คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป - ตอนที่ 95 พวกเราต้องพัวพันซึ่งกันและกัน
ตอนที่ 95 พวกเราต้องพัวพันซึ่งกันและกัน
ในระหว่างที่สายตาทั้งสองคู่ประสานเข้าหากัน บรรยากาศก็ราวกับจะลุกไหม้ขึ้นมายังไงอย่างงั้น ถึงขั้นสามารถได้ยินเสียงของอะไรกำลังเผาไหม้ อากาศที่หยุดชะงักไร้การเคลื่อนไหว
ความเยือกเย็นที่น่ากลัวบนร่างกายของหลงเซียว ลมหายใจที่อ่อนโยนบนร่างกายของถังจิ้นเหยียน ชั่วพริบตา ฉู่ลั่วหานสอดอยู่ระหว่างกลาง รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าแข็งทื่อ
“หลงเซียว”
ภายในช่องว่างที่เงียบกริบและมีพลังแห่งจิตสังหารท่วมท้นนั้น ฉู่ลั่วหานเรียกชื่อของเขาออกมาคำหนึ่ง จากนั้นส่งสัญญาณให้กับถังจิ้นเหยียนเล็กน้อย เดินเข้าไปทางเขา
หลงเซียวมองดูถังจิ้นเหยียนแวบหนึ่งด้วยสีหน้าที่นิ่งเฉย ยื่นมือออกไปเปิดประตูรถฝั่งที่นั่งข้างคนขับ ฉู่ลั่วหานก้มศีรษะก้าวเข้าไปในรถ ตอนที่หลงเซียวยืดตัวขึ้นมามองไปทางถังจิ้นเหยียนอีกครั้ง ประกายไฟวิ่งว่อนอย่างกำเริบเสิบสานระหว่างทั้งสองคน
ถังจิ้นเหยียนยิ้มบางๆ อยู่ตลอด ไม่มีความรู้สึกผิดขาดความมั่นใจเลยแม้แต่น้อย
แต่เขาได้สังเกตเห็นแล้วว่า พฤติกรรมที่หลงเซียวมีต่อฉู่ลั่วหานมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น
ดังนั้นหมอถังก็จะสู้เช่นเดียวกัน
เขาพยักหน้าเล็กน้อยให้กับคนที่อยู่ในรถ สายตาสื่อให้เธอเดินทางปลอดภัย บนใบหน้าที่เย็นยะเยือกของท่านเซียวไม่ยอมแสดงสีหน้าอย่างอื่นอีกอย่างใจแคบ ขึ้นมาบนรถ เดินเครื่อง หมุนพวงมาลัยออกไปจากโรงจอดรถในทันที
สายตาส่งรถหรูออกจากที่นี่ไป ถังจิ้นเหยียนยังคงยืนอยู่ในที่ไกลๆ เพียงแต่หัวคิ้วขมวดเข้าหากันแน่น
ในเวลานี้ โทรศัพท์มือถือของถังจิ้นเหยียนก็ดังขึ้น
มองเห็นเบอร์โทรศัพท์ ถังจิ้นเหยียนก็ขมวดคิ้วรับสาย
“จิ้นเหยียน ช่วงนี้ยุ่งหรือเปล่า? ช่วงนี้ฉันจะไปคุยธุระที่ประเทศจีน มีเวลามากินข้าวด้วยกัน”
“ช่วงนี้ยุ่งมากครับ กินข้าวล่ะก็ รอผมกลับบ้านค่อยว่ากันแล้วกัน”
“กลับบ้าน? ตัวแกอยู่ที่จีน รอแกกลับบ้านมากินข้าว ฉันไม่ใช่ว่าต้องหิวตายหรอกหรอ? แกนะแก เผ่นไปที่จีนก็พอแล้ว ยังไปเป็นหมออะไรอีก…”
“พ่อครับ นี่เป็นเรื่องที่ผ่านการเห็นด้วยจากพ่อ ฉะนั้นก็ไม่จำเป็นต้องพูดอีกแล้วล่ะมั้ง?”
“ก็ได้ๆๆ แต่ว่า แกก็โตไม่ใช่เด็กๆ ควรจะหาแฟนสักคนแล้วใช่หรือเปล่า? เรื่องนี้แกจะขอไปทีอีกต่อไปไม่ได้แล้วนะ”
แฟนหรอ?
ถังจิ้นเหยียนเงยศีรษะขึ้นมาอีกครั้ง มองไปที่ทางออกผ่านหน้าต่างกระจกรถยนต์ “ยังอยู่ระหว่างทาง ผมจะรีบให้เร็วที่สุด หากราบรื่นล่ะก็ อีกไม่นานพ่อก็จะได้เห็น”
“จริงหรอ? งั้นก็ดีเลย รีบหาแฟนแต่งงานมีลูก เด็กผู้หญิงเรียบง่ายสะอาดก็พอ”
สายโทรศัพท์จบลงในบทสนทนาในชีวิตประจำวัน ถังจิ้นเหยียนปวดศีรษะเล็กน้อย
ความปรารถนาของคุณพ่อกับคุณแม่นั้นง่ายมาก ภรรยาในอนาคตของเขา จะต้องเรียบง่าย สะอาด พื้นฐานครอบครัวยิ่งขาวสะอาดยิ่งดี
ขอโทษนะครับ คราวนี้เขาต้องขัดคำสั่งของพ่อแม่แล้ว
โรลส์รอยซ์บรรทุกอารมณ์โกรธของท่านเซียววิ่งอย่างรวดเร็วอยู่บนท้องถนน หลังจากที่นิ่งเงียบไปหลายนาที ท่านเซียวหัวเราะออกมาอย่างประชดประชันด้วยความเคร่งขรึมและเยือกเย็น “เรื่องเมื่อครู่นี้ ไม่คิดจะอธิบายกับผมหน่อยหรอ?”
“เมื่อครู่นี้ทำไมคะ? โดยสารลิฟต์กับเพื่อนร่วมงานมีอะไรน่าอธิบายกัน? งั้นวันหนึ่งอาหารสามมื้อฉันทานอะไรบ้างก็ต้องรายงานกับท่านเซียวด้วยใช่หรือเปล่า?”
อคติที่หลงเซียวมีต่อถังจิ้นเหยียนนั้นใหญ่มาก เธอจะต้องคิดหาวิธีแยกถังจิ้นเหยียนออกไป
นิ้วมือที่เรียวยาวของท่านเซียวกำพวงมาลัยรถเอาไว้ ใบหน้าด้านข้างมีความเย็นที่น่ากลัว แสงและเงาจากไฟถนนของทั้งสองข้างซ้อนทับกัน ส่องใบหน้าที่งดงามของชายหนุ่มจนเดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่าง มีออร่าแพรวพราวเปล่งประกาย
“ดีมาก พูดมาสิ”
ยังจะรับจริงๆ?
ไฟแดงแล้ว รถหยุดลงอย่างกะทันหัน เพราะว่าเบรกรถเร็วเกินไป ฉู่ลั่วหานทะยานไปด้านหน้าด้วยกฎการเคลื่อนที่ จากนั้นก็ถูกดีดกลับมาอีกครั้ง หลังชนไปบนพนักเบาะที่นั่ง
“ในหนึ่งวันมีเรื่องละเอียดยิบย่อยมากมาย พูดแล้วยาวค่ะ”
“ตอนนี้ผมมีเวลาพอดี ยาวแค่ไหนก็พอให้คุณพูดจบ”
นิ้วมือที่เรียวยาวของหลงเซียวพาดลงบนพวงมาลัยรถยนต์ ตัวเลขที่อยู่บนไฟแดงกำลังกระพริบ สายตาของท่านเซียวยาวไกลล้ำลึกมองอะไรอยู่ เดาไม่ออกว่าเขาหมายความว่ายังไงกันแน่
ยอมฟัง งั้นก็พูด “อาหารเช้าทานกับคุณ ทานอะไรคุณทราบ…”
” ทำไมยังพัวพันกับเขาไม่เลิก? ท่านเซียวขมวดคิ้วขึ้น ขัดจังหวะเธอ ให้เธอพูด คิดไม่ถึงว่าเธอจะพูดขึ้นมาจริงๆ !ไม่ทำให้คนโมโหตายไม่ยอมเลิกรา
ฉู่ลั่วหานกัดไปที่ริมฝีปากสีชมพูเล็กน้อย “พวกเราไม่ได้พัวพันกันไม่เลิก ความสัมพันธ์ก็แค่เพื่อนร่วมงานง่ายๆ อย่างที่คุณเห็น”
อย่างที่เขาเห็น งั้นก็ไม่ง่ายแล้ว!
ไฟแดงสิ้นสุดลง ไฟเขียวกะพริบขึ้นมา ท่านเซียวกลับไม่มีท่าทีที่จะออกรถ เวลาสั้นๆ สองวินาที รถที่อยู่ด้านหลังก็เริ่มบีบแตร “ออกรถสิด้านหน้า!”
ท่านเซียวเคาะไปบนพวงมาลัยรถยนต์อย่างสบายๆ “พูดความจริง”
เธอไม่อธิบายชัดเจน เขาจะไม่ออกรถ ให้คันที่อยู่ด้านหลังรอไปเถอะ!
ฉู่ลั่วหานมองไปยังหางยาวที่อยู่ด้านหลัง “หลงเซียวคุณบ้าไปแล้วใช่หรือเปล่า ออกรถค่ะ ตอนนี้ไฟเขียว คุณกำลังส่งผลกระทบต่อการจราจร”
“คือคุณที่ส่งผลกระทบต่ออารมณ์ในการขับรถของผมก่อน อารมณ์ไม่ดีที่ส่งผลกระทบไม่ใช่การจราจรอีกต่อไปแล้ว แต่จะเป็นชนวนทำให้เกิดอุบัติเหตุการจราจร”
ฉู่ลั่วหานโมโหจนกัดฟันกระทืบเท้า ตัวเลขบนไฟเขียวลดน้อยลงอย่างต่อเนื่อง คนที่อยู่ด้านหลังเริ่มด่า
“เขาจะเลี้ยงข้าวฉันแต่ฉันได้รับข้อความของคุณล่วงหน้าก็เลยปฏิเสธไป จากนั้นลงลิฟต์มาด้วยกันถูกคุณเห็น!ก็แค่นี้!พอใจหรือยังคะ!”
เธอลนลานจนแม้กระทั่งลมหายใจก็ไม่ยอมหอบนำเรื่องราวอธิบายออกมารวดเดียวจบ
ท่านเซียวไม่พูดอะไร เพียงแต่เริ่มออกรถอย่างไม่รีบร้อน รถผ่านสี่แยกไป หญิงสาวที่อยู่ด้านข้างหายใจติดต่อกันด้วยความโมโหหน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงระดับรุนแรงมาก ตอนที่เธอโกรธแก้มกระพุ้งขึ้นมา ทำเอาใบหน้าบวมกลมไปหมด น่ารักเป็นอย่างยิ่ง
“ดังนั้น ความหมายของคุณก็คือ หากผมไม่ติดต่อคุณ เย็นนี้คุณก็จะตอบรับคำเชิญของเขา ไปทานอาหารเย็นด้วยกัน?”
เหี้ย ทำไมยังมีภาคต่อ!
“ไม่ทราบค่ะ!”
เธอย้อนกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดีนัก
ดีมาก “ไม่ทราบ พูดแบบนี้ก็คือมีความเป็นไปได้อย่างมากที่จะไป”
“เอ๊ย หลงเซียวนี่คุณจะไปที่ไหน? ฉันจะกลับบ้านของฉัน!”
ท่านเซียวหมุนพวงมาลัยอย่างกะทันหัน เส้นทางเปลี่ยน
“ช่วงนี้คุณค่อนข้างอาศัยการได้รับความโปรดปรานจนวางท่าทีหยิ่งผยอง ดูเหมือนมีความจำเป็นจะต้องบอกใบ้คุณสักหน่อย”
…
รีสอร์ทหยีจิ่ง แสงไฟสว่างจ้า บนรั้วล้อมรอบที่อยู่ด้านนอกอาคารใหญ่หลังเดี่ยวมีไฟนีออนเล็กๆ กะพริบอยู่ เธอจำได้ว่าเมื่อก่อนไม่มี แต่ว่าโม่หรูเฟยชอบเอฟเฟกต์แสงที่มีสีสันแบบนี้ คงจะเป็นผลงานชิ้นเอกของเธอ
ทำตัวเป็นเจ้าของจริงๆ
“ท่านเซียว คุณพาฉันมาที่นี่ ไม่กลัวเลยหรอคะว่าฉันกับคุณโม่ของคุณจะลงไม้ลงมือกัน? ฉู่ลั่วหานลงจากรถ ร่างที่ผอมบางยืนอยู่ที่หน้าคฤหาสน์ พอเงยศีรษะขึ้นก็คือความเจริญรุ่งเรืองที่ละลานตา
หลังจากที่เธออาศัยเข้ามาอยู่ โลกทั้งใบก็เปลี่ยนไป มีความสามารถมากจริงๆ !
หลงเซียวปิดประตูรถลง ร่างกายที่สูงใหญ่ยืนอยู่ห่างออกไปจากด้านข้างของเธอสิบกว่าเซนติเมตร ดวงตาล้ำลึกที่เหินห่างค่อยๆ เอ่อล้นการดูถูกออกมา “ผมกลัวว่าคุณยังไม่ลงมือก็ล่าถอยออกไปทั้งแถว”
เป็นการเย้ยหยันที่ประชดประชันมาก แต่การเย้ยหยันแบบนี้ในความเป็นจริงแล้วก็คือหลงเซียวกำลังบอกฉู่ลั่วหานว่าทางที่ดีที่สุดคุณคุ้มครองตำแหน่งเอาไว้ให้มั่นคง อย่าทำเรื่องโง่ๆ อย่างพอใกล้จะถึงเวลาทำสงครามก็หาย
ท่อนแขนที่เรียวเล็กของฉู่ลั่วหานประสานเข้าหากันไว้ที่ด้านหน้า สายตาราวกับดวงดาวที่เล็กน้อยกระจัดกระจายค่อยๆ สูญเสียแสงสว่างไปทีละจุด ใช้เพียงแค่แสงอาทิตย์ตกที่เหลืออยู่พยายามดึงสีหน้าให้กลับมา “ไม่ทำให้ท่านเซียวต้องเป็นห่วงค่ะ!”
“พี่เซียว!พี่กลับมาแล้ว!”
โม่หรูเฟยเห็นรถของหลงเซียวขับเข้ามา ก็รีบก้าวขาขึ้นวิ่งออกมาต้อนรับในทันที เห็นหลงเซียว เธอไม่สนใจการมีอยู่ของฉู่ลั่วหานที่อยู่ด้านข้าง ยื่นมือออกมาคล้องแขนของเขาเอาไว้ในทันที
ดวงตาที่สวยงามโค้งเป็นรอยยิ้มที่อ่อนโยนสนิทสนม “ทำไมถึงไม่บอกล่วงหน้าสักหน่อยล่ะคะ? จะต้องยังไม่ได้ทานข้าวมาแน่ๆ เลย? ห้องครัวทำอาหารที่พี่ชอบเอาไว้ ไม่แน่ใจว่าพี่จะกลับมาหรือเปล่า ทุกครั้งก็เลยสั่งให้พวกเขาทำอาหารที่พี่ชอบทาน”
ฉู่ลั่วหานมองดูพวกเขาแสดงความรักกันราวกับคนนอกก็ไม่ปาน หัวคิ้วเชื่อมต่อกับหัวใจ ขมวดเข้าหากันเบาๆ
ไม่พูดไม่ได้ โม่หรูเฟยคืนคนรักที่ไม่เลวจริงๆ เธอสวย เมื่อครู่นี้ตอนที่ออกมาราวกับผีเสื้อตัวหนึ่งก็ไม่ปาน เธออ่อนโยน อย่างน้อยก็นำตัวเองที่อ่อนโยนที่สุดมอบให้กับเขา เธอเชื่อฟังว่านอนสอนง่ายปรับตามใจผู้อื่น ผู้ชายต่างก็ชอบแบบนี้กันทั้งนั้น
ดังนั้น พวกเขาอยู่ด้วยกัน หลงเซียวจะต้องมีความสุขมากแน่ๆ
หลงเซียวกลับไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่สายตาที่เหลือบริเวณหางตาได้นำการตอบสนองของหญิงสาวบรรจุเข้าไปด้านใน ชั่วพริบตา ในสายตาของเธอคือความนิ่งเฉยไม่แยแส
“ดี เข้าบ้านเถอะ คราวหน้าอย่ารีบร้อนขนาดนี้ คุณกำลังตั้งครรภ์”
ไม่มีความอบอุ่นที่มากไปกว่านี้ แต่กลับเอาใจใส่มากพอ
พวกเขาเกิดมาคู่กันจริงๆ
แต่เธอ ความแกร่งกล้าไปทั้งตัว เขาไม่ชอบ
พวกเขาเดินนำไปก่อนหนึ่งก้าว เธอตามอยู่ทางด้านหลัง พยายามวางฝีเท้าให้ช้ามากที่สุด
“พี่เซียว ทานอันนี้ค่ะ ตุ๋นนานมากเลยนะ เก๋ากี้ก็ต้มจนเละแล้วค่ะ”
โม่หรูเฟยตักซุปกระดูกหมูให้กับเขาราวกับด้านข้างไม่มีใครอยู่ น้ำซุปเข้มข้นอร่อย เต็มไปด้วยความหอม ภายใต้ควันหมอกชายหนุ่มรูปงามเพลิดเพลินกับการปรนนิบัติของหญิงสาวอย่างสงบสุข เลิกคิ้วขึ้นเบาๆ อย่างแทบจะมองไม่เห็น
เป็นภาพที่มีความสุขมาก เธอแทบจะอิจฉาอยู่แล้ว
“ฉันทานอิ่มแล้ว พวกคุณทานต่อ” เธอวางตะเกียบลง ลุกขึ้นจากที่นั่ง
“นั่งลง”
ชายหนุ่มฝั่งตรงข้ามศีรษะไม่ได้เงยขึ้นมาเลยสักนิด สองคำที่เยือกเย็นราวกับปลายมีดแหลมทิ่มไปบนความหยิ่งในศักดิ์ศรีของเธออย่างรุนแรง ต่อหน้าโม่หรูเฟยมือที่สามคนนี้ ท่านเซียวเท่ากับตบหน้าเธอไปหนึ่งที
หยวนชูเฟินออกคำสั่งด้วยคำพูดที่รุนแรงผ่านสายโทรศัพท์ หลายวันมานี้หลงเซียวพัวพันและทรมานเธออย่างไม่หยุดหย่อน ภาพที่โม่หรูเฟยค้ำเด็กที่อยู่ในท้องสนิทสนมพลอดรักกับเขา
ปวดใจมาก แต่จะสูญเสียการควบคุมไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
ฉู่ลั่วหานรักษาท่ายืนตรงเอาไว้ มองดูความได้ใจที่เต็มใบหน้าของโม่หรูเฟย รอยยิ้มที่แสร้งทำเป็นโล่งอกโล่งใจ “ทั้งสองท่านค่อยๆ เพลิดเพลิน ฉันไม่รบกวนแล้ว ทานให้อร่อยค่ะ”
เธอฉู่ลั่วหานต่อให้จิตใจเยือกเย็นอีกสักแค่ไหนก็นำเอาความหวังเบิกใช้ไปหมดแล้ว ความชอบและรังเกียจต่างก็เป็นความรู้สึกที่ไม่อาจจะปิดบังได้ หลงเซียวไม่ชอบเธอ เธอจะด้านอยู่ที่นี่หาความอับอายเพื่ออะไรกันอีก?
ตะเกียบที่อยู่ในมือของหลงเซียว “เพล้ง” ตกลงบนจานกระเบื้อง “คุณคิดจะทำอะไร? กลับมา”
โม่หรูเฟยยิ้มขึ้นอย่างอ่อนโยน ปกปิดความได้ใจนำแขนของหลงเซียวคล้องมาไว้ที่ด้านหน้าหน้าอกของตนเอง “พี่เซียว คนเขาพูดขนาดนี้แล้ว พวกเรามีความจำเป็นอะไรจะต้องรั้งเอาไว้อีกล่ะคะ? พี่เซียวไม่กลัวมองดูใบหน้าที่คับแค้นใจแล้วอาหารไม่ย่อยหรอ? มาค่ะ พี่เซียวชิมอาหารจานนี้หน่อย ฉันมองดูห้องครัวทำด้วยตัวเอง ต่อไปฉันทำให้พี่ทานดีไหมคะ?”
น้ำเสียงที่ไพเราะอ่อนโยน การปรนนิบัติที่สนิทสนมไร้ช่องว่าง
ความไม่แยแสที่เยือกเย็นทิ่มแทงมือ การต่อต้านอย่างไม่ไว้หน้า
ผู้ชายคนไหนต่างก็รู้ว่าควรจะทำการเลือกอย่างไร หาก…ไม่มีความรักล่ะก็
ปล่อยให้ฉู่ลั่วหานเดินออกไป มุมริมฝีปากของโม่หรูเฟยยิ้มขึ้นเล็กน้อย
“ปัง!” ห้องที่อยู่ริมสุดระเบียงทางเดินถูกปิดลงอย่างรุนแรง
โม่หรูเฟยนำอาหารยื่นไปยังข้างริมฝีปากของหลงเซียว “พี่เซียว ทานคำหนึ่งค่ะ”
หลงเซียวเหลือบมองเธอด้วยสายตาที่เยือกเย็นอย่างรำคาญ “วางลง”
โม่หรูเฟยตกใจ เมื่อครู่นี้ไม่ใช่ว่ายังดีๆ อยู่ ทำไมพอเธอไปท่าทีของเขาก็เปลี่ยน
หลงเซียวนำเก้าอี้เคลื่อนออกอย่างหยาบคาย ใช้แรงที่ดุเดือดเกินไป เสียงเก้าอี้ดัง “ปึ้ง” ล้มลงไปบนพื้น โม่หรูเฟยตกใจจนไม่กล้าหายใจแรง
หลงเซียวโมโหจนหายใจไม่ออก ก้าวขายาวๆ ขึ้นไปที่ห้องหนังสือบนชั้นสองในทันที
โม่หรูเฟยวางช้อนตักซุปที่อยู่ในมืออย่างหมดแรง รอบดวงตาแดงขึ้นอย่างแสบร้อน
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างหลงเซียวกับฉู่ลั่วหานเมื่อสักครู่นี้ ไม่ใช่พวกเขากำลังเอาชนะ แต่ทั้งสองคนต่างก็กำลังตบลงบนใบหน้าของเธออย่างรุนแรง
โม่หรูเฟยกัดริมฝีปากเล็กน้อย เดินขึ้นไปที่ชั้นบน
“พี่เซียว” เธอยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องหนังสือ ยื่นมือออกไปปิดประตูลง “มีคำถามหนึ่ง ฉันอยากจะถามพี่ค่ะ…”
หลงเซียวสีหน้านิ่งเฉย ไม่มีใครดูออกว่าความมืดมนดุดันภายในดวงตาของเขาในเวลานี้มีความหมายว่าอย่างไรกันแน่
“อะไร?”
โม่หรูเฟยหยุดลมหายใจ ช่วงร่างกายที่โค้งเว้ามีเสน่ห์ มองมุมไหนก็ไม่มีช่องว่างให้โจมตีได้
“หากในท้องของฉันไม่ได้มีเด็กคนนี้ พี่ก็จะ…แม้แต่มองก็ไม่ยอมมองฉันสักนิดเลยใช่หรือเปล่าคะ?”