จอมนักรบท้าโลก - ตอนที่ 844 เที่ยงสี่สิบห้านาทีถึงแล้ว
ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นฉีเจิ้นกับเจียงชื่อจากเครื่องประดับดาวฤกษ์
ทุกคนถึงกับตะลึง พวกเขามาได้ยังไง? สองคนนี้เป็นคู่แข่งของเหวยซือไม่ใช่หรือ?
เมื่อเห็นสองคนนี้เดินเข้ามาอย่างดุดัน มุมปากของเหวยซือยกขึ้นและแสดงรอยยิ้มที่ดูถูกเหยียดหยามออกมา “แหม่ ๆ ประธานฉีกับผู้จัดการเจียงมีเวลาแวะมาหาผมได้ยังไงครับ?”
เจียงชื่อเงยหน้าขึ้นและมองไปที่เหวยซือบนเวทีแล้วพูดอย่างใจเย็นว่า “ใครในเขตเจียงหนานไม่ทราบว่าคุณจะจัดงานเลี้ยงถ่ายทอดสดในวันนี้ล่ะครับ? นี่เป็นข่าวใหญ่ในอุตสาหกรรมเครื่องประดับเลยนะครับ และผมกับประธานฉีก็เป็นคนในวงการนี้ด้วย เราต้องสนใจเรื่องนี้มากอยู่แล้ว ฉะนั้น ถ้าเราไม่มา เราจะรู้สึกผิดมากแค่ไหนครับ? แต่ถ้าคุณคิดว่าเราไม่ควรมา เรากลับไปได้นะครับ”
เหวยซือหัวเราะออกมาดังๆ
“ไม่ควรมาได้ยังไงล่ะ?”
“การที่ผมสามารถจัดงานเลี้ยงการถ่ายทอดสดในวันนี้ได้ ผมต้องขอบคุณการสนับสนุนจากคุณเจียงมากกว่านะครับ ถ้าไม่ใช่คุณเป็นคนใช้เวลาหนึ่งอาทิตย์กว่าในการคัดแยกหินหยาบเหล่านี้อย่างยากลำบาก แล้วผมจะมีหินชั้นหนึ่งเยอะแยะขนาดนี้ได้ยังไงครับ?”
เป็นคำพูดที่จงใจเยาะเย้ยเจียงชื่อมาก
คนรวยเหล่านั้นก็เริ่มซุบซิบนินทาและส่ายหัวต่อเจียงชื่อ
“นี่เหรอเจียงชื่อ? เป็นคนโง่จริงๆ”
“เขามีความสามารถก็จริง แต่ความเฉียบแหลมทางธุรกิจของเขายังไม่เพียงพอ คัดแยกสินค้าเองกับมือแต่ไม่รู้จักทำสัญญาซื้อขายไว้ก่อน สุดท้ายถูกคนอื่นแย่งซื้อไปไม่เหลืออะไรให้”
“มันจะโทษใครไม่ได้หรอก คงต้องโทษความไร้เดียงสาของตัวมันเองแล้วล่ะ เหอะๆ สายแค่สองวัน แต่สิ่งที่ได้ก็คือสองมือที่ว่างเปล่า”
ทุกคนต่างบ่นว่ากัน และถือว่าเจียงชื่อเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี ไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง
เหวยซือโบกมือ “ใครก็ได้ ช่วยหยิบเก้าอี้สองตัวให้กับประธานฉีกับผู้จัดการเจียงประทับที”
เขาถึงกับใช้คำว่า ‘ประทับ’ เพื่อแสดงถึงความเป็นราชา เหวยซือในขณะนี้ เหมือนเฝ้าดูราษฎรอยู่บนบัลลังก์ และด้วยท่าทีที่หยิ่งผยองอย่างที่สุด
เจียงชื่อกับฉีเจิ้นก็นั่งลงและมองขึ้นไปที่หน้าจอขนาดใหญ่
เหวยซือรู้สึกปลาบปลื้มใจมาก
ในโลกนี้ยังมีอะไรที่สะใจเท่ากับการที่ได้ดูหมิ่นคู่ต่อสู้ต่อหน้าไหม?
เดิมทีเชิญคนจำนวนมากมาก็เพื่อจะโชว์ศักยภาพและทำให้เจียงชื่ออับอาย แต่ไม่คาดคิดเลยว่าเจียงชื่อจะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีและได้เข้ามาให้เยาะเย้ยถึงที่ ซึ่งมันก็ทำให้เหวยซือมีความสุขอย่างหาที่เปรียบไม่ได้จริงๆ
ณ เวลาเที่ยงสี่สิบห้า เมื่อถึงเวลาอันสมควร เหวยซือก็ออกคำสั่ง “ตัดหิน เริ่มเลย!”
ฉีเจิ้นหัวเราะคิกคักเบาๆ “เที่ยงสี่สิบห้า นี่มันเวลาตัดหัวประหารชีวิตของคนสมัยโบราณไม่ใช่หรือ? เลือกตัดหินในเวลานี้ มันจะได้ใจไปหน่อยไหม?”
คนที่นั่งโต๊ะเดียวกันไม่เห็นด้วยและพูดอย่างประชดประชันว่า “ประธานฉี นี่คุณกินองุ่นไม่ถึงแต่เที่ยวหาว่าองุ่นมันเปรี้ยวงั้นเหรอครับ? อิจฉาริษยาล้วน ๆ เลยใช่ไหม?”
ฉีเจิ้นยักไหล่แต่ไม่ได้โต้เถียงอะไร
ไม่จำเป็นต้องโต้เถียง เพราะความจริงกำลังจะปรากฏในไม่ช้า แผนที่พวกเขาวางไว้ตั้งแต่แรก ในที่สุดก็ถึงเวลาเฉิดฉายแล้ว
งานตัดหินขนาดใหญ่ก็ได้เริ่มต้นอย่างเป็นทางการ
ฟี๊ต ฟี๊ต ฟี๊ต!!! ฟี๊ต ฟี๊ต ฟี๊ต!!! เสียงของเครื่องตัดหินดังขึ้น ทุกคนรับประทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อยและชมการตัดหินไปด้วย
โดยที่ทราบล่วงหน้าแล้วว่าหินทั้งหมดเป็นหินชั้นหนึ่ง ดังนั้นช่างตัดหินจึงดำเนินการอย่างระมัดระวังที่สุด
พวกเขาให้ความสำคัญและทำการตัดอย่างระมัดระวังมาก
ในที่สุด หลังจาก 3 นาทีผ่านไป การตัดหินก้อนแรกก็สำเร็จ
ทุกคนพร้อมที่จะส่งเสียงโห่ร้องเชียร์ แต่เมื่อพวกเขาเห็นผลลัพธ์นั้น ทุกคนถึงกับตะลึงงันและไม่สามารถส่งเสียงเชียร์ออกมาได้เลย
เพราะหินก้อนแรกที่ทำการตัดนั้นไม่ใช่หินชั้นหนึ่ง
แต่มันกลับเป็นหินขยะที่ไม่มีส่วนผสมของหินหยกเลยแม้แต่น้อย
โดยทั่วไปแล้ว ทุกคนจะเรียกหินชนิดนี้ว่า ‘หินขี้หมา’