คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป - ตอนที่ 94 ยอดฝีมือก็คือแสร้งทำเป็นไม่รู้
ตอนที่ 94 ยอดฝีมือก็คือแสร้งทำเป็นไม่รู้
“หมอฉู่ถูกรองผู้อำนวยการเกาเรียกตัวไปอีกแล้ว ฉันไม่สบายใจเลย พวกเธอว่า ตั้งแต่รองผู้อำนวยการเกามาที่โรงพยาบาลของพวกเรา หมอฉู่เคยมีวันที่ดีบ้างหรือเปล่า?”
“เธอคือคุณหมอไพ่ใบเอก ภารกิจหนักกว่าพวกเรา รอเธอกลับมาสอบถามสถานการณ์”
ห้องทำงานเกาหยิ่งจือ
มือข้างหนึ่งของฉู่ลั่วหานประคองพนักเก้าอี้เอาไว้บรรเทาอาการปวดท้อง “รองผู้อำนวยการเกาหาฉันเรื่องอะไรคะ?”
เกาหยิ่งจือนั่งอยู่บนเก้าอี้ กอดอกมองเธอ ใบหน้าที่อายไลเนอร์ยกสูง ประณีตแต่กลับสีหน้าไม่ดีนั้น มองสังเกตฉู่ลั่วหานอย่างละเอียด “คณบดีมีคำสั่งลงมา ให้คุณช่วยเหลือตลอดทั้งการตรวจสอบ นอกจากนี้…” เธอกัดฟันอย่างไม่เต็มใจเป็นอย่างยิ่ง “ให้คุณคอยช่วยรองคณบดีถังดูแลรับผิดชอบการจัดการแผนกอายุรกรรมหัวใจให้เป็นระเบียบในช่วงระยะเวลานี้”
พูดจบ เธอโยนเอกสารชุดหนึ่งมาให้กับเธอ ริมฝีปากสีแดงอุทานออกมาอย่างประชดประชัน “ฉู่ลั่วหาน เธอเอาความสามารถมาจากที่ไหนกันแน่!เรื่องอะไรก็ขาดเธอไปไม่ได้!”
งั้นหรอ? ฉู่ลั่วหานในใจหัวเราะออกมาอย่างประชดประชัน ใครชอบที่เรื่องอะไรต่างก็ต้องมีเธอกันล่ะ? เธอแทบอยากจะไม่เข้าไปยุ่งเรื่องบ้าๆ พวกนี้อีกใจจะขาด
นำเอกสารหยิบมาไว้ในมือ “รองผู้อำนวยการเกายังมีเรื่องอะไรอีกไหมคะ?”
เกาหยิ่งจือจ้องเธออย่างรุนแรงทีหนึ่ง “คนไข้ในคราวก่อน สุดท้ายตัดสินใจไม่ทำการผ่าตัด คุณพอใจแล้วล่ะสิ!”
ฮู้?ก็คือคนนั้นที่ปรึกษาหารือกันในที่ประชุม “ผู้ป่วยต่างก็มีแนวโน้มไปในทิศทางที่ดีและหลบหลีกข้อเสียโดยสัญชาตญาณ ฉันมีอะไรพอไม่พอใจกันคะ ไม่มีเรื่องอื่น ฉันขอตัวไปทำงานก่อน”
เธอไม่อยากจะพูดจาไร้สาระกับเกาหยิ่งจืออีกแล้วจริงๆ
“คุณหยุดอยู่ตรงนั้น”
เกาหยิ่งจือยืนขึ้นมา รองเท้าส้นสูงกึกๆ เดินมาถึงที่ด้านหลังของเธอ เอ่ยขึ้นอย่างถากถางว่า “ฉู่ลั่วหาน เธออย่านึกว่าช่วยรองคณบดีถังก็จะสามารถใช้โอกาสที่ทำเรื่องที่น่าอับอายอะไร!”
มุมปากของฉู่ลั่วหานฉีกออกเล็กน้อยเป็นรอยยิ้มที่ไม่แยแส หมุนตัวกลับมา เธออดทนอาการปวดท้องยิ้มอย่างสบายๆ และสง่างาม “ไม่งั้น รองผู้อำนวยการเกาคุณไป…” ทำ!
“ฮึ!ที่นี่ไม่มีอะไรแล้ว ออกไป”
เธอไม่ใช่ไม่พยายามช่วงชิง แต่คณบดีบอกว่าเธอเพิ่งจะมาที่โรงพยาบาลเข้าใจสถานการณ์ยังไม่ชัดเจน ฉู่ลั่วหานอยู่ที่นี่นานแล้ว ทุกด้านต่างก็คุ้นเคยเป็นอย่างมาก สามารถเกื้อกูลกับถังจิ้นเหยียนได้พอดี
คณบดีก็ไม่ได้มีความหมายอย่างอื่น เพียงแต่หวังว่าโรงพยาบาลจะสามารถถูกคัดเลือกอย่างราบรื่น
ในใจของเธอมีความคับแค้น แต่ก็ไม่มีวิธีที่จะเปลี่ยนแปลงได้
ฉู่ลั่วหานเปิดเอกสารออก เพิ่งจะดูได้ไม่กี่บรรทัดเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น
เธอที่กำลังถือปากกาทำสัญลักษณ์ใจความสำคัญ เลื่อนเปิดโทรศัพท์มือถือเพื่อรับสาย
“หมอฉู่ ช่วงนี้ต้องลำบากคุณหน่อยแล้ว ผมก็ประหลาดใจมากกับการวางแผนงานของคณบดีเช่นเดียวกัน แต่ว่า…การประกาศแจ้งให้ทราบนี้ผมเพิ่งจะได้รับ ดังนั้น…”
ฉู่ลั่วหานยิ้มขึ้นอย่างใจกว้าง “รองคณบดีถังไม่จำเป็นต้องอธิบายค่ะ ฉันทราบ อีกทั้งด้วยความประพฤติที่มีคุณธรรมของรองคณบดีแล้วคงจะไม่ได้ใช้อำนาจในทางที่ผิดปรับทิศทางของหมอเล็กๆ อย่างฉัน”
ได้ยินเธอพูดเช่นนี้ ความอัดอั้นที่อยู่ในใจของถังจิ้นเหยียนในที่สุดก็ถูกยกออกมา “ผมก็แค่กังวลว่าคุณจะเข้าใจผิด ยังไงซะ…” เขาหยุดชะงักไปชั่วขณะ “ยังไงซะตอนนี้ผมกำลังตามจีบคุณอยู่ บางครั้งก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงการใช้วิธีเล็กๆ น้อยๆ”
ฝั่งนี้ ปากกาที่อยู่ในมือของฉู่ลั่วหานลื่นออกไปในทันที ขีดเป็นเส้นทแยงยาวๆ สีดำบนเอกสาร “รองคณบดี ฉันเคยบอกกับคุณแล้วว่า พวกเรา…”
“เอกสารได้รับแล้วใช่หรือเปล่า? วันนี้เริ่มตรวจสอบจากอุปกรณ์ทางการแพทย์ก่อนก็แล้วกัน”
เขาเปลี่ยนหัวข้อสนทนาได้ไวมาก เธอแทบจะไม่มีโอกาสได้พูดเลยแม้แต่น้อย “ค่ะ”
ตรวจสอบอุปกรณ์ไม่สามารถใช้เวลาในการทำงานได้ ดังนั้นทั้งสองคนรีบทานข้าวก็ใช้เวลาช่วงพักกลางวันไปเริ่มทำงานกันที่แผนกอายุรกรรมหัวใจ
ห้องผู้ป่วยแผนกอายุรกรรมหัวใจ เห็นทั้งสองคนเข้ามา หมอซุนหนุ่มวัยกลางคนยิ้มจนตาหยีมองหนุ่มสาวสองคนเดินเข้ามา มองสังเกตขึ้นๆ ลง รู้สึกเจริญหูเจริญตาเป็นอย่างยิ่ง
“ได้ยินว่า รองคณบดีกับหมอฉู่กำลังคบหากันอยู่หรอ?” หมอซุนมองอย่างสอดรู้สอดเห็น จากนั้นหัวเราะคิกคักเอ่ยถามออกมา
ถังจิ้นเหยียนกลับเอ่ยว่า “ความถี่เสถียร ด้านนี้ไม่มีปัญหา ลองไปดูด้านนั้นอีกที”
ฉู่ลั่วหานอยากจะอธิบาย พอเขาขัดจังหวะขึ้นมา เธอก็แทรกปากเข้าไปไม่ได้แล้ว “ค่ะ เครื่องควบคุมก็ไม่มีปัญหา นี่เป็นอุปกรณ์เมื่อสามปีก่อน แต่ว่าประสิทธิภาพยังดีอยู่”
ช่วงพักกลางวันหมอซุนก็ไม่มีอะไรทำ มองดูทั้งสองคนทำงานเสียเลย “รองคณบดีถังยังหนุ่มและมีความสามารถ หมอฉู่ก็เป็นมือดีที่ชื่อเสียงเขย่าวงการ พวกคุณคบกันเป็นการรวมตัวของผู้ที่แข็งแกร่งจริงๆ ไม่เลวๆ”
หมอฉู่กำลังจะเอ่ยปากขึ้นมาอีกครั้ง ถังจิ้นเหยียนดูเหมือนกับทุ่มเทกายใจไปกับการตรวจสอบอุปกรณ์ “มอนิเตอร์แสดงผลกับหลอดรังสีแคโทดเก่าไปหน่อย ต้องเปลี่ยนใหม่แล้ว”
ฉู่ลั่วหานพยักหน้า จดบันทึกลงในกระดาษ
ตอนที่เธอทำการจดบันทึกนั้น หมอซุนก็ไม่หยุดที่จะพูดคุยหัวข้อเรื่องที่ไม่ใช่สาระสำคัญทั้งยังดูเหมือนเป็นมืออาชีพกับถังจิ้นเหยียน เธออยากจะขัดจังหวะหลายต่อหลายครั้ง แต่ไม่เป็นผลสำเร็จ
อธิบายการเข้าใจผิดเรื่องแบบนี้ จะต้องระมัดระวังเวลาและโอกาส ผ่านโอกาสที่ดีที่สุดในการอธิบายไปแล้ว ย้อนกลับมาพูดใหม่อีกครั้ง ยิ่งจะแสดงให้เห็นว่ายิ่งอยากปกปิดยิ่งแสดงออกถึงความมีเลศนัย
อีกทั้ง “กิ่งทองใบหยก” ที่พูดออกมาอย่างแน่นอนนั่นจากปากของหมอซุน บวกกับต้องปรับอารมณ์ให้เข้ากับคนไข้ภายในห้องผู้ป่วยอีก หากเธอยืนกรานที่จะชี้แจง จะต้องทำให้ถังจิ้นเหยียนเสียหน้าอย่างแน่นอน
ในที่สุด การตรวจสอบก็จบลง อุปกรณ์ต้องเปลี่ยนเพียงแค่อุปกรณ์เสริมเล็กๆ ชิ้นหนึ่งเท่านั้น
“เมื่อครู่นี้ ทำไมคุณถึงไม่พูดไปตรงๆ คะ?”
เดินออกมาจากห้อง ฉู่ลั่วหานเอ่ยถามถังจิ้นเหยียน เธอไม่มีโอกาสพูด แต่เขามีโอกาส ในตอนแรกเขาก็สามารถที่จะพูดได้ แต่เขาเปล่า
สองมือของถังจิ้นเหยียนสอดไว้ในกระเป๋ากางเกง ขายาวๆ หยุดการเดินลง หมุนตัวมองมาที่เธอ ระเบียงทางเดินของโรงพยาบาลมีแสงอาทิตย์สะท้อนทแยงเข้ามา ส่องลงบนใบหน้าด้านข้างของเขา รอยยิ้มสะอาดสะอ้านไร้ที่ติ
“พูดอะไรตรงๆ ครับ?”
“หมอซุนเมื่อครู่นี้ดูเหมือนจะเข้าใจผิดอะไรอยู่ ความสัมพันธ์ของพวกเรา ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ คุณยินยอมพร้อมใจอย่างเงียบๆ แบบนี้ ยิ่งจะทำให้คนเข้าใจผิดมากขึ้นไปอีก”
ฉู่ลั่วหานตัดสินใจพูดอย่างเข้าใจชัดเจนขึ้นมาอีกหน่อย จะได้ไม่เจอกับสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจเช่นนี้อีก
ถังจิ้นเหยียนกลับยิ้มขึ้นเล็กน้อย ตอนที่ใบหน้าที่งดงามของเขาย้อนแสงนั้น อ่อนโยนเป็นอย่างมาก “ผมกำลังตรวจสอบอุปกรณ์ ไม่ได้ยินว่าหมอซุนพูดอะไร สู้คุณบอกผมจะดีกว่า เมื่อครู่นี้หมอซุนบ่นพึมพำอยู่ทางนั้นพูดอะไรบ้าง?”
จะเป็นลม
ฉู่ลั่วหานทางนี้ในใจบิดจนกลายเป็นก้อน เรื่องความรู้สึกรองคณบดีเขาไม่นำมาใส่ใจเลยแม้แต่น้อย? เธอกระอักกระอ่วนถึงขั้นร้อนรนที่จะแก้ตัว เขากลับเล่นๆ ไม่ได้คิดอะไรมาก
กลับดูเหมือนว่าเธอใจแคบแทน
“ไม่ได้พูดอะไรค่ะ พวกเราต่อกันเถอะ ยังมีอุปกรณ์มากมายที่จะต้องตรวจสอบ”
ในขณะที่พูด เธอก็เดินเร็วนำถังจิ้นเหยียนไปหนึ่งก้าว ชายหนุ่มเสื้อขาวที่อยู่ด้านหลังมองเงาหลังของเธอ หัวเราะขึ้นอย่างเงียบๆ
ทึ่มจริงๆ เขาอยากให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนสนิทกันมากยิ่งขึ้นหน่อยยังทำให้เป็นจริงไม่ได้ง่ายๆ จะนำเธอผลักให้ออกห่างต่อหน้าของคนอื่นๆ ได้ยังไงกันล่ะ?
ระหว่างที่คิด ถังจิ้นเหยียนก้าวขาตามขึ้นไป
เวลาพักกลางวันตรวจสอบอุปกรณ์ไปสิบกว่าเครื่อง ดีที่ไม่มีใครซุบซิบนินทาความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนอีก ฉู่ลั่วหานรู้สึกสบายไปไม่น้อย
ตรวจชั้นห้าเสร็จ ถังจิ้นเหยียนมองดูเวลา “อีกยี่สิบนาทีเข้างาน ตอนกลางวันไม่ได้นอนตอนบ่ายจะสัปหงกเอาได้ ผมเลี้ยงกาแฟคุณ”
ฉู่ลั่วหาน “…”
ไม่ทันได้เอ่ยปาก ถังจิ้นเหยียนก็เอ่ยขึ้นต่อว่า “ตอนบ่ายคนไข้ของคุณไม่น้อย ดื่มกาแฟสักแก้วให้สดชื่น นี่ไม่ถือว่าอยู่ในรูปแบบที่กำลังจีบคุณ เป็นความเอาใจใส่ที่เจ้านายมีต่อการทำงานของลูกน้องล้วนๆ ผมหวังว่าคุณหมอของผมเวลาทำงานจะมีสมาธิจดจ่อ”
ฉู่ลั่วหานหัวเราะส่งเสียงออกมาโดยที่ไม่รู้ตัว ถังจิ้นเหยียนทำให้เธอได้เปิดโลกทัศน์ใหม่ๆ แล้ว อยู่ๆ เชิงรุกขนาดนี้ใจกว้างขนาดนี้ ยังมีวิธีการขนาดนี้ เธอจะปฏิเสธได้ยังไงกัน?
ถังจิ้นเหยียนไปซื้อกาแฟ “คาปูชิโน่แก้วหนึ่งครับ เติมนมเติมน้ำตาล อเมริกาโน่แก้วหนึ่ง ไม่ต้องเติมอะไร”
เขายกกาแฟสองแก้วเข้ามา “ร้านกาแฟของโรงพยาบาลไม่มีกาแฟที่หรูหรามากนัก หมอฉู่ทนดื่มไปก่อนนะครับ”
ฉู่ลั่วหานรับแก้วกาแฟมาแล้วยิ้มขึ้น “ทำให้รองคณบดีเปลืองเงินแล้ว”
“งั้นก็ตั้งใจทำงานตอบแทนความเอาใจใส่จากผู้นำโรงพยาบาลแล้วกันครับ”
ทุกครั้งที่เขายิ้ม ต่างก็ราวกับลมในฤดูใบไม้ผลิพัดขึ้นมาบนใบหน้า อบอุ่นสบายขนาดนั้น
ตอนบ่ายยุ่งไปหลายชั่วโมง ดื่มน้ำตาลทรายแดงความรู้สึกปวดที่บริเวณท้องหายไปไม่น้อย พอเงยหน้าขึ้นมา คิดไม่ถึงว่าใกล้จะถึงเวลาเลิกงานแล้ว
ใกล้จะถึงเวลาเลิกงาน โทรศัพท์มือถือของฉู่ลั่วหานก็มีข้อความถูกส่งเข้ามา
ขึ้นชื่อว่าคือหลงเซียว!
นี่เป็นครั้งที่สองที่เขาส่งข้อความให้กับเธอ
“ผมรอคุณอยู่ที่โรงจอดรถชั้นใต้ดินของโรงพยาบาล”
เขาคงจะไม่ได้มาถึงแล้วล่ะมั้ง? จากMBKมาถึงโรงพยาบาลดูเหมือนจะมีระยะทางที่มากพอสมควร
เธออยากจะโทรกลับไปอธิบาย แต่คนในห้องทำงานอยู่กันหมด ทำได้แต่ส่งข้อความตอบกลับ
“ฉันยังไม่เลิกงาน อีกทั้งยังต้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ต้องใช้เวลาหน่อย คุณต้องรอฉันสักครู่หนึ่งแล้วค่ะ”
และก็ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน เธอคนที่ชอบพูดเรื่องยาวให้เป็นสั้นคิดไม่ถึงว่าจะอธิบายซะยาวเหยียดไปเป็นชุด
หลงเซียวที่อยู่ในรถยกมุมริมฝีปากเป็นรอยยิ้มอ่อนๆ นิ้วมือที่เรียวยาวกดไปที่หน้าจอโทรศัพท์ “ครับ”
หลังจากที่เลิกงาน ฉู่ลั่วหานเปลี่ยนเสื้อผ้า ออกจากประตูเพียงครู่เดียวก็ชนเข้ากับร่างกายที่สูงใหญ่ของคนคนหนึ่ง สายตามองเคลื่อนที่ขึ้นไปด้านบน คือใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มที่สุภาพอ่อนโยนราวกับหยกของถังจิ้นเหยียน
“ดูเหมือนผมมาได้เวลาพอดี ไปกันเถอะ ทานอาหารเย็นด้วยกัน”
ฉู่ลั่วหานบีบสายกระเป๋าเอาไว้ ดวงตาที่ชุ่มชื้นโค้งขึ้นอย่างแสดงความขอโทษ “วันนี้เกรงว่าจะไม่ได้ ฉันต้องกลับไปก่อนค่ะ”
คิ้วที่สวยงามของถังจิ้นเหยียนขมวดเข้าหากันเล็กน้อย “ฉะนั้น ผมก็ยังมาช้าไปหนึ่งก้าว หมอฉู่มีนัดแล้ว”
“ขอโทษนะคะ วันหลังก็แล้วกันค่ะ” ชะลอแผนการโจมตีของฝ่ายตรงข้ามไม้นี้ เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าใช้ไปกี่ครั้งแล้ว
และก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเพราะเขาใจกว้างหรือว่าเชื่อจริงๆ กันแน่ ไม่เคยพูดทิ่มแทงใจเลยสักครั้ง แถมยังนำความรับผิดชอบมาไว้กับตนเองทั้งหมดอีก “ไม่เป็นไร เป็นผมที่ไม่ได้บอกล่วงหน้า ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ลงไปด้วยกันสิครับ ผมก็เลิกงานกลับบ้านเหมือนกัน”
ทั้งสองคนเดินมาถึงหน้าประตูลิฟต์พร้อมกัน พยาบาลเล็กๆ ที่อยู่ด้านข้างต่างเอามือปิดปากหัวเราะ เป็นอย่างที่คิดเอาไว้จริงๆ รองคณบดีกับหมอฉู่คบกันจริงๆ รองคณบดียังตั้งใจลงมารับเธอเลิกงานจากชั้นบนอีก
เข้ามาในลิฟต์ ถังจิ้นเหยียนกดปุ่มโรงจอดรถชั้นB2 ฉู่ลั่วหานยังนึกว่าเขาจะไปขับรถที่ด้านนอก ยื่นมือออกไปเห็นปุ่มที่สว่างขึ้นก็หดมือกลับมาอีกครั้ง
“คุณก็ไปชั้นB2เหมือนกัน?”
ในน้ำเสียงแฝงไปด้วยความเบิกบานเล็กๆ
ฉู่ลั่วหานกัดฟันพยักหน้า “ค่ะ ฉันก็…ขับรถ”
ตกตะลึง เมื่อครู่นี้คิดไม่ถึงว่าเธอจะพูดโกหก ที่จริงแล้วพูดตรงๆ ไปว่าหลงเซียวกำลังรอเธออยู่ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้ แต่ภายในจิตใต้สำนึกก็คือทำใจไม่ได้ที่จะทำร้ายเขา
สายตาของถังจิ้นเหยียนตกลงมาบนมือด้านขวาของเธอ “มือขวาของคุณ ให้ผมดูหน่อย”
ฉู่ลั่วหานชักมือกลับไปอย่างกะทันหัน หลบราวกับไฟฟ้าช็อตก็ไม่ปาน “ทำไมคะ?”
“ฮ่าๆ” ถังจิ้นเหยียนถูกการตอบสนองที่ใหญ่ขนาดนี้ของเธอทำให้หัวเราะออกมา “ผมเพียงแค่อยากจะดูแผลเก่าบนมือของคุณหน่อย คุณไม่บอกเหตุผลก็ได้ แต่บาดแผลมีอยู่จริงๆ นี่เป็นสิ่งที่คุณไม่อาจจะปฏิเสธได้ ผมดูหน่อย”
ริมฝีปากของฉู่ลั่วหานเฉียงขึ้น ยิ้มจนแทบจะปวดเมื่อยไปหมดแล้ว “ค่ะ”
หลายปีขนาดนี้แล้ว แผลด้านนอกหายสนิทไปตั้งนานแล้ว เขาสามารถมองออกก็แปลก
ถังจิ้นเหยียนจับมือขวาของเธอเอาไว้แยกแยะพื้นผิวที่อยู่ด้านบนอย่างละเอียด ภายนอกมองดูไม่มีร่องรอยเหลือไว้จริงๆ แต่ตอนที่นิ้วมือของเขาลูบนั้น ยังคงรู้สึกได้ถึงความผิดปกติที่อยู่ด้านใน ความแตกต่างที่อณูเล็กมาก “ตอนนั้น จะต้องเจ็บมากเลยใช่หรือเปล่า?”
ฉู่ลั่วหานพยักหน้า “อืม”
เจ็บมากจริงๆ ทั้งมือแทบจะใช้การไม่ได้แล้ว ไม่เจ็บได้หรอ?
เสียง “ติ๊ง” ดังขึ้น ประตูลิฟต์เปิดออกที่ชั้นB2
หลงเซียวเงยหน้าขึ้นมาจากภายในรถโรลส์รอยซ์ สายตาที่เฉียบคมเหยี่ยวเพียงครู่เดียวก็มองเห็นคนสองคนที่อยู่ในลิฟต์!
ถังจิ้นเหยียนจับมือของฉู่ลั่วหานเอาไว้ ฉู่ลั่วหานก้มศีรษะลงพูดคุยอะไรกับเขาด้วยท่าทีที่มีเสน่ห์เขินอาย ว่านอนสอนง่าย
ถูกกั้นด้วยระยะห่างหลายสิบเมตร สายตาของท่านเซียวยิงเข้าไปในลิฟต์ราวกับเจาะทะลุก็ไม่ปาน!
ฉู่ลั่วหาน เธอยังคิดจะยังไงกันแน่!
เดินออกมาจากลิฟต์ ฉู่ลั่วหานดึงมือกลับ “รองคณบดียังไงก็อย่าถามถึงเลยจะดีกว่าค่ะ ฉันไม่อยากพูดถึงอีก”
“ผม…”
ถังจิ้นเหยียนพูดออกมาเพียงแค่คำแรก เงาร่างของฉู่ลั่วหานก็หยุดลงอย่างกะทันหัน ถังจิ้นเหยียนเงยศีรษะขึ้น…
หลงเซียวที่อยู่ภายใต้ชุดสูทสีดำหล่อเหลามือข้างหนึ่งเสียงเข้าไปข้างในกระเป๋ากางเกง ร่างกายที่สูงใหญ่ยืนอยู่ด้านหน้าของรถ!