บทที่ 201 เนตรดาราของยูโดรา
ทันใดนั้น ของขวัญก็แปลงร่าง!
กลายเป็นโลลิผูกริบบิ้น!
ดาร์กที่เห็นภาพนั้นแล้วรู้สึกอยากจะปิดประตูขึ้นมาทันที แต่ในที่สุดเขาก็ยอมให้เธอเข้ามา
ยูโดราอายุเพียงสิบเอ็ดปี และสูงถึงแค่สันจมูกของเขาเท่านั้น ส่วนร่างกายของเธอ… แม้จะสวมเสื้อผ้าแล้ว แต่ก็ยังผอมมากอยู่ดี อีกทั้งตอนนี้เธอยังอยู่ในชุดนอนสีชมพูลายลูกไม้ด้วย
ทว่าเพราะตอนนี้เป็นหน้าหนาว การที่ใส่ชุดนี้มาข้างนอกจึงทำให้สภาพเธอดูย่ำแย่มาก
แม้ว่าแก้มจะแดงก่ำมาก แต่เธอกลับดูเหมือนกับคนป่วยมากกว่า
แขนขาเรียวก็สั่นเทาเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าคนตรงหน้ารู้สึกหนาว
ถ้าดาร์กเมินเฉยให้เธอยืนอยู่ข้างนอกต่อไป ไม่แคล้วได้กลายเป็นประติมากรรมน้ำแข็งเข้า
ดาร์กให้เธอเข้ามาในห้องอันอบอุ่นของเขา ก่อนจะฉีกโบว์ริบบิ้นบนหัวของเธอออก เขาเคยเห็นคนอื่นเอาตัวเองผูกเป็นของขวัญมาบ้าง แต่ไม่คาดคิดว่าจะมาเจอกับตนเอง!
“สุขสันต์วันคริสต์มาส!”
ในตอนนี้เอง ยูโดราก็เงยหน้าขึ้นเล็กน้อยและเอ่ยด้วยเสียงสั่น ๆ
สีหน้าของดาร์กดูอับจนหนทาง แต่ก็กล่าวว่า “สุขสันต์วันคริสต์มาส”
เมื่อคิดว่าบนหลังตู้ยังมีอาจารย์ใหญ่อาร์เต้อยู่ ดาร์กก็รู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก
การย้อนมองภูมิหลังอันร้ายกาจของหนุ่มคนนี้ ถ้าไม่ทำอะไรสักอย่าง เกรงจะไม่ทำผิดพลาดแบบเดิมอีกหรือ?
‘ไม่ ต่อให้เป็นแค่การแสดงละคร ฉันก็ต้องพูดความจริงเพื่อให้ยูโดรารู้ตัวว่าการกระทำของเธอมันไม่ถูกต้อง!’
‘อายุสิบเอ็ดหรือสิบสองปีคือช่วงวัยหัวเลี้ยวหัวต่อ เป็นไปได้ว่าที่ตอนนี้เธอเป็นแบบนี้น่าจะเพราะปัญหาทางครอบครัว’
‘แต่ฉันไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับเธอมากนี่สิ พอผ่านตรงนี้ไป สงสัยต้องลองถามอาจารย์ใหญ่ อาร์เต้ดูหน่อยแล้ว… ’
ดาร์กครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะเปลี่ยนกลยุทธ์เป็นเชิญยูโดราเข้ามา
ไม่รู้ว่ายูโดราสามารถรวบรวมความกล้าถึงเพียงนี้มาได้อย่างไร เพราะเธอสามารถเดินเข้าห้องของดาร์กได้โดยไม่เขินอายเลย
ดาร์กผายมือบอกให้ยูโดรานั่งลงได้
แน่นอน!
กลิ่นที่บริสุทธิ์ของเด็กตรงหน้าพลันออกมามากขึ้นเรื่อย ๆ!
ใบหน้าของดาร์กมืดมนเล็กน้อย มือหยิบเสื้อโค้ตจากตู้เสื้อผ้าให้เธอ พร้อมด้วยน้ำแอปเปิ้ลหนึ่งถ้วย
ยูโดรารับน้ำแอปเปิ้ลไปและกระชับเสื้อโค้ตแน่นโดยไม่รู้ตัว ปากเล็ก ๆ จิบน้ำแอปเปิ้ล
จากนั้นดาร์กก็ถามว่า “เธอชื่อยูโดรา เอนเวย์ใช่ไหม?”
ยูโดราที่ได้ยินดาร์กถามก็แสดงรอยยิ้มงุนงงออกมา ก่อนที่เธอจะพยักหน้าหงึก ๆ แล้วตอบว่า “อืม อืม”
ดาร์กเคาะโต๊ะ และตัดสินใจเข้าเรื่องทันที “เธอกำลังทำอะไรกันแน่? ฉันหมายถึงเธอชอบฉันตอนไหน?”
ยูโดราเสสายตาไปทางอื่น แล้วตอบเสียงเบาตอบว่า “ตั้งแต่แรกพบ”
ดาร์กตกใจ “ตั้งแต่แรกพบยังไง?”
ยูโดราหรี่ตาเหมือนอยู่ในความทรงจำ “ตอนที่ฉันเห็นนายในพิธีคัดสรร นายเหมือนกับเจ้าชายในหนังสือภาพเลย”
ดาร์ก “…”
เหมือนในหนังสือภาพ…มันไม่ดูตลกเกินไปหน่อยเหรอ?
ผมสีบลอนด์เหมือนกับเจ้าชายตรงไหน?
ไม่ถูกต้องแล้ว
‘หรือฉันจะเป็นแบบที่เธอว่าจริง ๆ?’
ดาร์กแตะคางคิดว่าเหตุผลนี้ไม่ได้เกินจริงเกินไป
ทว่ายูโดราไม่ได้หยุดเล่า เธอยังคงพูดต่อไป “ตอนแรกมันเหมือนกับความฝัน นายเหมือนกับเจ้าชายที่เดินออกมาจากหนังสือภาพ แล้วภาพลักษณ์ของนายก็ดึงดูดผู้คนให้เริ่มสนใจในตัวนายอย่างอดไม่ได้”
“แต่เพราะนายชอบนั่งอยู่ที่มุมแถวสุดท้ายของห้องเรียน ฉันก็เลยเห็นไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ แค่คิดว่านายเป็นคนเอาจริงเอาจังมาก ผอมแล้วก็หล่อมาก ตั้งแต่ที่นายช่วยศาสตราจารย์ลิลลี่รับหน้าที่เป็นอาจารย์สอนแทนในวันนั้น… จนถึงการประลองในชั้นเรียนครั้งแรก และก็ตอนกิจกรรมในวันฮัลโลวีน… นายมักจะทำอะไรที่เราทำไม่ได้อย่างง่ายดาย! ทีนี้ พอเห็นนายเมื่อไหร่ ฉันก็อดไม่ได้ที่จะอยากตามไป สนิทสนมกับ… นาย”
โดยสัญชาตญาณ ดาร์กคิดว่าไม่สามารถปล่อยให้เธอพูดต่อไปได้อีกแล้ว เขาจึงพูดแทรกอย่างเร่งรีบว่า “นี่อาจเป็นเพียงความประทับใจข้างเดียวของเธอ ฉันหมายความว่าจริง ๆ แล้วเธอไม่เคยได้ใกล้ชิดกับฉันเลย แต่มองอยู่ห่าง ๆ สายตาก็มักสะท้อนสิ่งที่เธออยากเห็น ฉันห่างไกลจากที่เธอจินตนาการไว้มาก ไหนจะทำหน้าที่ดวงอาทิตย์ของเธออีก ดังนั้น…”
ยูโดราพูดอย่างดื้อรั้นทันที “ไม่ นายคือดวงอาทิตย์ของฉัน! ฉันสังเกตได้ว่านายปล่อยความร้อนที่ส่องสว่างออกมา! มันสว่างไสวมาก!”
เธอวางแก้วลง มือทั้งสองข้างกุมอยู่ที่หน้าอกตรงตำแหน่งหัวใจ หลังจากเข้ามาในห้อง ในที่สุด เธอก็เงยหน้าขึ้นเป็นครั้งแรก โดยมองหน้าดาร์กด้วยสายตาแน่วแน่
ท่าทางของเธอดูเหมือนกับตอนยื่นจดหมายให้ดาร์ก
เด็กชายสังเกตร่องรอยความผิดปกติได้ในทันที
ในดวงตาของยูโดราเห็นได้ชัดว่ามีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่!
เมื่อเชื่อมโยงกับเรื่องที่เธอได้เข้าสถาบันเร็วกว่าปกติ เพราะความผิดปกติของพลังเวทมนตร์
ดาร์กพลันรู้สึกราวกับเข้าใจอะไรบางอย่าง…
สิ่งนี้ทำให้เขาตระหนักได้ เขาจำต้องปฏิบัติต่อยูโดราอย่างระมัดระวัง!
…
ดาร์กจับไหล่อีกฝ่ายแน่น เขารู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อยเมื่อมองตรงไปในดวงตาของเธอ ก่อนจะพูดอย่างจริงจังว่า “เธอเพิ่งอยู่แค่ปีหนึ่ง! เวลาของเธอควรใช้ไปกับการเรียน ไม่ใช่อย่างอื่น!”
ยูโดราอดพูดอย่างดื้อรั้นไม่ได้ “แต่ว่าการเผชิญหน้ากับความปรารถนาและนำไปปฏิบัติจริง คือคำพูดของนายไม่ใช่เหรอ!”
“…”
เหมือนเขาจะเคยพูดมันไปแบบนั้นจริง ๆ
หลังจากที่คว้าแชมป์การประลองในชั้นเรียนครั้งล่าสุด เขากล่าวสุนทรพจน์สั้นไว้เช่นนี้จริง ๆ
แต่ว่านั่นก็เป็นเพราะบรรยากาศมันพาไปไม่ใช่เหรอ?
สรุปแล้ว มันไม่สามารถนำมาใช้กับเรื่องในตอนนี้ได้อย่างแน่นอน!
จากนั้นดาร์กก็พูดขึ้นมา “ฉันจำได้ ในจดหมายเธอเขียนว่าเธอจะพยายามทำตัวให้โดดเด่นมากขึ้น ประเด็นนี้ฉันเห็นด้วยอย่างยิ่ง การเรียนควรเป็นงานหลักของเธอ เพราะตอนนี้เธอยังเด็กเกินไป เรื่องหลังจากนั้นค่อยไว้ว่ากันทีหลัง ตกลงไหม?”
ด้วยเหตุผลบางอย่าง จู่ ๆ ยูโดราก็ดูเหมือนจะยอมลงให้ แต่เธอยังคงพูดอยู่ดีว่า “ฉัน… ฉันจะพยายาม!”
ดาร์กถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขายืนขึ้นและกระชับคอเสื้อก่อนจะพูดว่า “งั้นฉันจะส่งเธอกลับหอพักก่อน”
ยูโดรายืนขึ้นอย่างว่าง่าย
เมื่อดาร์กจะออกจากห้องพัก สายตาของเขาก็หันมามองที่ด้านบนตู้ และเห็นแต่กริฟฟินที่จับจ้องมาเท่านั้น
…
คืนนี้เป็นวันหยุดคริสต์มาส นักเรียนทั้งหลายจึงยังคงไม่หลับใหล แม้ว่าเวลานี้จะเข้าสี่ทุ่มไปแล้วก็ตาม ดังนั้นในห้องส่วนกลางจึงยังคงมีเสียงดังมาให้ได้ยิน และบนทางเดินก็มีคนเดินผ่านไปมาเป็นครั้งคราว
ดาร์กรู้สึกโล่งใจมากที่ไม่มีใครเห็นตอนเขาเดินมาส่งยูโดรา
หลังจากมาส่งเด็กหญิงถึงหน้าห้องพักของเธอ เขาก็ขอเสื้อโค้ตคืน แต่เธอกำชายเสื้อไว้ในมือแน่น ดูเหมือนไม่อยากถอด
ดาร์กรู้ว่าถ้าทิ้งเสื้อโค้ตนี้ไว้ บางทีอาจมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นตามมา
ดังนั้นเขาจึงดึงเสื้อคลุมกลับมาอย่างเด็ดขาด และกล่าวคำสุดท้ายว่า “ราตรีสวัสดิ์”
เดินไปแล้วไม่หวนกลับ
ยูโดราซึ่งยืนอยู่ที่หน้าห้องคล้ายหมดเรี่ยวแรง ร่างทั้งร่างทรุดลงในไม่นานหลังจากนั้น
เธอคุกเข่าด้วยความรู้สึกที่หนาวเหน็บ สายตาจ้องมองแผ่นหลังของดาร์ก ก่อนจะกัดฟันเล็กน้อย
…
เมื่อกลับมาถึงห้องพัก สิ่งแรกที่ดาร์กทำคือมองขึ้นไปบนตู้ก่อน “อาจารย์ใหญ่พูดได้ไหมครับ?”
สปิริตกริฟฟินส่งเสียง ‘เจี๊ยบ ๆ’ ก่อนจะหมุนตัวอย่างรวดเร็ว แล้วอาจารย์ใหญ่อาร์เต้อีกก็ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง
เธอพูดด้วยสีหน้าที่ดูแปลกใจเล็กน้อย “เดม่อน ดูเหมือนว่าเสน่ห์ของเธอจะมากว่าที่ฉันคิดไว้อีกนะเนี่ย”
“อะแฮ่ม!” ดาร์กเมินคำนี้โดยทันที จากนั้นเขาก็กลับมาเข้าประเด็นต่อ “อาจารย์ใหญ่ คุณก็เห็นแล้ว นี่ไม่ใช่สิ่งที่ผมคาดหวังไว้ สรุปแล้ว คุณมีอะไรจะพูดกับประสบการณ์ชีวิตของยูโดราไหมครับ?”
อาจารย์ใหญ่อาร์เต้ย้ายเก้าอี้มานั่ง ๆ เขา “นี่ไม่ใช่ความลับอะไร ยูโดรามาจากตระกูลขุนนางเล็ก ๆ แต่สายเลือดของเธอสืบทอดมาจากแม่มดเนตรดารา เชอร์ลีย์ อันที่จริง เธอมีสายเลือดขุนนางบริสุทธิ์ แต่ไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่ที่สายเลือดแม่มดเนตรดาราตื่นขึ้นมาในร่างกายของเธอ แม้ว่าตอนนี้จะยังไม่โต แต่เธอก็มีเนตรดาราแล้ว และด้วยสิ่งนี้ มันก็ทำให้เธอมองเห็นเส้นทางที่คนทั่วไปไม่สามารถมองเห็นได้”
หลังจากที่ดาร์กได้ยินคำนั้น จู่ ๆ เขาก็นึกถึงความรู้เรื่อง ‘ดวงตาที่เต็มไปด้วยดวงดาว’
เขาเจอมันตอนที่ค้นหาเรื่องสัญลักษณ์ของมหาบาป
สิ่งที่เรียกว่า ‘ดวงตาที่เต็มไปด้วยดวงดาว’ นั้นเรียกว่า ‘เนตรแห่งดารา’
คนในบันทึกนั้นมีดวงตาระยิบระยับ สามารถเข้าใจเส้นทางที่ดวงดาวเคลื่อนคล้อยไป และสอดแนมชะตากรรมได้อย่างสมบูรณ์
ดังนั้นผู้ที่มีเนตรดาราแต่ละคนจึงเป็นนักดาราศาสตร์โดยกำเนิด!
ยูโดราจะต้องกลายเป็นนักดาราศาสตร์ที่มีพรสวรรค์สูงอย่างแน่นอน
และเหตุผลที่เธอมองเห็นดวงอาทิตย์ได้…กลายเป็นว่าเธอพูดออกมาอย่างที่เห็นจริง ๆ!
เธอเห็น ‘ดวงอาทิตย์’ ออกมาจากร่างของดาร์กจริง ๆ!
นั่นคือการแสดงของ [อัตตา] ที่ออกมาในรูปแบบดวงอาทิตย์อันร้อนแรง!
…
ดาร์กสูดลมหายใจเข้าลึก ตอนที่เห็นจดหมายจากยูโดราครั้งแรก เขาคิดไม่ถึงเลยว่าอักษรในจดหมายจะมีความหมายลึกซึ้งเช่นนั้น
ยูโดราสามารถเห็นได้ว่า [อัตตา] ของเขาล้นออกมานอกร่างกายด้วยตาเปล่า!
และจนถึงตอนนี้ [อัตตา] ของเขาก็ยังคงอยู่ในระดับที่สูงมาก
อย่างไรก็ตาม ยูโดราที่ยังไม่ได้โตเต็มที่กลับมองเห็นมันอย่างชัดเจน ในสายตาของเธอสามารถมองเห็นได้เพียงดวงอาทิตย์เท่านั้น แต่ไม่สามารถเห็นดวงจันทร์ได้ นี่เป็นข้อพิสูจน์ที่แน่ชัดแล้ว
ทว่ากาลเวลาจะค่อย ๆ ทำให้เธอเติบโตขึ้น
วันหนึ่งเธอจะมองเห็นทุกอย่าง และบางทีอาจเห็นร่างกายของดาร์กค่อย ๆ พัฒนาไปเป็น ‘ดวงดาว’ ในที่สุด
ส่วนการอ่านดาวเหล่านี้จะมีความหมายหรือไม่นั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
“ผมเข้าใจแล้วครับ”
ดาร์กเงยหน้าขึ้น พูดกับอาจารย์ใหญ่อาร์เต้ว่า “ถ้าในสายตาของยูโดราสามารถมองเห็นชะตาได้ อนาคตของผมจะต้องรุ่งโรจน์ตลอดกาลเหมือนดวงอาทิตย์แน่ เพราะงั้นหลังจากนี้โปรดเรียกผมว่าสหัสเนตร!”
“ฮะ ๆ!!”
อาจารย์ใหญ่อาร์เต้มองดูดาร์กที่พูดเกินจริงจังแล้วก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
จากนั้นเธอก็กล่าวว่า “สัญญาณหนึ่งมีคำอธิบายเป็นร้อย ดาราศาสตร์ก็เช่นกัน ผลดาราศาสตร์ที่คล้ายกันในดวงตาของนักดาราศาสตร์คนละคน ก็จะนำเสนอชะตากรรมที่แตกต่างกันไป ในเมื่อเธออยากเชื่อเช่นนั้นก็เชื่อเช่นนั้นไป!”
สิบนิ้วของดาร์กประสานกัน เขาถามด้วยรอยยิ้มว่า “แต่ผมสงสัยว่า ในเมื่อนักดาราศาสตร์สามารถมองดูเส้นทางแห่งโชคชะตาได้ ทำไมถึงไม่ทำนายรายวันและทำเป็นอาชีพล่ะครับ?”
อาจารย์ใหญ่อาร์เต้ตอบ “เพราะพวกเขามีราคาที่ต้องจ่ายยังไงล่ะ!”
…
นักดาราศาสตร์ไม่ใช่อาชีพที่สะดวกสบายนัก
โดยทั่วไปแล้ว การทำนายสามารถแบ่งออกเป็นสองส่วน
1. การดูโชคชะตา
2. การตีความ
นักดาราศาสตร์ คือประเภทย่อยของหมอดูที่ทำนายวิถีแห่งโชคชะตาผ่านการสังเกตการเคลื่อนไหวของดวงดาว
สำหรับพวกเขา การดูโชคชะตาคือการมองดูดวงดาว
แต่ดูดวงดาวแล้วก็ต้องตีความด้วย!
ทว่าแม้นักดาราศาสตร์จะดูเส้นทางการโคจรของดวงดาวเหมือนกัน แต่พวกเขากลับตีความได้แตกต่างกันไปโดยสิ้นเชิง!
ดังนั้นการทำนายจึงไม่ใช่เหตุการณ์ที่แน่นอน
คำทำนายจะไม่บอกโดยตรงว่า จะได้เงินจำนวนเท่าไหร่หลังจากซื้อลอตเตอร์รี่ แต่จะบอกแค่ว่าหลังจากซื้อลอตเตอร์รี่แล้ว มันมีความเป็นไปได้สูงที่จะโชคดี
แต่มันก็ยังยากยิ่งกว่านั้น
เพราะแม้คำตอบจะคลุมเครือ แต่ก็ยังต้องจ่ายราคามากพอสมควรอยู่ดี
และราคาที่นักดาราศาสตร์แต่ละคนต้องจ่ายก็มีความแตกต่างกันไป
บางคนอาจจะสูญเสียการมองเห็นไปทีละน้อยหลังทำนายอย่างแม่นยำ จนกระทั่งตาบอด
บางคนหลังจากการทำนายอย่างแม่นยำในแต่ละครั้ง วิญญาณจะถูกกระตุ้นแล้วค่อย ๆ คลุ้มคลั่งในที่สุด
นี่เป็นตัวอย่างเพียงเล็กน้อย
แต่ส่วนใหญ่แล้ว นักดาราศาสตร์มักไม่ฝึกสายนักทำนาย
…
ดาร์กเข้าใจอย่างคร่าว ๆ เขาและอาจารย์ใหญ่อาร์เต้คุยกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเสียงระฆังก็ดังขึ้น ในที่สุดอาจารย์ใหญ่เองก็ไม่สามารถยื้อต่อไปได้!
เธอดูเหมือนต้องเพ่งสมาธิไปยังร่างหลักอย่างมาก จากนั้นเธอจึงแสร้งมองดูนาฬิกาแขวนผนังแล้วพูดว่า “ดึกขนาดนี้แล้วเหรอ? เกือบลืมไปแล้วว่าฉันมาส่งของขวัญ”
ดาร์กเปลี่ยนจากคาดหวังอย่างเข้มข้นในตอนแรก ไปเป็นไม่สนแล้วว่าจะมีหรือไม่มีของขวัญ
ศาสตราจารย์แคลร์บอกกับเขาในวันก่อนที่เธอจะออกจากสถาบัน
เธอเองก็เตรียมของขวัญคริสต์มาสให้เขา โดยฝากไว้กับอาจารย์ใหญ่อาร์เต้!
สิ่งที่ต้องไตร่ตรองในช่วงนี้มีมากเกินไปจริง ๆ และดาร์กก็ลืมไปอย่างไม่รู้ตัว
จนกระทั่งอาจารย์ใหญ่อาร์เต้ปรากฏตัว จู่ ๆ เขาก็นึกขึ้นได้ แต่ใครจะรู้ว่าอาจารย์ใหญ่จะเอาแต่พูดจนถึงตอนนี้?
นี่มันเกือบห้าทุ่มแล้ว!
ดาร์กได้แต่บ่นในใจอย่างเงียบ ๆ
เขาเห็นมืออาจารย์ใหญ่อาร์เต้กวักมือเรียกสฟิงซ์อีกตัวที่ถือกล่องของขวัญหน้าตาไม่แพงบินเข้ามา
อาจารย์ใหญ่อาร์เต้รับกล่องของขวัญจากมันแล้วมอบให้ดาร์ก
ดาร์กรับกล่องของขวัญมาและเขย่า จากนั้นจึงพบว่าทันทีว่ากล่องนี้เบาเป็นพิเศษ ดูเหมือนเปลือกเปล่าที่ไว้หลอกคน!
แต่เนื่องจากเป็นของขวัญที่แคลร์มอบให้ มันก็ต้องไม่ใช่กล่องเปล่าอยู่แล้ว
“เดาว่ามันคงเป็นอะไรที่เบาเป็นพิเศษใช่ไหม?”
ดาร์กคิด แล้วเขาก็เงยหน้าขึ้นมองอาจารย์ใหญ่อาร์เต้
“…”
ต่างฝ่ายต่างมองหน้ากัน
ดาร์กเปิดปากก่อนแล้วพูดว่า “อาจารย์ใหญ่ครับ มันดึกมากแล้วจริง ๆ”
อาจารย์ใหญ่อาร์เต้ “เพราะงั้นก็รีบเปิดของขวัญให้เร็วที่สุด!”
ดาร์กคิด ‘ตอนนี้ผมไม่อยากเปิดมันต่อหน้าคุณไง ไม่เข้าใจเหรอ?’
อาร์เต้คิด ‘ก็ฉันอยากเห็นว่าแคลร์จะให้ของขวัญอะไรกับเธอ ไม่ได้เหรอ?’
ความคิดคนสองคนปะทะกันผ่านการแลกเปลี่ยนสายตาอย่างไม่หยุดยั้ง
สุดท้ายดาร์กก็ไม่สามารถไล่คนหน้าด้านนี้ไปได้!
ขิงแก่แต่เผ็ดจัด!
เด็กชายไม่มีทางเลือกอื่น จึงจำใจต้องแกะของขวัญต่อหน้าอาจารย์ใหญ่อาร์เต้
ในกล่องขนาดเล็กบรรจุวัสดุที่อ่อนนุ่มไว้
ดาร์กยื่นมือเข้าไปสัมผัส จับการ์ดคริสต์มาสและ… การ์ดเวทมนตร์!
“นี่คือ?”
ดาร์กหยิบการ์ดเวทมนตร์ออกมาสังเกตอย่างละเอียด แล้วพบว่ามันไม่ใช่พื้นผิวของการ์ด
ซึ่งหมายความว่าการ์ดเวทมนตร์นี้ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป!
ดาร์กหยิบการ์ดคริสต์มาสขึ้นมาทันที วอนให้แคลร์ฝากข้อความทิ้งไว้ด้วย
แต่อาจารย์ใหญ่อาร์เต้กลับขมวดคิ้วอย่างกะทันหัน “คิดไม่ถึงว่าแคลร์จะให้สิ่งนี้กับเธอ”
เธอมองสถานการณ์จริงของการ์ดเวทมนตร์นี้ออกอย่างชัดเจน
และไม่สนับสนุนพฤติกรรมของแคลร์
ส่วนดาร์กยังดูการ์ดคริสต์มาสต่อไป
ดาร์กที่รัก
ฉันคิดว่าเธอจะต้องรู้สึกเหมือนถูกทอดทิ้งเมื่อฉันจากไปอย่างแน่นอน
ท้ายที่สุดแล้ว…
หากไม่มีฉัน ตอนกลางคืนเธอคงนอนหลับยากเสมอ!
อย่างไรก็ตาม มันไม่เกี่ยวกันเลย ป้าได้เตรียมเซอร์ไพรส์ชิ้นใหญ่ไว้ให้เธอแล้ว
แต่เธอต้องการ…
MANGA DISCUSSION