คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป - ตอนที่ 61 ผู้ชายของเธอ ขับเครื่องบินมา
ตอนที่ 61 ผู้ชายของเธอ ขับเครื่องบินมา
ใบหน้าของเขา หันไปทางแสง บนใบหน้าสะอาดมีเหงื่อไหลลงมาทีละหยด ฉู่ลั่วหานเบนสายตาออกไปไม่มองอีก “สมแล้วที่เป็นรองคณบดี ทำแผลเร็วมากจริงๆ มีผู้ป่วยกระดูกหัก รบกวนคุณดูให้หน่อย เมื่อกี้หมอกระดูกบอกว่าต้องผ่าตัด”
ถังจิ้นเหยียนจัดให้น้ำเกลือฉู่ลั่วหาน ลดการอักเสบและบรรเทาการเจ็บปวด ถอดเสื้อคลุมตัวเองออกมาคลุมบนร่างกายเธอ เสื้อคลุมขาวของเธอใส่ไม่ได้อีกต่อไป เสื้อเชิ้ตขาวด้านในก็เปื้อนเลือดหนึ่งชั้น
ปลอบเธอแล้วหันไปมองแพทย์ทั้งเจ็ดคน แต่ละคนห่อเหี่ยว ไม่มีใครกล้าหายใจเสียงดัง
แสงไฟในดวงตาถังจิ้นเหยียนฟาดไปที่พวกเขา เขาอยากฆ่าพวกเขา ดีที่ตอนนี้ฉู่ลั่วหานไม่เป็นอะไร ถ้าเธอเป็นอะไรขึ้นมา ถังจิ้นเหยียนไม่กล้ารับประกันว่าเขาจะทำอะไรบ้าง
“พวกคุณเตรียมขยายการฝึกงานเพิ่ม”
พวกเขาเหล่านั้นไม่กล้าพูดอะไร ทำได้เพียงพยักหน้า
หญิงสาวที่ขาบาดเจ็บถูกประคองให้นั่งดีแล้ว ถังจิ้นเหยียนก็สวมถุงมือ สัมผัสขาเธอ “ล้มยังไง?”
หญิงสาวจ้องใบหน้าถังจิ้นเหยียนอย่างอึ้งๆ เพิ่งเคยเห็นผู้ชายหน้าตาดีขนาดนี้เป็นครั้งแรกในชีวิต หญิงสาวตกตะลึง
ถังจิ้นเหยียนขมวดคิ้ว หยิบหน้ากากอนามัยมาสวมอย่างคล่องแคล่ว “ฉันถามเธอว่าล้มยังไง? ไปชนอะไรตอนได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า?”
เห็นถังจิ้นเหยียนสวมหน้ากากอนามัย ฉู่ลั่วหานที่นอนอยู่บนเปลหามก็อดยิ้มออกมาไม่ได้
ในที่สุดหญิงสาวก็ได้สติ “ฉันกลิ้งลงมาตอนอยู่บนเขา ดูเหมือนจะชนก้อนหินนะคะ”
ถังจิ้นเหยียนหันศีรษะกลับมามองแพทย์หนุ่มสาวที่เพิ่งพูดว่าต้องทำการผ่าตัด ความอดทนหายไปตอนที่เขาโกรธได้กลับมาใหม่ แต่น้ำเสียงก็ยังเย็นชา “ดูสิ ต่อไปเจอเหตุการณ์แบบนี้จะรับมือยังไง”
แพทย์สองคนพยุงแขนหญิงสาวให้เธอทรงตัว ถังจิ้นเหยียนนั่งยองๆ บนพื้น สองมือจับขาเธอไว้ “เธอควรขอบคุณที่ตัวเองไม่ได้โตขึ้นในช่วงปีกว่านี้”
หญิงสาวไม่เข้าใจ แพทย์ข้างๆ เข้าใจแต่ไม่กล้าพูดอะไร
ฉู่ลั่วหานเข้าใจ รู้ว่าเขามีวิธีแล้วก็ค่อยๆ วางใจ เธอหันศีรษะไปมองถังจิ้นเหยียน ท่าทางจริงจังในการรักษาช่วยเหลือผู้คนของเขานั้นมีเสน่ห์ทุกครั้ง
ทันใดนั้นเธอก็กังวลเล็กน้อย ถ้าดูถังจิ้นเหยียนช่วยคนมากเกินไป เธอจะหลงใหลไหม?
“อ๊าก!!!”
ทันใดนั้นหญิงสาวก็กรีดร้อง แพทย์ชายสองคนที่พยุงเธอไว้ถูกเธอเหวี่ยงออกไปอย่างรุนแรงด้วยพลังแห่งการต่อสู้ตามสัญชาตญาณครั้งใหญ่ของเธอ
ถังจิ้นเหยียนจับขาเธอไว้ “ถ้าอยากเดินได้อีกครั้ง ตอนนี้ต้องอดทน ห้ามขยับ”
หญิงสาวกัดฟันด้วยความเจ็บปวด “คุณหล่อมาก แต่ทำไมรุนแรงขนาดนี้!”
ถังจิ้นเหยียนเอาเฝือกออก “ไม่รุนแรงแล้วจะช่วยเธอจัดกระดูกได้ไง? ตอนนี้กระดูกเข้าตำแหน่งเดิมแล้ว ต่อไปพยายามอย่าให้ขาข้างนี้ได้รับน้ำหนักไปอีกสองเดือนข้างหน้า และเลือดคั่งด้านในจะค่อยๆ หายไป ต่อไปต้องประคบร้อนวันละสองครั้ง”
พูดจบ ถังจิ้นเหยียนก็ส่งผู้ป่วยให้หมอฝึกงาน “ช่วยเธอเข้าเฝือก”
ถังจิ้นเหยียนจัดการผู้ป่วยหญิงเสร็จแล้ว ชาวบ้านที่ต่อแถวอยู่ด้านหลังก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้น “คุณหมอ คุณช่วยตรวจพวกเราหน่อยได้ไหม?”
ถังจิ้นเหยียนมองฉู่ลั่วหาน เขามาเพราะเธอ “ที่นี่มีคุณหมอเจ็ดท่าน จะทำหน้าที่ตรวจสอบทุกคนเป็นอย่างดีครับ”
พูดจบ เขาก็เดินไปข้างๆ ฉู่ลั่วหาน ใบหน้าเธอแดงระเรื่อ นี่ไม่ใช่สีหน้าปกติของเธอ ยื่นมือมาสัมผัสหน้าผากเธอแล้วสัมผัสของตัวเอง “ทำไมร้อนขนาดนี้?”
“เหรอคะ? ทำไมฉันไม่รู้สึก?”
ถังจิ้นเหยียนเงียบไปชั่วขณะหนึ่ง “เธอเป็นไข้ไม่รู้เหรอ?
ฉู่ลั่วหานยื่นมือที่ไม่ได้รับบาดเจ็บออกมาสัมผัส “มีนิดหน่อยจริงๆ ด้วย ไม่เป็นไร ฉันเองก็ไม่รู้สึก”
ถังจิ้นเหยียนโกรธฉู่ลั่วหานมากจริงๆ เขาเอาเครื่องตรวจโรคมาฟังการหายใจของฉู่ลั่วหาน ขมวดคิ้วแน่น “เธอเป็นหวัด หายใจหนักขึ้น เธอเป็นหมอ ต้องรู้สิ”
เอ๋?
ไม่น่าแปลกใจเลย เธอแช่ตัวในสระว่ายน้ำนานมาก และนอนบนโซฟาหนึ่งคืน ยังไม่ทันสั่งยาให้ตัวเองก็ถูกส่งตัวไปยังพื้นที่ภูเขา
“เป็นแค่ปัญหาเล็กน้อย เทียบไม่ได้กับแขนฉัน” ฉู่ลั่วหานยิ้มยั่วโมโหถังจิ้นเหยียน
รอยยิ้มนั้นสุภาพและมีมารยาทมากพอ
และพอที่จะทำให้ถังจิ้นเหยียนโกรธ
“อย่ายิ้มแบบนี้ให้ฉันนะ คุณหมอฉู่ ฉันรู้ว่าเธอปฏิเสธฉัน ดังนั้นอย่าเน้นอีก” ถังจิ้นเหยียนยกกล่องยากล่องหนึ่งออกมา นำยาแก้ไข้ออกมาแล้วฉีดลงไปในหลอดฉีดยา
ฉู่ลั่วหาน: “……เอ่อ”
โดนมองออกซะแล้ว
ถังจิ้นเหยียนเก็บกล่องยาแล้วถามลวกๆ “เขารู้ไหม?”
ฉู่ลั่วหานมองไปข้างๆ มองดวงตาที่ลดลงของเขา พอมองแบบนี้แล้วถึงได้รู้ว่าขนตาถังจิ้นเหยียนยาวและหนามาก ต้องยอมรับว่าเขาหล่อมาก ไม่ได้หล่อแบบดุร้ายเหมือนหลงเซียว แต่เป็นหล่อแบบอ่อนโยนสงบเสงี่ยมโดยไม่มีขอบมุม
“เขา? สามีฉันเหรอ? ไม่น่าจะรู้มั้งคะ”
ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาไม่ได้สนิทกันมากพอที่จะรายงานซึ่งกันและกันว่าทำงานนอกสถานที่ ถึงแม้ว่า……ดูเหมือนจะมีครั้งหนึ่งที่หลงเซียวบอกเธอล่วงหน้าว่าไปทำงานนอกสถานที่ แต่นั่นเพราะทั้งคู่อยู่ด้วยกัน
เธอไปไหน ทำอะไร จะอยู่กับใคร ดูเหมือนจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับหลงเซียว เธอไม่ได้มีอิทธิพลกับเขา
เขา……คงไม่เป็นห่วงหรอกมั้ง?
ถังจิ้นเหยียนปิดกล่องยา จู่ๆ คิ้วก็ยืดโค้งออกมาเล็กน้อย เขาก้มศีรษะลงมองใบหน้าที่ค่อยๆ ฟื้นตัวของฉู่ลั่วหาน “ดูเหมือนฉันยังมีโอกาสชนะสูงมาก”
เขาพูดอย่างเป็นธรรมชาติและอบอุ่นมาก ถึงจะสนิทสนมกันมากขึ้นแต่ก็ไม่ได้ทำตัวสบายๆ มากเกินไป โดยเฉพาะดวงตาที่จริงจังและรักใคร่ เมื่อมองเธอ เหมือนเธอเป็นคนเดียวที่เหลืออยู่บนโลก
ฉู่ลั่วหานละสายตาไปอย่างอึดอัด “รองคณบดี สำหรับเรื่องนี้ ฉันว่าเราไม่ต้องพูดซ้ำอีกแล้ว ขอบคุณที่คุณดีกับฉันขนาดนี้ และขอบคุณที่ช่วยชีวิตฉันได้พอดี แต่ว่าเรื่องอื่นฉันว่าเราอย่าพูดกันอีกดีกว่านะคะ”
ถังจิ้นเหยียนไม่ได้กระอักกระอ่วนที่เธอปฏิเสธอีกครั้ง เขาดันหลอดดูดยาให้ยาไหลช้ากว่าเดิม
“เธอขี้กลัวขนาดนี้หรือ ถึงแม้เอ่ยถึงเรื่องนี้ก็ไม่ยอม ระวังตัวมากกลัวว่าจะทำร้ายฉัน ฉันยังกังวลอะไรได้อีก? ก็ได้ ไม่พูดแล้วก็ได้ เธอนอนลงไปดีๆ ฉันจะไปดูผู้ป่วยคนอื่น”
ผู้ป่วยที่นี่เกือบรักษาหมดแล้ว โรคเลือดระยะยาวไม่สามารถรักษาให้หายได้ ความเจ็บป่วยอื่นๆ ไม่ได้เป็นภัยคุกคาม สำหรับพวกเขาแล้ว ความตายคือเรื่องของเวลา จะไปกลัวอะไรกับการเป็นหวัดเป็นไข้?
ฉู่ลั่วหานพยายามนั่งขึ้นมา ถังจิ้นเหยียนรีบเดินเข้าไปพยุงเธอ ให้เธอพิงอ้อมแขนตัวเอง พูดขึ้นก่อนเธอจะดิ้น “ตอนนี้เธอเป็นแค่ผู้ป่วยของฉัน หมอไม่มีชายหรือหญิง ดังนั้นเธอมองไหล่ฉันเป็นกำแพงมนุษย์ก็ได้”
ฉู่ลั่วหานเม้มปาก ตอนนี้เธอเป็นไข้รุนแรง รู้สึกกระหายน้ำ “แล้วหมอประจำของฉันมีหน้าที่รินน้ำด้วยหรือเปล่า?”
ถังจิ้นเหยียนพยักหน้า “แน่นอนสิ รับผิดชอบในการป้อนอาหารได้ด้วยนะ”
เธอรู้สึกสับสน “นั่นไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันอยากดื่มน้ำ”
“โอเค”
มือข้างหนึ่งของถังจิ้นเหยียนพยุงเธอ มือข้างหนึ่งเทน้ำต้มลงในถ้วยกระดาษ น้ำต้มเกิดไอร้อน ถังจิ้นเหยียนเป่าใกล้ๆ สัมผัสดูว่าไม่ร้อนแล้วจึงส่งถ้วยกระดาษไปที่ริมฝีปากเธอ “ดื่มสิ ผู้ป่วยหมายเลขหนึ่งมีชีวิตรอดจากภัยพิบัติ”
ฉู่ลั่วหานรู้สึกว่าการกระทำแบบนี้มันกระอักกระอ่วนจริงๆ แต่มือข้างหนึ่งใช้การไม่ได้ อีกข้างก็ให้น้ำเกลือ ทำได้เพียงก้มศีรษะอย่างเชื่อฟัง
และในตอนนี้ มีเสียงคำรามบนท้องฟ้า
“ครืด! ครืด!”
ทุกคนเงยศีรษะขึ้นมองเพราะเสียงดัง เฮลิคอปเตอร์สีเทาบินอยู่บนท้องฟ้า ดูเหมือนกำลังมองหาสถานที่ลงจอด
ฉู่ลั่วหานหยุดการกระทำ พูดขึ้นอย่างประหลาดใจ “โรงพยาบาลส่งเฮลิคอปเตอร์มาสนับสนุนเหรอ?”
ถังจิ้นเหยียนเงยศีรษะมอง แยกแยะอย่างระมัดระวังและส่ายศีรษะ “ไม่ใช่เฮลิคอปเตอร์ของโรงพยาบาล เฮลิคอปเตอร์ของโรงพยาบาลจะมีสัญลักษณ์สภากาชาด คันนี้ไม่มี อาจจะแค่ผ่านมา”
“อ่า……ที่แบบนี้ มีเฮลิคอปเตอร์มาด้วยเหรอ?”
เมื่อทุกคนคาดเดาไปต่างๆ นานา เฮลิคอปเตอร์สีเทาก็เริ่มลงจอดด้วยความเร็วคงที่
หลงเซียวที่นั่งอยู่บนเบาะผู้โดยสาร ในมือถือกล้องส่องทางไกล หรี่ตาลงอีกครั้ง ความเดือดดาลอันแข็งแกร่งหลั่งไหลออกมาอีกครั้ง!
ฉู่ลั่วหานไม่เปลี่ยนไปจริงๆ สินะ!
นอนอยู่ในอ้อมแขนผู้ชายด้วย!
ผู้ชายคนนี้ คือถังจิ้นเหยียนที่โรงพยาบาลกลาง!
คนขับเครื่องบินกล่าวว่า “ท่านเซียว เดี๋ยวเตรียมลงจอดนะครับ โปรดนั่งนิ่งๆ ระวังความปลอดภัย”
ดวงตาที่เต็มไปด้วยความโกรธของท่านเซียวจ้องมองฉู่ลั่วหานที่นอนอย่างนุ่มนวลอยู่ในอ้อมแขนของถังจิ้นเหยียน ไม่ได้ยินเสียงเตือนของคนขับเลย
เสียงคำรามของใบพัดยังคงดำเนินต่อไป ท่านเซียวพูดขึ้นอย่างเย็นชา “เข้าไปใกล้อีกหน่อย”
คนขับต้องสังเกตภูมิประเทศ รู้สึกลำบากใจนิดหน่อย “……ผมจะพยายามครับ”
“ไม่ใช่พยายาม ต้องทำให้ได้!”
เฮลิคอปเตอร์อยู่ที่มุมพื้นราบห่างออกไปไม่ถึงสองร้อยเมตร ลมแรงจากใบพัดพัดใบไม้โดยรอบ
ลมย้อนกลับทันที
สายตาทุกคนต่างจ้องมองไปที่เฮลิคอปเตอร์ด้วยอ้าปากกว้าง หลายๆ คนรวมถึงฉู่ลั่วหานเพิ่งเคยเห็นเฮลิคอปเตอร์เป็นครั้งแรก นี่ไม่ใช่เฮลิคอปเตอร์ทหารทั่วไป แต่เป็นแบบพลเรือน อาจกล่าวได้ว่าเป็นเครื่องบินส่วนตัวขนาดเล็ก
“ว้าว! เครื่องบิน! เครื่องบิน!”
“เครื่องบินอ่ะ! เครื่องบินใหญ่มาก! ฉันได้เห็นเครื่องบินแล้ว! แม่! เครื่องบิน!”
เด็กน้อยหลายคนเห็นเฮลิคอปเตอร์นี้ก็กระโดดโลดเต้นอย่างตื่นเต้น ดึงเสื้อผ้าผู้ใหญ่อยากไปดูใกล้ๆ
บันไดเฮลิคอปเตอร์ตกลงมา ชายคนหนึ่งสวมชุดบินก้าวลงมาทีละก้าว ร่างสูงยืนข้างๆ เครื่องบินห่างออกไป ทำท่าน่าเกรงขามเหมือนเทพเจ้าสยบมาร
ความน่าเกรงขามที่ไม่อาจฝ่าฝืนพุ่งออกมาจากร่างกายเขา!
ดวงตาฉู่ลั่วหานเบิกกว้างทันที!
“หลงเซียว?!”
ผู้ชายที่เหมือนเทพเจ้าแห่งสงครามก็คือหลงเซียวจริงๆ!
ถังจิ้นเหยียนจำหลงเซียวได้เช่นกัน ขมวดคิ้วขึ้นอีกครั้ง มือกระชับอ้อมแขนที่กอดฉู่ลั่วหานแน่นขึ้นอย่างเผลอตัว
ห่างออกไปสองร้อยเมตร ชายคนนั้นกำลังก้าวเท้ามาหาฉู่ลั่วหาน ขาทรงพลังของเขาเหมือนกองทหารม้า ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็มีแต่ความเย็นยะเยือกทุกที่
ฉู่ลั่วหานมองหลงเซียวที่ฝ่าแสงเข้ามา กำหมัดเบาๆ
เธอลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าตัวเองอยู่ในอ้อมแขนของถังจิ้นเหยียน ดวงตาสองข้างใหญ่เท่าระฆัง
ในหัวมีเพียงเสียงเดียวเท่านั้น ทำไมเขามาที่นี่? เขามาทำอะไรที่นี่? เขาจะทำอะไรเธอ?
ไม่นานชายผู้ทรงอำนาจก็ก้าวเท้ายาวมายืนหน้าเธอ ดวงตาดำสนิทจ้องเธอ หลังจากมองอยู่หลายวินาทีเขาก็พูดขึ้นอย่างเย็นชา “ปล่อยเธอ”
ถังจิ้นเหยียนขมวดคิ้วอย่างรุนแรง “เธอบาดเจ็บ ฉันเป็นหมอของเธอ ฉันต้องรับผิดชอบคนไข้”
ท่านเซียวโค้งริมฝีปากบางเล็กน้อย ความอาฆาตในดวงตาพุ่งผ่านอากาศไปที่พวกเขาสองคน “นั่นมันก่อนที่ฉันจะมา ตอนนี้ปล่อยเธอซะ”
ถังจิ้นเหยียนเอานิ้วจับไหล่ฉู่ลั่วหานไว้ พูดเสียงทุ้มต่ำอย่างเป็นห่วง “เธอเป็นไงบ้าง? โอเคยัง?”
ท่านเซียวโน้มตัว ไม่แม้แต่จะมองถังจิ้นเหยียน อ้าแขนตัวเองออก พูดขึ้นอย่างเย็นชา “มานี่”