คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป - ตอนที่ 379 อยากยืมเงินเหรอ ผมไม่มี
ตอนที่ 379 อยากยืมเงินเหรอ ผมไม่มี
โดนหลงเซียวแกล้งตั้งแต่เช้า ลั่วหานนั่งลงเริ่มกินอาหารเช้า
“ใช่แล้ว เมื่อวานทำไมคุณไม่ขับ Rolls Royce? ฉันรู้ว่าคุณหลงรักสะอาด แต่ยังไม่รู้ว่าหนักถึงขั้นนี้ ถูกอาจารย์ฉันขับไปครั้งเดียว คุณก็ไม่เอาแล้ว?”
ลั่วหานอมตะเกียบไว้ กินหมด จะคีบกับข้าวต่อ เธอกำลังยื่นตะเกียบไปคีบเนื้อปลา ตะเกียบหลงเซียวก็ไปคีบเนื้อปลาพอดี ตะเกียบของทั้งสองก็ชนกันพอดี
แรงของหลงเซียวหนักกว่าลั่วหานเยอะ ตะเกียบเขาคีบ เนื้อปลาก็มาอยู่บนจานเขาอย่างง่ายดาย ลั่วหานยิ้มไม่ได้พูด จะคีบต่อ แขนยังยืนไม่ถึง หลงเซียวก็คีบกับข้าวมาใส่จานเธอเรียบร้อย
จากนั้นก็ยิ้ม แสงแดดยามเช้ากับรอยยิ้มอันมีเสน่ห์นั่น
ลั่วหานมองจนลืมตัว จากนั้นก็รีบเรียกสติกลับมา ก้มหน้า กินเนื้อปลา
“ไม่ใช่เพราะอย่างนั้น รถคันนั้นก็เก็บไว้ในลานจอด ช่วงนี้ยังไม่ใช้”
ในใจคุณหลงตอนนี้มีไม่สบายใจ เห็นรถคันนั้นก็คิดถึงระเบิด ยังติดใจอยู่
“ไม่ใช้? อย่างน้อยคุณก็อธิบายหน่อยว่าเพราะอะไร? รถคันนี้สั่งทำพิเศษ ราคาฉันก็ไม่พูดแล้ว ที่สำคัญคือมันมีกระจกกันกระสุน ตัวรถก็กันกระสุน ฉันว่าทางที่ดีคุณขับรถคันนี้จะปลอดภัยกว่า คุณอยู่ในเมืองหลงก็เป็นคนมีหน้ามีตาในสังคม ออกไปทีก็มีคนมากมายคอยมองอยู่ ไม่ว่ายังไงความปลอดภัยก็ต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง”
นิ้วมือเรียวยาวของหลงเซียวยังอยู่ในท่าคีบกับข้าง ผักใบหนึ่งถูกเขาคีบไว้ไม่ขยับ ริมฝีปากอมยิ้ม มองดูภรรยาที่คอยกำชับเขา รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาในใจทันที
คำกำชับของเธอ เสียงของเธอ คำบ่นของเธอ เขาฟังยังไงก็รู้สึกมีความสุข และสบายใจ
“ครับ วันนี้ผมจะนั่งรถคันนี้ไปทำงาน พูดมาเยอะขนาดนี้ กระหายน้ำไหม? ดื่มน้ำซุปลื่นคอหน่อย มา น้ำซุปถ้วยนี้ของผมไม่ร้อนแล้ว”
หลงเซียวยกถ้วยน้ำซุปของเขา เดินอ้อมไปที่นั่งของลั่วหาน วางถ้วยน้ำซุปของตัวเองให้ลั่วหาน แล้วยกถ้วยของลั่วหานไป
ลั่วหานมองน้ำซุปที่เขายกมา “ต่างกันตรงไหน? ซุปของเราก็ตักพร้อมกัน ของคุณไม่ร้อน ของฉันก็ไม่ร้อน”
หลงเซียวกลับไปที่นั่งตัวเอง นั่งลง แล้วชี้ไปที่ถ้วยตัวเอง “ไม่เหมือนกัน คุณน่าจะเคยได้ยิน ร่างของผมมีความเย็น บางทีก็หน้าเย็นเหมือนน้ำแข็ง ถ้าตามหลักแล้ว ของที่เข้าใกล้ผม อุณหภูมิก็จะลดลงเร็วกว่า”
“ฮาๆๆ หลงเซียว คำตลกของคุณเย็นกว่าหนาวกว่าอีก มีใครเขาว่าตัวเองแบบนี้? ก็ได้ ฉันดื่มน้ำซุปคุณ อย่าพูดตลกอีกนะ เดี๋ยวฉันกลายเป็นน้ำแข็งพอดี จะไปทำงานยังไง?”
หลงเซียวก็ไม่พูดตลกอีก “คอมพิวเตอร์คุณผมเตรียมเสร็จแล้ว อยู่ในห้องหนังสือ อีกหน่อยคุณจะทำงานก็ไปนั่งทำในห้องหนังสือ อย่านั่งทำบนโซฟา เป็นถึงหมอ คุณฉู่น่าจะรู้ว่าท่านั่งที่ไม่ถูกจะทำให้กระดูกสันหลังผิดปกติได้”
ในปากลั่วหานมีน้ำซุปอยู่ กลืนน้ำซุปแล้วพยักหน้า “ได้ค่ะ แต่ห้องหนังสือคุณมีที่นั่งสบายแค่โต๊ะทำงานคุณ ไม่ทราบว่าคุณหลงจะให้ฉันนั่งตรงไหนคะ?”
“ข้างๆ ผม”
“……” ลั่วหานนิ่ง คิดภาพตำแหน่งในห้องหนังสือ โต๊ะทำงานของหลงเซียวเป็นทรงโค้ง เขานั่งทางขวามือ มีหน้าจอคอมพิวเตอร์อยู่สามเครื่อง ด้านล่างยังมีแล็ปท็อปอีกเครื่อง
ส่วนซ้ายมือ เดิมแล้ววางเอกสารเต็มไปหมด หรือว่า……
ก็ได้ เธอนึกภาพออกแล้ว
กินอาหารเช้าเสร็จ หลงเซียวไม่ได้ขับรถเอง แต่ให้หยังเซินมารับเขา ลั่วหานรู้สึกให้เขาไปส่งมันดูไม่ค่อยดี อีกอย่างให้เขาไปมามันเสียเวลา ก็เลยขับรถไปโรงพยาบาลเอง
รถทั้งสองขับออกจากคฤหาสน์ ออกไปถนนใหญ่ คันหนึ่งอยู่หน้าคันหนึ่งอยู่หลัง Rolls Royce ที่อยู่ข้างหน้าตัวรถและเบาะค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับMaybachที่อยู่ข้างหลังดูเล็กไปทันที
หลงเซียวยื่นคอดูกระจกมองหลังรถ สามารถมองเห็นรถของลั่วหาน ตามองที่รถ “เวลาทำงานรออยู่ที่บริษัท ตอนเที่ยงผมจะออกไป”
“ครับ ท่านประธาน”
“เอาหนังสือพิมพ์วันนี้ให้ผม”
“ครับ”
หยิบหนังสือพิมพ์มา หลงเซียวก็เปิดดูหน้าข่าวธุรกิจ ตามคาด ข่าวด้านลบของโม่ซื่อก็เพิ่มมาอีกหลายหัวข้อ โม่ล่างคุนกับโม่หรูเฟย เรียกประชุมกลุ่มผู้บริหาร เริ่มหารือเรื่องหาผู้รับซื้อบริษัทโม่ซื่อแล้ว
ณ ตอนนี้ทุกอย่างเป็นไปตามแผนการที่หลงเซียววางไว้ ทุกอย่างมั่นคง ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด บริษัทโม่ซื่อจะตกไปถึงจุดต่ำสุดภายในสิบวัน พอถึงเวลาหุ้นส่วนทั้งหลายก็จะรวมตัวกันขายหุ้น เพื่อแลกเงินสด โม่ซื่อต้องรองรับหนี้สินมากมายไม่ไหวจนต้องประกาศขายกิจการ
หลงเซียวริมฝีปากโค้งขึ้น หยิบมือถือขึ้นมาโทร โทรศัพท์ดังขึ้น ฝั่งโน้น เป็นเสียงของหวังเค่ย
“คุณชายหลง ให้ทำยังไงต่อครับ?”
หลงเซียวนั่งอยู่ที่นั่งหลังคนขับ ที่นั่งอันกว้างขวาง เขานั่งไขว้ขา ดูสง่าผ่าเผย “คุณหวัง ตอนนี้บริษัทโม่ซื่อกำลังอยู่ในวิกฤตการเงิน ผมสงสัยว่าโม่ล่างคุนต้องกำลังแอบโอนทรัพย์สินส่วนตัว คุณช่วยตรวจสอบบัญชีโม่ล่างคุนหน่อย ของโม่หรูเฟยด้วย
“ครับ แต่ถ้าเป็นบัญชีต่างประเทศ ต้องใช้เวลาหน่อย ประมาณ24ชั่วโมง ผมจะรีบทำ”
หวังเค่ยกำลังตอบ และมีเสียงเคาะแป้นพิมพ์ดังมา เสียงแป้นพิมพ์อย่างรวดเร็วรู้ได้ถึงความคล่องแคล่วของเขา
“ได้ สืบได้ยังไงส่งข้อความให้ผมด้วย”
“ครับ รอข่าวจากผมเลยครับ”
วางโทรศัพท์ นิ้วมือของเขาก็เคาะบนเบาะที่นั่งอย่างเป็นจังหวะ เขาเกิดมาพร้อมกับความมั่นใจ ความหนักแน่นและมั่นใจคือกลยุทธ์อันยิ่งใหญ่ของเขา
รถขับมาถึงตึกสำนักงานMBKอย่างรวดเร็ว หลงเซียวลงจากรถอย่างสง่าผ่าเผย สายตามองไปข้างหน้า
พนักงานที่เดินผ่านต่างก้มหน้าทักทาย “ท่านประธาน” “สวัสดีตอนเช้าท่านประธาน……”
หลงเซียวเดินขึ้นบันได ก่อนเข้าประตูเขาดูที่นาฬิกาข้อมือ ยังเหลือเวลาอีกสิบนาทีก่อนตลาดหุ้นเปิด เขารอดูความคืบหน้าของโม่ซื่ออยู่ แน่นอน เขาก็รอดูของMBKเช่นกัน
“หลงเซียว”
ลิฟต์วีไอพีเปิดออก เสียงอันหนักแน่นดังขึ้นจากด้านหลังเขา ไม่ใช่ใครอื่น คือหลงถิงนั่นเอง
สีหน้าหลงเซียวไม่เปลี่ยน ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ โค้งเคารพ “พ่อ”
หลงถิงตอบรับ “เรื่องที่พ่อให้ไปทำ เริ่มพรุ่งนี้เลยนะ รีบไปเตรียมเดินทางได้ โครงการทางโน้นล่าช้าไม่ได้”
“ได้” หลงเสียงไม่ได้แม้แต่อธิบายหรือคัดค้าน ตอบรับคำเดียว
หลงถิงเข้าลิฟต์ มองไปที่หลงเซียว “ไม่เข้าเหรอ?”
หลงเซียวพูดอย่างมารยาท “พ่อเชิญก่อน”
หลงถิงลดหางตา ถอนหายใจ กดตัวเลขชั้นสูงสุด ลิฟต์ขึ้นไป ร่างหลงถิงลับไปแล้ว หลงเซียวยืนอยู่ที่เดิม
พนักงานต้อนรับด้านหน้าสองคนเห็นหลงเซียวทำแบบนี้ อ้าปากค้าง “ว้าว ท่านประธานมารยาทดีมาก ให้ท่านประธานใหญ่ขึ้นไปก่อน”
“เพราะฉะนั้น บ้านคนรวยเขาสอนมาดี คนทั่วไปคงคิดไม่ได้แบบนี้ เสน่ห์และบุคลิกท่านประธานนี่หาที่เปรียบไม่ได้
เหลียงจ้งซุนกับผู้บริหารคนอื่นๆ เดินตามกันมา บางคนกลับมาจากข้างนอก บางคนออกมาจากด้านข้าง ดูเหมือนเพิ่งทำงานอะไรเสร็จ
“ผู้จัดการเหลียง”
เสียงขรึมของหลงเซียวเรียกเหลียงจ้งซุน เขาถือเอกสารเดินมา ก้มหน้าพูด “ท่านประธาน ไม่ทราบมีอะไรจะสั่งไหมครับ?”
“ช่วงนี้พ่อผมดูสีหน้าไม่ค่อยดี คุณก็คอยเตือนเขาให้พักผ่อนเยอะๆ อย่าหักโหมเกินไป”
“ครับ ผมจะบอกท่านให้ครับ”
เหลียงจ้งซุนมองหลงเซียวอย่างประหลาดใจ วันนี้เขาดูไม่ต่างจากวันอื่นๆ แต่ก็รู้สึกมีอะไรไม่เหมือนเดิม
กำลังคิดอยู่ ลิฟต์ถึงแล้ว หลงเซียวเข้าลิฟต์ ลิฟต์ขึ้นสูงเรื่อย มองเห็นออฟฟิศและสถานการณ์ทุกชั้น ยืนยิ่งสูง มองยิ่งชัด ความรู้สึกของการยืนที่สูงมองที่ต่ำยิ่งทำให้คนรู้สึกร่องลอยอยู่ในอากาศ
“ท่านประธาน”
“ท่านประธาน จดหมายด่วนจากต่างประเทศ”
“ท่านประธาน ตารางงานวันนี้”
“ท่านประธาน เอกสารการประชุมในวันนี้ เชิญท่านดู……”
หลงเซียวเพิ่งเดินถึงออฟฟิศ เลขาและผู้ช่วยหลายคนก็นำรายงานเอกสารยื่นมาให้เขาเหมือนปกติทุกวัน
เข้าไปในออฟฟิศ หลงเซียวเปิดคอมพิวเตอร์
แอนดี้เข้ามา ยกกาแฟมาให้ “ท่านประธาน สิบโมงเช้าท่านมีนัดกับประธานของบริษัทหวาเหม่ย สิบเอ็ดโมงครึ่งมีประชุมกับแผนกการตลาด เที่ยวถึงเที่ยงครึ่ง……”
หลงเซียวจิบกาแฟ “ช่วงเที่ยงถึงบ่ายสามเลื่อนออกไป ถ้าเลื่อนไม่ได้ก็เปลี่ยนเป็นพรุ่งนี้”
“โอเค”
แอนดี้ออกไป หลงเซียวหันกลับมา ตลาดหุ้นเปิดแล้ว
เหอะ
หุ้นของบริษัทโม่ซื่อตกลงไปเรื่อยๆ เห็นเส้นตรงสีเขียวนั้น หลงเซียวหัวเราะ โม่ล่างคุน ไม่ว่าจะใช้วิธีไหน เขาก็ตายแน่นอน
เวลานี้ โทรศัพท์หลงเซียวดังขึ้น
เห็นเบอร์ที่โทรมา หลงเซียววางแก้วกาแฟ ยิ้มอย่างลึกซึ้ง “คุณโม่ ไม่เจอกันนาน”
“คุณชายหลง ผมรู้ว่าไม่ควรโทรหาคุณ……แต่ตอนนี้นอกจากคุณผมไม่รู้จะไปหาใคร……คุณชายหลง คุณช่วยบริษัทโม่ซื่อด้วย ตอนนี้ผมต้องการเงินก้อนหนึ่ง เงินในธนาคารกู้เพิ่มไม่ได้แล้ว ถ้าเป็นแบบนี้ต่อ โม่ซื่อคง……”
“คุณโม่ เจอสถานการณ์แบบนี้ ทำไมไม่ไปให้ลูกเขยคุณช่วย? เท่าที่ผมรู้ ธุรกิจของลูกเขยคุณไปได้ดีทีเดียว”
โม่ล่างคุนปาดเหงื่อ น้ำเสียงรีบร้อน ฟังแล้วเหมือนคนรอไม่ไหวแล้ว “คุณชายหลง สถานการณ์ยังไงคุณรู้ดี อย่าล้อผมเล่นเลย ผมหมดหนทางแล้วจริงๆ คุณชายหลง เห็นแก่ความสัมพันธ์เก่าๆ ช่วยผม…..ช่วยผมอีกครั้ง……”
“คุณโม่อยากให้ผมช่วย ไม่ทราบว่าจะช่วยยังไง? จะยืมเงินเหรอ? ต้องขอโทษด้วยคุณโม่ ไม่มี” นิ้วหลงเซียวจับแหวนแต่งงานหมุนไปมา
ฝั่งโน้นโม่ล่างคุนโกรธจนพูดไม่ออก ทำใจอยู่พักใหญ่แล้วพูดขึ้นอย่างลำบาก “คุณชายหลงอย่างล้อเล่นเลย ในมือคุณถ้าไม่มีเงิน ในเมืองหลวงนี้ใครจะมีเงิน?”
หลงเซียวหัวเราะเสียงเบา อย่างหยิ่งผยอง “ในมือผมมือเงิน แต่ผมเตรียมจะซื้อกิจการของโม่ซื่อทีเดียว คุณว่า ผมยังจะมีเงินเหลือไหม?”