คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป - ตอนที่ 981 คุณกำลังล้อฉันเล่นอยู่ใช่ไหม
บทที่ 981 คุณกำลังล้อฉันเล่นอยู่ใช่ไหม
“ทุกๆท่าน …งานเลี้ยงกำลังจะเริ่มขึ้น ก่อนอื่น ขอเรียนเชิญ…ขึ้นมากล่าวเปิดงานในครั้งนี้”
งานเลี้ยงเริ่มขึ้น เสียงพูดคุยจอแจได้หยุดลง
เหล่าประธานได้กล่าวเปิดงานเรียบร้อยแล้ว ต่อไปเป็นเวลาของแขกได้ขึ้นมาบนเวที
ตู้หลิงเซวียนมองคนที่กำลังกล่าวสุนทรพจน์อยู่ตรงหน้า “ดูเหมือนว่าคุณกำลังตามหาเขา”
คนที่เอ่ยออกมาคือเจิ้งซินที่อยู่ข้างๆ
เจิ้งซินปรบมือเบาๆ “เขาไม่ได้มา”
น่าแปลก งานนี้เขาควรจะมา ทำไมถึงเจอเพียงหลงเจ๋อและเกาจิ่งอานล่ะ
ตู้หลิงเซวียนเองก็แสร้งปรบมือ หัวเราะ “ผมยังไม่ได้บอกเลยว่าเขาเป็นใคร”
เจิ้งซินเงยหน้าขึ้นมองเขา “คุณไม่ต้องเคร่งขรึมหรอก ฉันแค่ไม่ได้ลืมเขา ฉันสาบาน”
“ผมชอบความตรงไปตรงมาของคุณนะ แต่ผมก็ต้องเตือนคุณเอาไว้ ตอนนี้เขาเป็นศัตรูของคุณ คู่ต่อสู้ อุปสรรค” ตู้หลิงเซวียนโคลงแก้วไวน์ในมือไปมา ภาพสะท้อนตัวเองที่ด้านในนั้นไม่นิ่ง
เจิ้งซินกัดฟันหัวเราะเสียงเย็น “ฉันจำได้แม่นเลยล่ะ ไม่มีวันลืม” จิบไวน์เบาๆ ทว่ากักไฟในใจเอาไว้ไม่ได้
ตู้หลิงเซวียนเงียบไปสักพัก จึงพูดขึ้น “เรานี่คล้ายกันมากจริงๆ”
แม้จะรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ก็ลืมไม่ลง
เจิ้งซินมองเขาด้วยความสงสัย ไม่รู้ทำไม ดวงตาที่ลุ่มลึกของเขา ราวกับกำลังตกตะกอนอะไรบางอย่าง แต่ก็ขุดออกมาไม่ได้
“ประธานตู้ คนแบบคุณ ฉันดูไม่ออกจริงๆว่าเป็นประเภทลุ่มหลง”
ตู้หลิงเซวียนไม่ตอบโต้ สายตามองเลยผ่านไหล่เธอไป “ซุนปิงเหวินและโม่หรูเฟยก็อยู่”
“โม่หรูเฟยเหรอ ผู้หญิงคนนี้มุ่งร้ายกับฉู่ลั่วหานไม่น้อย แน่นอนว่าต้องได้รับผลตอบแทนที่สาสม”
“ผมหมายถึงซุนปิงเหวิน ถ้าผมจำไม่ผิด น้องสาวของเขาก็ถูกฉู่ลั่วหานและหลงเซียวส่งเข้าคุก ขาสองข้างของเขา ก็คงถูกหลงเซียวเตะขัดขา คุณว่า ตอนนี้เขาจะรู้สึกยังไงกับหลงเซียว”
ตู้หลิงเซวียนโคลงแก้ว เอ่ยสบายๆ
ดวงตาสวยของเจิ้งซินกลับมาเรียบนิ่ง ดวงตาเบิกกว้าง “เกลียดเข้ากระดูก”
……
ตำแหน่งของเกาจิ่งอานและหลงเจ๋ออยู่ห่างจากเจิ้งซินอยู่มาก ไม่ได้ยินว่าพวกเขากำลังพูดอะไร
แค่มองก็รู้สึกรังเกียจ แต่ก็อยากรู้ความเคลื่อนไหวเล็กๆน้อยๆของพวกเขา
หลงเจ๋อบ่น “ชายหญิงน่าอาย ยังคิดจะมาแต่งงานกับพี่สะใภ้ฉัน คิดจะแต่งงานกับพี่ชายฉัน ฝันไปเถอะ เหอะ ฝันก็อย่าฝันเลย”
เกาจิ่งอานพยักหน้าเห็นด้วย “อืม ใช่ ฝันก็อย่าได้ฝัน”
หลงเจ๋อกลอกตา “ทำไมคุณยังไม่ไป”
“ไปไหน ตรงนี้มุมดี เห็นชัดเจน”
หลงเจ๋อกัดฟัน “อย่ามาขวาง บดบังโชคลาภผม”
แม่ง! เหตุผลอะไรเนี่ย
“โชคลาภ ไหนล่ะ ให้ผมได้สัมผัสบ้างสิ” เกาจิ่งอานขยับเข้าใกล้กว่าเดิม
หลงเจ๋อ “…”
พี่ใหญ่ฉลาดหลักแหลมขนาดนั้น ทำไมถึงได้นับเกาจิ่งอานเป็นพี่น้องนะ
อีกทั้ง…นอกจากเกาจิ่งอานแล้ว คล้ายว่าคุณชายกู้ก็เป็นประเภทนี้เหมือนกัน
ยังดีที่พี่ใหญ่ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับผู้ช่วยจี้และแอนดี้มากกว่า ไม่งั้น…
หลงเจ๋อขนลุก
โม่หรูเฟยเหลือบตามองเห็นเจิ้งซินและตู้หลิงเซวียน เอ่ยพึมพำ “ไม่คิดเลยจริงๆว่าสองคนนั้นจะอยู่ด้วยกัน ฉันคิดว่าเจิ้งซินจะมีความอดทนกว่านี้ สุดท้ายก็ไม่ใช่แพ้กลับมาเหรอ
ยังไม่ทันได้ทำอะไร ยังดูถูกหลงเซียว คว้าโครงการหงเฉิงมา การปรับปรุงคฤหาสน์ในจิงตูเองก็ขาดความช่วยเหลือจากเจิ้งซินไม่ได้”
ซุนปิงเหวินฟังเธอบ่นอู่เงียบๆ มีค้ำอยู่ที่ขา เพราะนั่งอยู่บนรถเข็น พวกเขาถูกเชิญมาด้านหน้าสุด แสงไฟสาดส่องจนใบหน้าของพวกเขาเป็นสีขาว
“คนใช้ประโยชน์จากสัตว์ เจิ้งซินทำทุกอย่างเพื่อหลงเซียวแต่กลับไม่ได้รับการตอบแทน เธอต้องโกรธมากแน่ๆ ต่อไปก็คือการเอาคืน คุณก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ”
โม่หรูเฟยยิ้มหยัน ตอบอย่างเจ็บแสบ “ฉันเทียบเจิ้งซินได้ที่ไหน พ่อคือเจิ้งเฉิงหลิน ผู้คนเข้าประจบสอพลอ”
เธอสูญเสียตระกูลโม่ สูญเสียบริษัท สุดท้ายแต่งกับคนพิการ แถมยังจะมีลูกอีก
เธอไม่เหลืออะไรแล้ว เธอนับว่าเป็นตัวอะไร
ซุนปิงเหวินเข้าใจในคำเหน็บแนมของเธอ “ของของผมใช่ว่ามันจะไม่มีโอกาสใช้งานได้อีก”
โม่หรูเฟยไม่เชื่อ “อ้อ..เหรอ”
ไม่ใช่การถาม กลับแต่เป็นการปฏิเสธเขาแล้ว
ซุนปิงเหวินกำมือแน่น จ้องมองขาทั้งสองข้างที่ไร้ความรู้สึก “ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้”
โม่หรูเฟยสัมผัสได้ถึงไอเย็นที่เกิดจากตัวเขา ไม่กล้าเอ่ยอะไรอีก หัวเราะบอก “การแพทย์นับวันยิ่งพัฒนาไปไกล การรักษาต้องก้าวหน้ากว่าแต่ก่อน ปาฏิหาริย์อาจจะปรากฏขึ้นก็ได้”
ซุนปิงเหวินยกยิ้มขึ้น “คุณอย่าลืมล่ะ ความแค้นที่ผมมีต่อหลงเซียวกับฉู่ลั่วหานไม่ได้น้อยไปจากคุณเลย น้องสาวคนเดียวของผมยังอยู่ในคุก”
โม่หรูเฟยสะดุ้ง จากนั้นหัวเราะขึ้นมา
ใช่ ซุนปิงเหวินไม่ใช่ผู้ชายอ่อนแอขนาดนั้น เขาสูญเสียไป เขายังจำได้
“ที่รัก เมื่อสักครู่ลูกดิ้นด้วย เจ้าเด็กคนนี้ ดื้อจริงๆ” โม่หรูเฟยเปลี่ยนบรรยากาศ ลูบท้องตัวเอง ใบหน้าอ่อนโยนเป็นที่สุด
“ผมอยากรอให้ลูกคลอด จะมอบของขวัญให้คุณสักชิ้น รอดูเถอะ”
รอเหรอ
เธอรอแน่นอน สิ่งที่เธอต้องการไม่ใช่ของขวัญธรรมดาทั่วไป
——
หลงเจ๋อกัดฟันหงุดหงิด “มิน่าพี่ใหญ่ถึงได้เลือกไปวันนี้ งานเลี้ยงแบบนี้มาแล้วก็ไม่ได้อะไร”
มีแต่คนขัดหูขัดตา มองแล้วก็หงุดหงิด
เกาจิ่งอานหาว “ใช่ พี่ชายผมเป็นประธานใหญ่ของMBK ผู้นำเรือบรรทุกในเมืองจิงตู ไม่แน่อาจจะได้รับเชิญให้ไปกล่าวอะไรก็ได้”
หลงเจ๋อสองตาจ้องเขม็ง “คุณพูดอะไร ขึ้นไปกล่าวงั้นเหรอ กล่าวอะไร”
เกาจิ่งอานหุบปากที่กำลังหาว “อือหึ ตามพิธีของจิงตู ต้องเชิญคนใหญ่คนโตขึ้นไปกล่าวสุนทรพจน์อะไรหน่อย เริ่มจากคณะกรรมการเมือง ต่อมาเป็นกองทัพ จากนั้น…”
“ว้าว… คุณอย่าทำให้ผมตกใจสิ”
ก่อนเขามาไม่มีใครบอกด้วยซ้ำว่าต้องกล่าวอะไร คิดว่ามาร่วมงานแล้วก็จบ โชคดีก็คือมีคนจำนวนมากกำลังวนเวียนอยู่รอบๆหลงแย่เฉิน
ในนั้นก็มีคนที่เข้าไปทักทาย และอำนาจของเขาไม่สูง
เอาล่ะ เขาต้องยอมรับ ไม่ใช่เพราะMBKไม่เป็นที่ยอมรับ แต่เพราะตัวเขามีเสน่ห์ไม่เพียงพอ ถ้าเปลี่ยนเป็นพี่ชายเขามา นายทหารอะไรนั่น ต้องชิดซ้ายแน่นอน
เกาจิ่งอานเบ้ปาก “หลงแย่เฉินขึ้นเวทีไปพูดแล้ว รัฐ ทหารขึ้นไปหมอแล้ว คุณคิดว่านักธุรกิจจะอีกนานไหม”
เป็นเช่นนั้น หน่วยป้องกันชาติได้ก้าวขึ้นเวที ชายภายใต้แสงไฟสาดส่องแสดงความเคารพในแบบของทหารอย่างวางอำนาจ
หลงเจ๋อกัดฟันอยู่เงียบๆ “ผมไม่ได้เตรียมนะ จะให้ผมพูดอะไร”
เกาจิ่งอานนึกว่าเขากำลังล้อเล่น “คุณอย่าล้อเล่นสิ แอนดี้กับลินดาไม่ได้บอกคุณเหรอ พี่ใหญ่ให้คุณมาไม่ได้บอกให้คุณเตรียมพูดเหรอ งั้นคุณมาทำไม คุณคิดว่าวันนี้จะมาร่วมงานแต่งเหรอ ให้มานั่งกินๆดื่มๆอิมแล้วก็กลับเหรอ”
ใบหน้าหลงเจ๋อเข้มขึ้น “คุณจะพูดอะไรเยอะแยะเนี่ย ผมต้องพูดอะไร”
เกาจิ่งอานพึ่งสัมผัสถึงความวุ่นวาย “นี่ คุณไม่ได้เตรียมจริงๆเหรอ”
“…” หลงเจ๋อไม่อยากคุยกับเขาแล้ว
“งั้น คุณอย่าพึ่งร้อนใจไป ผู้นำต่างก็พูดยาวๆกันทั้งนั้น ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงคงไม่ยอมจบหรอก คุณลองเข้าไป๋ตู้ ไม่งั้นก็โทรหาพี่ใหญ่ว่าต้องทำยังไง”
เกาจิ่งอานเองก็รีบหยิบโทรศัพท์ออกมา จากนั้นเขาพบว่า สัญญาณโทรศัพท์มือถือถูกตัด
“เฮ้ย”
“ดูเหมือนคงต้องเขียนเอาตอนนี้แล้วล่ะ แบบนี้ คุณมาเป็นตัวแทนพี่ใหญ่ พี่ใหญ่ของคุณคือประธานMBK พัฒนาเมืองจิงตูมามากมาย ความดีความชอบพูดให้เยอะหน่อย บริจาคเงินให้แผ่นดินไหวก็อย่าลืม เคยช่วยเหลือเด็กหรือเปล่า เคยมีแนวคิดด้านเศรษฐกิจอะไรบ้างท่องเอาไว้ ใช้คำศัพท์สวยๆ กอบกู้สถานการณ์ อะไรน่าสนใจ พูดต่อไปเรื่อยๆ ทำงานไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เพื่อให้งานพัฒนาไปไกล…”
ทว่าในสมองของหลงเจ๋อกลับว่างเปล่า “…”
เป๊ะๆ
เสียงปรบมือดังขึ้นข้างหู
“ขอขอบคุณท่านท่านหลงที่ขึ้นมากล่าว ในฐานะที่เป็นแกนหลักของเขตทหาร สุนทรพจน์ของท่านหลงจึงกล่าวไล่ไปตามลำดับ ผล รักษาท่าที กระชับทว่าลึกซึ้ง”
หลงเจ๋อและเกาจิ่งอานนิ่งมึน
เฮ้ย
เฮ้ย
คงไม่หรอก
คำพูดของเขาไม่ถึงหนึ่งนาทีด้วยซ้ำ ไม่ถึงหนึ่งนาที
เป็นถึงนายใหญ่เลยนะ
ทำไมทำเหมือนเล่นเฉยๆ
หลังจากพิธีกรกล่าวสรุปแล้ว จากนั้นเปิดดูกระดาษในมือ “พื้นฐานของการพัฒนาที่มั่นคง คงเป็นไปไม่ได้หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐ กองกำลังที่แกร่งกล้า แต่ การพัฒนาเองก็หนีไม่พ้นเศรษฐกิจเช่นกัน…”
เกาจิ่งอานหลับตาลง “ตายแล้ว พูดมาถึงเศรษฐกิจ โดยพื้นฐานแล้วก็คือพี่ใหญ่”
หลงเจ๋อ “…” คุณอย่าพูดไปเรื่อยนะ
พิธีกรตั้งใจกลับเข้ามา “ต่อไปเรียนเชิญแขกที่จะขึ้นมาบนเวทีเลยครับ ทุกคนต้องคิดอยู่ในใจแล้วแน่นอน ก่อนอื่นขอให้ผมได้สอบถามกับทุกคน”
ด้านล่างมีเสียงกระซิบคุยกันเบาๆ “ด้านเศรษฐกิจ เป็นส่วนคือMBKหรือรัฐวิสาหกิจไม่กี่แห่ง”
“ปิโตเคมีและการสื่อสารเองก็รวมอยู่ในนั้น”
“อาจจะใช่”
หลงเจ๋อได้ยินดังนั้นหัวใจพลันเต้นระรัว ภาวนาให้เลือกบริษัทใหญ่อื่นๆ
อย่ามาล้อเล่นกับเขานะ
ตู้หลิงเซวียนกลับเข้ามาในงาน ไม่เห็นแม้แต่เงาของหลงเซียว “ดูเหมือนพวกเขาจะเลือกผู้นำรัฐวิสาหกิจ”
เจิ้งซินเม้มปากไม่ได้ตอบกลับ
กำมือแน่น
เธอเฝ้ารอที่จะได้เจอหลงเซียว แม้ว่าเขาจะขึ้นไปพูดคำพูดน่าฟังเพียงสองสามประโยคก็ยังดี เธออยากได้ยินเสียงเขา
คำถามของพิธีกรมาแล้ว “หลายปีมานี้ธุรกิจด้านใดของเมืองจิงตูที่มีการพัฒนาได้ดีอันดับต้นๆ”
“การเงิน”
“อสังหาริมทรัพย์”
สองเสียงดังขึ้นแตกต่าง
พิธีกรเดินมาตรงกลางเวที งั้นประธานบริษัทใหญ่อีกทั้งยังอายุน้อย พวกคุณนึกถึงใครครับ”
เจิ้งซินเบิกตากว้าง จ้องมองพิธีกรตาไม่กะพริบ
เขา ต้องเป็นเขาแน่ ต้องเป็นหลงเซียวแน่
หัวใจของหลงเจ๋อเต้นกระหน่ำ “ผม…ผม…”
เกาจิ่งอานคว้ามือเขาเอาไว้ “…” สัมผัสได้ว่ามือเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ “น้องสามอย่ากลัว นายยังมีพี่รอง ถ้าไม่ไหวนายก็เลียนแบบท่านหลง พูดไม่กี่ประโยคก็ลงมา”
หลงเจ๋อหันมา “เมื่อสักครู่ท่านหลงพูดอะไร”
เกาจิ่งอาน “…”
เหี้ย เขาจะรู้ได้ยังไง เมื่อสักครู่กำลังตั้งใจช่วยเขาคิดบอก
หลงเจ๋อ “…”
ทำไมนายไม่ได้ตาย ตาย ตาย ตาย
พิธีกรถามออกมา ด้านล่างก็พากันตอบเสียงดัง…
“หลงเซียว”
“คุณชายเซียว”
“MBK!”