คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป - ตอนที่ 414 ลั่วหาน เธอเป็นสะใภ้ที่ดีจริงๆ
ตอนที่ 414 ลั่วหาน เธอเป็นสะใภ้ที่ดีจริงๆ
ภายในห้องชุดที่แสนเลิศหรู หลงเซียวนั่งอยู่บนโซฟาอย่างใจเย็น ข้างๆ มีกาแฟบลูเมาท์เท่นวางอยู่แก้วหนึ่ง
กลิ่นกาแฟหอมฟุ้งไปทั่วห้อง เขานั่งอยู่ท่ามกลางควันสีขาว ดูโดดเด่นเมื่ออยู่ท่ามกลางเฟอร์นิเจอร์เหล่านั้น
นิ้วมือที่เรียวยาวหยิบแก้วกาแฟขึ้นมา จิบไปหนึ่งคำ ค่อยๆ ก้มไปมองหน้าจอโน้ตบุ๊ค แล้วใช้นิ้วสองนิ้วเลื่อนเมาส์เพื่อจัดแจงข้อมูล
หลายนาทีต่อมา ชายหนุ่มที่สวมชุดเบสบอลสีดำก็ได้เดินออกมาจากห้อง เดินยักไหล่มาแล้วหยุดอิงอยู่ที่ขอบประตูจากนั้นก็ขำออกมา แล้วพูดออกมาเหมือนคนขอความดีความชอบว่า “นายใหญ่ครับ เก็บลายนิ้วมือเรียบร้อยแล้วครับครบทั้งสิบนิ้วเลย”
หลงเซียวเหลือบไปมองเขาทีหนึ่ง “รีบเอาลายนิ้วมือเหล่านั้นมาปลดล็อกเร็ว หลักฐานการทุจริตของเจิ้งเฉิงหลินนั้นอยู่ในมือของเจิ้งซิน ภายในโน้ตบุ๊คของเธอต้องมีเบาะแสอะไรซ่อนอยู่แน่”
ความรู้สึกที่สามารถควบคุมทุกอย่างไว้ในกำมือนั้นแผ่ซ่านออกมาอยู่รอบตัวเขา ทั้งๆ ที่เป็นเพียงท่าทางที่ดูไม่ค่อยใส่ใจอะไร ทั้งๆ ที่เป็นเพียงคำพูดที่ดูเกียจคร้าน แต่มันก็ทำให้คนที่ได้ยินนั้นอยากจะทำตาม
ชายที่ยืนอิงอยู่หน้าประตูเดินมาอยู่ตรงหน้าเขา แล้วนั่งลงบนโซฟา “นายครับ ก่อนหน้านี้ผมยังถามตัวเองอยู่เลยว่าทำไมผมถึงต้องเชื่อฟังคำสั่งของคุณ ทำตามทุกอย่างที่คุณสั่งด้วย? ค่าจ้างที่คุณให้ผมก็เหมือนจะไม่เยอะด้วย แต่ตอนนี้ผมก็ได้รู้แล้วครับ นั่นก็เพราะว่าในตัวของนายท่านนั้นมีราศีของราชาอยู่! มันเหมือนบารมีที่สามารถสั่งให้ทุกคนคุกเข่าลงต่อหน้าได้”
หลงเซียวหันไปยิ้มให้เขาอย่างใจกว้าง พร้อมกับแววตาที่ดูสูงส่ง “จางหย่ง หลายปีที่คุณติดตามผมมานี้ผมไม่เคยปฏิบัติอะไรที่มันผิดต่อคุณเลยใช่ไหม? ทำไมอยู่ๆ ถึงมาบ่นเรื่องค่าจ้างกับผมแบบนี้หล่ะ?”
จางหย่งรีบส่ายหน้า แย้มปากขึ้นแล้วยิ้มไป “ไม่ใช่อย่างนั้นอยู่แล้วครับ สิ่งที่ผมนับถือในตัวท่านคือหลักการเป็นมนุษย์ครับ ส่วนเรื่องเงินนั้น พูดแล้วสัมพันธ์ก็สั่นคลอน!”
จางหย่งนั้นคือหนึ่งในลูกน้องคนสนิทที่ไว้ใจได้ของหลงเซียว ตำแหน่งสูงพอๆ กับจี้ตงหมิง เพียงแต่จี้ตงหมิงเป็นคนที่คอยทำงานเบื้องหน้าให้หลงเซียว ส่วนจางหย่งนั้น ทุกคนต่างรู้ดีว่าการทำงานของหลงเซียวจะทำทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลังควบคู่กันไป แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าคนที่ทำงานในเงามืดให้เขานั้นคือใคร
หลงเซียวจิบกาแฟ เหมือนรสชาติของกาแฟแก้วนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะคิ้วของเขาขมวดไปทีหนึ่ง “หือ? คุณบอกว่าความสัมพันธ์สั่นคลอนอย่างนั้นเหรอ? ดูท่าต่อไปผมคงไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าจ้างให้คุณอีกแล้วสินะ”
จางหย่งแทบจะทรุดลงมาคุกเข่าจากโซฟาในทันที แม่งเอ๊ย ทำตัวหัวสูงไปหน่อย “คือว่า……นายครับ หน้าที่ที่ผมรับจากคุณมันยากที่จะได้เจอหน้าจริงๆ ของคุณ ผมทำฉายเดี่ยว ส่วนคุณก็ทำตัวเป็นคุณชาย วันนี้อุตส่าห์ได้พบหน้ากันแล้วคุณช่วยเลี้ยงผมหน่อยได้ไหมครับ? ในเมืองเจียงเฉิงนี้มีบาร์ดีอยู่หลายที่เลย หลากหลายรูปแบบหลากหลายสไตล์”
งานที่จางหย่งได้รับจากหลงเซียวนั้นมักจะต้องออกปฏิบัติการในตอนกลางคืน เช่นสืบหาหลักฐานการมีชู้ของจ้าวฟางฟางการช่วยหลงเซียวหาข้อมูลที่อเมริกา การช่วยหลงเซียวขโมยลายนิ้วมือของเจิ้งซินเป็นต้น
มันยากนะโว้ย!
หลงเซียวมองไปที่ข้อมือ ตอนนี้ก็ห้าทุ่มครึ่งแล้ว “ไม่ไป ภรรยาที่บ้านสั่งมา รีบนอนรีบตื่น”
จางหย่งถูกหลงเซียวเล่นซะจุกเลย “……นายครับ……นายนี่ช่าง……โอเคครับโอเค เหตุผลนี้ผมยอมรับก็ได้ แต่ว่านายครับ ผมทำภารกิจครั้งนี้สำเร็จแล้วก็น่าจะมีโบนัสให้ผมอยู่ใช่ไหมครับ? ผมเองก็ต้องเก็บตังค์แต่งงานเหมือนกันนะครับ”
หลงเซียวเม้มปาก “พูดถึงเงินไม่หยุดแบบนี้ความสัมพันธ์ไม่สั่นคลอนแล้วเหรอ?”
จางหย่งเพิ่งยกหินที่ทับขาออกมาได้ แล้วตอนนี้มันก็เด้งกลับมาหาเขาอีกครั้ง พลังในการทำลายล้างก็หนักอยู่เหมือนกัน “แหะๆ แหะ นายครับ……ระหว่างเราไม่มีความสัมพันธ์อะไรให้สั่นคลอนสักหน่อยครับ แหะๆ แหะ”
หลงเซียวยังคงก้มมองหน้าจออยู่ แววตาเรียบเฉย น้ำเสียงผ่อนคลาย “ในเมื่อคุณบอกว่าเราไม่มีความสัมพันธ์ให้ต้องเสียแล้ว แบบนี้ผมยังต้องให้โบนัสคุณอีกเหรอ?”
จางหย่งเป็นชายกล้ามโตที่อัธยาศัยดี ส่วนด้านไหวพริบนั้นเห็นได้ชัดเลยว่าเทียบกับหลงเซียวไม่ติดเลย ดังนั้นเขาถึงแพ้ให้กับหลงเซียวไปอย่างง่ายดายเลย เขาหน้าเสียไปเลย เขาเบะปากอย่างแค้นเคือง “ไม่เล่นกับคุณแล้ว โดนคุณเล่นเข้าอีกแล้วเนี้ย!”
หลงเซียวหัวเราะออกมา “พอแล้ว งานนี้จะสำเร็จไม่ได้ถ้าไม่มีคุณอยู่แล้ว คุณอยู่กับผมมาสิบปีแล้วใช่ไหม? ผมเคยเอาเปรียบคุณด้วยเหรอ?”
“ฮาๆฮา! ใช่ครับ! ผมรู้อยู่แล้วว่านายท่านนั้นปากแข็งแต่ใจดี งั้น……ผมไปก่อนนะครับ แต่จะว่าไป นายครับ เจิ้งซินเองก็หน้าตาใช้ได้เลยแถมหุ่นก็ดี ยังไงพี่สะใภ้ก็ไม่อยู่ที่เมืองเจียงเฉิงอยู่แล้ว คุณคนเดียวกับค่ำคืนที่ยาวนานแบบนี้ไม่เปล่าเปลี่ยวหัวใจบ้างเหรอครับ? มีสาวสวยนอนอยู่บนเตียงแบบนี้แล้วคุณรู้อยู่แล้วนี่ว่าควรทำยังไงจริงไหมครับ?”
จางหย่งกะพริบตาปริบๆ ยิ้มออกมาอย่างเย้ายวน
หลงเซียวเงยหน้าขึ้นมา ริมฝีปากฉีกออก “ไสหัวไป”
“ฮาๆ งั้นผมไสหัวไปก่อนนะครับ!”
พอคนไปแล้ว นิ้วของหลงเซียวก็แตะอยู่ตรงแก้วกาแฟ สิบปีแล้วสินะ……ที่เขาช่วยจี้ตงหมิงกับจางหย่งเอาไว้ เรื่องในตอนนั้นยังคงชัดเจนอยู่เลย
ถึงแม้เวลาจะผ่านไปเนิ่นนานขนาดนี้แล้วก็ตาม แต่ปัญหาเมื่อสิบปีก่อนยังไม่คลี่คลายเลย
ดวงตาหรี่ลง หลงเซียวหายใจเข้าลึกๆ มองไปนอกหน้าต่าง แล้วหันกลับไปมองที่ห้องนอน สีหน้าดูไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
เขาหยิบโทรศัพท์ของโรงแรมขึ้นมา “ช่วยเปิดห้องชุดให้ผมห้องหนึ่งครับ ตอนนี้เลย”
___
เนื่องจากเท้าของลั่วหานได้รับบาดเจ็บ การผ่าตัดในหลายวันนี้จึงปล่อยให้คนอื่นทำไป อาการของคนไข้หลายๆ คนในรายการตอนนี้ก็เริ่มทรงตัวแล้ว ส่วนคนไข้ใหม่ๆ ที่เข้ามาก็ยังไม่เหมาะที่จะผ่าตัด
คิดแล้วมันก็บังเอิญจริงๆ เพราะถ้าเกิดว่าจู่ๆ มีเคสฉุกเฉินเข้ามาละก็ ลั่วหานเองก็ไม่รู้ว่าจะสามารถยืนอยู่ตรงนั้นติดต่อกันหลายชั่วโมงได้ไหวหรือเปล่า
หลังจากตรวจตามห้องคนไข้ไปรอบหนึ่งในคืนนี้ ลั่วหานก็ขับรถกลับไปที่วิลล่า
ช่วงหลังๆ มานี้เธอมักจะกลับบ้านช้ากว่าปกติ เพราะไม่อย่างนั้นการอยู่ในวิลล่าหลังใหญ่แบบนั้นเพียงลำพังมันจะยิ่งทำให้เธอคิดถึงเขามากยิ่งขึ้นไปอีก
พอรถของลั่วหานขับมาถึงหน้าประตูของวิลล่า ก็ได้มีรถลิงคอล์นคันดำจอดอยู่นอกวิลล่าแล้ว แสงไฟสีส้มจากไฟข้างทางส่องไปยังหลังคารถ มองจากที่ไกลๆ รถคันนั้นก็ให้ความรู้สึกแบบเหงาหงอยอย่างบอกไม่ถูก
แต่ ลั่วหานสามารถจำมันได้ในทันที มันเป็นรถที่ถูกขับมาจากตระกูลหลง เพื่อเป็นการอวดรวยรถหลายคันของตระกูลหลงจึงมีป้ายทะเบียนที่เรียงกันมา
67 67 68อะไรประมาณนี้ ปกติส่วนลิงคอล์นคันนี้คน หยวนชูเฟินเลขลงท้ายด้วย67
หยวนชูเฟินเธอมาทำอะไรที่นี่?
ลั่วหานขับเข้าไปด้วยความสงสัย จอดรถไว้ข้างหลังของลิงคอล์นคันนั้น แต่แล้วประตูรถก็ค่อยๆ เปิดออกมาเห็นว่าเธอมาถึงแล้ว
หยวนชูเฟินลงมาจากที่นั่งด้านหลังโดยสวมแว่นดำอันใหญ่เอาไว้ นี่ดึกมากแล้วนะ เธอสวมชุดกระโปรงยาวสีดำทั้งชุดสะพายกระเป๋าผ้าไหมสีดำเอาไว้ มันดูประหลาดๆ ยังไงไม่รู้ อย่างกับว่าจะไปร่วมงานศพใครอย่างนั้นแหละ
“แม่คะ ทำไมแม่ไม่เข้าไปหล่ะคะ? มีคนรับใช้อยู่ด้วยค่ะ”
หยวนชูเฟินไม่ได้ถอดแว่นดำออก กดเสียงให้ต่ำลงแล้วพูดว่า “ฉันรอหนูอยู่ วันนี้ทำโอเหรอ?”
ลั่วหานรู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก เนื่องจากเธอคือแม่ของหลงเซียวด้วย ให้ผู้ใหญ่มารอแบบนี้มันดูไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่ “พอดีมีธุระค่ะ เลยกลับมาช้าหน่อย แม่คะ เข้าไปข้างในกัน”
ลั่วหานเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบสัมผัสใครมากนัก เธอจึงไม่ได้ยื่นมือไปจูงมือหยวนชูเฟินเข้าไป ไม่กี่นาทีต่อมา ทั้งสองคนก็เข้ามานั่งอยู่ในห้องโถงของวิลล่าเรียบร้อยแล้ว
หยวนชูเฟินถึงได้ถอดแว่นดำออก แสงไฟที่สวยงามจากโคมไฟที่แขวนอยู่สาดส่องลงมา แล้วลั่วหานก็ได้ตกใจกับสิ่งที่เห็น ดวงตาทั้งคู่ของเธอที่บวมแดงเหมือนลูกวอลนัต ไม่รู้เป็นเพราะร้องไห้หรือโดนทำร้ายมากันแน่ มันบวมจนปูดออกมาแล้ว เห็นเพียงดวงตาที่เล็กเหมือนกับเข็ม
“แม่คะ ตาของแม่ไปโดนอะไรมาคะเนี่ย? เดี๋ยวหนูไปเอาน้ำแข็งมาประคบให้นะคะ”
หยวนชูเฟินดึงมือของลั่วหานเอาไว้ อดกลั้นรอยยิ้มที่ขมขื่นเอาไว้ “เรื่องภายในครอบครัวไม่ควรให้คนอื่นมายุ่ง…… แม่ไม่ควรมาหาหนูเลย แต่พอคิดไปคิดมาแล้ว ณ ตอนนี้ นอกจากหนูแล้วก็ไม่มีใครให้ไปหาแล้ว…… ลั่วหาน ตาของแม่ พ่อของหลงเซียวเป็นคนทำเอง เรา……เราสองคนมีปากเสียงกัน เขาก็เลยลงไม้ลงมือกับแม่แบบนี้”
อะไรวะเนี่ย!
เป็นสามีภรรยากันมาจนอายุปูนนี้แล้วยังจะลงไม้ลงมือกันอีก! หลงเซียวแกนี่มันเลวได้ใจจริงๆ!
ลั่วหานรู้สึกเหนื่อยใจ เห็นหน้าเธอที่กลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว จึงได้ถามไปอย่างเป็นห่วงเป็นใยว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้นคะ? ทำไมพ่อต้องทำร้ายแม่ด้วย?”
หยวนชูเฟินส่ายหน้าอย่างขมขื่น จากนั้นก็ใส่แว่นดำเข้าไปดังเดิม “ช่วงนี้ เซียวเอ๋อถูกส่งไปบริษัทลูกที่เมืองเจียงเฉิง ดูผิวเผินก็เหมือนว่าจะให้เขาไปบริหารบริษัทลูก แต่ความจริงแล้ว พ่อเขาอยากจะลดทอนอำนาจในมือของหลงเซียวลงต่างหาก ตอนนี้หลงจื๋อก็ได้ขึ้นมารับตำแหน่งประธานแทนหลงเอ๋อไปเป็นการชั่วคราวแล้ว หนูรู้เรื่องนี้ไหม?”
ลั่วหานหรี่ตามองเธอด้วยความสงสัย “เสี่ยวจื๋อเหรอคะ? งั้นก็แสดงว่า พ่อเขาปล่อยให้ตำแหน่งของหลงเซียวว่างไปแล้วใช่ไหมคะ?”
ชิ! รู้อยู่แล้วว่ามันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก!
หยวนชูเฟินต้องไม่ยอมพูดมาตรงๆ อยู่แล้วว่าหลงเซียวไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของหลงถิง ส่วนหลงถิงเองก็เกลียดพวกต่างชาติอย่างสุดขีด เขาถึงอยากจะกำจัดหลงเซียวออกไป แต่เธอก็พูดไปอย่างกลางๆ ว่า “เพื่อความสำเร็จแล้วอาจต้องมีคนเสียสละบ้าง หนูเองก็น่าจะรู้ดี ชื่อเสียงของหลงเซียวที่อยู่MBKในวันนี้ได้กลบพ่อของเขาจนมิดแล้ว พ่อเขายังไม่อยากยกบริษัทออกมาในตอนนี้ เขาจึงพยายามกดหลงเอ๋อเอาไว้”
พอลั่วหานฟังถึงตรงนี่เธอก็เข้าในขึ้นมาในทันที เธอจึงไม่ได้สงสัยหรือถามอะไรต่อ “แล้วที่แม่มาหาหนูถึงที่นี่แม่อยากให้หนูช่วยอะไรคะ?”
หลงถิงไอ้จิ้งจอกเฒ่า กับหยวนชูเฟินที่เป็นคู่ครองกันมาสามสิบกว่าปีจะสะอาดไปได้ขนาดไหนกันเชียว?
พอเห็นลั่วหานถามมาตรงๆ แบบนี้ หยวนชูเฟินจึงได้ตอบไปว่า “หลงจื๋อนั้นฟังที่หนูพูดมาโดยตลอด หนูช่วยไปเกลี้ยกล่อมเขาหน่อยนะ บอกให้เขาล้มเลิกความตั้งใจซะ เดิมทีหลงจื๋อก็ไม่ได้ชอบที่จะเป็นนักธุรกิจอยู่แล้ว หนูไปรับปากกับเขาว่า ถ้าเขายอมรามือละก็จะสร้างสถานบันเทิงที่เมืองนอกให้เขาสนุกได้อย่างเต็มที่เลย”
อ๋อ อย่างนี้นี่เอง!
ลั่วหานมองดูดวงตาที่ถูกปิดไว้ของหยวนชูเฟินคู่นั้น ทำให้เธอนึกถึงอีกเรื่องหนึ่งขึ้นมา หลงจื๋อไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของเธอถ้ามีการแก่งแย่งอำนาจเกิดขึ้น แม่ของทั้งสองฝ่ายก็ต้องเข้าข้างลูกชายของตนเองเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว
ที่เธอมาพูดอะไรแบบนี้ในวันนี้ ทุกอย่างก็เพื่อผลประโยชน์ของตัวหลงเซียวเองทั้งนั้นแหละ
พอมองไปอีกมุมหนึ่ง หลงเซียวเขาทำอะไรผิด? แต่ว่าหลงเซียวก็แค่ถูกหลงถิงกดขี่เท่านั้น ถ้าจะบอกว่าใครน่าสงสารละก็ หลงจื๋อยังดูน่าสงสารมากกว่าเยอะเลย……
ทุกวันนี้แม้แต่หน้าของแม่ตัวเองยังเจอไม่ได้เลย
พอคิดได้อย่างนั้น เธอก็ทำสีหน้าให้ความร่วมมือมาก “แม่สบายใจเถอะค่ะ เดี๋ยวหนูจะหาเวลาไปคุยกับเสี่ยวจื๋อดูค่ะ”
“ได้จ่ะ แค่หนูรับปากมันก็ดีมากแล้ว ลั่วหาน หนูช่างเป็นลูกสะใภ้ที่ดีจริงๆ” หยวนชูเฟินกุมมือของลั่วหานเอาไว้อย่างรักใคร่ แล้วชมอย่างรักใคร่ไปอีกหนึ่งคำ
ลั่วหานยิ้มออกมา “มันเป็นเรื่องปกติค่ะ ก็หนูเป็นภรรยาของหลงเซียวหนิคะ”
คำว่าภรรยาถูกพูดออกมาอย่างไร้ข้อกังขา
พอหยวนชูเฟินพูดเป้าหมายของตัวเองเสร็จเธอก็จากไปเลยและไม่ได้ถามไถ่ลั่วหานเกี่ยวกับเรื่องอื่นด้วย ดังนั้น……แม่ของคุณหลงก็ยังเป็นห่วงแค่ลูกชายของตัวเองเท่านั้นสินะ!
รถของหยวนชูเฟินถูกขับออกจากวิลล่า เธอถอดแว่นดำลง แล้วขยี้ตาอย่างปวดใจ “สุดท้ายก็ถูกฉันพูดจนยอมใจอ่อนดูท่าตาคู่นี้จะไม่ได้เจ็บฟรีจริงๆ ด้วย”
หลังจะพึมพำกับตัวเองแล้ว น้ำเสียงของหยวนชูเฟินก็ได้เปลี่ยนไป “เดี๋ยวพอกลับถึงบ้านแล้วรู้ใช่ไหมว่าควรต้องพูดว่าอะไร?”
คนขับรถพยักหน้า “ทราบครับ ผมจะทำตามที่คุณนายสั่งทุกอย่างเลยครับ”
“ดีมาก ถ้าพูดอะไรผิดแม้แต่คำเดียว ฉันจะให้แกออกจากตระกูลหลงไปตลอดกาลเลยคอยดู!”
อีกด้านหนึ่ง หลังจากที่ลั่วหานส่งหยวนชูเฟินกลับไปแล้ว โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น
น่าแปลก เพราะคนที่โทรมาคือ เจิ้งซิ่วหยา
รับสาย แล้วลั่วหานก็เดินตามทางเดินของวิลล่าไป “คุณเจิ้งคะ”
อีกฟากของโทรศัพท์ เจิ้งซิ่วหยาเหมือนกำลังยุ่งอยู่มาก เดี๋ยวก็เสียงฉีกพลาสติก เดี๋ยวก็เหมือนมีอะไรถูกทำตก เสียงปนกันวุ่นวายไปหมด
“อ้า! คุณหมอฉู่คะ ช่วยคนสำคัญที่สุดค่ะ คุณรีบมาที่บ้านฉันได้ไหมคะ ถังจิ้นเหยียนเขา……ตัวร้อนมากเลยค่ะ! ร้อนมากๆ เลย ตอนนี้ฉันไม่รู้ว่าต้องทำยังไงแล้วค่ะ?”
ลั่วหานรู้สึกตกใจกับสิ่งที่เธอพูด จิ้นเหยียนไม่ค่อยป่วย “ส่งโลเคชั่นของบ้านคุณให้ฉันหน่อยค่ะ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้เลยบอกฉันหน่อยว่าตอนนี้สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง อุณหภูมิร่างกายเท่าไหร่ ไอไหม? หายใจหอบไหม?”
“สามสิบแปดองศาค่ะ ตัวร้อนจี๋เลย! เขาจะไม่ร้อนจนเอ๋อใช่ไหมคะ?!”
จะเป็นลม! มีใครเขาพูดกับแฟนตัวเองแบบนี้ไหมเนี่ย?
“ฉันเข้าใจแล้วค่ะ ทำให้เขาตัวเย็นลงก่อน ช่วยรอฉันก่อนนะคะ”