คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป - ตอนที่ 88 ความเจ็บปวดที่เธอได้รับ มันต้องชดใช้เป็นร้อยเท่า
ตอนที่ 88 ความเจ็บปวดที่เธอได้รับ มันต้องชดใช้เป็นร้อยเท่า
“BOSS คุณจะทำอย่างไรกับคุณหญิง?”
จี้ตงหมิงขับโรลส์รอยซ์สีดำมุ่งเข้าสู่ตัวเมือง
“กลับโรงพยาบาล”
ผู้หญิงที่นั่งตรงเบาะหลังยังไม่มีทีท่าจะตื่น หลงเซียววางศีรษะของเธอให้ซบไหล่เขาเบาๆ กลัวจะรบกวนการนอนของเธอ
“ครับ”
จี้ตงหมิงขับรถพลางแอบมองสองคนที่นั่งตรงเบาะหลัง หลงเซียวยอมไปช่วยด้วยตัวคนเดียวก็สามารถเดาอะไรได้หลายอย่าง แต่มีบางเรื่องที่จี้ตงหมิงยังไม่เข้าใจ
เขาได้แต่เก็บไว้ในใจโดยไม่กล้าถาม อึดอัด จนต้องรวบรวมความกล้าถาม “เจ้านาย ทำไมถึงไม่รีบโทรให้ผมไปรับพวกคุณ? พวกเรารอการติดต่ออยู่ตลอด”
หลังจากนั้นไม่ใช่ว่าเกิดเรื่องไม่คาดคิดอะไรขึ้นอีก?
ใช่แล้ว เขาสามารถโทรเรียกจี้ตงหมิงได้ตลอดเวลา ที่บอกว่าไม่มีเงินเพราะไม่อยากเรียกแท็กซี่ใครจะไปคิดว่าเรียกรถแล้วจำเป็นต้องจ่ายเงินอย่างเดียว ที่ทำไปทั้งหมดก็เพราะจุดประสงค์ส่วนตัวเขาทั้งนั้น
ยิ่งไปกว่านั้นเดี๋ยวนี้มีโทรศัพท์ที่สะดวกยิ่งกว่าอะไร
เขาก็พูดไปเรื่อยแต่เธอกลับไม่รู้ทันเขา ช่างโง่เสียจริง?
“โทรศัพท์แบตหมด”
หลงเซียวว่าอย่างนั้น
จี้ตงหมิงเชื่อ หันกลับไปขับรถมุ่งไปทางโรงพยาบาล
ในตอนนั้นเองโทรศัพท์ของท่านเซียวก็สั่นและส่งเสียงขึ้นมา…..
บรรยากาศกระอักกระอ่วนกระจายภายในรถ แต่ไม่มีใครพูดอะไรต่างคนต่างเลือกจะที่เงียบ
จี้ตงหมิงทำเป็นไม่ได้ยินไม่สนใจ
ชื่อโม่หรูเฟยปรากฏบนหน้าจอ หลงเซียวหรี่ตาลงเล็กน้อย
เขาไม่อยากรับสายโทรศัพท์ตอนนี้
พอคิดว่าจะไม่รับเขาก็ลดโทรศัพท์ลงทำเป็นไม่ได้ยิน
จนในที่สุดก็เลือกที่จะปิดเครื่อง
จี้ตงหมิงตั้งใจขับรถไม่ว่อกแว่ก เมื่อกี้ไม่ได้เกิดอะไรขึ้น ทำเหมือนตัวเองว่าคงหูแว่วไปเอง เพื่อให้ความเป็นส่วนตัวกับหลงเซียว
เพียงชั่วครู่เสียงเย็นของท่านเซียวที่เคยบางเบาเปลี่ยนเป็นเย็นชาดุดันก็ดังขึ้น “คางเฉิงเจี๋ยและพวกลูกน้องมัน จัดการให้เรียบร้อยในสามวัน”
จี้ตงหมิงชะงักไป “คางเฉิงเจี๋ย? นายหมายถึงคนที่ลักพาตัวคุณหญิงไป?”
ท่านเซียวพยักหน้า “ใช่ เป็นมันนั่นแหละคนที่วางยาและลักพาตัว ฉันไม่อยากเห็นมันอีก”
“ครับ! แต่ว่าท่านเซียวต้องการจัดการมันเลย หรือว่า…..”
“จัดการมันซะ! อีกอย่างตระกูลคางเลี้ยงลูกชายให้ดีไม่ได้ก็ไม่จำเป็นต้องเลี้ยงธุรกิจพวกมันไว้ ตัดตอนธุรกิจตระกูลคางด้วย”
“ครับ!”
เป็นงานที่เขาชื่นชอบและถนัดอยู่แล้ว
โรงพยาบาลกลางเมือง
“คุณชายหลง เธอเป็น…..”
ถังจิ้นเหยียนที่รอฉู่ลั่วหานอยู่ตลอดแต่กลับได้เห็นแต่สภาพฉู่ลั่วหานเป็นลมหมดสติตลอดทั้งสามครั้ง หูเขาชินกลับการฟังอัตราการของหัวใจแล้ว
“หมดสติ”
น้ำเสียงเย็นชา
เขามองออกว่าเขาอยากถามว่าหมดสติได้อย่างไร ทั้งเสื้อผ้าที่เปื้อนเลือดและใบหน้าที่ด้านซ้ายบวมแดง ถ้าไม่ถามให้ละเอียดคงไม่เหมาะสม?
แต่ถ้าถามจะเหมาะสม?
อีกฝ่ายคือหลงเซียว
ถังจิ้นเหยียนลงมือตรวจฉู่ลั่วหานด้วยตัวเองอย่างละเอียด ตรวจดูการตอบสนองรูม่านตา ฟังจังหวะการเต้นของหัวใจ…..
จังหวะหัวใจเต้น…..
ถังจิ้นเหยียนวางสเต็ตโทสโคปบริเวณกลางอกของฉู่ลั่วหานย้ายที่หาตำแหน่งที่แน่นอน ปลายนิ้วยาวกดบริเวณหูฟังบางครั้งก็เฉียดโดนเสื้อผ้า
หลงเซียวขมวดคิ้ว “พอได้แล้ว”
ขนาดถังจิ้นเหยียนที่เป็นหมอยังไม่ทันพูดว่าพอแล้ว เขาบอกหมอว่าให้พอได้แล้ว?
ถอดหูฟังสเต็ตโทสโคปลง ถังจิ้นเหยียนดึงผ้าห่มขึ้นคลุมให้เธอ “ไม่ได้เป็นอะไรมาก เพียงแค่เธอเหนื่อยมากเกินไปแล้วยังไม่ได้กินอะไรหลังจากล้างท้องเมื่อคืนก่อน ร่างกายอ่อนแอ ผมจะฉีดสารอาหารและกลูโคสให้”
หลงเซียวหน้าคล้ำ
ตอนถังจิ้นเหยียนตรวจเธอเมื่อสักครู่ แม้ท่าทางจะดูเป็นมืออาชีพ แต่เขากลับไม่สบายใจ
ฉู่ลั่วหานเป็นหมอ ผู้ป่วยชายหญิงล้วนต้องรักษา ถ้าเจอคนไข้ผู้ชายเธอก็ต้องลูบไปลูบมาแบบนี้?
วันนี้ยังดีใช้สเต็ตโทสโคป ถ้าต้องใช้หูแนบฟัง หรือใช้มือสัมผัสล่ะ
Shit!
เขาเกือบหมดความอดทนแล้ว
หลังจากให้น้ำเกลือเธอแล้ว หลงเซียวต้องจัดการความยุ่งเหยิงของตระกูลคาง ก็ออกจากโรงพยาบาล
ฉู่ลั่วหานได้สติขึ้นมาอีกครั้งก็มืดแล้ว
“คุณฟื้นแล้ว”
ต่อหน้าเธอครั้งนี้ ใบหน้าของถังจิ้นเหยียนหล่อเหลาอบอุ่น ไหนจะน้ำเสียงทุ้มต่ำอ่อนโยนนั่นอีก
“อืม”
ร่างกายไม่มีแรงเลย เธอแค่จะลุกจากเตียงยังลุกไม่ไหว
เอื้อมมือไปกดเธอลงนอนตามเดิม ถังจิ้นเหยียนหัวเราะเสียงนุ่มเอ่ยปลอบเธอ “ร่างกายคุณตอนนี้อ่อนแอมากต้องการพักผ่อน เพื่อกันไม่ให้คุณวิ่งออกไปไหนได้อีกผมจะอยู่เฝ้าที่นี่ อีกอย่าง คุณเป็นคนไข้เบอร์หนึ่งของผม คนป่วยต้องเชื่อฟังหมอนะ”
เธอยิ้มปกปิดความเหนื่อยล้า หมอฉู่รู้สึกอบอุ่นขึ้นมา
“ขอบคุณค่ะ”
เขาขมวดคิ้ว “ผมไม่อยากได้ยินคำนี้เลย”
รีสอร์ทหยีจิ่ง
โม่หรูเฟยกลับถึงบ้านก็สองทุ่มกว่าแล้ว แต่ว่าทั้งหลงเซียวทั้งฉู่ลั่วหานไม่อยู่
เธอสะบัดส้นสูงไปคนละทาง ออกคำสั่งอย่างเย่อหยิ่ง “ชุนชุน เก็บรองเท้าฉันวางบนชั้นด้วย หลิงหลิงเตรียมกาแฟน้ำตาลต่ำให้ด้วย”
ชุนชุนเก็บรองเท้าดิออร์ของเธอวางไว้บนชั้นที่สอง
หลิงหลิงเสริฟกาแฟ โม่หรูเฟยจิบไปอึกหนึ่ง
“ถุย! นี่กาแฟบ้าอะไร ให้คนดื่มเหรอ? ฉันต้องการน้ำตาลน้อยแกใส่น้ำตาลเยอะขนาดนี้มาทำไม ไปชงมาใหม่!”
หลิงหลิงรีบพยักหน้า “ค่ะ คุณโม่”
“เรียกว่าอะไรนะ!”
โม่หรูเฟยคว้ากระเป๋าของเธอปาใส่หัวของหลิงหลิง “แกเรียกฉันว่าอะไร!”
“ฉัน…” หลิงหลิงแม้จะเจ็บจนอยากร้องไห้แต่ก็ไม่กล้าน้ำตาเล็ด กัดฟันพูด “คุณ……คุณหญิง”
โม่หรูเฟยนั่งตรงกลางโซฟาทรงโค้งขนาดใหญ่ยกมือชี้หน้าริมฝีปากที่ถูกทาทับด้วยลิปสติกสีแดงน่าดึงดูด “จำไว้ หลังจากนี้ต้องเรียกฉันว่าอะไร ฉู่ลั่วหานไม่ช้าเร็วก็ถูกไล่ออกจากตระกูลหลง ปรับตัวหน่อย ถ้าฉันเข้าตระกูลมาแล้วจะดีต่อตัวพวกแกเอง”
หลิงหลิงชุนชุนก้มหน้า “ค่ะ”
โม่หรูเฟยเห็นว่าหลงเซียวยังไม่กลับมาสักทีจึงต่อสายโทรหาอีกครั้งและครั้งนี้ก็ปิดโทรศัพท์
เขาเป็นอะไร? หรือเธอต้องยืมโทรศัพท์คนตระกูลหลงโทรเขาถึงจะยอมรับสายเธอ?
พอคิดได้ดังนั้น โม่หรูเฟยจึงโทรหาหยวนซูเฟิน……
—–
“พวกเธอได้ยินมาไหม? หมอฉู่เมื่อถูกนำตัวส่งห้องฉุกเฉิน แล้วรองคณบดีถังเป็นคนช่วยเหลือด้วยตัวเอง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น”
“แน่นอนว่ารู้แล้ว แล้วคนสนิทฉันที่ห้องฉุกเฉินบอกว่ารองคณบดีถังอุ้มหมอฉู่มาที่ห้องฉุกเฉินสวมรองเท้ามาข้างเดียว ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า”
“อันนี้มั่วเกินไปแล้ว รองคณบดีสวมรองเท้าข้างเดียว? ฉันไม่เชื่อหรอก แต่ว่ารองคณบดีดูเป็นห่วงหมอฉู่มากจริงๆ เฮ้อ หมอพยาบาลสาวๆ อกหักกันเป็นแถว”
เกาหยิ่งจือที่เดินผ่านบริเวณที่แพทย์และพยาบาลคุยกันอย่างชัดเจน เธอรู้ว่าฉู่ลั่วหานลางาน แต่ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องนี้ขึ้น
โรงพยาบาลใหญ่เกินไป แต่ละแผนกต่างก็งานล้นมือไม่มีเวลามาใส่ใจรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ
“ไม่มีอะไรทำ?”
เสียงเย็นๆ ของเกาหยิ่งจือทำเอาหมอพยาบาลที่ล้อมวงคุยกันตกใจแยกย้ายกันไปประจำที่ต่างๆ
ล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าเสื้อกดโทรหาถังจิ้นเหยียน
ภายในห้องพักผู้ป่วยถังจิ้นเหยียนเห็นชื่อที่โชว์บนหน้าจอ คิ้วดกดำขมวดเข้าหากัน “รองผู้อำนวยการเกา”
เขารับโทรศัพท์ต่อหน้าฉู่ลั่วหาน
“รองคณบดี คุณอยู่ไหน? ฉันมีเอกสารอุปกรณ์การรักษารอคุณเซ็น” นิ้วเรียวของเกาหยิ่งจือจิ้มลงบนเดสก์ท็อป เพราะใช้แรงมากเกินไปขนนิ้วชี้ขวางอลง
“ไว้พรุ่งนี้ก็ได้ คุณเลิกงานเถอะ”
เขาพูดจบแล้วก็จะวางทันที เธอรีบขัดเขา “เรื่องนี้ต้องยืนยันวันนี้ คุณอยู่ไหนฉันไปหาเอง เซ็นต์แล้วฉันจะเลิกงานเลย”
ถังจิ้นเหยียนเหลือบมองขวดน้ำเกลือ “ได้ ผมรอคุณที่ล็อบบี้ชั้นหนึ่ง”
ฉู่ลั่วหานเงียบฟังเขารับโทรศัพท์ไม่ได้พูดอะไร
“ผมไปแป๊บเดียวก็กลับ ไม่อนุญาตให้หนีไปไหนนะ”
วินาทีต่อมาน้ำเสียงและท่าทางของเขาก็กลับมาอ่อนโยนเหมือนเดิม
“รองคณบดีไปจัดการธุระเถอะ ฉันไม่เป็นไร”
เป็นการปฏิเสธทางอ้อม เธอไม่สามารถพูดกับเขาตามตรงได้
ถังจิ้นเหยียนเซ็นต์แล้ว “เสร็จแล้ว ดึกมากแล้ว รองผู้อำนวยการเกาเลิกงานได้เลย”
เกาหยิ่งจือหอบเอกสาร “ดึกขนาดนี้แล้ว รองคณบดีทำไมถึงยังไม่เลิกงาน?”
ถังจิ้นเหยียนเก็บปากกาสอดไว้ในกระเป๋าเสื้อ “ผมยังมีคนไข้”
“รองคณบดี ฉันขอคุยอะไรด้วยหน่อยได้ไหม?” เกาหยิ่งจือก้าวเท้าเข้ามาค่อยๆ ยกยิ้มอย่างเหนียมอาย
ถังจิ้นเหยียนสอดมือไว้ในกระเป๋าเสื้อเพื่อรักษาท่าทาง
“ฉัน….”
เธอพึ่งพูดไปได้พยางค์แรกโทรศัพท์ของถังจิ้นเหยียนก็ดังขึ้น เป็นสายที่จะรับหรือไม่รับก็ได้
“ขอโทษครับ ผมยังมีธุระเอาไว้วันหลัง”
เขาถอยหลังแล้วเดินจากไปอย่างรวดเร็วเพื่อรับโทรศัพท์
เกาหยิ่งจือเงยหน้าขึ้นมองโคมไฟระย้าในล็อบบี้
โรงพยาบาลช่วงดึกบริเวณล็อบบี้เงียบมากมีเพียงห้องฉุกเฉินเท่านั้นที่ยังมีคนต่อคิว เกาหยิ่งจือก้าวช้าๆ ตามถังจิ้นเหยียนไป
“ทำไมเรียบร้อยเร็วจัง?”
เห็นเขากลับมาเร็วเธอก็แปลกใจ
“เรื่องเล็กน่ะ คุณท้องว่างนานกว่าแปดชั่วโมงแล้ว อยากทานอะไรง่ายๆ ไหม?”
แยกไม่ค่อยออกเลยว่านี่หมอหรือแฟนหนุ่ม
“ฉันไม่หิว อิ่มน้ำแล้ว” หลังจากเติมน้ำเกลือไปตั้งมากมาย จะไม่ให้อิ่มหรือบวมน้ำได้อย่างไร
“อิ่มน้ำไม่นับว่าอิ่ม บอกมาเลยอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม ถ้าอยากให้รีบสลัดผมออกไปคุณต้องทานข้าว ไม่อย่างนั้นพรุ่งนี้ผมก็จะมาอยู่ที่นี่อีก คุณตัดสินใจเอาเอง”
ทำไมทุกคนถึงให้เธอเลือก ทั้งๆ ที่ไม่ว่าจะเลือกทางไหนก็หนีไม่พ้นอยู่ดี
ทางที่ดีควรเลือกอาหารเบาๆ เธอเองก็เริ่มหิวขึ้นมาจริงๆ
“ฉันอยากดื่มโจ๊กรากบัว….”
“เอาอะไรอีกไหม? โจ๊กไม่ได้อิ่มขนาดนั้น”
เธอคิด “ขนมปังไส้ถั่วแดงบด ได้ไหม?”
เขาหัวเราะ “ได้!”
เกาหยิ่งจือยืนอยู่นอกประตู มองผ่างช่องกระจกเห็นทั้งสองคุยกันยิ้มให้กันอยู่ด้านในก็กำหมัดแน่น!
ถังจิ้นเหยียนกลับมานอกจากของที่เธออยากกินยังมีช็อกโกแลตให้เธอไว้กินเพิ่มพลังอีกด้วย แน่นอนว่าเขาก็ซื้อกับข้าวของตัวเองมาด้วย
เธอยังไม่ได้ทาน เขาเองก็ยังไม่ได้ทาน
นอกจากของพวกนี้แล้วยังมีดอกไม้อีกช่อหนึ่ง
เป็นดอกพุดซ้อนในช่วงฤดูร้อน
ทันทีที่เข้ากลิ่นหอมสดชื่นก็กระจายไปทั่วห้อง ดอกไม้สีขาวนวลและสีเหลืองอ่อนน่ารัก
“คุณรู้ได้อย่างไรว่าฉันชอบดอกพุดซ้อน?”
ถังจิ้นเหยียนนำดอกใส่แจกัน “ดูท่าจะจริงแล้ว”
“หืม?”
“เมื่อกี้ยังไม่มั่นใจ รู้แค่ว่าน้ำหอมบนตัวคุณกลิ่นดอกพุดซ้อน แต่ตอนนี้มั่นใจแล้ว”
เธอเงียบไป
“ทานข้าวเถอะ คุณเลือกเองต้องทานให้หมดนะ”
เป็นน้ำเสียงที่ใช้หลอกเด็กอีกแล้ว เสียงอ่อนโยนจนไม่กล้าปฏิเสธ
เธอใช้ช้อนคันเล็กตักโจ๊กส่งเข้าปาก
“โอ๊ย!”
เจ็บลิ้นเกินไปแล้ว!
ให้ตายสิ เธอลืมเรื่องแผลที่ลิ้นไปเลย!
“เกิดอะไรขึ้น? ลวกลิ้นหรือเปล่า?” น้ำเสียงเป็นห่วงที่ฟังแล้วราวกับลมในฤดูใบไม้ผลิ
“ไม่ใช่ ลิ้นมัน…” เธอพูดยังไม่ทันจบ
“ให้ผมดูหน่อย แลบลิ้นออกมา”
คนตัวสูงยืนชิดหัวเตียงเพื่อจะดูลิ้นให้เธอ ร่างเขาบังเธอมิดถ้ามองจากระยะไกลคล้ายคนจูบกันไม่มีผิด
มือของหลงเซียวที่เตรียมจะเปิดประตูชะงักค้างเพียงวินาทีเดียวเขาก็กระชากเปิดประตูอย่างแรง
สาวเท้าก้าวยาวๆ เดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว
“ปล่อยเธอซะ!”