คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป - ตอนที่ 80 หน้าตาคุณทำให้ฉันไม่อยากทานอาหาร
ตอนที่ 80 หน้าตาคุณทำให้ฉันไม่อยากทานอาหาร
ฉู่ซีหรานปิดใบหน้าออกจากโต๊ะไปด้วยความโกรธ เหลือพื้นที่สำหรับสองคนเยอะมาก
เป็นแบบนี้ หลงจื๋อพอใจมาก
อาหารมื้อนี้ยังไม่เริ่มทาน ฉู่ลั่วหานก็อิ่มไปครึ่งหนึ่งแล้ว นั่งข้างโต๊ะอาหารพร้อมกับมีดและส้อม “ทำไมคุณชายรองหลงถึงเกลียดเธอขนาดนั้น? เมื่อกี้ตบเธอตั้งสองที ดูเหมือนจะทำเกินไปหน่อย”
หลงจื๋อหัวเราะฮ่าๆ หั่นสเต๊กเนื้อที่สุกครึ่งหนึ่งออกมายังมีเลือดติดเล็กน้อย เอาสเต๊กเนื้อเข้าปาก หลงจื๋อยิ้มอย่างเฉยเมย “เกลียดคนคนหนึ่งต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ? ถ้าต้องหาเหตุผล มันเป็นเพราะเธอหน้าตาขี้เหร่จนทำให้ฉันไม่อยากอาหาร”
พรวด! ฉู่ลั่วหานที่อยู่ฝั่งตรงข้ามหลุดหัวเราะ “นี่มันเหตุผลอะไรกัน?”
หลงจื๋ออยากอาหารมาก ทานอย่างเอร็ดอร่อย “ถึงฉู่ซีหรานจะเป็นน้องสาวคนละแม่กับเธอ แต่เธอไม่มีอะไรคล้ายกับเธอเลยสักนิด มองยังไงก็ไม่พอใจ ไอคิวน้อยยังจะวางแผนเล่นงานคนอื่น เล่นจนตัวเองตายไม่ช้าก็เร็ว”
“ฉันไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับเธอ เราคนละแม่ คนละพ่อกัน” เหมือนกระตือรือร้นที่จะคลายความสัมพันธ์นี้ ฉู่ลั่วหานอธิบายอย่างชัดเจน
หลงจื๋อเคี้ยวสเต๊กอย่างโอเวอร์เล็กน้อย “อย่างนี่เองเหรอ……งั้นเมื่อกี้ฉันไม่ควรตบหน้าเธอเลยนะ”
ฉู่ลั่วหานสีหน้าเปลี่ยนไป “ทำไม?”
“ฉันควรจะเตะเธอไปเลย! เชี่ย ตบหน้าเธอมือฉันเจ็บนะ”
ฉู่ลั่วหานยิ้ม เคี้ยวอาหารเที่ยงอย่างช้าๆ
“แต่พี่สะใภ้ เมื่อกี้ฉันตบเธอไปแบบนั้น เธอจะแก้แค้นเธอไหม? แววตาที่มองเธอตอนเดินออกไป ดูเหมือนต้องการแก้แค้นเลยอ่ะ”
“ตอนนี้กลัวเหรอ? ไม่เป็นไรหรอก ฉันรู้กลเม็ดพวกนั้นของเธอมาตั้งนานแล้ว อยากแก้แค้นเมื่อไรก็มาเลย”
“มีอำนาจมากอ่าพี่สะใภ้! มา ชนแก้วหน่อย……น้ำองุ่น”
แค่กๆๆ! เพราะต้องขับรถ
หลังทานอาหารก็กลับไปโรงพยาบาล ฉู่ลั่วหานได้รับคำสั่งให้เข้าร่วมแผนการรักษาของผู้ป่วย อายุรกรรมและศัลยกรรมถือคำเดียวกัน เมื่อคำนึงถึงความยากในการผ่าตัดและสภาพร่างกายของผู้ป่วยในปัจจุบัน อายุรกรรมก็ไม่แนะนำให้ผ่าตัด
“ฉันกังวลว่าคนไข้ขึ้นเตียงผ่าตัดด้วยสภาพแบบนี้ จะลงไม่มาไม่ได้อีก”
แพทย์อายุรกรรมคนหนึ่งกล่าว
“ถูกต้อง OM-BRANCHทำเลไม่ดี การมองเห็นหลอดเลือดหัวใจทางด้านซ้ายสุดเป็นเรื่องยากระหว่างผ่าตัด” ฉู่ลั่วหานจินตนาการในสมองอย่างรวดเร็วว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างหลังจากที่เปิดเยื่อหุ้มหัวใจออกมาแล้ว เลยพูดออกมาทันที
พอเธอพูดออกไป แพทย์อายุรกรรมที่อยู่ข้างๆ ก็อึ้งไป แพทย์ศัลยกรรมที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก็อึ้งเช่นกัน
ฉู่ลั่วหานไม่ได้สังเกตสายตาเหล่าเพื่อนร่วมงาน บรรยายปัญหาทางเทคนิคที่จะเกิดขึ้นระหว่างผ่าตัดต่อไปในหัวสมอง——
“ถึงแม้ในปัจจุบันหลอดเลือดหัวใจและลิ้นไมทรัลจะเป็นโรคเล็กน้อย แต่ยาสามารถชะลอการเสื่อมสภาพได้ ถ้าผ่าตัด ปัญหาเมื่อกี้นี้บวกกับสมรรถภาพทางร่างกายของคนไข้ แม้จะมีข้อผิดพลาดเล็กน้อยทางภายนอก แต่เขาก็ไม่สามารถลงจากเตียงผ่าตัดได้”
จ้าวเหมียนเหมียนและจี้ซือหยู่เบิกตากว้างมองฉู่ลั่วหาน เหมือนมองสัตว์ประหลาดอยู่ ในหัวสมองหมอฉู่คิดอะไรอยู่? สุดยอดมาก!
สิ่งเหล่านี้พวกเธอเคยได้ยินจากอาจารย์ผู้สอนตอนเป็นนักศึกษาปริญญาโทเท่านั้น
แต่ฉู่ลั่วหานดูเหมือนจะมีประสบการณ์มาแล้ว!
เกาหยิ่งจือสูดลมหายใจ “ดูเหมือนหมอฉู่จะเข้าใจอย่างมาก เป็นประสบการณ์ในทฤษฎีเหรอ? รองคณบดี คุณว่าไง?”
เมื่อครู่นี้ถังจิ้นเหยียนตั้งใจฟังฉู่ลั่วหานพูดอยู่ตลอดเวลา เธอเหมาะกับการเป็นศัลยแพทย์มากเกินไปแล้วจริงๆ! เกิดมาเพื่อเป็นศัลยแพทย์ สังเกตการณ์อย่างดี พิจารณาอย่างรอบคอบและตัดสินใจได้อย่างแม่นยำ
เขาอยากหยิบมีดผ่าตัดสู้ไปกับเธอบนเตียงผ่าตัด สู้กับมัจจุราชด้วยกันกับเธอ!
ทิ้งความตื่นเต้นในใจไป ถังจิ้นเหยียนเอานิ้วจิ้มแขนแล้วพูดขึ้น “หมอฉู่พูดถูก ถ้าคนไข้ทำการผ่าตัด ความเสี่ยงจะสูงมาก โอกาสรอดชีวิตมีแค่สามสิบเปอร์เซ็นต์ ถ้าผู้ป่วยได้รับการรักษาแบบป้องกัน จะมีโอกาสรอดชีวิตเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์”
เกาหยิ่งจือพูด “แต่การรักษาแบบป้องกันอาจทำให้เจ็บป่วยได้ตลอดเวลา ผู้ป่วยต้องทานยาเป็นระยะเวลานาน จะเพิ่มภาระในการล้างพิษตับ”
ปัญหานี้ฉู่ลั่วหานก็คิดไว้แล้ว “รองผู้อำนวยการเกา การผ่าตัดขึ้นอยู่กับความปรารถนาของตัวเองนี่คะ เราต้องบอกข้อดีข้อเสียทั้งสองอย่างกับผู้ป่วย ให้คนในครอบครัวตัดสินใจ”
ถังจิ้นเหยียนพยักหน้า “เอาตามที่หมอฉู่พูดแล้วกัน”
ฉู่ลั่วหานพยักหน้าเล็กน้อยแล้วออกจากห้องประชุมไป
คนที่เหลือในห้อง เดินตามรอยบูชาเสื้อคลุมขาวสง่าผ่าเผยของหมอฉู่ “เทพธิดาอ่า! ตอนนี้ฉันโคตรเลื่อมใสหมอฉู่เลย!”
“เธอเพิ่งรู้เหรอ? หมอฉู่ตอนอยู่มหาวิทยาลัยเป็นนักเรียนโดดเด่นที่คุณครูแย่งกัน หลังจากมาอยู่โรงพยาบาลเรา ก็พิชิตผู้นำทุกระดับได้สำเร็จในเวลาไม่ถึงปี จึ๊ๆ พรสวรรค์อาร์ สิ่งสำคัญคือหน้าตาสวยด้วย”
แพทย์ชายคนหนึ่งอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ
เกาหยิ่งจือดุอย่างรุนแรง “ยังมัวทำอะไรอยู่? กลับไปทำแผนให้ผู้ป่วยดูสิ!”
พูดจบ เธอก็โบกมือและเดินออกไป
ทั้งห้องมองไปด้านหลังที่น่ากลัวของเกาหยิ่งจือ แค่มองหน้ากันไม่มีใครพูดอะไรอยู่นานสักพัก
เกาหยิ่งจือกำหมัดแน่น ฉู่ลั่วหานยัยบ้า ให้แกได้อวดไปก่อน! คอยดูเถอะ!
ฉู่ลั่วหานใช้เวลาส่วนใหญ่ในครึ่งบ่ายศึกษาสภาพผู้ป่วยหลายราย จัดทำแผนการรักษาที่สอดคล้องกัน จนกระทั่งโทรศัพท์ดังขึ้น
“ฮัลโหล” เธอกำลังเขียนแผนการรักษาอยู่ หยิบขึ้นมาแนบข้างหู ไม่ได้ดูว่าเบอร์ใคร
“ฮัลโหล?” ทำไมไม่มีใครพูด?
“ถ้าไม่พูด ฉันวางนะ”
ฉู่ลั่วหานตอนพิจารณาปัญหาไม่ชอบถูกใครรบกวน เตรียมจะวางสายทันที ในที่สุดทางนั้นก็มีเสียงดังขึ้นมา
“หมอฉู่ เรามาคุยกันหน่อยเถอะ”
ถังจิ้นเหยียน?
——
ฉู่ลั่วหานถือแก้วกาแฟนั่งที่นั่งข้างหน้าต่างในร้านกาแฟของโรงพยาบาล “ถ้าเป็นหัวข้อนั้นเหมือนคราวที่แล้ว ฉันว่าเราไม่ต้องคุยกันอีก”
ถังจิ้นเหยียนจิบกาแฟ อเมริกาโน่ไม่ใส่น้ำตา รสชาติขม แต่เขามองฉู่ลั่วหาน รู้สึกว่ารสชาติขมมันลดลงเช่นกัน “ฉันจริงจังมากนะ เธอเหมาะกับศัลยกรรมมากจริงๆ วันนี้เธอได้พิสูจน์ความสามารถตัวเองอีกครั้ง ตอนแรกฉันอยากให้เวลาเธอคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ฉันไม่อยากรออีกแล้ว”
คำสรรเสริญและคำชมของเขาไม่เห็นแก่ตัวเลยสักนิด ถ้าเธอปฏิเสธ เธอจะเป็นคนไร้เหตุผล
ฉู่ลั่วหานเติมน้ำตาลสามช้อนลงไปในคาปูชิโน่ในมือ แต่พอเอาเข้าปากก็ยังรู้สึกขมจนทนไม่ไหว เธอมองมือขวาตัวเอง บางเรื่องเธอไม่อยากบอกเขา เธอเลยปฏิเสธอีกครั้ง “ฉันเข้าใจความหวังดีของรองคณบดีถังนะคะ แต่ฉันขอปฏิเสธ เราจะไม่คุยกันเรื่องนี้อีก”
เธอลุกขึ้นจะเดินไป ถังจิ้นเหยียนอดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกไปจับแขนเธอ ทันใดนั้นบรรยากาศก็กลายเป็นคลุมเครือนิดหน่อย ถังจิ้นเหยียนรู้ตัวว่าไร้มารยาท รีบปล่อยมือ “มือขวาของเธอเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ตอนที่เธอเป็นผู้ช่วยให้ฉัน ฉันมองออกว่าเธอปกป้องมือขวาอย่างเผลอตัว”
“มันไม่เกี่ยวกับคุณ” เธอกำมือขวาด้วยสัญชาตญาณ ห้าปีมาแล้ว สถานที่บาดเจ็บยังคงจำความรู้สึกเจ็บจี๊ดได้อยู่
ชีวิตเธอมีข้อบกพร่องมากมาย มือขวายังไม่สามารถถือมีดผ่าตัดได้อีกต่อไป นี่ถือว่าเป็นหนึ่งในนั้น
“ฉู่ลั่วหาน……” เขาเรียกชื่อเธออย่างใจจดใจจ่อ จากนั้นก็พูดต่อ “ถ้ามือขวาเธอมีปัญหา ฉันช่วยเธอแก้ปัญหาด้วยกันได้นะ เชื่อใจตัวเอง และได้โปรดเชื่อใจฉัน ได้ไหม?”
ไม่คุยกับเขาอีก ฉู่ลั่วหานออกไปจากร้านกาแฟ ทิ้งให้ถังจิ้นเหยียนยืนงงตรงนั้นเพียงคนเดียว เหตุผลอะไรที่ทำให้เธอยอมแพ้การผ่าตัดกันนะ?
และเหตุผลอะไรทำให้มือขวาเธอมีปัญหา?
มือคือชีวิตของศัลยแพทย์ เธอเป็นคนรอบคอบ ทำไมถึงประมาทแบบนี้ได้?
ออกจากประตูไปแล้ว ด้านหน้าคือแปลงดอกไม้ที่ล้อมด้วยพื้นที่ขนาดใหญ่ของต้นฮอลลี่ที่เขียวชอุ่ม ดอกพุดด้านในบานสะพรั่งส่งกลิ่นหอมหรูหราอบอวลในสวน เสื้อคลุมขาวยืนตรงหน้าเงาดอกไม้ ฉู่ลั่วหานก้มศีรษะลง น้ำตาไหลอาบแก้ม
หลังเลิกงาน ฉู่ลั่วหานอารมณ์ไม่ดีนั่งอยู่ในรถ
คฤหาสน์ โม่หรูเฟยยังอยู่ เธอไม่อยากกลับ
บ้านที่เช่า อยู่คนเดียวก็ร้างเกินไป ยิ่งทำให้คิดฟุ้งซ่าน
พักโรงแรมเหรอ?คนเดียวไปพักโรงแรม นั่นไม่ใช่การทรมานเหรอ?
ทันใดนั้น ท้องฟ้าและโลกกว้างใหญ่ เธอพบว่าตัวเองไม่มีที่ให้ความอบอุ่น สองปีก่อนตอนที่คุณปู่เธอยังมีชีวิต เธอยังมีเหตุผลให้กลับไปตระกูลฉู่ ตอนนี้สถานที่ที่เป็นความทรงจำกลับกลายเป็นที่ของคนอื่น
โชคดีที่โทรศัพท์ดังขึ้นพอดี
“เพื่อนรัก ฉันเดาว่าตอนนี้เธอคงกำลังเหงาและโดดเดี่ยว อยากออกมาไหม? พวกพี่ชายที่แสนดีของฉันมีแหล่งรวมกลุ่มกัน กินฟรี ดื่มฟรี มาสิ!”
“คราวนี้คำนวณแม่นนะ รอพี่ก่อน เดี๋ยวไป”
บาร์ระดับท็อปของเมืองหลวง ความสดใสที่สร้างขึ้นจากหลอดไฟหรูหราส่งผลกระทบต่อภาพอย่างมาก Djที่กระสับกระส่ายกลบเสียงร้องของคน ฉู่ลั่วหานสวมเสื้อเชิ้ตและกางเกงยีนเรียบๆ และลู่ซวงซวงที่สวมชุดกระโปรงสั้นสุดเซ็กซี่แวบแรกที่เห็นคือไม่ใช่คนบนองการเดียวกันแน่ๆ
“เพื่อนรัก มาๆๆ!”
ฉู่ลั่วหานเข้าประตูไป ลู่ซวงซวงต้อนรับ เธอก็นั่งลง แนะนำเพื่อนที่อยู่ข้างๆ สักหน่อย ทุกคนก็สุภาพเรียบร้อย จากนั้นก็สนุกด้วยตัวเอง
“อารมณ์ไม่ดีเหรอ? ทำไมตาแดง?”
ฉู่ลั่วหานเขย่าแก้วเหล้า “เปลี่ยนเป็นน้ำผลไม้ให้ฉันหน่อย ฉันขับรถ และเมื่อคืนดื่มเยอะมาก”
“ได้ๆๆ ดื่มน้ำผลไม้ที่บาร์ เรื่องแบบนี้เธอก็ทำได้ลง!”
ในตอนนี้ คนที่นั่งอยู่บนโซฟารูปวงแหวนใต้โคมไฟระย้ากระซิบว่า “นี่คุณหญิงใหญ่ตระกูลฉู่ไม่ใช่เหรอ? คราวที่แล้วฉันเข้าร่วมงานเลี้ยงบริษัทฉู่ซื่อ คุณหญิงใหญ่ดูสุขุมเรียบง่ายแต่สวยมาก แต่เหมือนเธอจะเกี่ยวข้องกับพี่น้องตระกูลหลง”
“งั้นเหรอ ถ้าเป็นแบบนี้ ต่อไปทำธุรกิจกับตระกูลหลงอาจจะมีประโยชน์”
คนกลุ่มนี้ปรึกษากันอย่างดี เชิญให้ฉู่ลั่วหานมาเข้าร่วมโต๊ะอย่างอบอุ่น “ซวงซวง เธอทำไม่ถูกนะ เพื่อนรักมาก็ทิ้งเราเลย ออกมาสนุกด้วยกันสิ มาๆๆ คุณหมอคนสวยมานั่งตรงนี้”
ลู่ซวงซวงจ้องมอง “ช่วยทำตัวดีๆ ให้ฉันหน่อย เพื่อนรักของฉันเป็นคนดีนะยะ อย่ามาใช้แผนการพวกนายกับเธอที่นี่”
“กล้าที่ไหนเล่า สาวสวยเชิญนั่งเลยครับ”
ฉู่ลั่วหานถูกลากและชักชวนให้นั่งลง “ฉันต้องขับรถ วันนี้ไม่ดื่มเหล้า ขอโทษด้วยค่ะ”
“อย่าเลยพี่ เราขับรถกันมาหมดเลย ดื่มแก้วเดียว แก้วเดียวเอง เดี๋ยวให้คนขับรถไปส่ง”
“ไอ้เชี่ย! เพื่อนรักของฉันบอกว่าไม่ดื่มจะชวนอะไรนักหนา ทำตัวดีๆ หน่อย ระวังฉันจะตัดของแก!”
“โอเคๆๆ ไม่ดื่มก็ไม่ดื่ม งั้น ดื่มน้ำ……ผลไม้”
คนที่นั่นล้วนเป็นเด็กหนุ่ม กลุ่มวัยรุ่นล้วนเป็นลูกชายลูกสาวของเจ้านายคนใหญ่คนโตหรือคนธรรมดา ในงานทุกคนล้วนอยากเข้าใกล้ฉู่ลั่วหานทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ เต็มไปด้วยความกระตือรือร้น
“คุณหมอคนสวย คุณอยู่แผนกไหนเหรอ?”
“คุณหมอคนสวย ช่วงนี้ผมไม่สบายเลย ช่วยตรวจให้ผมได้ไหม?”
ประจบสอพลอและประจบประแจง เธอรับมืออย่างไม่เป็นทางการ การจัดการพวกเขาง่ายนิดเดียว
อย่างไรก็ตาม ขณะที่ฉู่ลั่วหานเงยศีรษะขึ้นจากแก้วที่แกว่งอยู่ ก็เห็นร่างคุ้นเคยเดินเข้ามาจากประตูทางเข้า
และคางเฉิงเจี๋ยที่เดินเข้าประตูมาก็เห็นฉู่ลั่วหานเช่นกัน ดวงตาชั่วร้ายก็หดทันที
ทั้งคู่มองหน้ากัน ฉู่ลั่วหานหรี่ตาลงเบาๆ จริงๆ ด้วย แขนข้างหนึ่งของเขายังคงห้อยอยู่ที่คอ ตอนเดินขาซ้ายก็เป็นง่อยเล็กน้อย ท่าจะเจ็บไม่น้อย
คางเฉิงเจี๋ยกัดฟันอย่างรุนแรง โน้มตัวลงไปพูดกับลูกน้องข้างกาย “ช่วยฉันจับตาดูยัยคนชั้นต่ำฉู่ลั่วหานคนนี้ คืนนี้ฉันจะไม่ปล่อยเธอไป!
ลู่ซวงซวงมองตามดวงตาของฉู่ลั่วหาน มองไม่เห็นร่างของคางเฉิงเจี๋ยแล้ว “มองอะไรเหรอ? มีคนหล่อเหรอ? เมื่อกี้ตาของเธอจะบินออกไปแล้ว”
ฉู่ลั่วหานจิ้มหน้าผากของเธอ “ตรงนี้ของเธอนอกจากหนุ่มหล่อแล้วยังมีอะไรอีก? รู้จักคิดถึงแต่ผู้ชาย”
“นอกจากผู้ชายแล้วยังมีเงินไง ไม่มีเงินแล้วจะหาหนุ่มหล่อได้ยังไง? ฮิๆๆ” ลู่ซวงซวงมองหาอย่างไม่ยอม แต่ไม่ได้รับอะไร
“เป้าหมายซวงซวงคนสวยของพวกเราเรียบง่ายจัง มีเงินมีผู้ชายก็พอแล้ว”
“นั่นยังไม่พอ ยังต้องมีเธอด้วย ฮ่าๆๆ!”
เพื่อนรักสองคนอยู่ด้วยกันแล้วมาตรฐานก็เปลี่ยน ฉู่ลั่วหานนั่งพิงบนโซฟา ปล่อยวางร่างกายและอารมณ์ทั้งหมด “เธอกลับมาจากต่างประเทศนานขนาดนี้แล้วได้ทำงานอะไรไหม? เรียนก็จบแล้ว ไม่คิดจะเริ่มทำงานเหรอ?”
หนุ่มหล่อคนหนึ่งจับแก้วเหล้าแล้วเข้ามาเบียดระหว่างทั้งสองคน “อย่ามัวแต่คุยกันสิ พวกเรามาเล่นเกมเป็นไง? ออกมาเต้นด้วยกัน ลุกมาเต้นเลย!”
มีคนพูดถึงเกม ข้างล่างก็ส่งเสียง ฉู่ลั่วหานอยากปฏิเสธ แต่ต่อต้านสิบกว่าคนไม่ได้ ทำได้เพียงตกลงพวกเขาดื่มแค่หนึ่งแก้ว
ไม่ถนัดการเล่นเกมดื่มแบบเธอ แพ้ตั้งแต่เกมแรก
“ดื่มๆๆ! คุณหมอคนสวยเริ่มต้นได้ดี มา ต่อๆ!”
ผู้หญิงอย่างลู่ซวงซวงหากขึ้นโต๊ะเหล้าแล้วไม่มีทางลงมาง่ายๆ และเธอยิ่งดื่มยิ่งตื่นเต้น ยิ่งดื่มยิ่งมีสติ สมรรถภาพร่างกายพันแก้วไม่เมาไม่ได้หลอกจริงๆ
ระหว่างนั้นฉู่ลั่วหานแพ้อีกหลายเกม ถูกลู่ซวงซวงบล็อกด้วยปริมาณสองเท่า
อย่างไรก็ตามเธอก็ยังดื่มเบียร์สองแก้วและวิสกี้ครึ่งแก้ว
“ฉันไปเข้าห้องน้ำนะ”
“ได้ได้ได้……พวกเธออย่าหยุดสิ เห้ย คุณชายฟาง แกกล้าโกงต่อหน้าฉัน! ตายแน่! รีบดื่มเดี๋ยวนี้!”
ฉู่ลั่วหานยืนอยู่หน้าอ่างล้างมือของห้องน้ำ เอื้อมมือไปล้างหลังมือและแขน แอลกอฮอล์ในท้องเริ่มเผาไหม้ สมรรถภาพร่างกายของเธอที่อ่อนต่อแอลกอฮอล์จะฆ่าคนตายจริงๆ
อีกมุมหนึ่งของบาร์
มุมปากของคางเฉิงเจี๋ยยกสูง โบกมือเรียกลูกน้องมา กดเสียงต่ำแล้วกระซิบสั่งการข้างหู
“ครับ ครับ”
“เรื่องสำเร็จแล้ว ฉันจะไม่ปฏิบัติไม่ดีต่อนาย แต่ถ้าหากทำเสียเรื่อง……”
“เจ้านายวางใจได้ครับ ผมสำเร็จแน่นอน!”
ฉู่ลั่วหานล้างหน้าแล้วมีสติขึ้นมาเล็กน้อย ส่องกระจกอีกครั้งใบหน้าแดง ในความมึนงงเหมือนว่าเธอจะมองเห็นใบหน้าของหลงเซียวสะท้อนในกระจกได้อีกครั้ง แต่รอบนี้เธอดูผิดจริงๆ
เดินออกจากห้องน้ำ มีบริกรถือถาดเดินผ่านพอดี ที่บังเอิญคือบริกรถือน้ำเปล่า
“ขอน้ำเปล่าหนึ่งแก้วค่ะ”
“ได้ครับคุณผู้หญิง”
ฉู่ลั่วหานยกน้ำเปล่าแล้วดื่มไปสองสามคำ จัดท่าทางให้ดีแล้วไปหาลู่ซวงซวง
“เวลาไม่เช้าแล้ว ซวงซวง พวกเธอต่อเลยนะ ฉันกลับก่อน”
เวลานี้โม่หรูเฟยและหลงเซียวน่าจะนอนแล้ว เพียงแค่ไม่เจอพวกเขาก็พอ”
“จะกลับก่อนอีกแล้วเหรอ…..สีหน้าเป็นอะไร? โอ้ โทษฉันที่เมื่อกี้ไม่ได้ปกป้องเธอดีๆ เพื่อเป็นการชดใช้ ฉันตัดสินใจส่งเธอกลับบ้าน”
“เธอ? ช่างเถอะ เธอดื่มเหล้าแล้วห้ามขับรถ ฉันนั่งรถกลับไป”
“อย่างนั้นไม่ได้ ดูเหมือนฉันไม่ยุติธรรม……ทุกท่านดื่มต่อ ฉันกับคนสวยของฉันกลับก่อน”
ทั้งสองเดินออกจากบาร์ ลมในยามดึกพัดผ่านบนตัวเย็นสบาย ลู่ซวงซวงเลอออกมา แขนพยายามยกสูงไปโอบคอฉู่ลั่วหาน “โม่หรูเฟย ตัวร้ายนั่นยังอาศัยอยู่ในวิลล่าเหรอ?”
“ยังอาศัยอยู่ จะทำตัวเป็นเจ้าของแล้ว แย่ที่สุด”
น่ารำคาญจริงๆ!
ทั้งสองคุยไปเดินไป ไม่รู้สึกตัวก็ห่างจากบาร์หลายร้อยเมตรแล้ว
“เหอะ ไอ้เจ้าหลงเซียวจะทำอะไรกันแน่ ไม่ยอมหย่ากับเธอ แล้วอุ้มโม่หรูเฟยไว้ไม่ปล่อย แย่จริงๆ ……ลั่วลั่ว ลั่วลั่วเธอเป็นอะไร?!”
ลู่ซวงซวงกำลังด่าคนอย่างสะใจ จู่ๆ ฉู่ลั่วหานที่อยู่ใต้แขนเธอก็เตี้ยลง กุมท้องแล้วนั่งลง
“ซวงซวง ฉัน…..ปวดท้อง…….มาก…….”
พูดถึงปวดท้องสีหน้าก็เปลี่ยนทันที เมื่อสักครู่ยังเป็นสีแดงจากการดื่มเหล้า ตอนนี้เปลี่ยนเป็นสีขาว ใบหน้าเล็กขาวจนไม่เห็นสีเลือด
“เป็น เป็นอะไร? ประจำเดือนมาก็ไม่เจ็บขนาดนี้หรือเปล่า? เธออย่าหลอกฉัน เจ็บแบบไหน?”
ลู่ซวงซวงลองดึงให้ลุกขึ้น แต่ฉู่ลั่วหานปวดกระเพาะจนไม่มีแรงแม้แต่นิด ไม่ถึงหนึ่งนาทีหลังก็เปียกทั้งหมดเพราะเหงื่อ
ปวดแบบนี้ ไม่ใช่ประจำเดือน ไม่ใช่แอลกอฮอล์ในกระเพาะ แต่เป็นเพราะ……
ฉู่ลั่วหานตกใจมาก “ซวงซวง ส่งฉัน……ไปโรงพยาบาล”
เธออาจจะอาหารเป็นพิษ
“ได้ ได้ๆ เธออย่ากลัว ฉันนั่งรถส่งเธอไป!”
เดินออกจากบาร์ ครึ่งวันแล้วถนนเส้นนี้ไม่มีรถแท็กซี่ ลู่ซวงซวงผู้ที่ไม่กลัวฟ้ากลัวดินตกใจและหวาดกลัวท่าทางเจ็บปวดของฉู่ลั่วหาน
“ลั่วลั่ว เธออดทนไว้นะ อดทนไว้ เดี๋ยวพวกเราก็ถึงโรงพยาบาลแล้ว……”
กว่าจะมีรถ แต่ว่าระยะทางไปโรงพยาบาลยังอีกยาวไกล ฉู่ลั่วหานรู้สึกว่าเธอจะอยู่ไม่ถึงโรงพยาบาล
มือทั้งสองกุมท้องแน่น ชุดและกางเกงของฉู่ลั่วหานเปียกเพราะเหงื่อหมดแล้ว เส้นผมติดบนใบหน้า เจ็บปวดจนปากซีด ในเวลาไม่ถึงยี่สิบนาทีเธอความเจ็บปวดจนไม่มีเรี่ยวแรง
“ซวง ซวง……ถ้าฉันตาย เธอ……”
“ถุ้ย เธออย่าพูดมั่ว! มือถือ เอามือถือให้ฉัน!
รองคณบดี ของพวกเธอเก่งมากไม่ใช่เหรอ? เขาต้องมีวิธีช่วยเธอ ลั่วลั่ว เธออย่าพูด อย่าพูด!”
ลู่ซวงซวงยื่นมือไปจับมือถือของฉู่ลั่วหาน มือของเธอสั่นเหมือนตะแกรง หาครึ่งวันกว่าจะเจอมือถือ นิ้วมือจิ้มลงบนหน้าจอหลายทีถึงจะกดโทรออก—-
“ถังจิ้นเหยียน! ลั่วลั่ว……เธอเกิดเรื่องแล้ว! นายรีบช่วยเธอ……ฮือๆ!”
ถังจิ้นเหยียนเตรียมเข้านอนแล้ว บนตัวสวมชุดนอน รับสายแล้วชะงักไปหนึ่งวิ “ฉู่ลั่วหาน?”
ไม่ผิด คือเบอร์ของเธอ
“ฮือๆ ใช่เธอ! ตอนนี้พวกเราไปโรงพยาบาลกลาง นายรีบไป…..เธอ ดูเหมือนเธอจะไม่ไหวแล้ว”
“ฉันรีบไปเดี๋ยวนี้!”
ถังจิ้นเหยียนไม่สนใจเรื่องการเปลี่ยนเสื้อผ้าได้ สวนชุดนอนรองเท้าแตะหยิบกุญแจรถรีบพุ่งลงชั้นล่างเหมือนเป็นบ้า
ร่างสูงขึ้นรถ สตาร์ทเครื่องยนต์แล้วเหยียบคันเร่งมิด เอฟเฟกต์ของรถซุเปเปอร์คาร์เบนซ์ S600 ถูกเขาขับออกมา เงาของต้นไม้สองข้างทางซ้อนทับกันเป็นแสงสีดำไม่สามารถแยกแยะรูปทรงได้
ถังจิ้นเหยียนลืมแยกสัญญาณไฟจราจร ในหัวเหลือเพียงเสียงเดียว : ลั่วหาน รอฉัน! รอฉันช่วยเธอ!”
หมอในโรงพยาบาลกลางต่างตกใจเมื่อเห็นในรูปทรงนี้
รองคณบดีชุดสูทดูดีมาตลอด เสื้อกาวน์ที่รีดอย่างดีปรากฏตัวในรูปทรงนี้ จู่ๆ กลางดึกเหมือนคนบ้าเดินวนไปมาที่ห้องฉุกเฉิน นี่……เป็นการท้าทายความอดทนทางจิตใจของพวกเขา