คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป - ตอนที่26 เป็นไปไม่ได้ เจอกันที่นี่ได้
ตอนที่26 เป็นไปไม่ได้ เจอกันที่นี่ได้
แสงไฟส่องสว่างยามค่ำคืนในเมืองหลวง ทุกๆที่มีแสงไฟหลากสีระยิบระยับไปหมด ไฟที่ถูกประดับบนกำแพงด้านนอกของตึกสูงลิ่วกะพริบเปลี่ยนสีไปมาเป็นสีรุ้ง วิวทิวทัศน์ที่งามตาติดกันเป็นสิบไมล์ ยาวสุดลูกหูลูกตา แสดงให้เห็นถึงความเจริญของยุคสมัยใหม่
“ลั่วลั่ว เธอหยุดทำหน้าเศร้าสักเดี๋ยวได้มั้ย ผู้หญิงต่ำๆพรรค์นั้นอย่างโม่หรูเฟยน่ะ ไม่มีค่าให้เธอโกรธด้วยซ้ำ!ของถูกๆอย่างนั้นน่ะ ก็เป็นได้แค่ดอกไม้ริมทางให้คนเด็ดเล่น ส่วนเธอน่ะรับผิดชอบเป็นดอกกุหลาบสีแดงสดในแจกันตั้งโต๊ะ!”
ฉู่ลั่วหานเบะปาก พลางหันสเต๊กเนื้อชิ้นเล็กเข้าปาก“ดอกไม้ในแจกันหรอ เหอะ”
“ตอนกินก็ควรกิน อย่าเอาเรื่องอะไรมาใส่ใจเลย ตามที่ฉันเห็น เรื่องที่โม่หรูเฟยตั้งท้อง ไม่ใช่เรื่องแย่สำหรับเธอเลยสักนิด เพราะยังไงหลงเซียวก็ไม่ยอมหย่ากับเธอ นี่ก็ดีแล้วนี่ โม่หรูเฟยมีลูก เขายังมีเหตุผลอะไรอีกที่จะไม่ปล่อยเธอไป ฮึ่ม!”
ลู่หวู๋ซวงใช้ฟันกัดสเต๊กเนื้อชิ้นใหญ่อ่างเคียดแค้น ราวกับกำลังกัดเนื้อศัตรูของตัวเองอยู่ก็ไม่ปาน ฉู่ลั่วหานถูกแกล้ง ลู่หวู๋ซวงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟซะยิ่งกว่าเจ้าตัวเสียอีก แถมยังโมโหมากด้วย
ฉู่ลั่วหานใช้ซ้อมจิ้มอาหารในจานเขี่ยไปมา หลงเซียวจะยอมหย่ากับเธอเพราะเรื่องของโม่หรูเฟยจริงๆหรอ
เหตุผลที่หลงเซียวไม่ยอมหย่า ฉู่ลั่วหานรู้อยู่กับใจดี เขาก็แค่อยากเก็บเธอไว้ในตำแหน่งสะใภ้ของตระกูลหลง กักขังอิสระของเธอ ไม่ให้เธอได้มีความสุข ใช้วิธีนี้ทรมานเธอในเวลาเดียวกัน ให้เธอเห็นเขากับผู้หญิงคนอื่นเสพสุขกัน
วลีที่เขาพูดกัน“มีสามีแต่เหมือนเป็นม่าย ”ก็คือสถานะของเธอในตอนนี้เอง
“ถ้าหย่ากันได้จริงๆล่ะก็ ลูกของโม่หรูเฟยฉันจะดูแลเป็นอย่างดี”ฉู่ลั่วหานใช้ซ้อมจิ้มสเต๊กเนื้อชิ้นใหญ่ ยัดเข้าปากเคี้ยว
“ต้องอย่างนี้สิ!นี่แหละฉู่ลั่วหานที่ฉันรู้จัก ก็แค่โม่หรูเฟยไม่ใช่คนหนึ่งเท่านั้น กะอีแค่ผู้ชายเยือกเย็นที่ชื่อว่าหลงเซียว?ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้หรอก ฉันจะบอกเธอให้ ผู้ชายดีๆ หาที่ไหนก็ได้!”
ฉิ!
“ยกตัวอย่างเช่นผู้ชายที่เธอเจอที่Club.HTน่ะหรอ พอเถอะ หมอนั่นไม่ได้ใกล้เคียงกับคำว่าคนดีเลยแม้แต่นิดเดียว”
“ตายๆๆ ของแบบนี้มันต้องใช้เวลา เธอไปออกงานกับฉันสิ ได้เจอคนมากหน้าหลายตาสักหน่อย เดี๋ยวเธอก็แยกแยะออกว่าใครดีใครไม่ดี!”
ฉู่ลั่วหานยิ้มบางๆไม่ปฏิเสธ สายตาบังเอิญมองทะลุออกไปทางประตูกระจกข้างนอกร้านอาหาร ประตูกระจกที่ทั้งใสและโปร่งแสง มีผู้ชายใส่ชุดสูทห้าหกคนกำลังเดินเข้ามา รวมถึงร่างสูงใหญ่ที่อยู่ท่ามกลางคนเหล่านั้น……
ร่างสูงโปร่งของหลงเซียวถูกผู้ชายวัยกลางคนหลายคนล้อมรอบ สายตาเย็นชาของเขามองมาทางด้านหน้า ผู้ชายวัยกลางคนที่อยู่ซ้ายขวากำลังก้มหัวพยายามรายงานอะไรสักอย่าง ดวงตาหม่นๆของหลงเซียวทำให้เดาไม่ออกว่าเขารู้สึกอะไร หลังจากที่คนข้างๆพูดอยู่นานสองนาน เขาถึงค่อยขยับปากบางๆตอบกลับสองสามคำอย่างขี้เกียจ
เหล่าผู้จัดการที่ได้รับคำตอบสองสามคำจากเขาต่างก็ยิ้มบางๆพลางพยักหน้า ท่าทางการยกย่องปอปั้นแบบนั้นน่าขยะแขยงสิ้นดี
พอได้เห็นหลงเซียวเดินเข้าประตู ใจของฉู่ลั่วหานเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมา รีบคว้าส้อมกับมีดขึ้นมาตั้งหน้าตั้งตากิน ดวงตากลมโตของเธอถูกร่างของเขาดึงดูดไว้
ใครจะไปคิด ว่าจะมาเจอกับเขาที่นี่!
คิดถึงเมื่อตอนกลางวันโม่หรูเฟยมาหาเรื่องที่โรงพยาบาล สายจากแม่สามีที่โทรมาด่า สีหน้าของฉู่ลั่วหานเปลี่ยนจนดูไม่ได้ ถ้าหลงเซียวเห็นเธอขึ้นมาล่ะก็ ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรอีกกับเธอ คืนนี้เธอคงจะนอนไม่หลับแน่นอน
“ลั่วลั่ว มองอะไรน่ะ”ลู่หวู๋ซวงเห็นเธอมองอะไรสักอย่างตาไม่กะพริบ เลยยกมือขึ้นโบกๆข้างหน้า เรียกเธอให้ดึงสติกลับมา
ทันทีที่ฉู่ลั่วหานรู้สึกตัว ก็รีบทำตัวให้เป็นปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะถ้าซวงซวงเห็นหลงเซียวขึ้นมาล่ะก็ เดาได้เลยว่าคงจะระเบิดอารมณ์แทนเธอแน่ๆ ซวงซวงเหมาะเป็นคู่ปรับกับอีตานั่นซะที่ไหน ครั้งก่อนก็เกือบโดนเขาเชือดเป็นๆ!
“ไม่ได้มองอะไร ฉันอิ่มแล้ว เราไปกันเถอะ”ฉู่ลั่วหานวางส้อมในมือลง วิธีการแก้ปัญหาที่ดีที่สุดสำหรับตอนนี้ก็คือรีบหนี
“ไม่จริงอ่ะ ฉันเพิ่งกินไปไม่กี่คำเอง เธอกินอีกสักหน่อยสิ”สเต๊กเนื้อในจานของสองคนเพิ่งจะหายไปแค่ซีกเดียว ลู่หวู๋ซวงมองตาละห้อย ไม่ยอมวางมือ
ส่วนฉู่ลั่วหานที่อยากจะออกจากที่นี่ ก็ไปไหนไม่ได้ซะแล้ว
ร่างสูงโปร่งของหลงเซียวค่อยๆเดินมาอย่างช้าๆ ไม่รู้ว่าบังเอิญหรืออะไร เพราะทางที่เขาเดินมาคือตรงที่พวกเธอกำลังนั่งอยู่!
หลงเซียวที่ถูกพวกหุ้นส่วนของโปรเจคทำให้ปวดหัวไม่น้อยค่อยๆเงยหน้าขึ้น สายตาที่คมเฉียบเหมือนนกเหยี่ยวมองเห็นร่างบางที่นั่งพิงอยู่ตรงหน้าต่าง หญิงสาวก้มหน้าก้มตา ผมยาวนุ่มสลวยแบ่งออกเป็นช่อปล่อยอยู่บนหน้าอก แสงสว่างจากโคมไฟคริสทัลข้างบนส่องลงหัวเธอ ส่งแสงระยิบระยับ
เสื้อเชิ้ตสีขาวอ่อน พวงแก้มขาวอมชมพู หันหน้าไปข้างๆรับประทานอาหารอย่างเงียบๆ เป็นภาพที่ทำให้รู้สึกสงบจิตสงบใจอย่างบอกไม่ถูก
รอจนฉู่ลั่วหานเงยหน้ากลับไปมองอีกครั้ง หลงเซียวก็ถูกคนสองสามคนลากไปนั่งโต๊ะหกคนที่อยู่ทางซ้ายมือของพวกเธอเรียบร้อยแล้ว หลงเซียวนั่งตรงหัวโต๊ะ ส่วนคนอื่นๆนั่งเปิดเมนูอาหารอย่างไม่รีรอ
เสียงของพวกเขาเบามาก ฟังไม่ขัดว่ากำลังคุยอะไรกันอยู่ แต่มักรู้สึกว่าสิ่งที่ลอยมามีแต่เสียงสะท้อนทุ้มต่ำของหลงเซียว คำพูดที่เหมือนทองคำหาได้ยากของเขา มักจะมีปีกบินมาถึงหูของเธอเสมอ น้ำเสียงไพเราะน่าฟัง เปรียบเทียบกับเสียงหัวเราะของชายวัยกลางคนเหล่านั้น แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะอย่างไม่มีอะไรมาเปรียบได้
แม้แต่ลู่หวู๋ซวงที่ตั้งหน้าตั้งตากินข้าวอยู่เอง ก็รู้สึกได้ถึงบรรยากาศแปลกๆ ไม่วายหันหน้ามองไปรอบๆตัว จากนั้น…..ก็ชะงักไป!
ไม่ไกลจากตรงนั้น ร่างสูงๆของหลงเซียวที่กำลังนั่งอยู่ที่โซฟา ขาไขว้กัน บนใบหน้าหล่อเหลาแฝงไปด้วยความเย็นชา ดวงตาลึกไร้ก้นบึ้งราวกับหลุมน้ำแข็งขั้วโลกเหนือ กำลังมองผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังรายงานความคืบหน้า
เนื้อที่กำลังจะเข้าปากลู่หวู๋ซวงตกเพาะลงบนจาน
“ไม่….ไม่จริงน่ะ”ลู่หวู๋ซวงตกใจกลัวจนสั่นไปทั้งตัว คุณลู่ที่พูดถึงหลงเซียวอยู่อย่างเมามันเมื่อครู่ พอได้เห็นหลงเซียวตัวเป็นๆเท่านั้น สมองกลับว่างเปล่าไม่เหลืออะไรสักอย่าง
ฉู่ลั่วหานที่ใช้มือข้างหนึ่งปิดด้านข้างของหน้าอยู่ ก้มหน้าลงต่ำแล้วต่ำอีก “อย่ามองไปทางนั้น อีกแป๊บเราค่อยหาโอกาสออกจากที่นี่”
ลู่หวู๋ซวงรีบพยักหน้าตอบอย่างเกร็งๆ“โอเค”
“คุณชายหลง?”ผู้ชายที่เพิ่งรายงานความคืบหน้าเห็นว่าหลังจากที่ข้อมูลถูกส่งออกไป แต่ไร้เสียงตอบรับอยู่นาน จึงเรียกเจ้านายตัวเองอย่างระมัดระวัง
คนที่อยู่ตรงนั้นสองสามคนต่างก็รู้สึกได้ว่าหลงเซียวจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวนัก เลยพูดทวนข้อมูลที่ได้รับอีกรอบ
ถึงสายตาของหลงเซียวจะไม่ได้จับจ้องไปที่โต๊ะอาหารทางด้านนั้น หรือผู้หญิงคนนั้น เห็นได้ชัดว่าดูไม่ค่อยเข้ากับออร่าของท่านเซียว แต่ตอนที่เขาหลุบสายตาลง ความคิดที่วนไปวนมาอยู่ในหัวกลับทำให้เขาหัวเสียไม่น้อย
“รายได้ในไตรมาสนี้ไม่สามารถใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงโดยรวมได้ ผู้จัดการหวังจำเป็นต้องรวบรวมรายงานรายได้ในสองปีนี้ เมื่อถึงเวลาคณะกรรมการ MBK จะประเมินอย่างรอบคอบเอง”
หลงเซียวตอบกลับเรียบๆ ท่าทางเย็นชา แต่เนื้อหากลับเฉียบแหลม ทำให้คนที่อยู่ตรงนั้นเกิดความสงสัยว่าหลงเซียวได้ฟังคำแนะนำจากพวกเขาแล้วหรือยัง ต่างคนต่างแทบไม่เชื่อหูตัวเอง ความฉลาดหลักแหลมของหลงเซียวไม่เป็นรองใครจริงๆ
หลังจากตอบคำถามเสร็จ สายตาของหลงเซียวยังคงมองไปทางหน้าต่าง ฉู่ลั่วหานกับลู่หวู๋ซวงสะพายกระเป๋าของตัวเองที่วางอยู่บนโซฟา เตรียมลุกขึ้นเดินออกจากร้านอาหาร
จะไปแล้วหรอ
เห็นร่างของหญิงสาวกำลังเตรียมตัวเดินออกไป ริมฝีปากบางๆของท่านเซียวเผยอขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะกลับไปเหยียดตรงเหมือนเดิม
“คุณชายหลง ดูสิครับ จะรับประทานอะไรดี เมนูที่ขึ้นชื่อที่สุดของร้านอาหารนี้ก็คือ…….”
ผู้จัดการอายุวัยกลางคนคนหนึ่งแนะนำเมนูอาหารขึ้นชื่อให้หลงเซียวกับตัว คนอื่นๆเองก็ช่วยแนะนำด้วยเช่นกัน พยายามเรียกความสนใจจากคุณชายหลง
สายตาดุร้ายของหลงเซียวกวาดตาบนเมนูแวบหนึ่ง ใบหน้าไร้ความรู้สึกที่บอกไม่ได้ว่ายินดียินร้าย เขาเพียงแต่ตอบกลับคนทั้งโต๊ะเรียบๆว่า“มื้อเย็นคงต้องงดล่ะ ฉันมีธุระต่อ”
“คุณชายหลง……”หลังจากคนสองสามคนบนโต๊ะเห็นหลงเซียวลุกขึ้นยืน แต่ล่ะคนก็รีบลุกขึ้นอย่างกระสับกระส่าย พลางพูดขึ้นยิ้มๆอย่างระมัดระวัง “หรือว่าคุณชายหลงรู้สึกไม่พอใจอะไรหรือเปล่าครับ ถ้าท่านมีความเห็นอะไรได้โปรดแจ้งให้พวกเราทราบด้วย พวกเราจะจัดการสุดความสามารถอย่างแน่นอน”
นิ้วมือเรียวยาวของหลงเซียวค่อยๆติดกระดุมชุดสูทอาร์มานี่ ก่อนจะก้าวขายาวๆออกจากที่นั่ง “ธุระส่วนตัวของฉัน ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพวกคุณสุภาพบุรุษ”
หลังจากที่พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังออกไป สายตาเย็นๆของหลงเซียวก็จ้องไปที่ประตูกระจกหมุน ก้าวเดินหนักแน่นเต็มไปด้วยพละกำลัง ไม่อนุญาตให้ใครที่อยู่ด้านหลังได้พูดอะไรอีก
คนที่อยู่บนโต๊ะต่างจ้องหน้ากัน ปิดปากเงียบสนิท มองร่างของผู้ชายที่เดินไกลออกไป ราวกับความชื้นในอากาศได้ถูกคนคนเดียวเอาไปหมดในชั่วพริบตาเดียว ทำให้พวกเขากลัวจนไม่กล้าแม้แต่จะเดินตามออกไป
“เฮือก!”
ลู่หวู๋ซวงที่หนีออกมาข้างนอกสูดหายใจเข้าลึก ใช้มือกุมที่หัวใจราวกับกำลังปฐมพยาบาลให้ตัวเอง“แม่งเอ้ย กลัวจนหัวใจจะหลุดออกมาอยู่แล้ว !ลั่วลั่ว ถูกผีหลอกมันเป็นแบบนี้ใช่มั้ย!”
“ไหนเมื่อกี้ใครทำเก่งบอกจะช่วยฉันแก้แค้นอยู่เลย ความกล้าของเธอหายไปไหนซะแล้วล่ะ”ฉู่ลั่วหานพูดแหย่
“ก็….จะทำสงครามทั้งทีก็ต้องดูความแข็งแกร่งของทั้งฉันทั้งศัตรูด้วย ไม่ใช่หรือไง ฉันกับหลงเซียวไม่ได้อยู่ชั้นเดียวกันนะ ถ้าถูกเชือดขึ้นมาล่ะก็ เธอจะทนดูผู้หญิงน่ารักๆอย่างฉันโดนทารุณกรรมได้หรอ”
ลู่หวู๋ซวงยกมือขึ้นมาใช้นิ้วทำท่าทางตัดหัวออก แถวยังแลบลิ้นปลิ้นตา “ตายตาไม่หลับ”
ฉู่ลั่วหานเองก็หายโมโหแล้ว “พอแล้วล่ะ ฉันจะยอมให้เธอตายได้ยังไงกัน ยังกินไม่อิ่มเลยนี่นา ป่ะ เดี๋ยวฉันพาเธอไปกินอย่างอื่น!”
พูดจบ ฉู่ลั่วหานก็จูงมือเพื่อนสนิทของตัวเอง กำลังจะเดินออกไป
“จะไปไหน”
ข้างหลัง อยู่ๆก็มีน้ำเสียงเย็นยะเยือกดังทะลุมาถึงพวกเธอไกลสิบกว่าเมตร ความหนาวเหน็บบนตัวหลงเซียวถูกพัดมาแต่ไกล!
ฝีเท้าของลู่หวู๋ซวงกับฉู่ลั่วหานหยุดชะงัก
บรรยากาศรอบๆ ไร้การเคลื่อนไหว!
ลู่หวู๋ซวงอ้าปากค้างเป็นรูปตัว O อยู่นานฉู่ลั่วหานขมวดคิ้วเข้าหากันเบาๆ ก่อนจะหมุนตัว หันไปเจอหลงเซียว
หลงเซียวที่อยู่ในชุดสูทหรูสีดำเต็มไปด้วยออร่า มือข้างหนึ่งล้วงอยู่ในกระเป๋ากางเกงของชุดสูท ร่างสูงโปร่งดูดีราวกับเทพเจ้า ดวงตาเย็นเฉียบไร้ก้นบึ้งที่เต็มไปด้วยน้ำค้างแข็ง ริมฝีปากบางเหมือนปลายมีดปิดเงียบสนิท เป็นภาพที่อยากเกินกว่าจะหาอะไรมาอธิบาย
“บังเอิญจริงๆ”
ฉู่ลั่วหานยกริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย ทำท่าทางราวกับเจอกันโดยบังเอิญ ดวงตาซ่อนความกระสับกระส่ายไว้ภายใน รอยยิ้มที่ยิ้มออกมาธรรมชาติจนมองแทบไม่ออก
บังเอิญจริงๆ หึ!
สีหน้าของหลงเซียวไม่ได้มีความยินดียินร้าย ขายาวๆของเขาก้าวลงบันไดมา พูดด้วยเสียงเยือกเย็น“มากับฉัน”
ดวงตาของลู่หวู๋ซวงเบิกกว้าง กอดแขนฉู่ลั่วหานไว้แน่น ส่ายหน้าไปมาอย่างรีบร้อน ใช้รูปปากบอกเธอว่า อย่าไปเชียว อย่าไป
ฉู่ลั่วหานค่อยๆคลายมือของเธอออก ก่อนจะกระซิบเสียงเบา “อย่ากังวลไป ไม่เป็นไรหรอก”
ลู่หวู๋ซวงอดไม่ได้ที่จะทำหน้าเศร้า“ลั่วลั่ว……”
ไฟหน้ารถ โรลส์-รอยซ์ สีดำสว่างขึ้นมาท่ามกลางรถหลายๆคัน ฉู่ลั่วหานบอกลาลู่หวู๋ซวงก่อนจะเดินออกไป โน้มตัวลงก้าวเข้าไปนั่งที่ที่นั่งข้างคนขับ
ภายในพื้นที่ๆทั้งแคบและเล็ก บรรยากาศหนาวเหน็บบนรถเห็นทีจะมาจากหลงเซียวไม่มีผิด ฉู่ลั่วหานทำใจให้สงบ ก่อนจะเอ่ยปากพูดออกไปก่อน“นายมาหาฉัน เพื่อหล่อนใช่มั้ย”
ไม่ต้องพูดอะไรก็รู้ ว่าต้องเป็นเรื่องของโม่หรูเฟย
สายตาของหลงเซียวเหลือบไปเห็นเธอ“นั่งรถไม่คาดเข็มขัดนิรภัย เธอไปเรียนกับใครมา”
ห้ะ?
ฉู่ลั่วหานชะงักไป พลางส่งสายเข็มขัดข้างๆตัว ใช้สายตาตรวจสอบสีหน้าของหลงเซียว หน้าของเขายังคงเย็นชาเหมือนเดิม ไม่มีอะไรผิดแปลก
คลิ้ก คาดเข็มขัด
หลงเซียวสตาร์ทรถ ตัวรถสีดำทะยานตัวออกไปจากลานจอดรถสู่ถนนใหญ่ ตั้งแต่รถออกหลงเซียวก็ไม่พูดอะไรสักคำ
“นายจะพาฉันไปไหน”ฉู่ลั่วหานหันไปถามหน้าของเขาที่นิ่งราวกับรูปปั้นแกะสลัก
สิ่งที่ตอบเธอ มีแต่ความเงียบที่มาพร้อมความหนาวเหน็บของท่านเซียว
ฉู่ลั่วหานกัดฟันกรอด“หลงเซียว นายจะทำอะไรของนายกันแน่”
ดวงตาทั้งสองข้างของท่านเซียวจับจ้องที่ท้องถนนด้านหน้า นิ้วเรียวยาวจับอยู่ที่พวงมาลัย“เธอทำเรื่องดีๆของฉันพังหมด เธอคิดว่าฉันจะทำอะไรดีล่ะ”