จอมนักรบท้าโลก - ตอนที่ 800 ค้ำประกัน
ทันทีที่พวกเขากลับไป เจียงชื่อก็เข้ามา เขาปรบมือแล้วพูดว่า “ดีมาก เฟิงเฉิง คราวนี้คุณทำถูกแล้ว ไม่ปล่อยให้พวกเขาฉวยโอกาสเอาเปรียบคุณ”
ติงเฟิงเฉิงกล่าวว่า “เจียงชื่อคุณไม่ต้องกังวล ผมไม่ใช่ติงเฟิงเฉิงคนรักตัวกลัวตายคนนั้นอีกต่อไปแล้ว หลังจากผ่านเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ ผมมองทุกอย่างอย่างทะลุปรุโปร่ง อย่าว่าแต่ติดคุกเลย ต่อให้ต้องตาย ผมก็จะไม่มีทางปล่อยให้ไอ้เหี้ยสองคนนั้นมาเอาเปรียบ อีกอย่างถ้าหากผมเดาไม่ผิด ที่ซุนเค่เฉินกลับมาช่วยผม ก็เพราะความคิดชั่วๆ ของติงหงเหย้า ไม่งั้นคนขี้ขลาดอย่างซุนเค่เฉินจะกล้ามาหลอกผมได้ยังไง? เขาไม่ได้ฉลาดแบบนี้”
อันที่จริง สติปัญญาของซุนเค่เฉินนั้นถึงขั้นน่าเป็นห่วง
แต่ติงหงเหย้านั้นแข็งแกร่งมาก
ติงเมิ่งเหยนถอนหายใจ “พวกคุณพูดถูก แต่ตอนนี้พี่สองกำลังเผชิญหน้าอยู่ในสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงมาก หากยังไม่คิดหาวิธีแก้ปัญหา พอถึงตอนนั้นกรมโยธาธิการและผังเมืองถามหารับผิดชอบ ธนาคารทวงหนี้สิน พี่สองก็คงจะเหลือทางเดียวคือต้องติดคุกแล้วล่ะ”
พูดจบประโยคนี้ ทั้งห้องก็เงียบลง
ไม่มีใครอยากติดคุก
แต่เมื่อเผชิญกับสถานการณ์ปัจจุบัน ดูเหมือนยากที่จะจินตนาการ
ถงก้วนฉือกล่าวว่า “ประธานติง ทำไมคุณไม่ลองขอความช่วยเหลือจากบริษัทเทคโนโลยีจิ้นเมิ่ง ขอให้พวกเขาแบ่งเงินให้คุณสองร้อยล้านเพื่อแก้ปัญหาเร่งด่วน!”
ติงเฟิงเฉิงโบกมือซ้ำๆ “เรื่องแบบนี้พูดได้เหรอ? ถ้าไม่บอกก็ไม่เป็นไร แต่พอบอกไป อีกฝ่ายจะต้องมองผมเป็นคนปัญญาอ่อนแน่นอน พอถึงตอนนั้นเงินก็ยืมไม่ได้ แถมยังถูกคนทอดทิ้งอีก”
สถานการณ์ยากลำบาก
หลายวันต่อมาติงเฟิงเฉิงได้เที่ยวขอร้องผู้คนไปทั่วทุกที่ แต่เงินจัดซื้อสองร้อยล้านนั้นไม่ใช่จำนวนน้อยๆ จึงเป็นเรื่องยากที่จะได้มาในคราวเดียว
ยิ่งไปกว่านั้น ติงหงเหย้ายังคงแอบสร้างปัญหาให้ไม่หยุดหย่อน ติงเฟิงเฉิงไปขอร้องใคร ติงหงเหย้าก็จะไปพูดเรื่องที่ไม่ดีของติงเฟิงเฉิงให้เขาฟัง ทำให้ติงเฟิงเฉิงทำอะไรก็ไม่สำเร็จ
การทำบางอย่างลับหลังเป็นเรื่องน่าละอาย แต่ผลที่ได้ก็ดีมาก
ติงเฟิงเฉิงถูกผลักให้จนมุมโดยติงหงเหย้า
“เฮ้อ…”
เขานั่งอยู่ในสำนักงานพลางถอนหายใจออกมา หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาจะถูกฟ้องโดยกรมโยธาธิการและผังเมืองภายในหนึ่งสัปดาห์
จะทำอย่างไรดี?
ระหว่างที่กำลังกลัดกลุ้มใจอยู่นั้น เลขาก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาแล้วพูดว่า “ประธานติง มีคนจากศาลมา ต้องการให้คุณไปพบ”
“ศาล?”
ติงเฟิงเฉิงตกตะลึงไปชั่วขณะ แล้วถามถงก้วนฉือที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับว่า “ไอ้ถง คนจากศาลมาหาผมทำไม?”
ถงก้วนฉือคาดเดาว่า “กรมโยธาธิการและผังเมืองอาจจะยื่นฟ้องแล้วก็ได้? พวกเขาเป็นข้าราชการทั้งหมด มันเป็นเรื่องง่ายดายที่จะจัดการกับคุณ”
ติงเฟิงเฉิงชาไปทั้งตัวทันที
คนจากกรมโยธาธิการและผังเมืองดำเนินการเร็วเกินไปหรือเปล่า? ยังไม่ถึงเวลาเลย ว่าแต่ว่า จะไม่แจ้งล่วงหน้าสักหน่อยเหรอ?
ช่วยไม่ได้ ติงเฟิงเฉิงจำเป็นต้องออกไปศาล
การไปครั้งนี้ เขาก็เตรียมใจไว้แล้วว่าจะไม่ได้กลับมา
ครึ่งชั่วโมงต่อมา
ติงเฟิงเฉิงนั่งอยู่ในห้องรับรองของศาล อัยการคนหนึ่งเดินเข้ามานั่ง แล้วพูดอย่างสุภาพ “คุณคือคุณติงเฟิงเฉิงใช่ไหมครับ?”
“ผมเอง”
“สวัสดีคุณติง ครั้งนี้ผมมาที่นี่หลักๆ ก็เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับการชดใช้ค่าเสียหายสำหรับการฉ้อโกงทางธุรกิจของซุนเค่เฉินจากบริษัทหรงกง”
“หา?”
ติงเฟิงเฉิงสะดุ้งตกใจ พลางถามว่า “ไม่ได้ฟ้องผมเหรอ?”
อัยการตกตะลึง “คุณเป็นเหยื่อ จะถูกฟ้องได้ยังไง?”
ติงเฟิงเฉิงตบหน้าอกตัวเอง ตกใจแทบแย่ พลางหันกลับมาถามอย่างเร่งรีบ “คุณหมายความว่า ซุนเค่เฉินถูกจับได้แล้วเหรอ?”
“ใช่ครับ”
“จริงหรือหลอกกันแน่? เขาไม่ได้หนีไปต่างประเทศหรอกเหรอ? ทำไมถึงถูกจับกลับมาเร็วจัง?”
อัยการอธิบายว่า “ผมไม่รู้รายละเอียดมากนัก ดูเหมือนว่ามีคนจับซุนเค่เฉินได้ในต่างประเทศได้แล้วส่งตัวให้ทางตำรวจ สำนักงานตำรวจเขตเจียงหนานไปต่างประเทศเป็นการพิเศษ เพื่อให้ความร่วมมือในการจับกุมและส่งข้ามแดนกลับประเทศ จึงได้กุมตัวซุนเค่เฉินกลับมาดำเนินคดีได้”
มีคน?
ใคร?
ติงเฟิงเฉิงแอบคิดในใจว่า คนมีคุณธรรมจะได้รับการช่วยเหลือ คนไม่มีคุณธรรมจะไร้คนช่วยเหลือ
นึกไม่ถึงเลยเมื่อเขาอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด จะมีวีรบุรุษไร้นามเข้ามาช่วยเหลือ จับกุมซุนเค่เฉินได้ในต่างประเทศแล้วส่งมอบให้ทางราชการ
ดีจังเลย!
ติงเฟิงเฉิงถามว่า “หมายความว่า สามารถคืนเงินทั้งหมดที่ซุนเค่เฉินหลอกผมไปได้ใช่ไหม?”
อัยการถอนหายใจ “เรื่องนี้…เกรงว่าจะยังทำไม่ได้”
“ทำไมถึงไม่ได้ล่ะ? จับเขาได้แล้วไม่ใช่เหรอ?”
“ใช่ จับเขาได้แล้ว แต่เขาใช้เงินจนหมดอย่างสมเหตุสมผลและถูกกฎหมาย ค่าจ้างของคนงาน หนี้ภายนอก ซุนเค่เฉินได้ใช้เงินไปกับสิ่งเหล่านี้ไปหมดแล้ว ดังนั้นแม้ว่าจะถูกจับกุมตัวกลับมา แต่ความสูญเสียของคุณไม่สามารถกู้คืนได้”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ติงเฟิงเฉิงก็ยิ่งสิ้นหวังมากขึ้นไปอีก
วุ่นวายอยู่นาน สุดท้ายก็ไร้ผล
จับคนกลับมาได้แล้วจะมีประโยชน์อะไร? เงินถูกใช้ไปจนหมด แม้จะยังมีเหลือ ก็น่าจะแค่สิบถึงยี่สิบล้าน
ที่ต้องขาดทุน ก็ยังต้องขาดทุนอยู่ดี
“ในเมื่อไม่ได้เงินคืน แล้วคุณเรียกผมมาทำไม?” ติงเฟิงเฉิงคำรามอย่างฉุนเฉียว
อัยการปลอบใจ “ประธานติง ได้โปรดใจเย็นก่อน แม้ว่าเราจะไม่ได้เงินคืน แต่เราขอแนะนำให้คุณใช้วิธีอื่นเพื่อชดเชยความเสียหายของคุณ”
“วิธีอะไร?”
“จำนอง”
ติงเฟิงเฉิงถามอย่างสงสัย “จำนองอะไร? บ้านของซุนเค่เฉินเหรอครับ?”
อัยการส่ายหน้า “จากการประเมินของผู้เชี่ยวชาญ มูลค่าบริษัทหรงกงของซุนเค่เฉินคือห้าร้อยล้าน เนื่องจากเขาไม่สามารถชดใช้ค่าเสียหายให้คุณได้ ดังนั้นเราจึงแนะนำให้เขาจำนองโรงงานให้กับคุณในราคาลดพิเศษ”
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ติงเฟิงเฉิงสามารถรับบริษัทหรงกงมูลค่าห้าร้อยล้านเอาไว้ เพื่อชดเชยการสูญเสียสองร้อยล้าน
ฟังดูมีกำไรมาก
ปัญหาคือ สิ่งที่ติงเฟิงเฉิงต้องการในตอนนี้คือเงินและวัสดุ
ให้โรงงานเขาจะมีประโยชน์อะไร?
“เอ่อ…” ติงเฟิงเฉิงพูดอย่างอึดอัด สิ่งที่ต้องการไม่ได้ ที่ได้มาคือสิ่งที่ไม่ต้องการ จะทำอย่างไรดี?
อัยการแนะนำว่า “คุณติง ผมแนะนำให้คุณรับการจำนองไว้ อย่างน้อยก็ชดเชยความสูญเสียได้บ้าง หากคุณยืนยันที่จะตามเงินกลับคืน ถึงตอนนั้นเกรงว่าจะคว้าน้ำเหลวเปล่าๆ ไม่ได้อะไรกลับมาเลย”