คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป - ตอนที่ 335 ความรักของคุณหลง แผนร้ายของหมอฉู่
ตอนที่ 335 ความรักของคุณหลง แผนร้ายของหมอฉู่
หลงเซียวนั่งพิงอยู่ตรงระเบียงห้องชุดของโรงแรม ในมือถือชาเอิร์ลเกรย์ไว้ กลิ่นหมอของชาโชยมาในจมูก
พอมองไปยังข้อความที่ถูกส่งมาในมือถือ แววตาที่เย็นชาของเขาก็ได้ยิ้มออกมา
“ผมก็เหมือนกัน กำลังคิดถึงคุณอยู่ครับ”
นิ้วเรียวยาวที่สะอาดสะอ้านของเขากำลังพิมพ์ข้อความอย่างระมัดระวัง เดิมทีเขาสามารถพิมพ์รวดเร็วมาก แต่ตอนนี้เหมือนเขากำลังตั้งใจอ่านทุกตัวอักษรอย่างระมัดระวังเลย เพราะเขาอยากจะค่อยๆ เขียนทุกตัวอักษรเธออย่างตั้งใจถ้าเป็นไปได้เขาก็อยากจะพูดให้เธอได้ยินกับหูด้วยตัวเองเลย
ลั่วหานเอาไดร์เป่าผมมาเป่าผมให้ตัวเอง หน้าจอโทรศัพท์สว่างขึ้น มือหนึ่งถือไดร์เป่าจนผมปลิวจนทุกสารทิศ ส่วนอีกมือก็ปัดหน้าจอโทรศัพท์เพื่ออ่านข้อความเหล่านั้น
ดวงตาที่สวยงามกำลังหมุนวนไปมาอย่างอ่อนโยน ราวกับว่าเธอกำลังเห็นเขามายืนอยู่ตรงหน้าของตัวเอง เขาดูร้ายนิดๆ เจ้าเล่ห์หน่อยๆ เสยคางเธอขึ้นแล้วพูดเบาๆ ว่า “ผมคิดถึงคุณครับ”
ลั่วหานถูกภาพจินตนาการของตัวเองทำให้ตกใจ แต่งงานกันมาตั้งหลายปีแล้ว ยังจะมีความคิดแบบสาวน้อยอยู่อีกน่ากลัวจริงๆ
“ฉันลองเช็กสภาพอากาศดูแล้ว อีกประมาณสิบชั่วโมงเครื่องบินน่าจะกลับมาบินได้อีกครั้ง คุณรีบไปพักก่อนเถอะค่ะ”
ข้อความเพิ่งส่งไปข้อความของหลงเซียวสวนกลับมาทันที
“ผมเพิ่งได้ลองชิมชาแดงยี่ห้อหนึ่งรสชาติใช้ได้เลย เดี๋ยวผมซื้อไปฝากคุณนะครับ”
ลั่วหานแอบขำออกมา เธอแปลความหมายของคำพูดที่หลงเซียวส่งมาเป็นอย่างอื่น
หลังกลับมาจากการเดินทางผมจะเอาของพื้นเมืองมาฝากคุณนะครับ
ช่างเป็นภาพที่สวยงามเหลือเกิน ลั่วหานไม่กล้าจินตนาการเลยจริงๆ
เธอตั้งใจแซวเขาไปว่า “ชานั้นเอาไม่เอาก็ได้ แต่ว่าคุณหลงต้องกลับมาอย่างปลอดภัยให้ได้นะคะ อย่าเผลอไปหลงระเริงกับดอกไม้ริมทางเข้าหล่ะ”
หลงเซียวมองหน้าจอแล้วยิ้มออกมา จิบชาไปทีหนึ่ง “อันนี้ก็ไม่แน่นะครับ”
ฮึ!
ลั่วหานย่นจมูก วางโทรศัพท์ไว้ข้างๆ แล้วเป่าผมต่อ พอเป่าผมแห้งแล้วค่อยรู้สึกสดชื่นหน่อย แต่มือขวาของเธอก็เจ็บมาเป็นพักๆ
ในระหว่างที่กำลังนวดข้อมือกับเส้นเอ็นให้ตัวเองอยู่นั้น ข้อความของหลงเซียวก็ถูกส่งมาอีก
“อย่านอนดึกนะครับ ห่มผ้าดีๆ ฝันดีครับ”
เป็นเพียงคำพูดที่แสนธรรมดา แต่ลั่วหานอ่านแล้วกลับรู้สึกหัวใจเต้นรัว รู้สึกได้เลยว่าทุกตัวอักษรที่หลงเซียวส่งมานั่นมันมีความอบอุ่นแฝงอยู่ด้วย
“ฝันดีค่ะ”
วางมือถือลง ลั่วหานก็นอนลงบนเตียง สองมือจับผ้าห่มไว้ แต่ไม่ว่ายังไงก็นอนไม่หลับ
ครั้งแรกที่มาค้างที่บ้านตระกูลหลง ห้องที่ไม่คุ้นเคย เตียงที่ไม่รู้จัก ในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดแต่หลงเซียวกลับไม่ได้อยู่ข้างกายเธอ
ในทุกๆ คืนเธอได้ชินกับการนอนจับมือกับเขาไปนานแล้ว แต่นอนนี้กับเตียงคู่แบบนี้พอพลิกตัวไปก็มีแค่เธอนอนอยู่แค่คนเดียว การนอนคนเดียวนี้มันช่างหลับยากจริงๆ เลย
ปิดไฟลง ลั่วหานพยายามบังคับให้ตัวเองหลับตาลง
กลางดึกที่เงียบสงัด ดวงดาวที่กำลังหลับใหล เสียงที่เกิดขึ้นในวิลล่าก็ถูกขยายให้ดังขึ้น……
“ตึก! ตึก!”
ลั่วหานที่กล่าวจะรู้สึกง่วงได้ก็ต้องถูกเสียงนั้นทำให้ตกใจตื่นอีกครั้ง เสียงนั้นมันดังอยู่เหนือหัวเธอ ตอนแรกลั่วหานก็นึกว่ามีอะไรตก แต่พอตั้งใจฟังแล้วเสียงนั้นมันกลับฟังดูน่ารำคาญมากกว่า
ห้องที่เธอนอนอยู่ชั้นสอง ชั้นบนคือชั้นสาม ถ้าเธอจำไม่ผิดเหมือนเธอเห็นหลงยี่กับโจวหยู่เช่นเขาไปนอนในห้องนี้
“ปั้งปั้งปั้ง!”
ชิ! ต้องดุเดือดกันขนาดนี้เลยเหรอ!
ตามหลักแล้ววิลล่าของตระกูลหลงน่าจะกันเสียงได้เป็นอย่างดี ต่อให้ชั้นบนสู้รบกัน คนที่อยู่ชั้นล่างก็ไม่น่าจะได้ยินเสียงชัดเจนขนาดนี้ แต่ห้องที่ลั่วหานมานอนนี้มีการตกแต่งด้วยโคมไฟสไตล์ตะวันตกขนาดใหญ่ โดยจำเป็นต้องเจาะเพดานแล้วแขวนเอาโคมไฟมาแขวนเอาไว้ ดังนั้นบนเพดานจึงมีรูถูกเจาะอยู่
เตียงของชั้นบนก็อยู่ตรงกับเตียงที่เธอนอนพอดี ดังนั้นถ้าชั้นบนมีเสียงดังจนเกินไปคนชั้นล่างก็อาจได้ยินได้
แม่งเอ๊ย ปกติหลงยี่ก็ดูเป็นคนไม่ค่อยเอาไหนเท่าไหร่ แต่ความอดทนกลับใช้ได้เลย อี้ๆ อู้ๆ ตั้งนานแล้วยังไม่หยุดสักที!
เดิมลั่วหานก็นอนไม่ค่อยหลับอยู่แล้ว มาถูกสองคนนี้กวนยิ่งหนักเข้าไปอีก
ไม่รู้ว่าสองผัวเมียนี้ปกติก็ทำดุเดือดกันขนาดนี้อยู่แล้ว หรือเป็นเพราะรู้ว่าเธอนอนอยู่ข้างล่างเลยจงใจทำอย่างนี้รึเปล่านะ? ที่สำคัญ การที่ลั่วหานถูกจัดให้มานอนอยู่ในห้องนี้มันต้องมีจุดประสงค์อะไรแฝงอยู่แน่ๆ
ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ ลั่วหานกัดฟันแน่น เธอเปิดผ้าห่มออกใส่รองเท้าแตะแล้วเดินไปที่หน้าต่าง แสงจันทร์ในเวลาห้าทุ่ม เมื่อมองออกไปจากหน้าต่างก็จะมองเห็นสระว่ายน้ำพอดี รอบๆ สระมีเตียงผ้าใบหลายเตียงตั้งอยู่ ลั่วหานจำได้ว่าบนเตียงผ้าใบจะมีเบาะนุ่มๆ วางอยู่น่าจะนอนพักได้อยู่
เธอจึงใส่เสื้อคลุมแล้วเดินตรงไปยังลานหน้าบ้าน
ข้างนอกนั้นมีสายลมพัดเบาๆ ลั่วหานที่มาด้วยความกลุ้มใจกลับนอนหลับไปอย่างง่ายดาย
หลับไปคราวนี้ตื่นมาอีกทีก็อาทิตย์ขึ้นแล้ว ตอนนี้คนสวนกับพ่อบ้านยังไม่ตื่นเลย ลั่วหานเดินหาวแล้วก็กลับเข้าห้องไป
กลับถึงห้องแล้วเธอก็งีบต่ออีกครึ่งชั่วโมง
หลังวุ่นวายมาทั้งคืน ลั่วหานพักผ่อนไม่พออย่างเห็นได้ชัด ตอนที่ล้างหน้าก็เห็นขอบตาของตัวเองในกระจกมีขอบดำๆ สองวงเกิดขึ้น ตอนที่เธอมีหลงเซียวนอนอยู่ข้างๆ เธอเองก็นอนหลับฝันดีทุกคืนเลย พอมาเจออย่างนี้มันก็ทำให้สภาพของเธอดูไม่ดีเลย สภาพจิตใจก็แย่มาก
คืนนี้เธอจำเป็นต้องหาทางทำให้ตัวเองนอนหลับให้เพียงพอให้ได้
หลังเอาคอนซีลเลอร์ก้อนหนาๆ โปะไปแล้วเธอก็เปลี่ยนชุดแล้วออกจากห้องไป
“น้องสะใภ้ตื่นแล้วเหรอ เมื่อคืนหลับสบายไหม?”
พอออกจากห้องมา โจวหยู่เช่นก็เดินลงมาจากชั้นสามพอดี เธอมาในความงามแบบร้ายๆ ชุดกระโปรงสีเทารัดรูปที่เผยให้เห็นส่วนโค้งส่วนเว้าได้อย่างชัดเจน ริมฝีปากสีชมพูที่ถูกทาด้วยลิปสติกสีแดงฉานกำลังยิ้มออกมา
ลั่วหานเข้าใจแล้ว
เธอขมวดคิ้ว “อ๋อ นอนไม่หลับเลยค่ะ ในบ้านเรามีหนูอาศัยอยู่ใช่ไหมคะ? พวกมันเอาแต่วิ่งไปวิ่งมาอยู่บนเพดานทั้งคืนเลย สงสัยต้องให้ลุงหวังกับดักหนูมาวางไว้หน่อยแล้วค่ะ!”
นี่น้องสะใภ้ล้อเล่นอยู่รึเปล่าเนี่ย วิลล่าของตระกูลหลงแห่งนี้ทำความสะอาดใหญ่อยู่ตลอดเลย แล้วจะมีหนูมาจากไหน?”
ลั่วหานมองพิจารณาเธอ หน้าที่ไม่แต่งหน้ายังสวยกว่าโจวหยู่เช่นไม่รู้กี่เท่า “พี่สะใภ้ไม่รู้เหรอคะ? ว่าสิ่งที่เรียกว่าหนูนั้นเป็นสัตว์ที่ค่อนข้างดื้อรั้น มันชอบผสมพันธุ์ไปทั่วเลย มีครั้งละหลายตัว ตัวสีดำๆ ตัวสีเทาๆ พวกมันชอบอยู่ในลิ้นชักอยู่ในชั้นหนังสือ อยู่ในโต๊ะเครื่องแป้ง บางตัวก็หัวโตๆ ตัวใหญ่เท่านี้”
แล้วจู่ๆ เธอก็ยื่นมือทั้งสองข้างออกมา ทำท่าเปรียบเทียบความสูงของมันประมาณเท่าคน
โจวหยู่เช่นถูกเธอทำให้ตกใจจนต้องก้าวถอยหลัง สีหน้าขาวซีด “นี่น้องสะใภ้พูดบ้าๆ! จะไปมีหนูตัวใหญ่ขนาดนั้นได้ยังไง?”
ลั่วหานค่อยๆ เดินลงบันไดไป “ไม่มีเหรอคะ? แต่ฉันเคยเห็นจริงๆ นะคะ เมื่อกี้ยังเห็นอยู่เลย ตัวสีเทาๆ”
พอพูดจบ เธอก็ขยิบตาไปทีหนึ่งแล้วหลงเหลือแผ่นหลังที่พลิ้วไหวให้ โจวหยู่เช่นให้เห็น
โจวหยู่เช่นกัดฟันด้วยความเจ็บใจ เห็นได้ชัดว่าฉู่ลั่วหานจงใจเสียดสีให้เธอให้ขายหน้าอยู่แล้ว
“พี่สะใภ้! อรุณสวัสดิ์ครับ!”
พอหลงจื๋อเห็นหน้าลั่วหานก็รีบทักทายอย่างกระตือรือร้นทันที
ลั่วหานพยักหน้า “อรุณสวัสดิ์”
“พี่ครับ เดี๋ยวพอกินข้าวเช้าเสร็จแล้วให้ผมส่งพี่ไปโรงพยาบาลนะครับ ระหว่างทางที่ไปบริษัทผมผ่านหวาเซี่ยพอดีครับ”
“ได้สิ”
ลั่วหานเห็นหลงถิงเดินลงบันไดมาจากทางหางตา ยิ้มออกมาอย่างไร้เดียงสา
หลงยี่พูดออกมาพร้อมรอยยิ้ม “เสี่ยวจื๋อ นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ฉันเห็นแกตื่นเช้าขนาดนี้ พี่สะใภ้ของแกนี่เสน่ห์แรงจริงๆ เลย ที่สามารถปลุกแกให้ตื่นเช้าได้ด้วย! ฮาๆ!”
หลงจื๋อขำแล้วตอบกลับไป “พี่ ไม่รู้อะไรซะแล้วครับ กับพวกผู้หญิงที่ดีแต่ร้องอยู่บนเตียงนั้นเทียบกับพี่สะใภ้ของผมไม่ติดหรอกครับ!”
ลั่วหานแอบยิ้มอยู่หลังแก้วชา หลงจื๋อพูดแทนคำพูดที่เธออยากพูดหมดแล้ว สะใจ
บนโต๊ะอาหารเช้า
หลงถิงกับหลงเซิ่งต่างก็ไม่พูดอะไรเลย เพราะเพิ่งได้รับบทเรียนจากเมื่อคืนเลยทำให้ทั้งคู่หยุดไปก่อน
หลงยี่ส่งสายตาให้โจวหยู่เช่นแล้วโจวหยู่เช่นก็พูดขึ้นว่า “ลั่วหาน ช่วงนี้หลงเซียวไม่อยู่บ้านอยู่คนเดียวเธอคงรู้สึกเบื่อแย่เลยใช่ไหม? เย็นนี้ฉันจะไปทำสปา เราไปด้วยกันไหม?”
ลั่วหานกำลังคีบผักเข้าปาก เธอค่อยๆ เคี้ยวอย่างช้าๆ “ตอนเย็นพี่สะใภ้ยังต้องทำอาหารอีกไม่ใช่เหรอคะ ฉันอยากจะกลับมาฝึกฝนกับพี่เร็วๆ เลยค่ะ ในเมื่อพี่สะใภ้ไม่ได้ทำงาน เดี๋ยวกินข้าวเสร็จแล้วพี่ก็ไปเลยก็ได้นี่คะ พี่ว่าอย่างนี้เป็นยังไงคะ?”
ความจริงโจวหยู่เช่นตั้งใจจะเลี่ยงเรื่องทำอาหารนี่แหละ แต่ไม่นึกเลยว่าเธอกลับต้องมาตกหลุมพรางของลั่วหานซะได้เธอจึงต้องตอบแกมยิ้มไปว่า “แบบนี้……ก็ดีเหมือนกัน”
ลั่วหานยิ้มออกมาแล้วกล่าวขอบคุณไป “ถ้าอย่างนั้นเย็นนี้ฉันจะรอที่จะเปิดหูเปิดตาเลยนะคะ”
หลงยี่พูดขึ้น “ฝีมือการทำอาหารของพี่สะใภ้เธอจะไปเทียบกับแม่ครัวในบ้านได้ยังไงกัน? เดี๋ยวกลัวจะทำไม่ถูกปากเธอได้ แล้วได้ยินมาว่าน้องสะใภ้ซีเรียสเรื่องอาหารมากด้วย ถ้าไม่ใช่อาหารที่เชฟระดับห้าดาวทำก็ไม่คิดจะเหลียวแลเลย”
“พี่ พูดอะไรออกมาคะ! ฉันเป็นคนกินง่ายจะตาย ขอแค่ไม่มีพิษ……ฉันก็กินได้หมดแหละค่ะ” ช้อนป้อนเข้าปากลั่วหานอมน้ำแกงไว้ข้างในแล้วเม้มปาก
หลงยี่ขำแห้งๆ ออกมากเพื่อแก้เขิน
หยวนชูเฟินกินอาหารโดยไม่ได้ส่งเสียงพูดเลย แล้วก็พูดขึ้นในตอนท้ายว่า “ลั่วหาน หนูทำงานเหนื่อยๆ ช่วงนี้เสื้อผ้าที่ใส่ทำงานก็เอาลงมาให้แม่บ้านซักได้เลยนะ”
ลั่วหานพยักหน้า “ได้ค่ะ หนูจะทำตามที่แม่บอกค่ะ แต่ว่าแม่คะจะมีผ้าคลุมผ้าไหมที่หลงเซียวซื้อให้หนูใช้เครื่องซักไม่ได้นะคะ ต้องซักมือเท่านั้นนะคะ แม่ช่วยกำชับให้ทีนะคะ”
โจวหยู่เช่นขำแล้วพูดออกมา “ผ้าไหมเหรอ ฉันก็มีตั้งหลายผืน! ของแพงขนาดนี้ก็ต้องดูแลให้ดีหน่อย”
ฮึ!
สวยขึ้นมาเลยนะ
ลั่วหานขอคำแนะนำอย่างนอบน้อม “อ๋ออย่างนั้นเหรอคะ แสดงว่าพี่สะใภ้ต้องมีประสบการณ์มากแน่ๆ สิคะ งั้นรบกวนพี่ช่วยซักให้ฉันเลยได้ไหมคะ? ไม่นึกเลยว่าพี่สะใภ้จะขยันขนาดนี้ แม้แต่เสื้อผ้ายังซักเองเลย”
“นี่เธอ!!” โจวหยู่เช่นกำช้อนส้อมไว้แน่น เพื่ออดกลั้นความโกรธเอาไว้!
เท้าของหลงจื๋อที่อยู่ใต้โต๊ะกำลังกระดิกไปมา สะใจ!
หลังอาหารเช้า หลงจื๋อก็ขับรถส่งลั่วหานไปที่โรงพยาบาล ระหว่างทางที่ไปก็เอาแต่ชมลั่วหานอยู่ตลอด “พี่สะใภ้ครับพี่นี่สุดยอดจริงๆ เลย! พวกพี่ เขาพักอยู่ที่วิลล่าตั้งนานแล้ว อยู่จนทำตัวเป็นเจ้าของบ้านไปแล้ว โดยเฉพาะพี่สะใภ้ เอาแต่ตะคอกใส่คนรับใช้ บัดซบ! พี่ต้องรีบจัดการเธอเร็วๆ นะครับ!”
ลั่วหานนั่งพิงไปข้างหลัง “โจวหยู่เช่นมาจากไหน? มาอยู่กับหลงยี่ได้ยังไง?”
หลงจื๋อส่ายหน้า “อันนี้ผมก็ไม่ค่อยแน่ใจนะครับ พวกเขารู้จักกันที่ออสเตรเลีย”
ลั่วหานพยักหน้า “ผู้หญิงคนนี้คิดไม่ซื่อ แต่ไม่ค่อยมีสมอง อาจถูกคนหลอกใช้ได้ง่ายๆ”
หลงจื๋อขมวดคิ้ว “พี่รู้ได้ยังไงครับ?”
นี่ฉันรู้จักกับผู้หญิงคนนี้มายี่สิบกว่าชั่วโมงแล้ว คิดว่าฉันจะไม่สังเกตเห็นเลยเหรอ?”
หลงจื๋อเบิ่งตาโต “ผมอยู่กับเธอมาเป็นเดือนๆ แล้ว ทำไมผมถึงดูไม่ออกเลยนะ?”
“ถึงบอกไง คุณชายรองหลง เธอยังต้องสั่งสมประสบการณ์อีกเยอะ แต่ไม่เป็นไร ตอนนี้ครอบเธอไว้เอง”
ทำไมมันฟังดูแปลกๆ นะ?
ตอนที่รถถูกขับมาถึงที่โรงพยาบาลหวาเซี่ย รถของหลงจื๋อกับรถอาวดี้สีขาวข้างหน้าเกือบชนกันแล้ว เขารีบเหยียบเบรคทันที รถคันข้างหลังเบรคจนเสียงดัง “เอี๊ยด” !
“เห๊ย! ขับรถเป็นรึเปล่าเนี่ย!!” หลงจื๋อสบถแล้วปลดเข็มขัดออก เปิดกระจกรถแล้วต่อว่าเจ้าของรถคันนั้นไป “อะไรเนี่ย! อยากตายรึไง!!”
หลินซีเหวินเองก็ยื่นหน้าออกมาโวยวายด้วยความโมโหเหมือนกัน “แม่งเอ๊ย! แกเกือบชนฉันตายแล้วนะ!”
จากนั้น หลงจื๋อกับ หลินซีเหวินต่างพากันอึ้งไป
ทั้งคู่สบตากันโดยไม่มีใครพูดอะไรเลยอยู่พักใหญ่ ลั่วหานเปิดประตูรถลงมา แล้วก็เห็นว่าคนที่ขับรถอาวดี้ก็คือหลินซีเหวินนั้นเอง
“คุณหมอหลินคะ คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม? บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่าคะ?”
หลินซีเหวินรีบปิดกระจกรถในทันที!
เชี่ย! จบกัน จบกัน ถูกหลงจื๋อเห็นเข้าแล้วว่าเธอขับรถราคาแพงขนาดนี้ แม่งเอ๊ยปกปิดฐานะไม่ได้แล้ว!
ลั่วหานชะงักไป ผู้หญิงคนนี้เป็นอะไรไปเนี่ย?
หลงจื๋อกลืนน้ำลาย แล้วก้าวลงจากรถมา “สาวบ้านนอก นี่ฉันไม่ได้ตาฝาดไปใช่ไหม?”
ลั่วหานพยายามเคาะกระจกรถของหลินซีเหวิน “หมอหลิน เปิดประตูรถ ให้ฉันดูหน่อยว่าเธอได้รับบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”
มือทั้งสองข้างของหลินซีเหวินกำพวงมาลัยไว้แน่น แม่งเอ๊ยเธอจะอธิบายกับหลงจื๋อยังไงเนี่ย? หลอกเขาจนงมงายขนาดนั้น ถ้าเขาเกิดรู้ความจริงขึ้นมาละก็ ด้วยมันสมองระดับที่เรียกว่าซื่อบื้ออย่างเขาเนี่ยเธอไม่กล้าจินตนาการต่อเลยจริงๆ!
หลินซีเหวินเลื่อนกระจกรถลงนิดหน่อย แล้วยิ้มแห้งๆ ขอร้องลั่วหานไปว่า “ไอดอลคะ ช่วยอะไรฉันหน่อยได้ไหมคะ?”