คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป - ตอนที่ 384 ไปตอนนี้ กลับมาอาจเปลี่ยนไปแล้วก็ได้
ตอนที่ 384 ไปตอนนี้ กลับมาอาจเปลี่ยนไปแล้วก็ได้
ลั่วหานไม่ชอบถ่ายรูปเอามากๆ ทุกๆครั้งที่ถ่ายรูปอาการจะแข็งทื่อ โปรแกรมเซลฟี่ที่นิยมปัจจุบัน อะไรก็ตาม เธอก็ไม่ชอบทั้งหมด
ดังนั้น……
“หมอฉู่ รบกวนคุณยิ้มสักหน่อยได้ไหม? ยิ้มอีกนิด คุณสวยขนาดนี้ ถ้ายิ้มแล้วจะดูดีขนาดไหน อย่าขมวดคิ้วได้ไหม?”
ทีมงานอยู่ด้านหน้าคอยกำกับว่ายิ้มออกมายังไงให้ดูดี แต่ลั่วหานรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง ต้องเผชิญหน้ากับคนเยอะขนาดนี้ อุปกรณ์เยอะขนาดนี้ ยังต้องยิ้ม?”
เธอไม่ใช่นางแบบมืออาชีพ ยิ้มไม่ค่อยออกจริงๆ
ถังจิ้นเหยียนเห็นพฤติกรรม ยิ้มอย่างเอาใจใส่และอบอุ่นแล้วกล่าวว่า “ลั่วหาน เพียงแค่ยิ้มแบบปกติก็โอเคแล้ว ไม่ต้องเจตนา แล้วก็ไม่ต้องแอ๊คชั่น เวลาปกติที่คุณยิ้มก็สวยมากแล้ว”
ช่างภาพก็พยักหน้าเห็นด้วย “ถูกแล้วถูกแล้ว เมื่อสักครู่ที่คุณยิ้มอย่างไม่ได้ตั้งใจก็สวยมากแล้ว คุณยิ้มอีกครั้งนะ”
ลั่วหานนวดคิ้วอย่างไร้ซึ่งคำพูด “ท่านทั้งหลาย ขอโทษจริงๆ ฉันมองไปที่กล้องแล้วยิ้มไม่ค่อยออก”
ตัวเองก็รู้สึกแปลกเหมือนกัน ความจริงก็หัวเราะได้ ก็ไม่ใช่ผู้หญิงหิมะในนิยายอะไร หรือเป็นโรคกลัวหน้ากล้อง?
ไม่ใช่มั้ง? เธอจะมีโรคแบบนี้ได้ไง
ถังจิ้นเหยียนเดินไปใกล้ๆลั่วหาน กล่าวอย่างปลอบใจว่า “ไม่เป็นไร ตอนนี้ยังไม่มีอารมณ์รออีกสักแป๊บค่อยว่ากัน ไม่รีบ ผมรู้ว่าปกติคุณไม่ชอบถ่ายรูป พวกเขายังไม่เข้าใจคุณ ความจริงคุณสามารถทำได้ดี”
ลั่วหานได้ยินการปลอบใจแบบนี้ยิ่งรู้สึกพูดไม่ออก “ฉันมีปัญหาจริงๆหรอ? หมอจิตเวชแยกแยะให้ฟังหน่อย”
”ฮ่าฮ่า! ปัญหา? ปัญหาของคุณคือคุณสวย ไม่ยิ้มก็เพียงพอที่จะทำให้คนหลงไหลแล้ว ยิ้มขึ้นมาเกรงว่าจะมีคนหลงไหลจนหน้ามืดตามัว”
“โอเคล่ะ หยุดล้อฉันเล่นได้แล้ว คุณถ่ายก่อน บางทีคุณถ่ายเสร็จฉันอาจจะมีฟิลแล้วก็ได้”
ลั่วหานสรุปเหตุผลอย่างจริงจัง หรือเป็นเพราะแสงไฟในห้องผ่าตัดปะทะจิตใจ เมื่อเห็นกล้องก็อยากทำหน้าบึ้งตึงไม่อิสระ
นี่มันโรคอะไรเนี่ย
“โอเค ผมถ่ายก่อน คุณนั่งพักผ่อนข้างๆไปก่อน”
ถังจิ้นเหยียนเดินไปหน้ากล้อง “ผมถ่ายก่อน หมอฉู่อีกสักครู่ค่อยถ่าย หากทุกท่านอยากเห็นคนสวยหยาดเยิ้ม เกรงว่าจะต้องรออีกสักครู่”
“ฮ่าฮ่า หมอถังพูดเก่งจริงๆ งั้นก็ถ่ายคุณก่อน หมอถัง กรุณาดูหน้ากล้อง”
ลั่วหานสังเกตถังจิ้นเหยียนถ่ายรูปอยู่ข้างๆ ร่างสวมใส่ชุดกาวน์สีขาวเมื่ออยู่บนร่างกายของเขารู้สึกถึงความสง่างาม เขาที่มีร่างสูงใหญ่เต็มไปด้วยเสน่ห์อยู่ภายใต้แสงไฟในขณะนี้
ไม่พูดไม่ได้ ถังจิ้นเหยียนคู่ควรได้รับฉายาเทพบุตรโรงพยาบาลหวาเซี่ย
ผ่านไปสักครู่ คณบดีเฉินก็มา การโปรโมทรายการทีวีเป็นเรื่องใหญ่ เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของโรงพยาบาล คณบดีเฉินก็ให้ความสำคัญมาก
“ผู้อำนวยการ ท่านมาแล้ว”
คณบดีเฉินหยักหน้า แล้วแสดงกิริยาให้เงียบๆ ลั่วหานเข้าใจ ทั้งสองก็ยืนดูถังจิ้นเหยียนแอ๊คท่าหล่ออยู่ข้างๆ
“อืม ไม่เลวจริงๆ ผมพูดตั้งนานแล้วว่าถังจิ้นเหยียนเจ้านี่มันมีอนาคต ไม่แน่อนาคตอาจจะได้เป็นหัวหน้าระดับสูงของโรงพยาบาลหวาเซี่ย”
ลั่วหานหัวเราะแล้วหัวเราะอีก “นี่ท่านผู้อำนวยการเตรียมจะเกษียณแล้วหรอ? ฉันขอเป็นตัวแทนหมอถังขอบคุณคุณก่อน”
“ฮ่าฮ่า ผมไม่แสดงความคิดเห็นใดๆ”
มองอย่างเงียบๆสักพัก คณบดีเฉินถามอย่างไม่มีเลศนัย “เออใช่ เสี่ยวฉู่ หญิงตั้งครรภ์คนนั้นที่วันนี้เพิ่งมาแผนกสูตินรีเวชโรงพยาบาลพวกเรา มันความเกี่ยวกับพวกเธอยังไงหรอ? คนไข้คนนี้ไม่ธรรมดานะ คุณหลงโทรมาฝากเรื่องเองเลย”
ลั่วหานคิดอย่างสงสัย มั่นใจว่าตนเองก็ไม่รู้ “อาจจะเป็นเพื่อนของเขา เดี๋ยวเสร็จเรื่องแล้วฉันไปดู”
“หมอฉู่ เตรียมตัวเสร็จหรือยัง? หมอถังถ่ายเสร็จแล้วนะ”
อ๋า เร็วขนาดนี้เลยหรอ?
เธอยังไม่ทันได้เตรียมตัวเตรียมใจเลย
“โอเค ฉันมาเดี๋ยวนี้แหละ”
คณบดีเฉินกำลังดูไปที่เสาสองเสาของโรงพยาบาล ในใจมีความสุข ที่โรงพยาบาลหวาเซี่ยมีหมอวัยรุ่นที่เก่งขนาดนี้ อนาคตชื่อเสียงยิ่งกระหึ่มครึกโครมมากขึ้น กลายเป็นสิ่งที่ไม่นานเกินรออันดับหนึ่งของเมืองหลวง
ช่างภาพยิ้มแล้วกล่าว “หมอฉู่ดูกล้องอย่างเกร็ง หรือรูปแต่งงานของคุณและคุณหลงในตอนแรกนั้นถ่ายในความฝันกันหรอ?”
ลั่วหานเกี่ยวผมแล้วเกี่ยวผมอีก นี่……เธอคงไม่พูดหรอกนะว่าพวกเขายังไม่ได้ถ่ายรูปแต่งงาน?
“มันนานแล้ว ตอนนี้ก็จำความรู้สึกในตอนนั้นไม่ได้แล้ว”
“งั้น วันนี้พวกเราก็กลับไปหาความรู้สึกในตอนนั้นอีกครั้ง คุณก็จินตนาการว่าคนที่กำลังยืนอยู่ข้างกายคือสามีคุณ ก็สามารถยิ้มหวานออกมาได้อย่างแน่นอน
ลั่วหานหยักหน้า เธอทำได้เพียงพยายามเท่านั้น
อาการที่เข้มขรึมเป็นนิจ รอยยิ้มหวานที่ช่างภาพต้องการก็ยังหาจากลั่วหานไม่ได้ หรือใบหน้านี้ตอนศัลยกรรมไม่ได้ทำให้เสร็จ?
เอิ่ม ความคิดนี้ไม่ได้เรื่อง
รูปของหัวข้อหลักต้องถ่ายห้ารูป ลั่วหานพยายามที่สุดแล้วถ่ายได้สองรูป ตัวเองเหนื่อย ช่างภาพก็เหนื่อยแล้ว
“ไม่งั้น ก็สองรูปล่ะกัน? ฉันว่ามันก็ได้ล่ะ เดี๋ยวหากต้องการค่อยมาถ่ายเพิ่มล่ะกัน”
ลั่วหานขอให้ปล่อยตนจริงๆ ไม่รักการถ่ายรูป หรือนี่คือจุดอ่อนของ?
เธอเพิ่งพูดถอนตัว ช่างภาพกับพยาบาลรอบๆบริเวณนั้นถึงกับสะดุ้งไปครู่หนึ่ง!
สวนดอกไม้ของโรงพยาบาล มีร่างที่สวมชุดสีดำกำลังเดินมาอย่างเต็มสปิริต อารมณ์เร่าร้อนในกายแผดเผาอุณหภูมิโดยรอบทันที
แต่ตัวเขากลับไปเดินเล่นในสวน รู้สึกเป็นตัวเองยิ่งกว่า
ลั่วหานหันกลับมา เห็นหลงเซียวพอดี ร่างกายของเขาถูกสาดด้วยแสงอาทิตย์ช่วงห้าหกโมงเย็น อบอุ่นสวยงาม
ลั่วหานหัวเราะอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ ลักษณะสวยงาม รอยยิ้มอบอุ่นสง่างาม
ช่างภาพรีบกดชัตเตอร์ ถ่ายไว้สองสามรูปอย่างรวดเร็ว ถ่ายไปครั้งค่อนวัน นี่ถึงจะเป็นรูปหนึ่งที่สวยที่สุด!!
แสดงออกถึงอารมณ์และความรู้สึกที่แท้จริงออกมา ไม่มีตำหนิเลยสักนิด อารมณ์ที่เยือกเย็นของเธอในเวลาปกติได้ถูกสลัดคาบออกไปทั้งหมดในเวลานี้ จะมีเพียงก็แค่ความสุขและความหวานที่มีต่อคนรักเท่านั้น
ขณะนี้ หลงเซียวเดินใกล้เข้ามา ผู้คนรอบข้างต่างทักทาย หลงเซียวทักกลับพยักหน้าอย่างเรียบง่าย จากนั้นก็จับมือของลั่วหานโดยอัตโนมัติ “ผมไปที่ห้องทำงานของคุณ หมอหลินบอกว่าคุณถ่ายรูปอยู่ที่นี่ ถ่ายเสร็จหรือยัง?”
ลั่วหานยักคิ้วหนึ่งครั้ง “ยังไม่เสร็จ แต่เดี๋ยวค่อยถ่ายเพิ่มล่ะกัน”
ช่างภาพกล่าว “ถ่ายเสร็จแล้วถ่ายเสร็จแล้ว สองสามรูปสุดท้ายเมื่อสักครู่นี้ชั่งสวยงามมากๆ! เดี๋ยวรอให้ภาพถ่ายออกมาก่อนหมอฉู่ต้องพอใจแน่ๆ”
“ในเมื่อถ่ายเสร็จแล้ว ตอนนี้เลิกงานได้หรือยัง?” เสียงอันเซ็กซี่ของหลงเซียวจากข้างหูลอยมา
“โอเค เลิกงานได้”
ถังจิ้นเหยียนมองลักษณะของทั้งคู่ ไม่แคร์ว่าเรื่องเล็กหรือใหญ่ตั้งใจทำให้เป็นเรื่องแล้วกล่าว “หลงเซียว ลั่วหาน ในเมื่อวันนี้ช่างภาพก็อยู่ อุปกรณ์ก็วางพร้อมแล้ว ไม่งั้นพวกเธอทั้งสองถ่ายรูปคู่กันสักสองสามรูปสิ!”
รูปคู่?
ลั่วหานหันไปมองหลงเซียว “คุณคิดว่าไง?”
“โอเค”
ไม่คาดคิด ว่าหลงเซียวจะตอบรับเลย
ใช่แล้ว รูปคู่ หลงเซียวเพิ่งจะตั้งสติได้ ไม่คิดมาก่อนว่าทั้งคู่ยังไม่เคยถ่ายรูปคู่กัน นอกจากรูปแต่งงานนั้นที่สมัครใจถ่ายกัน
เมื่อก่อนที่รูปที่ถูกนักข่าวตีพิมพ์ยังไม่ค่อยเหมือนจริง วันนี้ได้เห็นพ้องต้องกันชดเชยความเสียดายนี้
หลงเซียวเอื้อมมือไปโอบเอวของลั่วหาน คนหนึ่งสวมเสื้อกราวน์สีขาว อีกคนสวมชุดสูทสีดำ ยืนอยู่ในสวนดอกไม้สีเขียวขจี ความสัมพันธ์อันลึกซึ้งของสามีภรรยา ชายฉลาดหญิงงาม ไม่ต้องแสดงท่าทางและแอ๊คชั่นพิเศษก็ทำให้คนลุ่มหลงแล้ว
“โอ้ว! เมื่อสักครู่ให้หมอฉู่ยิ้ม ไม่ว่าจะยังไงก็ยิ้มไม่ออก ตอนนี้ยิ้มสวยมากธรรมชาติ”
บรรยากาศสบายๆ คำหยอกล้อของช่างภาพยิ่งเพิ่มความยินดีปรีดามากขึ้นอีก
“หมอถังก็ร่วมด้วยสิ สามคนถ่ายภาพร่วมกันหน่อย!”
ถังจิ้นเหยียนโดนนางพยาบาลสองสามคนผลักเข้าไป เขายืนข้างหลงเซียว ความสูงทั้งสองไม่ต่างกันมาก ถึงแม้บุคลิกอีกคนเยือกเย็น อีกคนอบอุ่น แต่ทั้งสองคนในเลนส์กลับรวมกันดีอย่างไม่น่าเชื่อ
“รูปใบนี้เป็นรูปที่หล่อที่สุดของเมืองหลวงแล้วจริงๆ! เอาไปโปรโมทรายการทีวีได้ไหม?” ช่างภาพชอบภาพนี้อย่างหาที่ติไม่ได้
หลงเซียวหัวเราะแบบผู้ดีแล้วกล่าวว่า “ได้แน่นอน แต่รายการเตรียมจะจ่ายค่าโปรโมทให้กับพวกเราเท่าไหร่ล่ะ?”
แคกแคก!
ช่างภาพหัวเราะอย่างแสะยิ้ม “คุณหลงหยุดล้อเล่นได้แล้ว……เหอะเหอะเหอะ”
เมื่อถ่ายภาพเสร็จ หลงเซียวเป็นเพื่อนลั่วหานเปลี่ยนชุด ภายใต้ดวงตาหลายคู่ของผู้คนที่อยู่ในโรงพยาบาลทั้งสองต่างจูงมือกันเดินไปตามทาง ไม่รู้ว่าได้ดึงดูดดวงตาที่อิจฉาทั้งหมดกี่คู่
ขึ้นรถแล้ว ลั่วหานกล่าว “วันนี้ทำไมถึงมารับฉัน?”
“อืม พรุ่งนี้เช้าผมต้องไปเมืองเจียงเฉิงสักหน่อย อาจจะใช้เวลาสิบกว่าวัน”
“พรุ่งนี้? รีบเร่งขนาดนี้? ทำไมคุณถึงไม่บอกฉันให้เร็วกว่านี้ ถ้าสิบกว่าวัน สิ่งที่คุณต้องนำไปเป็นจำนวนไม่น้อยเลยนะ กลับบ้านตอนนี้ ฉันช่วยคุณเก็บสิ่งของที่ตอนไปสัมมนาต้องใช้”
หลงเซียวกำลังหัวเราะให้กับแววตาลั่วหานคู่นั้นที่ครุ่นคิดว่าจะจัดเตรียมข้าวของเดินทางอย่างไร แววตาที่สะท้อนออกถึงความอบอุ่น “ภรรยาใจร้อนขนาดนี้เลยหรอ คือหวังอยากให้ฉันไปเร็วๆใช่ไหม?”
“หรอ? ถูกเธอมองออกแล้ว?” ลั่วหานตั้งใจให้เขายิ้ม เมื่อยิ้ม บนใบหน้าสะท้อนออกถึงสัมผัสอันอบอุ่น
“หมอฉู่รังเกียจฉันสามีคนนี้แล้วหรอ?”
“คุณหลงฉลาด ตอนนี้หนุ่มวัยละอ่อนมีไปทั่ว ฉันก็อยากจะลองดูบ้างสิ”
หลงเซียวสตาร์ทเครื่องยนต์ รถกำลังวิ่งด้วยความอารมณ์ดีของเขา “อยากพาคุณไปด้วยจริงๆ ไม่งั้นคุณนายหลงต้องฉวยโอกาสตอนผมไม่อยู่บ้าน อาจทำอะไรผิดพลาดก็เป็นได้”
กำลังพูดอย่างหยอกเย้า รถได้ขับถึงวิลล่าแล้ว
ทั้งสองยังไม่เข้าประตู คนใช้ได้เดินออกมาถึงอย่างเร็ว “คุณชาย นายหญิงมาแล้ว”
อืม? หยวนชูเฟินมาแล้ว?
ลั่วหานมองหลงเซียวอย่างแปลกใจ “แม่ได้บอกคุณว่าจะมาไหม?”
หลงเซียวก็ไม่ทราบมาก่อน “ไม่ได้พูด ลองเข้าไปดูกัน”
ทั้งคู่เดินเข้าประตูมา หยวนชูเฟินหันหน้ามาจากบนโซฟาห้องรับแขก กำลังยิ้มต้อนรับอย่างอบอุ่นพร้อมความรักไปที่พวกเขา “หลับมาแล้วหรอ วันนี้ทำงานนอกเวลาทั้งสองเลยหรอ? ได้ยุ่งจนดึกขนาดนี้”
ลั่วหานจำได้ว่า พวกเขาอยู่ที่นี่มาตั้งหลายเดือน หยวนชูเฟินไม่เคยมาเยี่ยมเลย วันนี้ลมอะไรพัดมากันนะ?”
“แม่ คุณมาแล้ว”
ลั่วหานปล่อยมือหลงเซียวออก เดินเข้าไปหาแม่ยายแล้วพูดคุยอย่างๆละมุนละไม หลงเซียวไม่มีปฏิกิริยาใดๆโต้ตอบ
“อืม มาดูพวกเธอทั้งสอง ช่วงนี้พวกเธอก็ไม่กลับบ้านเลย ฉันผู้เป็นแม่อยากเห็นลูกชายลูกสะใภ้เลยต้องมาด้วยตัวเอง เธอพูดสิ พวกเธอต้องชดเชยให้ฉันอย่างดีด้วยหรือเปล่า? “
ลั่วหานได้ฟังก็รู้สึกวันนี้หยวนชูเฟินดูอบอุ่นแปลกๆ “แม่พูดถูก เป็นความผิดของฉันกับหลงเซียว แม่พักตรงนี้ก่อน วันนี้ฉันลงมือทำกับข้าวเองว่ายังไง?”
หยวนชูเฟินยิ้ม กำลังลูบมือของลั่วหานแล้วพยักหน้า “ดีแน่นอน อยากจะชิมอาหารฝีมือของเธอมานานแล้ว”
ลั่วหานหันกลับแล้วเดินไปที่ห้องครัว ห้องรับแขกยังเหลือแม่และลูกชายสองคน
หลงเซียวถอดชุดสูทและปลดกระดุมออก ขยับเนกไทให้หลวม “แม่มากะทันหัน มีธุระอะไรหรือเปล่า?”
หยวนชูเฟินมองไปรอบๆด้าน พูดเสียงเบาๆแล้วกล่าวว่า “เซียวเอ๋อ แกกับพ่อแกเกิดอะไรขึ้น? ทำไมจู่ๆก็โยกแกไปที่เมืองเจียงเฉิง แล้วยัง ฉันฟังความหมายของพ่อแกคือ จะให้พี่ชายฝั่งพ่อแกไปทำงานที่บริษัท เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
หลงเซียวถอดชุดสูทออก ร่างกายยืนตรงตระหง่าน ไร้ซึ่งสีหน้าและเสียงใดๆ “เกิดอะไรขึ้น แม่ไม่รู้เลยจริงๆหรอ?”
หยวนชูเฟินโดนเขาพูดจนชะงักไปชั่วขณะ สีหน้าดูมึนงงเล็กน้อย “เซียวเอ๋อ แก คำพูดนี้หมายความว่าไง?”
“ไม่ได้หมายความว่าไง”
“เซียวเอ๋อ แกต้องจำไว้นะ แกคือลูกชายคนโตของตระกูลหลง MBKควรจะเป็นของแก แกทำเพื่อบริษัทมากมายขนาดนั้น ตอนนี้จะมาทำ……เซียวเอ๋อ แกไปเมืองเจียงเฉิงไม่ได้ ถ้าแกไปเมืองเจียงเฉิง เมื่อกลับมาทั้งหมดของที่นี่บางทีอาจเปลี่ยนไปหมดแล้วก็ได้ แกรู้บ้างมั้ย?”
หลงเซียวถลกเสื้อเชิ้ตออก “แม่ทำไมแน่ใจขนาดนั้น? หากผมคือลูกชายคนโตของตระกูลหลง ไม่ว่าผมจะไปที่ไหน สุดท้ายแล้วก็คือผู้สืบทอดของตระกูลหลงอยู่ดี แม่เป็นห่วงอะไร?”
“ฉัน……”
หยวนชูเฟินสูดหายใจลึกๆ “โอเค ฉันไม่เป็นห่วง ตอนนี้ก็ดึกแล้ว ฉันไม่ทานข้าวล่ะ ฉันกลับก่อนล่ะกัน”
น้ำเสียงของหลงเซียวผ่อนคลายลงนิดนึง สุดท้ายไม่อยากให้มารดาน้อยใจ “ยังไงก็มาแล้ว ทานข้าวพร้อมกันก่อนแล้วค่อยกลับไป ลั่วลั่วลงมือทำเอง คุณลองชิมดู”
หยวนชูเฟินแปลกประหลาดใจกับความอบอุ่นของลูกชาย ในความทรงจำลูกชายของเธอเยือกเย็น ไม่เคยใส่ใจแบบนี้มาก่อน จึงตอบรับ “โอเค โอเค……”