คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป - ตอนที่ 388 เมืองเจียงเฉิง มีความลับอะไรกันแน่นะ
ตอนที่ 388 เมืองเจียงเฉิง มีความลับอะไรกันแน่นะ
เมืองเจียงเฉิง สนามบิน
หลงเซียวถึงเมืองเจียงเฉิงเมื่อเวลาเที่ยงวัน12:00นาฬิกาปาเต็กฟิลิปป์า
ผู้รับผิดชอบโครงการเมืองเจียงเฉิงขับรถมาต้อนรับที่สนามบินด้วยตัวเอง ผู้รับผิดชอบอายุประมาณสี่สิบห้าปีมีหน้าท้องชัดเจน มองดูหลงเซียวที่ร่างสูงสง่าจากไกลๆ ผู้รับผิดชอบเดินมารับอย่างสุภาพ “ท่านประธาน สวัสดีครับ สวัสดีครับ ผมรอคอยอยู่ที่นี่มานาน สุดท้ายคุณก็มาแล้ว”
ใบหน้าผู้รับผิดชอบเต็มไปด้วยรอยยิ้ม สุภาพมาก เอาใจใส่เก่ง ประจบเก่ง
แต่ใบหน้าหลงเซียวไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ แววตาที่สับสนของเขามองไปยังท้องฟ้าของเมืองเจียงเฉิง ประเมินผู้รับผิดชอบอย่างไม่มีทางจบสิ้น แล้วกล่าวอย่างโทนเสียงต่ำแต่มีพลังว่า “โครงการที่นั่นเป็นไงบ้างแล้ว?”
ผู้รับผิดชอบเห็นเขาพูดประโยคแรกก็ถามถึงโครงการเลย ก็หัวเราะต่อ “ท่านประธานบอกว่าคุณมารับมือขับเคลื่อนโครงการต่อ รัฐบาลที่นี่กดดัน ไม่ให้ตึกสูงของเรา สร้างตามความสูงของแบบแปลนเดิม ดังนั้น จึงต้องการคุณมาสื่อสารดำเนินการง่ายๆกับรัฐบาลในท้องถิ่น”
หลงเซียวเหอะอย่างเด็ดขาด สื่อสารง่ายๆ? พูดง่ายจริงๆ
ร่างที่สูงสง่าค่อยๆก้มลง แล้วนั่งลงในรถหรู หลงเซียวนั่งอยู่เบาะหลัง ทับขาสองข้างเข้าด้วยกัน
“เอาเอกสารสำคัญเกี่ยวกับโครงการมาให้ผม แล้วก็ข้าราชการระดับสูงทุกคนของเมืองเจียงเฉิง รายชื่อที่เกี่ยวข้องกับผู้รับผิดชอบของแต่ล่ะฝ่าย เขียนมาอย่างละเอียด”
“ได้ครับได้ครับ พวกเราจะทำให้อย่างรวดเร็ว”
หลงเซียวมองเขาอย่างเยือกเย็น “รีบ? ผมให้คุณทำตั้งแต่ตอนนี้”
ผู้รับผิดชอบโดนแรงกดดันของหลงเซียว ไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีกเลย กล่าวอย่างยิ้มๆ “ครับครับครับ ผมจะทำเดี๋ยวนี้ ทำตอนนี้ ทำตอนนี้”
ผู้รับผิดชอบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดไปที่เบอร์หนึ่ง ไม่นานก็มีคนรับ เขาส่งมอบงานที่นี่
วางสาย แล้วพูดอย่างสุภาพว่า “ท่านประธาน อีกสักพักเอกสารจะถูกส่งไปที่พักของท่าน ท่านจะนอนโรงแรมหรือว่า……”
ไม่รอให้เขาพูดจบหลงเซียวก็ตัดบท แล้วพูดสั้นๆ “โรงแรม”
“ได้ครับได้ครับ ผมจะไปส่งคุณที่โรงแรมเดี๋ยวนี้”
ได้ฟังสำนักงานใหญ่บอกว่าหลงเซียวจะจัดการธุระที่นี่เป็นเวลานาน ดังนั้นเขาจึงได้จัดเตรียมคอนโดหรูหนึ่งห้องให้กับหลงเซียวก่อนหน้านี้แล้ว แล้วยังจัดคนทำความสะอาดให้เขาด้วย
ตอนนี้ได้ยินเขาพูดว่าจะนอนโรงแรม ผู้รับผิดชอบเริ่มเหงื่อไหล ทำไมสิ่งที่ท่านประธานพูด กับสิ่งที่ท่านประธานพูดต่างกันนะ!
หลงเซียวนั่งรถกลับโรงแรม ผู้รับผิดชอบก็เอาเอกสารที่เกี่ยวข้องส่งมาพอดี หลงเซียวไม่หยุดพัก เปิดดูเอกสารรายชื่อที่เกี่ยวกับหน่อยงานที่เกี่ยวข้องไปเรื่อยๆ แล้วล็อคไว้ไม่กี่ชื่อ
นิ้วที่ไว้เล็บยาวสวยเปิดปากกาหมึกซึมสีดำออกมาแล้วเขียนชื่อเหล่านั้นกล่าวอย่างน้ำเสียงสงบว่า “นัดคนเหล่านี้ออกมาให้ผมหน่อย”
ผู้รับผิดชอบเห็นรายชื่อบนนั้น ตกใจชั่วขณะ คนพวกนี้ ไม่ใช่ว่าให้นัดแล้วจะนัดได้นะครับ
ผู้รับผิดชอบยังไม่ขยับ เสียงของหลงเซียวก็ดังขึ้นมาอีก “ทำไม? ยังไม่ไปอีก รอให้ผมเลี้ยงกาแฟคุณหรอ?”
ผู้รับผิดชอบเช็ดเหงื่อแล้วเช็ดเหงื่ออีก “ไม่ใช่ครับไม่ใช่ครับ ผมไม่ได้มีความหมายอย่างนั้นแน่นอนครับ แต่ทว่าท่านประธานครับ คนเหล่านี้เป็นประธานระดับสูงของเมืองทั้งนั้น ถ้านัดโดยตรงเกรงว่าจะไม่เหมาะสมมั้งครับ? ตอนนี้คนที่เป็นข้าราชการล้วนกลัวถูกจับตามอง คุณว่า พวกเราไปเยี่ยมด้วยตนเองสักหน่อยไหมครับ?
ให้เขาไปเยี่ยมด้วยตนเอง? เหอะ!
หลงเซียวประเมินผู้รับผิดชอบด้วยแววตาอันยากที่จะหยั่งรู้ แล้วกล่าวด้วยโทนเสียงต่ำอย่างเย็นชา “กลัวมีปัญหา? ถ้ากลัวปัญหา คุณลาออกไปจากตำแหน่งนี้ได้นะ ยังไงก็มีคนที่ชอบแก้ปัญหาแบบนี้อยู่นะ”
โดนหลงเซียวบีบกดดันจนหายใจไม่สะดวก ผู้รับผิดชอบได้เพียงพยักหน้า “ผมหาวิธีจัดการให้สำเร็จครับ ท่านประธาน คุณเพิ่งลงจากเครื่องบิน พักผ่อนที่นี่ก่อนนะครับ เดี๋ยวผมนัดคนออกมาได้จะติดต่อคุณนะครับ”
หลงเซียวพยักหน้าตอบรับ แล้วโบกมือให้เขาออกไปจากห้องชุดขอโรงแรม
สักครู่ ร่างที่สูงยาวยืนที่กระจกยาวถึงพื้น หลงเซียวมองดูเมืองนี้ พูดอย่างเบาๆ “เมืองเจียงเฉิง……”
ที่นี่มีอากาศหนาวจางๆ เกรงว่าจะไม่เจริญและสงบอย่างที่คิดไว้?
ถึงแม้เมืองเจียงเฉิงเทียบไม่ได้กับเมืองหลวงที่ใหญ่และมีทรัพยากรสมบูรณ์ แต่นี่เป็นที่รวมตัวของธุรกิจมากมาย เป็นเมืองธุรกิจอันดับต้นๆของประเทศ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาคนของตระกูลเสิ่นก็มาทำธุรกิจเจริญรุ่งเรืองที่นี่ ค่อนข้างมีอิทธิพล
ถึงแม้เสิ่นเหลียวจะลงจากตำแหน่งแล้ว แต่พ่อของเขาก็ยังกุมที่ดินจำนวนมากไว้อยู่ แล้วยังมีธุรกิจตกทอดเป็นร้อยปีของตระกูลเสิ่นอยู่ที่นี่ด้วย พี่ใหญ่และพ่อของเสิ่นเหลียวเป็นคนที่อยู่ในวงการมืดและขาว ข้าราชการในเมืองเจียงเฉิงน่าจะกลัวพวกเขา ไม่น้อย
หากไม่มีข้าราชการเข้ามาดูแลกิจการ ตระกูลเสิ่นจะอยู่อย่างสงบไม่มีเรื่องมาสิบปีได้อย่างไร?
หากอยากปลดล็อคช่องทางของเมืองเจียงเฉิง เกรงว่าคุณชายใหญ่ตระกูลเสิ่นนั้น จะต้องขยับแล้ว
พิงอยู่หน้ากระจกอย่างอ่อนล้า หลงเซียวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วพิมพ์ข้อความหนึ่งฉบับ “ภรรยา ผมถึงเมืองเจียงเฉิงอย่างปลอดภัยแล้ว ที่นี่ทุกอย่างโอเคหมด”
ตอนได้รับข้อความของหลงเซียว ลั่วหานใช้ช่วงเวลาทานข้าวนั้นปรึกษากับหวังเค่ยเรื่องการฟ้องร้อง
หันไปมองเห็นหน้าจอโทรศัพท์ขึ้นเป็นชื่อแล้วสว่างมา บังคับปากไม่ได้จนต้องยิ้มออกมา หยิบโทรศัพท์ขึ้น เห็นแล้วเหมือนกับสัมผัสได้ถึงไออุ่นบนตัวเขา
พอจะเดาได้ว่าเขาไปเมืองเจียงเฉิงครั้งนี้มีเรื่องต้องสะสางอย่างมาก ลั่วหานจึงไม่ได้บอกสถานการณ์ทางนี้ให้เขาฟัง ไม่อยากให้เขาเป็นห่วง ยิ่งรู้สึกว่า ตนเองสามารถจัดการได้อย่างดี
ลั่วหานวางโทรศัพท์ลงแล้วกล่าวต่อ “หวังเค่ย ทนายความพวกนี้มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองหลวง ฉันเชื่อว่าสามารถให้คำปรึกษาด้านกฎหมายที่ครบถ้วนได้
หวังเค่ยกำลังดูรายชื่อทนายความ แล้วพยักหน้า “ทนายความเหล่านี้……ล้วนเป็นพวกที่สู้คดีให้กับบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งนั้น ฉัน……”
ลั่วหานตัดบทคำพูดของเขา “เพราะในตอนแรกสุดสิทธิ์ในการเลี้ยงดูเถียนเถียนตัดสินให้กับภรรยาเก่าคุณ ตอนนี้ต้องเริ่มแย่งสิทธิ์การเลี้ยงดูลูกกลับมาใหม่ เกรงว่าจะมีปัญหาเล็กน้อย แต่พวกเราต้องเน้นย้ำว่าในระหว่างกลางนั้นภรรยาเก่าคุณได้หยุดเลี้ยงดูลูกอย่างกะทันหัน แล้วยังไม่ดูแลลูกตอนที่ไม่สบายอีกด้วย ภรรยาของคุณหาข้อดีอะไรไม่ได้เลย”
หยุดไปชั่วขณะ ลั่วหานกล่าวต่อ “เถียนเถียน ช่วงที่เธอออกจากโรงพยาบาลไปพักรักษาตัว ภรรยาเก่าคุณจะต้องฉวยโอกาสอย่างเร็วเข้าใกล้เธอ คุณต้องตรวจสอบให้แน่ชัดว่าเขาทั้งคู่จะไม่มีทางได้พบหน้ากัน ไม่งั้นถ้าภรรยาเก่าคุณขโมยลูกไปแล้ว จะเป็นเรื่องที่กระทบจิตใจของเด็กเป็นอย่างมาก ฉันสังเกตเห็นเถียนเถียนต่อต้านแม่ เมื่อเห็นเขาทั้งคู่อยู่ด้วยกันภรรยาเก่าของคุณไม่ได้ทำดีกับเธออย่างที่พูดไว้เลย”
หวังเค่ยพยักหน้า “ความจริงตอนที่เถียนเถียนกลับไปอยู่กับผมนั้น ผอมจนไม่เป็นรูปเป็นร่าง โดยส่วนตัวแล้วจ้าวฟางฟางไม่มีความสามารถ ตอนที่เธออยู่อเมริกา ทำเรื่องๆ……ที่ไม่เหมาะสมไว้เยอะ ที่ร้านกลางคืนหลายแห่ง ได้ทำ……”
เขาหยุดพูด เรื่องแบบนี้ เขาไม่อยากที่จะกล่าวมันต่อไป
ลั่วหานเข้าใจความรู้สึก “ตอนนี้พวกเราต้องลงมือจัดการก่อนฝ่ายตรงข้ามจะลงมือ ก่อนที่เธอจะฟ้องร้อง ต้องส่งเอกสารทนายไปให้ถึงมือเธอก่อน”
หวังเค่ยพยักหน้าตอบรับ “ฉันหาข้อมูลเสิ่นคั่วมาแล้ว เขาไม่ใช่เป็นคนที่เล่นงานง่ายๆ เขาจิตใจอำมหิต เจ้าเล่ห์ ดูเหมือนจะเป็นคนดี แต่ลึกๆภายในใจยากที่จะคาดเดา อีกทั้งเขาอยู่ที่เมืองเจียงเฉิงก็มีอำนาจ แม้กระทั่งข้าราชการท้องถิ่นยังต้องให้เกียรติเขาอย่างมากด้วย เกรงว่าคดีนี้ ไม่ง่ายเลยที่จะชนะ”
ลั่วหานสูดหายใจเข้าลึกๆหนึ่งครั้ง “ความยุติธรรมกฎหมายทั้งหมด บางครั้งก็ทำร้ายกันแบบนี้ คุณไม่ต้องคิดมากก่อน ในช่วงเวลานี้หลงเซียวไปสัมมนาที่เมืองเจียงเฉิงพอดี ถ้าทางนี้พวกเราไปไม่เป็นแล้วจริงๆ เขาอยู่ที่นั่นสามารถเปิดทางให้เราได้”
หวังเค่ยลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ แล้วโค้งหลังทำมุมเก้าสิบองศา “คุณนายหลง ปมไม่รู้จริงๆว่าควรจะพูดอะไรดีแล้ว ขอบคุณคุณ! จากนี้เป็นต้นไปชีวิตของผมหวังเค่ยนี้ก็เป็นของคุณ! ผมจะตอบแทนบุญคุณคุณ!”
“ทำอะไรเนี่ย? คุณช่วยฉันจัดการบริษัทก็ถือเป็นการตอบแทนครั้งยิ่งใหญ่แล้ว แล้วก็ ดูแลลูกสาวดีๆ ไม่มีอะไรสำคัญเท่ากับสิ่งนี้อีกแล้ว”
“ใช่ใช่ใช่ ฉันจะดูแลให้ดี”
——
อาคารทำการบริษัทฉู่ซื่อ
ไป๋เวยในมือกำลังถือหนังสือขั้นตอนในการเทคโอเวอร์บริษัทโม่ซื่อกรุ๊ปอยู่ ทั้งคู่มองตากันแล้วหัวเราะ ในเวลาเดียวกันก็เดินไปที่ลิฟท์ กู้เยนเซินโอบเอวของไป๋เวยไว้
“ที่รัก การที่พวกเรามาครั้งนี้ ต้องประสบความสำเร็จนะ!”
ไป๋เวยกำลังยั่วด้วยริมฝีปากสีแดงอย่างเซ็กซี่ แล้วเอามือไปจับที่คางของเขา “หากเทคโอเวอร์บริษัทโม่ซื่อกรุ๊ปสำเร็จ คืนนี้มาดื่มเหล้าที่บ้านฉัน”
กู้เยนเซินตาโตลุกวาว แล้วกลืนน้ำลายหนึ่งอึก “จริงหรอ?”
“ถ้าไม่ต้องการก็ช่างมันเถอะ”
“อยากสิ! อยากเป็นหมื่นๆครั้งเลย!”
รถBenzอเนกประสงค์สีดำกำลังบรรทุกสองคน ล้อรถหมุนอย่างเร็ว ใบไม้ถูกลมพัดปลิว ดั่งกับหัวใจสองดวงที่ถูกลมพัดผ่าน แล้วก็บินขึ้นอย่างนั้น
——
หลงจื๋อหยิบโทรศัพท์อย่างไม่สบายใจ กลับไม่รู้ว่าจะโทรออกอย่างไร
เขาควรจะอธิบายกับพี่ใหญ่ยังไง? เขายังสามารถได้รับความไว้วางใจจากพี่ใหญ่ไหม? พี่ใหญ่เพิ่งจะไป เขาก็ต้องเข้าไปในห้องทำงานของพี่ใหญ่แล้ว
เห้อ……
ถอนหายใจเฮือกใหญ่ๆ หลงจื๋อรู้สึกตนเองใช้ไม่ได้อย่างมาก เผชิญกับอำนาจของพ่อ เขาไม่มีแม้กระทั่งทางออก หากเขาเหมือนพี่ใหญ่ก็ดีสิ
ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกไม่สงบ หลงจื๋อกัดฟันแล้วกดโทรออก
ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น สายตาของหลงเซียวเพ่งมองไปที่ภาพสเก็ตโครงการ ยื่นมือไปหยิบโทรศัพท์ ชื่อที่ขึ้นบนหน้าจอสว่าง “เสี่ยวจื๋อ มีธุระอะไร?”
หลงจื๋อกลืนน้ำลายพูดอย่างลำบากใจ “พี่ใหญ่ คุณถึงเมืองเจียงเฉิงแล้วใช่ไหม? ที่นั่น……ยัง ยังราบรื่นไหม?”
ได้ยินเสียงอึกอึกอักอักของหลงจื๋อ มือหลงเซียวปลดออกจากภาพสเก็ต “อืม มีเรื่องอะไรกันแน่ พูดมาตรงๆ”
ถูกหลงเซียวเร่ง หลงจื๋อตกใจ “พี่ใหญ่ คือ ช่วงที่พี่ไม่ช่วงที่นี่ พ่อ……ให้ฉันทำตำแหน่งแทนพี่ชั่วคราว แต่พี่ใหญ่วางใจได้ ฉันทำแทนชั่วคราวเท่านั้น รอให้คุณกลับมาผมจะคืนห้องทำงานให้คุณทันที ไม่……ไม่ถูก ผมไม่ต้องการห้องทำงานของพี่ทำงาน คือ ผมไม่ได้อยากแย่งตำแหน่งของพี่ใหญ่ไปเลย พี่ใหญ่วางใจได้”
หลงเซียวเอามือใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกง ริมฝีปากบางเหมือนมีดค่อยๆฉีกออก “ฉันไม่ได้โทษแกเสียหน่อย แกเครียดอะไร? พ่อให้แกทำงานแทนตำแหน่งฉัน งั้นก็ทำให้มันดีดี”
“พี่ใหญ่ คุณ คุณโกรธไหม? พ่อทำแบบนี้ ผมรู้สึกว่ามันค่อนข้างเกินไป”
“แกฉันก็เป็นลูกชายพ่อด้วยกันทั้งนั้น ใครรับอำนาจต่างกันไหม? ฉันโกรธอะไร? แกรับงานของฉัน เบาภาระของฉัน ลำบากแล้ว”
หลงจื๋อเดาความคิดไม่ออก “พี่ใหญ่ คุณมีความคิดเห็นอะไรบอกมาตรงๆ ผมเดาความคิดพี่ไม่ออก”
“ฉันไม่มีความคิดเห็นอะไร ยังมีเรื่องอื่นอีกไหม?”
“ก็……วันนี้พี่ชายฝั่งพ่อมาที่บริษัท พ่อให้เขารับผิดชอบการตลาด……พี่ใหญ่……เกิดปัญหาอะไรขึ้นหรือเปล่า?
หลงเซียวค่อยๆกำนิ้วทีล่ะนิ้ว สุดท้ายก็กำเป็นหมัดอย่างไร้เสียงใดๆ