บทที่ 190 วัยเยาว์คือสนามรบ งานเต้นรำคือสงคราม
ค่ำคืนนั้น ทุกอย่างดูเงียบสงัด
แต่เมื่อยามเช้ามาเยือน พวกเขาก็ตื่นขึ้นอีกครั้ง
นักเรียนทั้งสถาบันเซนต์แมเรียนจึงเริ่มใช้ชีวิตในวันสุดท้ายของเทอมแรก
มันเป็นวันศุกร์ที่อากาศดีมาก และแสงแดดอ่อน ๆ ก็ทำให้ผู้คนมีความสุข
ศาสตราจารย์โจนส์ไม่ได้สอนความรู้เชิงทฤษฎียาก ๆ เหล่านั้นในชั้นเรียนประลองอีกต่อไป
เธอรอให้นักเรียนมารวมตัวกันในโถงประลองสอง จากนั้นก็เลือกพรีเฟกต์ของแต่ละบ้านมา แล้วเธอก็ให้พวกเขาจัดแถวเป็นสี่แถว วิ่งตามหัวหน้าออกจากโถงประลองไป
คาบสุดท้ายนี้
ศาสตราจารย์โจนส์กำลังจะพาพวกเขาออกไปวิ่งนอกปราสาท
ให้นักเรียนปีหนึ่งที่ขังตัวเองอยู่ในปราสาททั้งวัน ได้สูดอากาศภายนอกปราสาทกับเข้าใจว่าปราสาทใหญ่แค่ไหน
ดาร์กเหลือบมองเอ็มม่า ซาร่า และคนอื่น ๆ ทางด้านขวา
ใบหน้าของเอ็มม่าและซาร่าไม่ได้ดูดีขนาดนั้น
เป็นเรื่องยากสำหรับพวกเธอที่จะวิ่งให้ทันกลุ่มอยู่แล้ว มาตอนนี้พวกเธอยังถูกแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าบ้านด้วย นี่มัน…เป็นการประหารชีวิตกลางแจ้งเลยไม่ใช่หรอกหรือ?
ดาร์กและหัวหน้าบ้านคนเขลาทางด้านขวาสุดต่างโบกมือให้กัน จากนั้นทั้งคู่ก็วิ่งช้าลง
บ้านทั้งสี่ขยับไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ ด้วยความเร็วที่ค่อนข้างเหมือนเต่า
แต่ศาสตราจารย์โจนส์ก็ไม่ได้เร่ง
พื้นที่ด้านนอกปราสาทนั้นกว้างใหญ่อย่างน่าประหลาดใจ และมันมีอาคารขนาดเล็กต่าง ๆ กระจัดกระจายอยู่ทั่ว
นักเรียนปีหนึ่งบางคนชอบที่จะมองออกไปนอกปราสาท แต่มีไม่กี่คนจริง ๆ ที่ออกมาข้างนอกปราสาทขนาดนี้
เพราะพอถึงเวลานั้น เด็ก ๆ มักจะเลือกตรงไปยังถนนนักเดินทางมากกว่า
“ถึงแล้ว”
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ศาสตราจารย์โจนส์ก็พามาหยุดอยู่ที่ไหนสักแห่ง
นักเรียนมองตามเธอไปในทิศทางเดียวกัน
แล้วพวกเขาก็ได้เห็นอาคารสองชั้น ซึ่งมีรูปแบบเหมือนสไตล์พระราชวังโรมัน
“นั่นอะไร?” มีคนถามด้วยความประหลาดใจ
จากนั้นนักเรียนคนหนึ่งที่รู้อยู่แล้วก็ตอบว่า “มันคือทางเข้าดันเจี้ยน”
ดันเจี้ยนที่มีอยู่ในสถาบันเซนต์แมเรียน เป็นโครงสร้างหลายชั้นเหมือนเขาวงกตขนาดใหญ่
มอนสเตอร์ในดันเจี้ยนจะเกิดใหม่ทุกสัปดาห์ และเปิดให้เฉพาะนักเรียนบางคนตั้งแต่เวลาเที่ยงวันศุกร์ถึงเที่ยงคืนวันอาทิตย์
วัตถุดิบหลักส่วนใหญ่ของสถาบันเซนต์แมเรียนมาจากที่นี่ ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าเป็นการผลิตและขายด้วยตัวเองโดยสมบูรณ์
การศึกษา
การผจญภัย
การประลอง
สิ่งเหล่านี้เป็นองค์ประกอบสำคัญสามประการในชีวิตประจำวันของนักเรียนรุ่นพี่
แต่ในฐานะนักเรียนปีหนึ่ง พวกเขาได้สัมผัสแค่ ‘การศึกษา’ เท่านั้น
…
“เทอมหน้า ศาสตราจารย์วอร์คราฟต์อาจพาพวกเธอมาเดินเล่นที่ดันเจี้ยนก็ได้”
ศาสตราจารย์โจนส์หยุดที่นี่ประมาณสิบนาที ก่อนจะขยับอีกครั้ง
“ไป ไปกันต่อ!”
ดังนั้นนักเรียนจึงคร่ำครวญและวิ่งเป็นวงกลมต่อไป
…
คาบเรียนสุดท้ายของเทอมแรก และของนักเรียนปีหนึ่ง สิ้นสุดลงด้วยการวิ่งเป็นวงกลมอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
…
ด้วยสมรรถภาพทางกายที่ดาร์กพัฒนาขึ้นโดยการออกกำลังกายตอนเช้าไม่ขาด ในที่สุด เขาก็สามารถรักษาสมบัติผู้ดีของขุนนางไว้ได้ ส่วนตอนท้ายนั้น เขามองข้ามนักเรียนส่วนใหญ่ที่ก้มตัวหอบ และเพิ่มความมุ่งมั่นที่จะออกกำลังกายตอนเช้ามากขึ้น
ศาสตราจารย์โจนส์ประกาศ ‘แยกย้าย’ หลังจากพูดถึงเรื่องความปลอดภัยในวันหยุดบางอย่างก่อนเลิกเรียน
ตอนนั้นแม้ขาและเท้าจะยังเจ็บอยู่ แต่นักเรียนก็ส่งเสียงโห่ร้องลั่นในทันที!
สำหรับนักเรียนที่ไม่รู้ว่า ‘ปิดเทอมฤดูหนาว’ นานแค่ไหน การมีเวลาพักเก้าวันช่างเป็นเรื่องที่บ้ามาก
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมี ‘งานเต้นรำคริสต์มาส’ ด้วย!
แม้ว่างานเต้นรำคริสต์มาสจะไม่มีการออกล่าเหมือน ‘งานเต้นรำสวมหน้ากาก’ แต่ก็ยังมีอะไรให้ตั้งตารออีกมาก สำหรับถุงเท้าคริสต์มาสหนึ่งชิ้นต่อคน
ส่วนผู้ที่มีประสบการณ์การ ‘ล่า’ แล้ว กิจกรรมคริสต์มาสที่มี ‘งานพรอม’ ก็ดูน่าสนใจยิ่งขึ้นเช่นกัน
ขณะนี้เป็นวันที่ 22 ธันวาคม และเหลืออีกสองวัน ก่อนงานคริสต์มาสในตอนเย็นของวันที่ 24
ประเด็นหลักคือคู่เต้นรำ
ประเด็นรองอยู่ที่ของขวัญคริสต์มาส
มันคงน่าอายไม่น้อย เมื่อคิดว่าตัวเองจะไม่มีคู่เต้นรำในงานพรอม หรือไม่ได้รับอะไรเลยนอกจากถุงเท้า
ดวงตาของจอมเวทฝึกหัดค่อย ๆ เฉียบคมขึ้น!
ต่อจากนี้ไปสงครามได้เริ่มขึ้นแล้ว!
…
“เอ๊ะ ทำไมเจ็บจัง?”
ดาร์กแตะแก้มของเขา รู้สึกแสบ ๆ เล็กน้อยตลอด
ใครกันที่จ้องหน้าเขาด้วยสายตาราวดาบขนาดนั้น?
…
แตกต่างจากนักเรียนคนอื่น ๆ
หลังสิ้นสุดคาบวิชาประลองจบลง ดาร์กก็ตรงไปที่หอพักและศึกษาคาถา [ฟิวชั่น] ต่อ
ต้องขอบคุณการพัฒนาที่เด็ดขาดเมื่อคืนนี้ การวิจัยที่ตามมาจึงราบรื่นขึ้นเล็กน้อย
เวลาประมาณเที่ยง ดาร์กหยุดทำงานและทานอาหารที่รุกกี้เดวิมอนนำมา จากนั้นจึงรีบออกไปห้อง และในที่สุดก็มาถึงแท่นฝึกมังกร ก่อนที่ศาสตราจารย์แคลร์จะออกเดินทาง
แท่นฝึกมังกรตั้งอยู่ใกล้หอพักและห้องเรียน แม้จะมีชื่อแบบนี้ แต่ก็เป็นสถานที่ที่คล้ายกับ ‘ถนนลาดยาง’
ศาสตราจารย์ส่วนใหญ่จะใช้วิธีขี่สัตว์บินได้ในตอนเข้าและออกจากสถาบัน
สัตว์ขี่ของศาสตราจารย์ส่วนใหญ่นั้นเป็นสปิริตของตัวเอง และมีเพียงไม่กี่คนที่เหมือนกับแคลร์ ผู้ฝึกอสูรร้ายตัวจริงให้เชื่อง!
ไวเวิร์นของแคลร์เป็นสายพันธุ์ย่อยของมังกรที่มีสายเลือดมังกรเจือจาง
เดิมที มันเป็นพาหนะของหัวหน้ากลุ่มเล็ก ๆ ของกองทัพจอมมาร แต่ต่อมามันได้กลายเป็นถ้วยรางวัลของเธอ
ตอนที่ดาร์กมาถึง แคลร์กำลังกล่าวคำอำลากับศาสตราจารย์หลายคนอยู่พอดี
ดังนั้นเขาจึงไม่ได้เข้าไปใกล้ แต่ยืนห่างออกไปเล็กน้อยและเฝ้าดูภาพตรงหน้า
บอกลาตรงนี้ก็ได้ ยังไงก็น่าจะได้เจอกันในวันหยุดฤดูร้อนอีก
ดาร์กอ่อนไหวเล็กน้อย
“เฮ้ ดาร์ก!”
ดาร์กสะดุ้งทันที
แล้วเขาก็เห็นแคลร์โบกมือให้อย่างดีใจ
เขายกยิ้ม ชูแขนขึ้นและโบกมือให้เธอ!
“ป้าแคลร์ ลาก่อน!”
…
สายลมกำลังพัด
มังกรเริ่มกางปีก
แคลร์สวมแว่นตา ก่อนจะควบมังกรบินทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
ศาสตราจารย์ซิลเวอร์ที่มาบอกลา เป็นผู้วาดประตูมิติทรงกลมด้วยการ์ดกุญแจในมือของเธอ และแล้วประตูทรงกลมก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า
แคลร์หันหน้ามาขณะที่เธอบินผ่านประตู ผมสีน้ำตาลอ่อนพลิ้วไหวตามสายลม และบังไปครึ่งแก้มของเธอ
…
ดาร์กเฝ้ามองดูเธอหายไปโดยสมบูรณ์ จากนั้นจึงก้าวถอยหลังเล็กน้อยแล้วหันหลังกลับ
เนื่องจากไม่ได้เป็นเรื่องความเป็นความตาย ก็ไม่จำเป็นต้องเศร้าเกินไป
อัลเวตต์ก็อยู่คนเดียวตอนที่เธอต้องการเพื่อน
พอเพิ่มแคลร์เข้าไป คฤหาสน์ของดัชเชสคงจะอบอุ่นขึ้นไม่น้อย
หลังจากนี้ เมื่อดาร์กอ่าน ‘เดลี่เสจ’ เขาก็ไม่ได้กังวลเกินไปว่าจะมีข่าวที่ไม่ดีเกี่ยวกับแม่ของเขา
เด็กชายรีบกลับไปที่หอพัก ก่อนจะนั่งอุทิศตนเพื่อวิจัยคาถา [ฟิวชั่น] ให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
หลังจากนั้นอีกสองชั่วโมง ในที่สุด ดาร์กก็สามารถสร้างคาถาที่ดูเหมือน [ฟิวชั่น] ขึ้นมาได้
“เฮ้อ~”
เขาเติมความสดชื่นให้ตัวเองด้วยน้ำแอปเปิ้ลหนึ่งแก้ว และรีบเก็บของมุ่งหน้าไปที่ห้องสมุด
รุ่นพี่แพนดอร่าก็มีธุระของตัวเองให้ยุ่งอยู่ด้วย บ่ายนี้เป็นโอกาสสุดท้ายก่อนงานคริสต์มาส
เมื่อดาร์กมาถึงห้องสมุด แพนดอร่าก็กำลังพูดอะไรบางอย่างกับคุณเบลล่าที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เธอ จากนั้นเธอก็เดินออกจากเคาน์เตอร์ภายใต้สายตาอันอบอุ่นของคุณเบลล่า และไปที่ห้องทดลองกับดาร์ก
ทางเดินของปราสาทยังคงเงียบสงบ
ดาร์กถามด้วยความสงสัย “รุ่นพี่ยังมีงานอยู่อีกเหรอครับ?”
แพนดอร่าส่ายหน้า “ฉันก็มีวันหยุดนะ เข้าใจ๊? แค่มาที่นี่เพื่อคุยกับคุณเบลล่า อ้อ แล้วฉันก็รอเธออยู่ด้วยเหมือนกัน”
ดาร์กเกาหัว เริ่มคิดว่าการเตรียมของขวัญคริสต์มาสให้คุณเบลล่าด้วย จะทำให้รุ่นพี่แพนดอร่ามีความสุขมากขึ้นหรือเปล่า?
…
ช่วงนี้คนทั้งคู่ไม่ค่อยมีเวลามากนัก
หลังจากที่ทั้งสองเข้าไปในห้องทดลอง พวกเขาก็เริ่มลงมือเลย
ภายใต้การแนะนำของรุ่นพี่แพนดอร่า ดาร์กทดสอบคาถา [ฟิวชั่น] ก่อน หลังจากรู้สึกว่าแตะค่ามาตรฐานทั้งหมดแล้ว เขาก็ทดลองขัดเกลา
ครึ่งแรกของ [ฟิวชั่น] นั้นใกล้เคียงกับ [กรงต้องสาป] เล็กน้อย และเป็นพื้นฐานที่ต้องทำการ์ดเวทมนตร์ก่อน
แก่นแท้ของ [ฟิวชั่น] คือการใช้สปิริตตั้งแต่สองตัวขึ้นไปเป็นวัตถุดิบหลัก เพื่อขัดเกลาวิญญาณเวทมนตร์ตัวใหม่ทันที!
อาจกล่าวได้ว่าเป็น ‘การขัดเกลาในสนาม’
ดังนั้น การใช้การ์ด [ฟิวชั่น] จึงต้องใช้พลังเวทมนตร์จำนวนมาก!
ด้วยเหตุนี้ จึงมีเพียงไม่กี่คนที่ใช้การ์ดหมวด [ฟิวชั่น]
สำหรับจอมเวททั่วไปนั้น อย่างมากที่สุดก็ใช้ [ฟิวชั่น] เป็นวิธีการเสริม ไม่ใช่วิธีการหลัก
การทดลองทั้งหมดเริ่มเวลาบ่ายสามโมง และกินเวลาจนถึงสี่โมงครึ่ง
ผลการทดลองนั้นไม่ได้เหนือความคาดหมาย และจบลงด้วยความล้มเหลว
ด้วยการเตรียมตัวเตรียมใจมาอย่างมากแล้ว ดาร์กก็ไม่ท้อถอย
การสรุปประสบการณ์ และการแก้ปัญหาหลังการทดลองล้มเหลว เป็นจุดที่ต้องโฟกัสของบ่ายนี้
เรื่องพวกนี้ ดาร์กคนเดียวทำไม่ได้อย่างแน่นอน
แต่ด้วยคำแนะนำอย่างละเอียดของรุ่นพี่แพนดอร่า ทุกอย่างจึงผ่านไปได้อย่างราบรื่น
หนึ่งชั่วโมงผ่านไปในพริบตา
แม้ว่าดาร์กจะไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ แต่เขาได้จดบันทึกทุกประเด็นแล้ว จากนั้นเขาก็ต้องอ่านหนังสือต่อไปด้วยตัวเอง
ดาร์กค่อย ๆ ผ่อนคลายลงและเริ่มแยกแยะสารตกค้างจากการทดลอง
หลังจากทำความสะอาดแล้ว ทั้งสองก็ออกจากห้องทดลองด้วยกัน
เดิมที ดาร์กอยากจะชวนรุ่นพี่ไปทานอาหารเย็นที่ร้านอาหารในถนนนักเดินทาง แต่รุ่นพี่ปฏิเสธด้วยความเสียใจเล็กน้อย เพราะเธอยังมีสิ่งที่ต้องไปทำในตอนกลางคืน
ทั้งสองจึงไปที่โรงอาหารแทน และเมื่อเชฟลูกครึ่งเห็นเขาก็ยิ้มอย่างมีนัย ทั้งคู่สั่งอาหารก่อนจะเลือกนั่งที่โต๊ะเล็ก ๆ ตรงมุมโรงอาหาร
แล้วดาร์กก็พบว่า รุ่นพี่สาวเป็นคนชอบกินเนื้อที่ติดออกหวานหน่อย ๆ อืม…ชอบรสเค็มด้วย
“ถ้าเป็นซี่โครงหมูเปรี้ยวหวาน ปลาหมักน้ำส้มสายชู และหมูฝอยรสปลา เธอน่าจะชอบใช่ไหม?”
ดาร์กเริ่มเปลี่ยนของขวัญรุ่นพี่สาวไปเรื่อย ๆ
อันที่จริง นั่นก็เป็นรสชาติที่เขาชอบเช่นกัน แต่เขาชอบให้มัน ๆ ด้วยนิดหน่อย
อย่างไรก็ตาม การนำ ‘ผัก’ มาเป็นของขวัญคริสต์มาสนั้นไม่ใช่เรื่องที่ดีอย่างแน่นอน
อีกฝ่ายยิ่งไม่ใช่คนกินจุบกินจิบแบบไดแอนนาเสียด้วย
…
สำหรับมารยาทบนโต๊ะอาหารของโลกนี้ คือไม่สนับสนุนให้พูดคุยกันขณะรับประทานอาหาร
แต่ตราบใดที่ไม่ใช่งานทางการ เรื่องนี้ก็ไม่ได้เคร่งครัดถึงขนาดนั้น
ทั้งสองคนจึงคุยกันอย่างเงียบ ๆ ขณะทานอาหาร
แพนดอร่าสนใจดาร์กในวัยเตาะแตะเป็นอย่างมาก แล้วเธอก็เรื่องตลก ๆ ในวัยเด็กของเขาไม่หยุด
วัยเด็กในชีวิตนี้ของเขามีเรื่องน่าสนใจให้พูดได้ด้วยเหรอ?
เขาก้มหน้าลงเล็กน้อย ดูเขินอายนิดหน่อย
เห็นแบบนี้ ความสนใจของแพนดอร่าก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น
ดาร์กไม่อยากพูดถึงประสบการณ์ชีวิตก่อนหน้านี้ในชีวิตนี้จริง ๆ เขาเลยพยายามเปลี่ยนหัวข้อว่า “รุ่นพี่จะเอาแต่ถามผมไม่ได้นะครับ แล้วของรุ่นพี่ล่ะ เป็นยังไงบ้าง?”
แพนดอร่ายิ้มอย่างเลศนัย “เธอเคยได้ยินเรื่องเต้นรำกับหมาป่า*[1]ไหม?”
แน่นอน ดาร์กเคยได้ยินเรื่องนี้ ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าอย่างจริงใจ
แพนดอร่าพูดถึงประสบการณ์ในวัยเด็กของเธอ
…
อืม
แสงจันทร์เหยียบหัวหมาป่า และเต้นรำกับหมาป่า
…
หลังจากที่ดาร์กฟัง เขาก็อดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ
แพนดอร่าปิดปากและยิ้มออกมาอย่างร่าเริง
…
ปริมาณอาหารของแพนดอร่านั้นมากกว่าดาร์ก
อย่างไรก็ตาม สารอาหารไหลไปในที่ที่มันควรจะไป
ดาร์กรู้สึกว่าเธอกับไดแอนนาน่าจะคุยภาษาเดียวกันได้
แม้ว่าอาหารในค่ำคืนนี้จะไม่มีชีวิตชีวาเท่าคืนวันพุธ แต่ทั้งสองฝ่ายก็มีความสุข และมันก็เป็นมื้อค่ำที่ดีที่สุดเช่นกัน
แพนดอร่าเช็ดมุมปากที่มันเยิ้มด้วยผ้าเช็ดปาก แล้วกระซิบว่า “อย่าลืมคำสัญญาของเรานะ”
ดาร์กพยักหน้าเล็กน้อย และอดไม่ได้ที่จะถามว่า “ครั้งต่อไปเจอกันที่งานเต้นรำเหรอครับ?”
แพนดอร่าตอบว่า “ใช่แล้ว สองวันนี้ฉันต้องไปเตรียมตัวสำหรับการเดินทางก่อน”
ดาร์กถามต่อ “จะไปไหนเหรอครับ?”
แพนดอร่ายิ้มอย่างลึกลับ “ไว้ฉันบอกเธอตอนที่กลับมาแล้ว”
…
ดาร์กอายุ 12 ปี สูง 159 เซนติเมตร
แพนดอร่าอายุ 15 ปี สูง 168 เซนติเมตร
ทั้งสองห่างกันสามปีและสูงห่างกันเก้าเซนติเมตร
ทันทีที่ร่างกายของดาร์กเข้าสู่ช่วงเจริญเติบโต เขาก็รู้สึกว่าไม่มีปัญหาที่จะตามอีกฝ่ายทัน
ถึงแม้แพนดอร่าจะสูงกว่าในบรรดาเด็กสาวด้วยกัน แต่จริง ๆ แล้วเธอยังอยู่ในช่วงเจริญเติบโต
ดังนั้นใครจะชนะหรือแพ้ ยังไม่อาจทราบได้
คนสองคนเดินเคียงข้างกัน พูดคุยเกี่ยวกับหัวข้อในชีวิตประจำวัน และแยกทางกันที่ทางแยก
แน่นอนว่าจากกันด้วยรอยยิ้ม
…
แต่ดาร์กก็หัวเราะได้ไม่นาน
เพราะเขาพบว่าตัวเองยังไม่ได้ตัดสินใจเลยว่า จะให้ของขวัญคริสต์มาสอีกฝ่ายเป็นอะไร
กลับกัน เขาตั้งตารอของขวัญคริสต์มาสที่เธอจะให้แทน
ดาร์กส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้
เขาผลักเปิดประตูหอคอยของบ้านขุนนาง
แล้วความร้อนก็ซัดหน้าเขาทันที
หลังจากที่เข้ามา ประตูก็ปิดลงอย่างรวดเร็ว
ดาร์กเห็นว่าทั้งห้องนั่งเล่นนั้นเต็มไปด้วยผู้คน
ในคืนแรกของวันหยุดยาว มีนักเรียนหกชั้นปีที่ไม่ได้เลือกกลับบ้าน หรือไม่ได้เดินเตร่อยู่บนถนนนักเดินทางรวมกันในห้องส่วนกลางนี้มากมาย
ซ้ำยังมีเส้นแบ่งที่ชัดเจนระหว่างชายและหญิง
แน่นอนว่าเตาผิงเป็นแนวแบ่ง พื้นที่ใกล้ประตูเป็นพื้นที่สำหรับผู้ชาย และอีกด้านเป็นสำหรับผู้หญิง
ทั้งสองฝ่ายต่างยึดตำแหน่งและจ้องมองกันอย่างเงียบ ๆ
ทันทีที่ดาร์กเดินเข้ามา เขาก็เห็นรุ่นพี่คนหนึ่งกำลังหยิบจดหมายจากมือเด็กผู้หญิง ท่ามกลางเสียงหัวเราะเยาะเย้ย เธอวิ่งหนีไปด้วยความสิ้นหวัง
จากนั้นไม่นาน
เด็กสาวอีกคน เธอไม่กล้าพอที่จะเดินไปยังฝั่งของผู้ชาย แต่พวกหนุ่ม ๆ กลับให้การต้อนรับดีมาก
การเลือกปฏิบัติเช่นนี้ ชัดเจนและรุนแรงมากจนน้ำตาจะไหล
อย่างไรก็ตาม รุ่นพี่ชายที่ได้รับคำเชิญจากหญิงสาวก็ปฏิเสธอย่างสุภาพ
หญิงสาวคว้าจดหมายเชิญและหลับตาวิ่งออกไปทันที
…
“เกิดอะไรขึ้นเนี่ย?”
ดาร์กมองดูอยู่ครู่หนึ่งด้วยสีหน้านิ่งอึ้ง
เขาเหลือบมองเล็กน้อย และพบว่าโดรอนกับคนอื่น ๆ ตัวสั่นขดอยู่ที่มุมกำแพง
แน่นอน เช่นเดียวกับดาร์ก นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้สัมผัสกับการต่อสู้แบบนี้
ก่อนงานเต้นรำคริสต์มาส สถาบันเซนต์แมเรียนก็มีประเพณีนี้ด้วย?
ดาร์กขมวดคิ้วเล็กน้อย และทันใดนั้นก็สังเกตเห็นว่า ตำแหน่งด้านในของฝั่งเด็กผู้หญิง ไดแอนนากับโรสกำลังขยิบตาให้เขาและแลบลิ้นออกมาอย่างสนุกสนาน
ดูท่าว่า
พวกเธอจะเป็นลูกไก่ที่ได้รับการคุ้มครอง
ในทางกลับกัน สาว ๆ ของบ้านขุนนางปีสูงทำตัวเหมือนแม่นกปกป้องลูกวัว หากต้องการเชิญสาวชั้นปีต่ำ ๆ ไปงานเต้นรำละก็ต้องผ่านการตรวจสอบจากพวกเธอก่อน!
วุ่นวายกันสุด ๆ… สนุกมากเลยสินะ!
เฮ้อ…
*[1] เต้นรำกับหมาป่า มีความหมายว่า ผู้ทรยศ
MANGA DISCUSSION