คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป - ตอนที่ 420 คุณหลง ฉันอยู่ข้างนอกช่วยมารับฉันที
ตอนที่ 420 คุณหลง ฉันอยู่ข้างนอกช่วยมารับฉันที
รุกฆาต!
หลงเซียวค่อยๆ แย้มมุมปากขึ้น ออร่าสีทองเปล่งประกายออกมา เมื่อเทียบกับบรรดาชายหนุ่มที่อยู่ในงานนี้แล้วความสง่าของเขาดูโดดเด่นซะยิ่งกว่าโดดเด่นเสียอีก
เดิมก็เทียบกันไม่ติดอยู่แล้ว ตอนนี้ยังมาสวนกลับอย่างซื่อตรงแบบนี้อีก กับคำพูดที่ฉู่ซีหรานพูดมาอย่างดูไร้สมอง ก็ถูกเขาจูงกลับไปอย่างง่ายดายแล้ว
บรรดาแขกในงานมีใครบ้างที่ไม่หันไปมองฉู่ซีหราน?
ฉู่ซีหรานเป็นลูกสะใภ้ของตระกูลเสิ่นก็จริง แต่ที่น่าเสียดายคือ ตอนนี้เสิ่นเหลียวอยู่ในคุก กว่าจะได้ออกมาก็ยังอีกนาน ฉู่ซีหรานก็เหมือนแค่สะใภ้ในนาม อยู่เพื่อเป็นแม่ของลูกในตระกูลเสิ่นก็เท่านั้นเอง
มือของเสิ่นคั่วกำไม้เท้าไว้แน่น นิ้วมือลูบอยู่บนเพชรสีแดงที่ถูกฝังอยู่ในนั้น แล้วพูดเพื่อไกล่เกลี่ยว่า “คุณหลงเป็นคนที่กว้างขวาง ทำไมต้องมาใส่ใจกับผู้หญิงที่ไม่ค่อยได้ออกสังคมอย่างนี้ด้วย?”
หลงเซียวยังคงยิ้มอย่างเรียบเฉยโดยไม่แสดงกิริยาอะไรเพิ่มเติม แล้วรอฟังต่อ
เสิ่นคั่วเห็นว่าเขายังไม่มีทีท่าว่าจะยอม จึงพูดต่อว่า “ตอนนี้เสิ่นเหลียวก็อยู่ที่เมืองหลวง ต้องห่างเหินกับภรรยาของตัวเอง นานมากแล้วที่พวกเขาไม่ได้เจอกัน คุณหลงก็อย่าไปถือสาเธอเลยครับ ผู้หญิงหน่ะ ยังไงก็ต้องมีที่ให้พักพิง ฮาฮาต้องโทษที่เสิ่นเหลียวทำอะไรไม่ไตร่ตรองให้ดีก่อน”
คำว่า “ไตร่ตรอง” ที่เขาต้องการจะสื่อนั้น ถ้าใครที่ไม่รู้ว่าตอนนั้นเสิ่นเหลียวโดนจับเพราะอะไรก็จะเข้าใจว่าหลงเซียวเป็นคนอยู่เบื้องหลัง หรือก็คือคนที่ทำให้เสิ่นเหลียวต้องถูกจับก็คือเขานั่นเอง
คำพูดของเสิ่นคั่วมีอะไรแอบแฝงอยู่ภายใน พูดมาแบบไม่ไว้หน้ากันเลย
“ฮึฮึ” หลงเซียวขำออกมา “พอท่านปู่เสิ่นพูดมาถึงตรงนี้มันก็ทำให้ผมนึกถึงอะไรขึ้นมาได้ ตอนที่น้องเขยทำธุรกิจอยู่ที่เมืองหลวงนั้น ผมเคยเสนอโครงการหนึ่งที่จะร่วมมือกับเขาไป แต่น่าเสียดายที่สุดท้ายโครงการนั้นก็ต้องล้มเลิกไป……แต่ก็ไม่เป็นไรครับ ก็แค่ชดใช้ค่าเสียหายนิดหน่อย ยังไงน้องเขยก็คนในครอบครัว จะไปถือสาให้มากความทำไมหล่ะจริงไหมครับ?”
“………”
“………”
บรรดาแขกทั้งหลายต่างพากันเงียบ เสิ่นคั่วต้องการประชดที่เขาทำให้ลูกชายต้องโดนจับ แต่เขากลับมาร้องเรียนเรื่องที่ต้องชดใช้ค่าเสียหายแทนน้องเขย และไอ้การเอ่ยคำว่าน้องเขยนั้น มันทำให้การแสดงออกของเสิ่นคั่วเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากเลย
ฉู่ซีหรานกัดฟันแน่น “พี่เขยคะ พี่เลิกมาพูดคำว่าน้องเขยน้องเขยอยู่ที่นี่สักทีได้ไหม! ฮึ! เป็นเพราะพี่นั่นแหละ ที่ทำให้สามีของฉันต้องถูกจับ แล้วพี่ยังจะมีหน้ามาใช้คำว่าพี่น้องอยู่ตรงนี้อีกเหรอ! หลงเซียว ทำไมแกถึงได้หน้าด้านอย่างนี้!”
ฉู่ซีหรานโกรธจนทนไม่ไหวแล้ว ตะโกนต่อว่าออกมาอย่างไม่เกรงใจแขกในงาน เธออยากจะเปลี่ยนความโกรธเกลียดที่มีต่อหลงเซียวให้กลายไปมีดเล่มหนึ่งแล้วเอาไปแทงเขาให้ตายเลย!
“ฉู่ซีหราน!”
เจิ้งซินพุ่งตัวขึ้นมา ความเซ็กซี่อันงดงามจากชุดราตรีได้แผ่ซ่านออกมา การลุกขึ้นยืนอย่างนี้ทำให้ความน่าหลงใหลที่ถูกเก็บซ่อนไว้ต้องประจักษ์ออกมาต่อหน้าสาธารณชน
“ที่พวกเรามาในวันนี้ก็เพื่อมาอวยพรวันเกิดให้คุณชายเล็ก ไม่ได้มาเพื่อทะเลาะกันอย่างนี้ เรื่องที่ผ่านไปแล้วจะรื้อฟื้นมันขึ้นมาอีกทำไม?”
แผนการของเจิ้งซินยังไม่สำเร็จ ถ้ายังปล่อยให้ฉู่ซีหรานโวยวายแบบนี้ต่อไป เกรงว่าคืนนี้เธอคงจะอดแน่ๆ
ฉู่ซีหรานสบถ แล้วดึงเก้าอี้มานั่งลง “ทำเป็นมาวางมาดเป็นคนดี ดูภายนอกช่างวิเศษเลิศเลอ แต่ลับหลังทำอะไรไว้บ้างตัวเองรู้ดีที่สุด!”
“ฉู่ซีหราน นี่เธอยังไม่ยอมหยุดอีกเหรอ?”
“ไม่! หลงเซียวมันไม่คู่ควรที่จะมาร่วมงานวันเกิดของลูกชายฉัน มันเป็นคนร้ายที่ทำลายสามีของฉัน! พ่อคะ พ่อรีบไล่มันกลับไปเลย!”
ฮึ!
หลงเซียวจัดแจงชุดสูทของตัวเอง คิ้วขมวดเบาๆ “อ๋อ? ดูท่าวันนี้หลงเซียวผู้นี้คงไม่เหมาะที่จะอยู่ในงานนี้สินะครับ งั้นผมก็ไม่ขอรบกวนความสุขของทุกท่านต่อแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ”
พอเสียงที่ทุ้มลึกหยุดลง สายตารอบๆก็พากันอึ้งไปเลย
หลงเซียวจะกลับอย่างนั้นเหรอ ในวงการธุรกิจของประเทศตอนนี้ ใครก็ไม่อยากเป็นศัตรูของตระกูลหลงหรอก ถ้าทำให้หลงเซียวโกรธจนออกจากงานนี้ไป ผลที่ตามมาจะเป็นยังไงก็รู้ๆ กันอยู่
“รอเดี๋ยว!”
“คุณชายหลง!”
เจิ้งซินกับเสิ่นคั่วตะโกนขึ้นมาพร้อมกัน เจิ้งซินชักสีหน้าให้เสิ่นคั่ว แล้วพูดว่า “คุณอาเสิ่นคะ คนที่เชิญคุณหลงเซียวมาก็คือหนูถ้าคุณอามาตบหน้าหนูอย่างนี้ หนูเองก็คงอยู่ต่อไม่ได้จริงๆ ในเมื่อมีคนไม่อยากให้อยู่งั้นหนูก็จะไปค่ะ”
ฉู่ซีหรานกัดฟันแน่นมาก “ฉันไม่ได้พูดนะ”
“แกหุบปากไปเลย! เวลาผู้ชายคุยกันผู้หญิงอย่ามาแทรก!” เสิ่นคั่วกลัวจะหาที่ลงไม่ได้ จึงเอาฉู่ซีหรานมาเป็นที่ระบายแล้วหันมาพูดอย่างเอาใจว่า “คุณชายหลง คุณเป็นถึงแขกผู้มีเกียรติของตระกูลเสิ่น จะรีบกลับไปทำไมครับ? นั่งก่อนครับนั่งก่อน เสี่ยงฟางรินไวน์ให้คุณชายหลงเร็ว! ฉู่ซีหรานยังไม่รีบขอโทษคุณชายหลงอีก!”
จ้าวฟางฟางนั้นปรับตัวได้ดีกว่าฉู่ซีหราน จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้พูดอะไรเลยสักคำ เธอลุกจากที่นั่งอย่างว่าง่าย หยิบแก้วไวน์ขึ้นมาพร้อมกับใบหน้าที่ยิ้มแย้ม นิ้วที่เล็กเรียวถือแก้วของหลงเซียวเอาไว้ “คุณชายหลงคะ ซีหรานเธอไม่ค่อยรู้เรื่องอะไร คุณอย่าไปถือสาอะไรเธอเลยนะคะ มาค่ะ ฉันรินไวน์ให้”
หลงเซียวจัดแจงแขนเสื้อตัวเองอย่างเกียจคร้าน แต่ก็ไม่ได้แตะต้องแก้วใบนั้นเลย “คำขอโทษนั้นมันไม่จำเป็นครับ แต่ถ้าต่อไปผมยังได้ยินอะไรแบบนี้อีก ทุกท่านก็อย่ามาหาว่าผมทำเกินไปก็แล้วกันครับ”
“ที่ไหนกันคะ ที่ผ่านมาคุณชายหลงก็เป็นคนที่สมบูรณ์แบบมากอยู่แล้ว ไม่จริงจังสิคะแปลก มามามา เรามาดื่มกันค่ะดื่ม”
เสิ่นคั่วต้องอดกลั้นความโกรธเอาไว้ ความแค้นเรื่องลูกชายกับความอึดอัดที่ได้รับอีกหลายวัน ไฟแค้นที่เขามีต่อหลงเซียวนั้นมันดับไม่ลงแล้ว แต่ไม่ว่ายังไง ตอนนี้ด้วยภาพลักษณ์ของตระกูลเสิ่นในตอนนี้ยังต่อกรกับหลงเซียวไม่ไหว
เขาทำได้เพียงแค่ยกแก้วไวน์ขึ้นมา แล้วแสร้งทำเป็นยิ้ม “คุณชายหลงครับ ผมขออวยพรคุณด้วยตนเองหนึ่งแก้วครับ ใช้รอยยิ้มชะล้างความแค้น ว่ายังไงครับ?”
“ท่านปู่เสิ่น กล่าวเกินไปแล้วครับ ผมกับตระกูลเสิ่นเราเป็นญาติกัน จะไปมีความแค้นต่อกันได้ยังไงครับ?”
“ฮาฮาฮา ดี! คุณชายหลงพูดได้ดี คุณเสิ่นครับ ในเมื่อคุณกับคุณชายหลงเป็นญาติกัน ต่อไปในเมืองหลวงก็ยังพึ่งพาคุณอีก!”
“ว่าแต่ การที่คุณหลงมาอยู่ที่เมืองเจียงเฉิงกับคุณเจิ้งแบบนี้……ฮาฮาฮา พวกผมก็ควรอวยพรให้พวกคุณสองคนสักแก้วเลยดีไหมครับ?”
เจิ้งซินก้มหน้าลงด้วยความเขินอาย “เราสองคนยังไม่ได้……พวกคุณอย่าพูดอะไรมั่วๆ นะคะ”
ยิ่งพูดยิ่งมั่ว เรื่องที่ไม่มีอยู่จริงก็ถูกเธอพูดจนกลายเป็นเรื่องจริงแล้ว
แล้วหลงเซียวก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉยว่า “ทุกท่านต่างก็เป็นผู้มีชื่อเสียงของเมืองเจียงเฉิงแห่งนี้ แล้วทำไมถึงยังคิดจะมาแย่งงานของปาปารัสซีอีกเหรอครับ?”
“ใช่ที่ไหนกันครับ! ฮาฮาฮา ดูท่าพวกเราคงเข้าใจผิดกันไปเองสินะครับ”
___
ในที่สุดรถของลั่วหานก็มาถึงวิลล่าของเสิ่นเหลียวสักที มันเป็นวิลล่าที่ใหญ่มาก สิ่งก่อสร้างทั้งหลังเป็นเหมือนปราสาทโบราณที่ตั้งอยู่กลางป่า แต่ว่าพื้นที่อยู่ไกลไปนิด ดูน่ากลัวไปหน่อย
หลังลงจากรถ ลั่วหานก็ถอดเสื้อคลุมเก็บไว้ ถือกระเป๋าแล้วก็เดินหน้าไป พอเดินไปถึงหน้าประตูของวิลล่า ก็ถูกยามสองคนขวางเอาไว้
“คุณครับ ช่วยแสดงการ์ดเชิญหน่อยครับ”
ลั่วหานยักไหล่ “ฉันไม่มีบัตรเชิญหรอกค่ะ ฉันแค่มาหาคน”
ทั้งสองคนจ้องหน้ากัน “มาหาคนเหรอครับ? หาใคร? คุณเสิ่นกำลังรับประทานอาหารกับแขกอยู่ ยังไม่ว่างมาพบคุณหรอกครับ”
มือที่เล็กเรียวของลั่วหานวางอยู่ตรงอก ร่างกายที่เพรียวบางยืนอยู่ตรงบันไดขั้นแรก เมื่อสายลมยามดึกพัดผ่านมา กลิ่นหอมจากเส้นผมที่งดงามของเธอก็แผ่ซ่านออกมา
“ฉันไม่ได้มาหาคุณเสิ่นค่ะ ฉันมาหาสามีของฉัน”
พอเห็นว่าทางนี้มีอะไรเกิดขึ้น คนรับใช้ผู้หญิงสองคนก็รีบวิ่งเข้ามา พอเห็นหน้าตาของลั่วหานแล้วก็รู้ในทันทีว่าเธอไม่ใช่คนมีระดับของเมืองเจียงเฉิง แล้วลูกตาก็ขึ้นไปอยู่บนหัวทันที
“เธอมาหาคนใช่ไหม?”
ลั่วหานพิจารณาคนที่เพิ่งเข้ามา “คุณหลงเซียวค่ะ”
“คุณหลงเซียวงั้นเหรอ? ฮึฮึ นี่เธอกินยาผิดรึเปล่าเนี่ย? คุณหลงไม่ใช่คนที่เธอคิดอยากเจอก็ได้เจอนะ บ้าผู้ชายจนเสียสติไปแล้วมั้งเนี่ย?!”
“แล้วทำไมถึงจะพบเขาไม่ได้หล่ะคะ?”
“บ้า เสี่ยวหลิวไล่เธอออกไป”
ลั่วหานล้วงมือถือออกมา “ในเมื่อพวกคุณไม่ยอมไปรายงานให้ฉัน งั้นฉันก็คงต้องติดต่อเขาด้วยตนเองแล้วสินะ แต่ถ้าให้ฉันบอกเขาเองเดี๋ยวถ้าเกิดอะไรขึ้นฉันจะไม่รับผิดชอบนะคะ”
คนพวกนั้นจ้องหน้ากันแล้วพากันขำออกมา “อย่ามาเล่นละครเลย ลูกไม้นี้พวกเราเห็นบ่อยแล้ว คิดว่าเราโง่มากรึไง?”
ไม่นานสายนั้นก็โทรติดแล้ว ลั่วหานถอนหายใจออกมาเบาๆ “คุณหลงคะ ตอนนี้ฉันอยู่นอกวิลล่า แต่พวกบอกว่าฉันไม่มีสิทธิ์ บอกว่าฉันไม่คู่ควร……เลยไม่ยอมให้ฉันเข้าไปค่ะ”
คนพวกนั้นพากันหัวเราะเยาะ “ฮึ คิดจะตบตาใครเหรอ! วันนี้คุณหลงเขามากับหัวแก้วหัวแหวนของผู้อำนวยการเจิ้งต่างหาก”
หือ? เจิ้งซินเหรอ?
พอวางสายแล้ว ลั่วหานก็ยิ้มแล้วเอามือถือเก็บเข้ากระเป๋าไป “คุณผู้หญิงคะ คุณทำงานอยู่ในตระกูลเสิ่นปกติเธอคอยรับใช้ใครเหรอคะ?”
เด็กสาวที่ถูกถามตอบกลับมาอย่างมั่นหน้า “พูดไปเดี๋ยวเธอจะตกใจ ฉันทำงานให้กับคุณหญิงใหญ่ย่ะ”
“หือ? งั้นก็แสดงว่าเจ้านายของคุณคือฉู่ซีหรานสินะ?” ลั่วหานเลิกคิ้วขึ้น ก็จริง คงมีฉู่ซีหรานคนเดียวเท่านั้นที่จะสามารถอบรมคนรับใช้ออกมาได้แบบนี้
“นี่เธอกล้าเรียกชื่อของคุณหญิงเลยเหรอ!”
ลั่วหานหันไปมองคนที่อีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ “แล้วคุณหล่ะคะ?”
“ฮึฮึ ชื่อของคุณหญิงเราไม่ใช่ใครก็จะเอ่ยออกมาได้ตามใจชอบนะ!” คนรับใช้ตัวน้อยยังทำตัวโอหังได้ขนาดนี้ ตระกูลเสิ่นนี่ช่างยโสซะจริง
“อ๋อ? คนของจ้าวฟางฟางนี่เอง ดีมาก!”
ดีมาก เจ้านายเป็นยังไง คนใช้ก็เป็นอย่างนั้น
“ลั่วลั่วครับ”
ทันทีที่คำสัมภาษณ์ตรงนอกประตูจบลง หลงเซียวก็ถือโทรศัพท์ไว้ในมือแล้ววิ่งออกมาจากห้องโถง ห้องโถงกับหน้าประตูห่างกันนิดหน่อย ระหว่างทางยังต้องเดินผ่านสวนดอกไม้ สนามหญ้า แต่หลังจากที่หลงเซียววางสายแล้ว เขาก็ใช้เวลาประมาณสองนาทีในการออกมาพบเธอ
คงเป็นเพราะระหว่างทางที่มาเขาคงรีบร้อนมากไปหน่อย จนทำให้ชายเสื้อสูทปลิวไปตามลมและมีบางส่วนสอดเข้าไปในช่องว่างของเข็มขัด แต่ถึงอย่างนั้น ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้านั้นก็ยังคงดูสง่างาม หล่อเหลาไร้ที่ติ
ลั่วหานขำออกมา “จะรีบร้อนอะไรขนาดนี้ทำไมคะ?”
คนรอบๆ “……!!”
หลงเซียวลูบหัวเธออย่างอ่อนโยน มือใหญ่ๆ เลื่อนไปตามเส้นผม มองดูเธอด้วยสายตาที่หวานหยดย้อย
โอ้ว แววตานี้มันเกิดมาเพื่อฆ่าคนรอบตัวชัดๆ
“เมื่อภรรยามาหา ผมก็ต้องรีบออกมาสิครับ รอจำเครียดแล้วมั้ง?”
“……!!”
ภรรยา นี่เธอคือภรรยาของหลงเซียวเหรอนี่?!
ลั่วหานใช้มือที่อ่อนนุ่มของเธอดึงชายเสื้อของเขาออกมา แล้วจัดให้เขาอย่างอ่อนโยน “ไม่เลยค่ะ เมื่อกี้ตอนคุณวิ่งมาคุณดูเท่มากเลยค่ะ”
หลงเซียวยิ้มออกมา ยิ้มจนน้ำในแม่น้ำสดใส ยิ้มจนดอกไม้ที่ห่อเหี่ยวเริ่มผลิบาน ยิ้มจนท้องฟ้าที่อึมครึมเปิดโล่ง “ไปกันเถอะครับข้างในกำลังสนุกเลย”
“ค่ะ!” ขนตาที่งอนยาว แววตาที่ชาญฉลาดกลมโตเหมือนกับดวงจันทร์
จากนั้น ลั่วหานก็ได้หันหลังกลับมามองดูคนรับใช้ที่ตอนนี้ตาค้างไปแล้ว “เดี๋ยวฉันจะไปเยี่ยมเจ้านายของพวกเธอด้วยตัวเองเลยนะ ถ้าพวกเธอมีอะไรต้องการให้ช่วยละก็ฉันจะช่วยรายงานให้ก็ได้นะ”
ภายในงานเลี้ยง เพราะจู่ๆ หลงเซียวก็วิ่งออกไปอย่างรีบร้องทำให้ทุกคนต่างพากันแตกตื่นไปกันหมด “เมื่อกี้คุณชายหลงวิ่งออกไปอย่างรีบร้อนขนาดนั้นคงไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นใช่ไหม?”
“คงต้องมีอะไรเร่งด่วนแน่ๆ เพราะไม่งั้นคนที่แม้แต่ฟ้าผ่ายังไม่กระดิกอย่างคุณชายหลงคงไม่รีบร้อนขนาดนั้นหรอก”
ระหว่างที่ทุกคนกำลังสงสัยกันอยู่นั้นเอง เงาของคนสองคนก็ได้ปรากฏขึ้น ผู้ชายที่ร่างกายสูงใหญ่กำลังเดินโอบหญิงสาวตัวเล็กคนหนึ่งเข้ามา ภายใต้แสงไฟที่ระยิบระยับ ช่างดูเป็นคู่รักที่ดูเหมาะสมกันจริงๆ เลย ท่วงท่าที่รักใคร่กัน นิ้วที่ประสานเข้าด้วยกันอย่างแน่นแฟ้น
นี่มัน……
จู่ๆ มือของเจิ้งซินก็อ่อนแรง แก้วหลุดออกจากมือล้มลงบนโต๊ะ ของเหลวสีแดงสดกระจายไปทั่วโต๊ะ
หลงเซียวโอบเอวเล็กของลั่วหานไว้ ทั้งคู่ค่อยๆ เดินผ่านสายตาของทุกคนเข้าไป ทีละก้าวทีละก้าว ทุกย่างก้าวช่างดูสง่างาม เดินยิ้มกันเข้ามา ทำเอาทุกคนในงานถึงกับมึนงงเลย
ฉู่ลั่วหาน……ที่แท้ผู้หญิงคนนี้ก็คือฉู่ลั่วหานนี่เอง เอวที่บางคอด ผิวขาวเหมือนหิมะ แค่เพียงยิ้มออกมาก็งดงามจนสามารถสะกดใจคนได้แล้ว
แค่เพียงแรกเห็นเสิ่นคั่วก็หลงเสน่ห์ลั่วหานเข้าแล้ว ใบหน้าอันชราถูกดึงให้ตึงในทันที “นี่……”
“ขออนุญาตแนะนำให้ทุกท่านได้รู้จัก นี่คือภรรยาของผมครับ พอรู้ว่าวันนี้เป็นวันเกิดลูกชายของท่านปู่เสิ่นเธอก็ตั้งใจบินมาจากเมืองหลวงเพื่อมาร่วมงานเลยครับ”
ลั่วหานยื่นมือออกมา แล้วค่อยโค้งคำนับอย่างงดงาม “ต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่งที่ฉันมาสายค่ะ ขอแสดงความยินดีกับท่านปู่เสิ่น ยินดีกับคุณหญิงเสิ่นเป็นอย่างยิ่งเลยนะคะ”