คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป - ตอนที่ 381 เข้าใจสุดๆแต่ไม่พูดอะไร
ตอนที่ 381 เข้าใจสุดๆแต่ไม่พูดอะไร
เวลานัดหมายของหลงเซียวกับเกาจิ่งอานคือตอนเที่ยงสิบสองนาฬิกาปาเต็กฟิลิปป์า สถานที่คือร้านอาหารตะวันตกแห่งหนึ่ง
ร้านอาหารที่รับเฉพาะสมาชิก หลงเซียวได้รับการบริการลูกค้าชั้นสูง เมื่อเกินเข้าไปในร้านอาหารผู้จัดการจะมาต้อนรับเอง นำคนไปนั่งยังที่นั่งVIPอย่างต้อนรับขับสู้
ใบหน้าหลงเซียวตั้งแต่ต้นยันจบไร้ซึ่งอารมณ์ หลงเซียวบุคลิกดีมาก ใบหน้าสงบนึ่งและสูงสง่าดูไม่ออกถึงอารมณ์ใดๆที่เปลี่ยนแปลงไป ทุกๆครั้งพนักงานเสิร์ฟของร้านอาหารเห็นหลงเซียวล้วนอยากดูอย่างชัดเจนสักครั้ง บุคลิกท่าทางของหลงเซียวดีมากจนหาใครเทียบไม่ได้ และไม่ให้โอกาสใครเข้าถึงตัวเลยสักนิด
วันนี้ ก็เฉกเช่นเดียวกัน
หลับมาดูเกาจิ่งอาน ท่าทางตอนเข้าประตูก็ไม่เหมือนกันโดยสิ้นเชิง ตอนร่างกายเพิ่งถึงหน้าประตูร้านอาหาร ด้วยท่าทางที่สายตาก็เริ่มมองหาผู้หญิงและพนักงานเสิร์ฟ
สุดท้ายก็คว้าได้อีกหนึ่งที่ไม่เลว กำลังยักคิ้วไปที่เค้าพร้อมส่งสายตาไปให้ ทำเอาพนักงานอายหน้าแดงจนหนีไป
เกาจิ่งอานนี่กำลังยักคิ้วไปมาให้กับคนสวยทั้งหลาย แววตาสงบนิ่งของหลงเซียวมองไปที่เขาหนึ่งครั้ง เกาจิ่งอานเก็บอาการทันที ไม่ขยับตัวแล้วแต่อย่างใด แล้วหัวเราะ “ลูกพี่ ฉันมาแล้ว”
“อืม นั่งลง
เกาจิ่งอานนั่งลง มองอย่างถี่ถ้วนแล้วนั่งตรงข้ามของหลงเซียว ไม่สนใจเสียด้วยซ้ำว่าเจอเขาตอนกี่โมง หลงเซียวก็เก็บอาการสงบเอาไว้ กิริยาของเขาทำให้คนอื่นไม่กล้าเข้าใกล้
“ลูกพี่ มีหนึ่งคำถาม ที่ฉันอยากถามเป็นอย่างมาก บุคลิกในตัวคุณฝึกฝนมายังไงกันแน่? ผมอิจฉาคุณจริงๆ คุณไม่ต้องเอ่ยปากสักคำ ผู้หญิงเหล่านั้นก็มาอยู่ข้างๆกายคุณแล้ว ไม่ต้องใช้วิธีการใดๆเลยสักนิด เสน่ห์เหลือหลาย ได้โปรดชี้ทาง
เกาจิ่งอานยังไม่ทันกำหมัดขอเรียนรู้อย่างเป็นทางการ ก็ถูกแววตาอันสงบนิ่งของหลงเซียวทำให้ปิดปากเงียบกริบ
“พูดธุระพูดธุระ ลูกพี่ วันนี้คุณให้ผมมาที่นี่ มีเรื่องอะไรครับ?” สุดท้ายก็กลับมาพูดถูกเรื่องเสียที เกาจิ่งอานรู้สึกไม่ค่อยสงบแล้ว
หลงเซียวนั่งขัดสมาธิบนเก้าอี้ หยิบอุปกรณ์การกินมองดูกันไปมา มีดซ้อมเงินแวววาวอยู่ในมือ เขาเพิ่งหยิบอุปกรณ์การกินขึ้นมา พนักงานเสิร์ฟอาหารรายการแรก แล้วต่อด้วยรายการที่สอง ที่สาม
หลงเซียวตัดสเต็กเนื้อชิ้นเล็กๆ ไม่รีบร้อนที่จะเอาเข้าปาก “ครั้งที่แล้วเรื่องที่พวกเราเจอกับเหลียงหยู้คุน ยังจำได้ไหม?”
ทันใดนั้นแผ่นหลังเกาจิ่งอานก็ร้อนผ่าว แววตากลมโตประกายความพร้อมออกมาก “จำได้ สถานการณ์ที่ชุลมุนขนาดนั้นผมจำได้แม่น ลูกพี่ทำไมถามถึงเขากะทันหันล่ะ? หรือช่วงนี้เขายั่วโมโหลูกพี่หรอ? จะให้ผมจัดคนไปสั่งสอนสักหน่อยดีไหม?
หลงเซียวใช้สายตาอันแหลมคมมองไปทางเกาจิ่งอาน “แกให้คนไปสั่งสอนเขา? ฉันว่าแกอยู่ประตูใหญ่ของเขาก็โดนยิงตายล่ะ เหลียงหยู้คุนไม่ง่ายเลยที่จะรับมือ ไม่ควรผลีผลาม หากยั่วเขาแล้ว หัวของแกอาจจะต้องหลุดออกได้ตลอดเวลานะ
เกาจิ่งอานถอนหายใจอย่างช้าๆ นึกถึงสงครามแม่นปืนในคืนนั้น มีความอันตรายต่อชีวิต เอามือจับคอแล้วกล่าวเสียงต่ำว่า “งั้น ลูกพี่กำลังมีเรื่องวุ่นวายอะไรหรือว่า……”
หลงเซียวนำสเต็กเนื้อเข้าปาก แล้วปล่อยมือสองข้างวางลงบนโต๊ะ นิ้วขยับมีดไปมา “เหลียงหยู้คุนสัมพันธ์กับเรื่องเมื่อหลายปีก่อน ฉันอยากตรวจสอบคนนี้ เอกสารของเขาถูกทำลายทิ้งไม่เหลือซากแล้ว ความยากในการตรวจสอบครั้งนี้ค่อนข้างมาก ฉันต้องการให้แกช่วยฉันทำอะไรหน่อย”
“ลูกพี่จะให้ผมทำอะไรหรอ?” เกาจิ่งอานสังเกตได้ว่าเสียงของตนเองรู้สึกค่อนข้างตื่นเต้น โดยธรรมชาติผู้ชายถ้าต้องเผชิญกับเรื่องท้าทาย ไม่ต้องสงสัยหากเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเหลียงหยู้คุน เรื่องที่คล้ายคลึงกัน เขาเฝ้ารอมาก!”
หลงเซียวหยิบมือถือออกมา เลื่อนหน้าจอไปที่เมนูรูปถ่าย ส่งให้เขาดู “ในนี้มีผู้หญิงห้าคน คนรักที่เหลียงหยู้คุนมักจะไปไหนมาไหนด้วยบ่อยๆ ในห้าคนนี้จะรู้เรื่องของเขาไม่มากก็น้อย”
เกาจิ่งอานรับมือถือมา เปิดดูทีล่ะรูปทีล่ะรูป พลางดูพลางพูด “ไอ้แก่เหลียงหยู้คุนนี่ ผู้หญิงรอบๆตัวล้วนเป็นพวกสาวงามเซ็กซี่ เสียดาย!”
หลงเซียวทานข้าวต่อไปอย่างไม่เร่งรีบ จิบไวน์หนึ่งกรึบ แล้วหั่นสเต็กวัว “เข้าใจความหมายฉันไหม?”
เกาจิ่งอานดูชมผู้หญิงของเหลียงหยู้คุนอีกครั้ง แล้วกล่าวว่า “ความหมายของลูกพี่คือให้ผมจับตัวเรียกค่าไถผู้หญิงของเหลียงหยู้คุนมากักตัวไว้ถาม? เอาข้อมูลจากปากของพวกเธอ?”
หลงเซียวกำลังหยุดมือที่ถือไวน์ไว้ ขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า “ยังมีวิธีที่ดีกว่านี้ ฉันแนะว่าให้แกลองดู ผู้หญิงห้าคนนี้ยังไงแกก็รู้สึกว่าว่าไม่เลว สู้ไล่ที่ล่ะคน ให้พวกเธอรับสารภาพเองทุกอย่าง หากแกมีความสามารถมากพอ ควบคุมกำลังได้ดีพอ พวกเธอก็จะกลายเป็นสายลับของแก ว่าไง?”
ทันใดนั้นสายตาของเกาจิ่งอานก็เป็นประกาย ส่งสัญญาณ “ลูกพี่ ความคิดนี้ดี ลูกพี่เสน่ห์ล้นหลามขนาดนี้ ลูกพี่ก็ใช้มันได้ ผมล่ะแปลกใจมาก”
หลงเซียวมองดูบนจานของเขา “ทำไมไม่กิน? อาหารที่นี่ไม่ถูกปากของแก?”
“……”เกาจิ่งอานตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก แล้วจะมีอารมณ์ทานอาหารได้ไง แต่เมื่อหลงเซียวพูด เขาก็ถือมีดเริ่มหั่นเนื้อทานทันที
หลงเซียวขมวดคิ้วอย่างสงสัย “เกาจิ่งอาน ฉันจำได้ว่าเมื่อก่อนแกไม่ได้เป็นแบบนี้ ตอนนี้เกิดอะไรขึ้น? เจอปัญหาก็ใจร้อน อะไรอะไรก็ตื่นเต้นเกินเหตุ อย่างนี้จะกระทบการตัดสินใจในการแก้ปัญญาอย่างมาก”
เกาจิ่งอานเองก็งงเป็นอย่างมาก “ลูกพี่ ผมก็อธิบายไม่ถูก คือแบบทุกครั้งที่อยู่กับคุณ ผมก็จะรู้สึกสนิทสนมมาก ไม่ทันได้ไตร่ตรองก็คิดว่าตัวเองเป็นน้องชายคุณไปแล้ว หากลูกพี่ไม่ชอบ ต่อไปผมจะเปลี่ยน”
หลงเซียวไม่ได้กล่าวอะไร
“ลูกพี่ ตอนนี้ผู้หญิงห้าคนนี้เหมือนจะไม่ได้อยู่ในประเทศนะ หากอยากจะไล่ทีล่ะคน ต้องหาตำแหน่งของพวกเธอให้เจอก่อน แล้วภายในเวลาระยะอันสั้นนี้ผมต้องออกไปจากเมืองหลวง หากลูกพี่มีเรื่องต้องเจอผม จะทำยังไง?”
“แกทำเรื่องนี้ให้จบก่อน ในระหว่างนี้ฉันจะไปให้แกให้ทำเรื่องอื่น”
“ครับ”
เกาจิ่งอานก้มหน้าแล้วมองไปที่รูปบนมือถืออีกครั้ง สาวงามถึงแม้จะเป็นสาวงาม แต่ทุกๆคนก็คืองูพิษ ต้องระแวดระวังตัวแล้ว
“ก่อนออกเดินทางฉันจะให้คนอบรมแกให้แข็งแกร่งขึ้น ระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ ภายในหนึ่งสัปดาห์ต้องเรียนรู้การยิงปืน การต่อสู้ เจอปัญหาเร่งด่วน สามารถที่จะปกป้องตนเองได้”
“ดี! ลูกพี่ให้ใครมาช่วยฝึกฝนฉันหรอ? ลูกพี่ยังมีคนข้างกายแบบนี้ด้วยหรอ? ฝีมือโอเคหรือเปล่า? ครั้งที่แล้วก็ถือว่าฉันเห็นฝีมือของลูกน้องเหลียงหยู้คุนแล้วนะ ฝีมือไม่เลวจริงๆ”
คนที่อยู่ในกองทัพนนกอินทรีพิเศษ แกว่าโอไม่โอเค? คนที่ฝึกแกคือพันตรีหวังเทียนซิง ผู้ช่วยหัวหน้าของทีมอินทรีย์ในขณะนี้ แกตั้งใจเรียนกับเขา สามารถดูแลชีวิตได้”
เกาจิ่งอานครุ่นคิดสักพัก เขาไม่ค่อยเข้าใจในทหาร ทีมพิเศษยิ่งไม่เข้าใจเข้าไปใหญ่ หวังเทียนซิงชื่อนี้ รู้สึกคุ้นๆอยู่บ้าง
“ลูกพี่ ให้ทางผู้นำของทีมฝึกผมโดยตรงไม่ดีกว่าหรอ? ไม่เพียงแค่ดูแลชีวิตได้ ยังสามารถช่วยคนได้อีก”
“หัวหน้า? ฉันเกรงว่าถ้าให้หัวหน้าทีมเขามาฝึกแกเอง แกจะออกจากห้องฝึกไม่ไหว”
“เอ๋อ……โอเค! เกาจิ่งอานจินตนาการในหัว แล้วรีบดื่มเหล้าเข้าไปเพื่อสยบความตกใจ เมื่อเหล้าเข้าปาก รู้สึกถึงความบริสุทธิ์และความหวาน “ลูกพี่ เหล้านี้ไม่เลวจริงๆ”
“อืม ฉันเก็บไว้ที่นี่ ทุกครั้งที่ฉันมาก็จะดื่มหนึ่งแก้ว ถ้าแกชอบก็ดื่มมากๆหน่อย”
“พี่สะใภ้ไม่ใช่ว่าไม่ให้เธอดื่มเหล้าหรอ? ผมจำได้ว่าเธอพูดว่า สภาพหัวใจของคุณไม่เหมาะสำหรับการดื่มเหล้า เหมือนกับจะสั่งให้คุณห้ามดื่มเหล้านะ”
หลงเซียวกระตุกคิ้ว “เกาจิ่งอาน แกรู้หรือเปล่าอะไรคือเข้าใจสุดแต่ไม่พูดอะไร?”
อ่า……เข้าใจแล้ว!
——
ลั่วหานออกจากห้องพักฟื้น ถึงเวลาทานข้าวแล้ว ยุ่งมาตลอดช่วงเช้าเริ่มหิวนิดๆแล้ว
ถังจิ้นเหยียนก็ออกมาจากห้องพักฟื้นนั้น และลั่วหานไม่คิดว่าจะได้เจอ สองคนล้วนสวมชุดคลุมยาวสีขาวเลยเข่า ไม่ต่างกับแพทย์และพยาบาลที่เดินผ่านไปผ่านมา แต่เมื่ออยู่ในคนหมู่มาก ดูออกชัดเจนว่าบุคลิกทั่วไปไม่เหมือนกับคนอื่น
“ลั่วหาน ฉันกำลังมาหาคุณพอดี ครั้งที่แล้วที่คุณพูดถึงหารสัมมนาที่โรงพยาบาลเรื่องการเผยแพร่ความสุขภาพดีและรายการทีวีได้ติดต่อไว้เรียบร้อยแล้ว สัปดาห์ล่ะหนึ่งครั้ง ทุกสัปดาห์จะมีแพทย์หนึ่งหรือสองคนเป็นแขกรับเชิญ……”
“เดี๋ยวก่อน!คุณพูดอะไรนะ? รายการทีวี? ครั้งที่แล้วคุณพูดว่ากล่าวสุนทรพจน์ไม่ใช่หรอ? ทำไมไปพัวพันกับรายการทีวีแล้วล่ะ?” ลั่วหานโดนคำพูดของถังจิ้นเหยียนทำให้ตกใจเสียแล้ว เธอคิดมาตลอดว่าแค่เข้าร่วมพูดคุยแสดงความคิดเห็นง่ายๆนิดๆหน่อยๆ เขียนบทความ มากสุดก็แค่อัดเสียงเพิ่มสักหน่อย ทำไมจู่ๆต้องไปร่วมรายการทีวี? ยังต้องเป็นแขกรับเชิญด้วย?
ตุ๋นกันมากไปแล้วป่ะ?
ถังจิ้นเหยียนยักไหล่อย่างไม่เข้าใจ “หมอฉู่ ฉันจำได้ว่าครั้งที่แล้วฉันพูดไปว่าจะทำออกมาเป็นรายการหนึ่ง เน้นป่าวประกาศเรื่องการดูแลโรคหัวใจเป็นหัวข้อหลัก คุณตกลงแล้วไม่ใช่หรอ?”
ลั่วหานกุมขมับอย่างมึนๆ ชั่วพริบตาเดียวรู้สึกได้ว่าตนเองได้ตกหลุมพรางไปแล้ว “พระเจ้า! ฉันไม่รู้จริงๆว่าคุณหมายถึงรายการทีวี คุณหมายถึง พวกเราต้องอัดเทปรายการทีวี? แล้วก็ถ่ายทอดทั่วประเทศ?”
“เป็นไปตามนี้ ไม่เพียงแค่รายการทีวี ถ่ายทอดผ่านอินเตอร์เน็ตด้วย นี่เป็นเรื่องที่ดีต่อสาธารณชน เป็นหน้าที่ของคุณและฉัน สัปดาห์นี้ฉันไปทดลองดูก่อน สัปดาห์หน้าคุณมาเป็นแขกรับเชิญ คุณคิดหัวข้อหลักที่คุณจะทำเอาไว้”
ในตอนนั้นลั่วหานหัวร้อนไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า เธอไม่ชอบออกหน้าออกตา อย่าพูดถึงออกรายการทีวีเลย แค่ถูกนักข่าวถ่ายภาพไว้เธอก็จะบ้าตายแล้ว
“จิ้นเหยียน ครั้งนี้ฉันโดนคุณทำร้ายหนักมาก!”
“โอเคโอเคโอเต ต่อไปฉันจะอธิบายให้ชัดเจนสักหน่อย เที่ยงนี้ฉันเลี้ยงข้าวคุณ ถือเป็นชดเชยการขาดทุนของคุณ”
ลั่วหานหยุดเดิน แล้วถามอย่างสงสัย “ช่วงนี้ทำไมไม่ได้ยินคุณพูดถึงคุณเจิ้งเลย? พวกคุณทะเลาะกันหรอ?”
“ไม่ใช่ เธอกำลังทำคดีอยู่ ครั้งที่แล้วมีผู้ชายถูกยิงตอนฝนตก ตอนนี้ยังหาฆาตกรไม่เจอ หลายวันไม่ได้กลับบ้านแล้ว หัวหน้ากดดันอย่างมาก ต้องปิดคดีให้เร็วๆที่สุด
สายตาอันชาญฉลาดของลั่วหานมองไปที่ใบหน้าของจิ้นเหยียน มองไปรอบๆทวารทั้งห้าของเขา “ไม่กลับบ้านมากี่วันแล้ว? หรือว่าพวกคุณอาศัยอยู่ด้วยกันแล้ว?”
“เอ๋อ……ไม่ใช่ ความหมายของฉันคือ……ลิฟท์มาถึงแล้ว ไปเถอะ พวกเราไปกินข้าวกัน”
“อย่าพูดนอกเรื่องสิ พูดมาพูดมา ความสัมพันธ์พวกคุณพัฒนาไปถึงไหนแล้ว?”
ลิฟท์เปิดออก ข้างในลิฟท์มีคนยืนอยู่หลายคน ทั้งสองก็ไม่หยอกล้อกันอีกต่อไป
เมื่อถึงชั้นห้าประตูลิฟท์ถูกเปิดออก ห้องปฏิบัติการระบบทางเดินอาหารชั้นห้ามีคนขึ้นมาหลายคน กำลังพูดอย่างเมามันถึงคนไข้บางคนหนึ่งอยู่
“คนในปัจจุบันไม่รักชีวิตแล้วจริงๆ เพื่อที่จะร่วมกันปิดคดีครั้งหนึ่งคิดไม่ถึงว่าจะดื่มจนกระเพาะตัวเองเลือกออก ต้องการเงินไม่ต้องการชีวิต”
“ไม่แค่นั้น ฉันยังได้ยินมาว่าดื่มจนตายไปเลยก็มี เหล้าเป็นสิ่งไม่ดีจริงๆ คนนั้นตอนเช้าที่โรงพยาบาลของเราส่งมา เมาแล้วขับ เฮ้อ ชนจนหัวแตกเลือกอาบ”
ลั่วหานได้ยินในใจก็เครียด ตอนนี้เป็นเวลาอาหารกลางวัน หากหลงเซียวมีงานเลี้ยง ต้องดื่มเหล้าแน่ๆ?
คิดไปมา ลั่วหานก็อดเป็นห่วงไม่ได้ เพิ่งออกมาจากลิฟท์ก็รีบกดโทรออกเบอร์ของหลงเซียวทันที
ตอนกำลังสนทนา มือถือของหลงเซียวดังขึ้นอยู่ใต้สายตาของเกาจิ่งอาน บนหน้าจอแสดงคนที่โทรมาคือภรรยา
เกาจิ่งอาน เหอะเหอะ หัวเราะอย่างบ้าคลั่งหลายครั้ง “ลูกพี่ โทรศัพท์จากภรรยา”
หลงเซียวไม่ให้โอกาสเขาได้ยิ้มเยาะเย้ยต่อไป หยิบมือถือมาแล้วกดรับ
เกาจิ่งอานที่อยู่ข้างๆก็ทานข้าวอย่างผู้น้อย เสแสร้งว่าตนเองไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์
“ภรรยา ว่าไง?”
โทนเสียงต่ำ อ่อนโยน ไม่เหมือนกับเขาเมื่อกี๊ที่ดุดันแข็งกระด้างเลยสักนิด
“ทานข้าวหรือยัง?”
“กำลังทาน”
“อืม กินกับเยอะๆ อย่าดื่มเหล้า”
“……” หลงเซียวชะงัก “ภรรยาโทรมา แค่อยากเตือนฉันเรื่องนี้?”
“ก็ถือว่าใช่ ดังนั้น คุณคงยังไม่ดื่มใช่มั้ย?
ในมือหลงเซียวเขย่าไวน์แดงที่ยังดื่มไม่หมด ไม่พูดอะไรแล้วกล่าวว่า “ไม่เลย คำพูดของภรรยาฉันเชื่อฟังตลอด แค่ทานข้าว ไม่ดื่มเหล้า”
เกาจิ่งอานเหอะเหอะเหอะ เข้าใจสุดๆแต่ไม่พูดอะไร ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน!
“หรอ? ผมไม่ได้ดื่มเหล้า? เดี๋ยวนะ คุณกินข้าวที่ร้านอาหารเปล่า? ฉันได้ยินเสียงเปียโน อยู่กับลูกค้าหรอ?
“อยู่กับเกาจิ่งอาน เกาจิ่งอานดื่มเหล้าอยู่จริงๆ ผมจะเตือนเขาเอง”
“……” เกาจิ่งอานพูดอะไรไม่ออก