คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป - ตอนที่ 419 ที่แท้ตระกูลเสิ่นก็เป็นอย่างนี้นี่เอง
ตอนที่ 419 ที่แท้ตระกูลเสิ่นก็เป็นอย่างนี้นี่เอง
ณ ใจกลางย่านการค้าCBD ถนนที่ยั้วเยี้ยเต็มไปหมด ถนนยกระดับหมุนวนอยู่เหนือเมืองใหญ่ พอถึงเวลาเลิกงานรถก็ติดจนไม่กระดิกเลย
ตอนที่เพิ่งออกจากบริษัทรถยังพอวิ่งได้อยู่เลย แต่พอวิ่งไปสักพักรถก็เริ่มติดแล้ว รถต่อแถวกันอย่างยาวเหยียด มองไปไกลห้าร้อยเมตรก็ยังมองเห็นแต่รถยนต์
รถของเจิ้งซินหลงเซียวขึ้นด้านหน้ารถของหลงเซียว ขับไปขับมาข้างหน้าก็ไม่ขยับแล้ว ถ้ารอให้ถนนโล่งละก็อย่างน้อยก็ต้องหนึ่งชั่วโมง ถ้าเป็นอย่างนี้คงไปไม่ทันแน่
เจิ้งซินกัดฟันแน่น “เปี้ย!” ตบเข้าที่พวงมาลัยอย่างแรง บ้าเอ๊ย ทำไมถึงต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย น่าจะคิดได้ตั้งแต่แรกแล้ว แต่เธอก็รีบร้อนที่จะมาเจอหน้าหลงเซียวมากเกินไปจนลืมเรื่องรถติดไปเลย
ช่วยไม่ได้ คงต้องโทรบอกหลงเซียวแล้ว แต่โทรศัพท์ของเขาก็สายไม่ว่าง จริงสิ เขาประชุมอยู่นี่นา
ถ้าไม่รีบก็จะไม่มีเวลาแต่งตัวแล้ว หรือว่าคืนนี้เธอต้องไปร่วมงานทั้งอย่างนี้เนี่ยนะ ไม่มีทาง
หลังส่งข้อความให้หลงเซียว เจิ้งซินก็ขับรถออกไปบนทางคู่ขนาน แล้วหาซอยอ้อมไปยังร้านเสื้อผ้า
หวังเจี้ยนที่อยู่ข้างหลัง พอเห็นสภาพการจราจรข้างหน้าแล้วก็หันไปถามว่า “ท่านครับ ทำยังไงดีครับ? ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปเราจะไปสายเอาได้นะครับ”
หลงเซียวมองไปข้างหลัง “ไม่เป็นไรครับ กลับรถไปวิ่งไปตามถนนเส้นหลักซีเจียง แล้วขึ้นทางด่วน คุณเจิ้งไปแล้ว เราก็ไม่ต้องรีบแล้วครับ”
“ครับท่าน”
หลงเซียวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาปรับโหมดให้กลับเป็นปกติ นิ้วที่เรียวงามของเขาสัมผัสไปยังแหวนที่สวมอยู่ตรงนิ้วนาง “ความสัมพันธ์ระหว่างเสิ่นคั่วกับเจิ้งเฉิงหลินเป็นยังไงบ้างครับ?”
“ถือว่าใช้ได้ครับ วันเกิดทุกปีของเสิ่นคั่ว ผู้อำนวยการเจิ้งก็จะไปร่วมทุกครั้งครับ คุณเจิ้งเองก็จะไปร่วมด้วยทุกครั้งครับ ว่ากันว่าส่วนตัวแล้ว เสิ่นคั่วกับเจิ้งเฉิงหลินพวกเขาเป็นเพื่อนกันครับ”
ถ้าอย่างนั้นแสดงว่าธุรกิจที่สกปรกของเสิ่นคั่วคงมีเจิ้งเฉิงหลินคอยจัดการให้อยู่ข้างหลังแน่ๆ ถึงสามารถล้างเงินที่สกปรกเหล่านั้นให้สะอาดขนาดนี้ได้ ถ้าไม่มีคนที่มีอำนาจคอยหนุนมันก็ไม่มีทางเป็นไปได้เลย
หลงเซียวเคาะนิ้วของตัวเอง “ของขวัญเตรียมมาเรียบแล้วนะครับ?”
“เรียบร้อยแล้วครับ ทั้งหมดสามชุด อยู่หลังรถแล้วครับ ทุกอย่างจัดตามที่ท่านสั่งเลยครับ”
“ดีมาก”
___
ณ โรงแรมสี่ตี้ ภายในห้องชุดชั้นบน
ลั่วหานอยู่ในชุดราตรีสีน้ำเงินมุข เป็นชุดยาวที่ลากยาวถึงพื้น เหมือนความงดงามมากมายถูกดูดมาอยู่ที่ตัวเธอแล้วเป็นความงามอันเป็นประกายจนไม่อาจละสายตาลงได้
ร่างกายที่ผอมเพรียว สวมใส่ชุดกระโปรงที่รัดรูป เผยส่วนเว้าส่วนโค้งของเธอออกมาได้อย่างชัดเจน เดิมทีหุ่นของเธอก็ดีมากอยู่แล้ว แค่แต่งตัวเพิ่มนิดหน่อยมันก็สามารถดึงดูดสายได้อย่างมากเลย
ยิ่งชุดที่ดูดีมีระดับชุดนี้ยังถูกทำขึ้นโดยนักออกแบบระดับโลกที่มีชื่อเสียงอีกด้วย มันถูกตัดออกมาให้เข้ากับสรีระร่างกายของเธออย่างมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นแบบหรือรายละเอียดปลีกย่อยต่างๆ ก็ถูกตัดเย็บออกมาอย่างสมบูรณ์ที่สุด
นั่งส่องกระจกแล้วแต่งหน้าอย่างเบาบาง แล้วทาลิปสติกสีแดงกุหลาบ ใบหน้าที่ขาวนวลเหมือนหิมะ ริมฝีปากก็ดูโดดเด่นเหมือนดอกเหมยกลางหิมะขึ้นมา งดงามจนหาที่เปรียบไม่ได้
คืนนี้ ถ้าเธอออกงานด้วยรูปลักษณ์แบบนี้ คงจะเชิดหน้าชูตาให้หลงเซียวได้มากแน่ๆ
จากนั้นเธอก็หยิบชุดสูทที่เตรียมไว้ให้หลงเซียวออกมาจากกระเป๋าเดินทาง แล้วเอามันใส่ไว้ในถุงใส่เสื้อใบใหญ่ ขาสองข้างที่เรียวยาวก้าวไปยังประตูของโรงแรม
จากเมืองหลวงมาที่เมืองเจียงเฉิง ลั่วหานไม่สามารถขับรถมาได้ การจะเดินทางไปร่วมงานเลี้ยงก็เลยกลายเป็นเรื่องยากเลย จะให้เรียกรถจากร้าน4s ก็คงไม่ทันแล้ว
ลั่วหานจึงกดเบอร์โทรหาลู่ซวงซวง เธอมักจะเข้าร่วมงานแฟชั่นโชว์อยู่บ่อยๆ จึงมีเพื่อนอยู่ทั่วประเทศเลย โทรหาให้เธอช่วยตัวไม่ผิดหวังแน่ๆ
“ฮัลโหล! ที่รัก นี่เธอไม่ได้ติดต่อฉันมานานมากแล้ว ในที่สุดก็คิดถึงฉันแล้วสินะ?” พอลู่ซวงซวงรับสายก็ทักทายเธอด้วยเสียงที่สูงลิ่ว มันแสบหูจนลั่วหานต้องเอามือถือออกห่างจากหูทันที
พอลั่วหานพูดถึงจุดประสงค์ที่โทรหาแล้ว ลู่ซวงซวงก็ร้องไห้เป็นการใหญ่ “ใจร้ายยยย โทรมาก็เพื่อต้องการให้ฉันช่วยหึ!! รอแป๊บหนึ่งนะ ในเมืองเจียงเฉิงฉันมีเพื่อนๆที่เป็นเศรษฐีอยู่หลายคนเลย ไปรับเธอด้วยรถหรูนั้นไม่ใช่ปัญหาเลยสักนิด แต่พอกลับมาแล้วเธอต้องเลี้ยงข้าวเพื่อเป็นการตอบแทนฉันเป็นอย่างดีเลยนะ!”
“ได้ค่ะ ขอบคุณนะ”
ลู่ซวงซวงถือว่าเป็นคนที่พึ่งพาได้มากจริงๆ ไม่ถึงยี่สิบนาทีก็มีไมบัคสีขาวคันหนึ่งมาจอดอยู่ข้างๆ ลั่วหานแล้ว คนทางนั้นรู้ดีว่าเธอคือภรรยาของหลงเซียว ระหว่างทางก็สุภาพกับเธอมาก หลังส่งรถเสร็จยังพูดกับเธออย่างสุภาพว่าวันหลังต้องเชิญลั่วหานไปดื่มชาให้ได้
ลั่วหานไม่ชอบเป็นแขกดื่มชาเป็นเพื่อนใครเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นรถละก็ เธอยินดี
ลั่วหานได้กรอกที่อยู่ที่ไป๋เวยส่งให้ลงในgps อืม จุดหมายอยู่ชานเมืองทางใต้ของเมืองเจียงเฉิง มันอยู่ภายในสวนส่วนตัวขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง รอบๆเป็นสนามแข่งม้าขนาดใหญ่ และยังมีสนามกอล์ฟที่มีระดับอยู่แถวนั้นด้วย หลังผ่านสวนสนุกนอกบ้านไปหลายหลัง ก็เจอเข้ากับสถาปัตยกรรมกอทิกโบราณหลังหนึ่ง
___
เจิ้งซินมาถึงก่อนหลงเซียวแป๊บหนึ่ง หลังจอดรถ เธอก็ส่องเข้าไปในกระจกมองหลังเพื่อเชยชมการแต่งตัวของตัวเองเธอค่อนข้างพอใจเลย!
แขกไปใครมา เจิ้งซินมองไปรอบๆ ด้วยความระมัดระวัง แล้วหยิบกระเป๋าถือของตัวเองขึ้นมา ภายในกองเครื่องสำอางมีขวดสีขาวเล็กขวดหนึ่งถูกซ่อนอยู่
หลงเซียวทำกับเธอเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เธอทนต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว เธอต้องการเขา ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปเขาจะต้องเป็นของเธอ ของเธอคนเดียวเท่านั้น
เธอต้องเอาเขามาครอบครองให้ได้ เธอไม่รออีกต่อไปแล้ว มันต้องคืนนี้แหละ
เธอปิดกระเป๋าลง สีหน้าของเจิ้งซินกลับเป็นดังเดิมอีกครั้ง อะไรที่เธออยากได้ที่ผ่านมาไม่เคยมีสิ่งไหนหลุดพ้นกำมือของเธอไปได้เลย
ได้โครงการไปแล้วมันจะยังไง? เธอทำให้เขาได้มาก็สามารถทำให้เขาสูญเสียไปได้เหมือนกัน
พอเห็นรถของหลงเซียวขับมาแต่ไกล เจิ้งซินก็เดินขึ้นมาข้างหน้าด้วยตนเอง
ไฟหน้ารถสาดส่องมายังตัวเธอ ทำเอาชุดราตรีสีชมพูที่เธอสวมใส่สว่างจ้าขึ้นมาทันที ชุดราตรีที่แสนรัดรูปถูกเธอสวมใส่จนดูเซ็กซี่มาก เธอเคลื่อนไหวไปอย่างน่าหลงใหล เส้นผมที่เหมือนเกลียวคลื่นของเธอกำลังถูกสายลมพัดผ่านเส้นผมที่กำลังโบกสะบัดให้ความรู้สึกนุ่มนวลอย่างบอกไม่ถูก มือที่เรียวยาว เอวที่บางเรียว ชั่วขณะหนึ่ง บรรดาแขกที่ยังไม่ได้เข้างานก็ถูกความน่าหลงใหลของเจิ้งซินดึงดูดสายตาเอาไว้
“หลงเซียวคะ ฉันกำลังรอคุณอยู่เลยค่ะ ในที่สุดคุณก็มาถึงสักที” เธอบิดเอวไม่มาอย่าภาคภูมิใจ ค่อยๆ ก้าวเท้ามาอยู่เบื้องหน้าของหลงเซียวอย่างสง่างาม แล้วค่อยๆ สอดมือเข้าไปในแขนของหลงเซียวอย่างช้าๆ เชิดคาที่แหลมคมของตัวเองขึ้น คอเชื่อเข้ากับไห้ปลาร้า ไห้ปลาร้าเชื่อมกับรอยเว้าที่ลากลึกลงไป แค่เพียงขยับตัวเบาๆ เกลียวคลื่นที่อวบอิ่มก็กระพือเข้าไปกระแทกตาของผู้คนรอบๆ แล้ว
ชุดสีชมพูที่ใส่แล้วควรจะดูน่ารักน่าเอ็นดู แต่นี่มันกลับกลายเป็นความเซ็กซี่เกินไปแล้ว
หลงเซียวงอแขนเล็กน้อย เขาที่อยู่ในชุดสูทไม่ได้แสดงการใดๆ ออกมาทางสีหน้าทั้งนั้น เพียงแค่พยักหน้าอย่างให้เกียรติแล้วพูดว่า “ขออภัยที่ทำให้คุณเจิ้งรอนานครับ”
“ถ้าเป็นคุณนานเท่าไหร่ฉันก็รอได้ค่ะ” มือทั้งสองข้างของเธอจับแขนของเขาไว้อย่างอ่อนโยน แล้วขยับตัวชิดเขาเข้าไปอีกนิดหนึ่ง
กลิ่นหอมกลิ่นหนึ่งบินโชยมา แค่เพียงครู่เดียวประสาทรับกลิ่นและพื้นที่โดยรอบก็อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมจากตัวเธอแค่เพียงหายใจก็รู้สึกชื่นใจแล้ว
บรรดาผู้มาร่วมงานต่างพากันเดินเข้างานไปทีละคู่ทีละคู่ วิลล่าที่หรูหราของตระกูลเสิ่น การออกแบบทั้งหมดนั้นเป็นแบบชนชั้นสูงสไตล์อังกฤษที่หรูหรา
เมื่อเดินเข้ามาในห้องโถงจะมีโต๊ะยาวตัวหนึ่งตั้งอยู่ มันยาวประมาณห้าหกเมตร ข้างบนมีโคมไฟคริสทัลแบบพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศสแขวนอยู่ แสงไฟที่เหมือนเพชรสาดส่องไฟทั่วบริเวณ ทำให้ทุกๆ มุมทุกๆ รายละเอียดในห้องโถงดูมีระดับขึ้นมาในทันที
ในมือของเสิ่นคั่วถือไม้เท้าที่ทำจากไม้แดงไว้ ผมสีขาวเงินถูกหวีมาอย่างเรียบร้อย ต่อให้ดูแลร่างกายดีขนาดไหนแต่รอยย่นบนหน้าผากแล้วรอยย่นตรงหางตาก็ยังไม่อาจปิดบังความชราภาพของเขาได้
โดยเฉพาะตอนที่เขายิ้ม ทั้งหน้ามีแต่รอยย่น ยิ่งทำให้แววตาที่ดุดันของเขาดูเลื่อนลอยมากขึ้นไปอีก เหมือนกับดวงตาของงูพิษที่หลบซ่อนอยู่ คอยเล็งหาเหยื่อพร้อมที่จะจู่โจมทุกเมื่อ
นี่คือครั้งแรกที่หลงเซียวได้เห็นหน้าเสิ่นคั่วแบบตัวเป็นๆ แววตาที่สุขุมของเขากระตุก เขาคือจิ้งจอกเถ้าดีๆ นี่เอง ทุกๆอิริยาบถของเขาก็แสดงให้เห็นเลยว่าเขาคือขิงแก่ที่อยู่ในตลาดนี้มานาน
ส่วนผู้หญิงที่ใช้สองมือประคองเขาไว้ก็คือภรรยาเก่าของหวังเค่ยจ้าวฟางฟางนั่นเอง ตอนนี้เธอกำลังยิ้มเหมือนดอกไม้คอยต้อนรับแขกที่มาร่วมงานกับเสิ่นคั่วอยู่ แลดูเป็นกันเองเหมือนคนที่ใจกว้างจริงๆ ซะจริงเชียว
“คุณหลงครับ ไม่นึกเลยว่าคุณจะยอมสละเวลามาร่วมงานนี้ด้วย ช่างเป็นเกียรติจริงๆ เลยครับ” เสิ่นคั่วแววตาที่แหลมคมเย็นเยือกมองมาทางหลงเซียวแต่ไกลอย่างไม่ละสายตา
แล้วทันใดนั้นเอง สายตาของแขกทั้งหมดในงานก็มุ่งตรงมาที่หลงเซียวกับเจิ้งซินที่กำลังควงแขนเขาอยู่
หลังเกิดความเงียบสงัดภายในห้องโถงไปพักหนึ่งเสียงซุบซิบค่อยกันก็ดังขึ้น เกาะกลุ่มกันสองสามคนคอยซุบซิบกันว่าหลงเซียวมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? แล้วเขากับลูกสาวของผู้อำนวยการเจิ้งเป็นอะไรกัน?
หลงเซียวสลัดมือของเจิ้งซินออกด้วยท่าทีที่เรียบเฉย ร่างกายที่สูงสง่าก้าวเดินมาข้างหน้า รองเท้าที่เงางามเสียดสีกับพื้นกระเบื้องจนเกิดเสียงดัง มุมปากที่แย้มออกเหมือนมีอะไรบางอย่างแอบซ่อนอยู่
“ท่านปู่เสิ่นครับ ผมมาโดยไม่ได้รับเชิญ หวังว่าคงไม่ทำให้คุณตกใจนะครับ”
เสิ่นคั่วความอำมหิตแวบหนึ่งวิ่งผ่านสีหน้าของเสิ่นคั่วไป แล้วเขาก็กลับมายิ้มแย้มอีกครั้ง “ไม่อยู่แล้วครับ คุณหลงเป็นถึงประธานของบริษัทMBK ผมเองกลับรู้สึกยินดีจนหยุดไม่อยู่แล้วครับ! คุณหลง เชิญครับ”
เจิ้งซินรีบก้าวเท้าแทรกเข้ามา แล้วเกาะแขนของเสิ่นคั่วด้วยความรักใคร่ “คุณลุงเสิ่นคะ หนูเป็นคนพาเขามาเองค่ะ คุณอาไม่โกรธนะคะ ตอนนี้คุณหลงเซียวเขามาบริหารงานอยู่ที่เมืองเจียงเฉิงนี่ คุณอาเป็นผู้ทรงอิทธิพลในเมืองเจียงเฉิงแห่งนี้ ต่อไปคงต้องให้คุณอาคอยดูแลคนหนุ่มสาวอย่างเราแล้วค่ะ!”
“ฮาฮา แน่นอนอยู่แล้ว! เพื่อนของเสี่ยวซิน ลุงต้องช่วยอยู่แล้ว! ทุกคนเชิญนั่ง”
หลงเซียวใช้มือหนึ่งกดส่วนล่างของเสื้อสูทเอาไว้ แล้วนั่งลงอย่างสง่างาม สายตากำลังพิจารณาบุคคลยี่สิบกว่าคนที่นั่งอยู่รอบๆ มีแต่พวกผู้บริหารและนักธุรกิจระดับสูงของเมืองเจียงเฉิงทั้งนั้นเลยนี่
เจิ้งซินนั่งอยู่ข้างๆ หลงเซียว เห็นได้ชัดเลยว่าระยะห่างของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างชิดกว่าของคนอื่นๆ เสิ่นคั่วกำลังพิจารณาพฤติกรรมของพวกเขาทั้งคู่ จากนั้นก็หรี่ตาแล้วถามขึ้นว่า “เสี่ยวซิน หนูกับคุณชายใหญ่หลงนั้นดูจะสนิทสนมกันมากเป็นพิเศษเลยนะ ไม่คิดจะแนะนำให้ทุกคนได้รู้หน่อยเหรอ?”
จ้าวฟางฟางพิจารณาหลงเซียว เธอจ้องเขาด้วยสายตาที่หิวกระหายอยู่พักหนึ่งอย่างไม่ยอมละสายตาลงเลย หลงเซียว เขาเป็นคนที่สามารถทำให้จิตวิญญาณของหญิงสาวสั่นคลอนได้จริงๆ!
เจิ้งซินยิ้มแย้มออกมาอย่างงดงาม “คุณลุงเสิ่นคะ อานี่ชอบแกล้งหนูอยู่เรื่อยเลย อาเองก็รู้อยู่แล้ว ยังจะให้หนูพูดอีก อานี่ละก็”
“ฮาฮาฮา! เขินเหรอ! คนก็พามาแล้ว ยังจะมาเขินอะไรอีก? ก็ได้ ถ้าหนูไม่ยอมพูด เดี๋ยวอาถามคุณชายใหญ่หลงเอง……”
เสิ่นคั่วยังไม่ทันได้ถามเลย ก็มีเสียงหัวเราะที่สดใสดังมาจากชั้นสอง “แหม๋ วันนี้นี่ช่างครึกครื้นจริงๆ เลยนะคะ! ไม่ได้มีเพียงแค่เพื่อนรักของคุณพ่อเท่านั้นที่มา แม้แต่คุณชายใหญ่ของเมืองหลวงก็ถูกเชิญมาด้วยหรือนี่!”
หลงเซียวเงยหน้าขึ้นไปมอง
ฉู่ซีหรานเดินบิดเอวลงมาจากบันไดพร้อมกับรอยยิ้มที่เยาะเย้ย “พี่เขย ไม่ได้พบกันนานเลยนะคะ!”
พี่เขยเหรอ?
พอฉู่ซีหรานเรียกขึ้นอย่างนั้น ทั่วห้องโถงก็อึ้งกันไปหมดเลย!
ดวงตาของเจิ้งซินเบิ่งกว้างในทันที “ซีหราน เธอพูดว่าอะไรนะ? พี่เขยเหรอ?”
ฉู่ซีหรานยังคงเหลียวมองมาที่หลงเซียว นั่นยิ่งทำให้บรรยากาศดูน่าสงสัยขึ้นไปอีก “ก็ใช่นะสิ! เขาคือพี่เขยของฉัน! เพียงแต่……ฉันเองก็รู้สึกแปลกใจมากเหมือนกัน ที่พี่เขยมาร่วมงานพร้อมกับคุณเจิ้งในวันนี้นั้น มาในฐานะอะไรเหรอคะ จะเป็นอย่างที่ฉันคิดหรือเปล่านะ?”
แก้วทรงสูงถูกนิ้วเรียวยาวของหลงเซียวควงเล่นอยู่ เหลียวมองมาที่ฉู่ซีหรานด้วยสายตาที่สุขุม รอยยิ้มอันเย็นเยือกที่อาจจะแช่แข็งคนที่เห็นได้!
“หือ? ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่?”
ฉู่ซีหรานกัดฟันในทันที “พี่เขยคะ เราต่างก็รู้ดูแก่ใจ แล้วจะมาแฉกันทำไมคะ แฉออกมาแล้วมันจะดูไม่ดีเอานะคะ”
หลงเซียวยังคงเรียบเฉย “ดูไม่ดียังไง? พี่เขยคนนี้ไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่เธอต้องการสื่อสักเท่าไหร่นะ”
“พี่เลิกเล่นละครได้แล้วค่ะ! คุณเจิ้งเป็นสมบัติล้ำค่าของผู้อำนวยการเจิ้ง อ่อนเยาว์และงดงาม พี่ก็แค่ถูกใจเธอเท่านั้นเองไม่ใช่เหรอคะ? ในบ้านมีเมียอยู่แล้ว จากนั้นก็หาสาวๆ สวยๆ ข้างนอก หรือพี่จะบอกว่ามันไม่จริงเหรอคะ! แต่น่าเสียดายที่มาถูกฉันเห็นเข้า! อ๋อ……ก็ว่าหล่ะ พี่กับพี่สาวที่น่ารักของฉันแต่งงานกันตั้งหลายปีแล้ว คงเบื่อแล้วสินะ? ฉันรู้อยู่แล้วว่าพี่สาวคนนั้นไม่มีทางจบอย่างมีความสุขได้หรอก!”
หลงเซียวหมุนแหวนในมือ แววตาแปรเปลี่ยนเป็นความอำมหิตที่เย็นเยือก พุ่งตรงไปยังดวงตาของฉู่ซีหราน เขาเริ่มพูดกับเสิ่นคั่วแต่ตากลับจ้องไปที่ฉู่ซีหราน
“ท่านปู่เสิ่นครับ ลูกสะใภ้ของคุณกำลังดูหมิ่นภรรยาของผม ดูถูกผม หลงเซียวผู้นี้นั้นโง่เขลานัก จึงอยากขอคำแนะนำจากคุณหน่อยว่าผมควรทำยังไงดีครับ?”