูกตระกูลที่อยู่เบื้องหลังทอดทิ้งอย่างไร้ความปรานี
เผิงซีเดินเข้าไปหาเขาแล้วกล่าวรายงานว่า “คุณน้าครับ ทางเมืองปู๋เชวี่ยส่งข่าวมาว่าจูลี่คนนั้นก็ถูกจับไปแล้วเหมือนกันครับ”
โจวหม่านเชาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “สืบไปถึงตัวเธอแล้วเหรอ?”
“ใช่ครับ” เผิงซีพยักหน้า “ดูเหมือนว่าหลัวคังอันจะสารภาพเรื่องของเสวี่ยหลานออกมาแล้วครับ”
โจวหม่านเชาถอนหายใจ “น่าเสียดาย ไม่คิดเลยว่าหลัวคังอันจะกลายเป็นคนเด็ดขาดขนาดนี้”
สำหรับพวกเขาแล้ว นี่ถือเป็นเรื่องที่น่าเสียดายจริงๆ ถ้าหากพวกเขานำเรื่องนี้มาขู่หลัวคังอันได้ แล้วให้หลัวคังอันที่ได้รับความไว้วางใจจากหอการค้าตระกูลฉินเป็นสายให้ การโจมตีหอการค้าตระกูลฉินในภายหลังก็จะสะดวกขึ้น แต่ความเด็ดขาดอย่างกะทันหันของหลัวคังอันทำให้พวกเขาสูญเสียโอกาสนี้ไป
…………………………………………………………
MANGA DISCUSSION